Thursday, 2 May 2024
พรรคกล้า

‘ทีมกฎหมายพรรคกล้า’ ร้อง กกต. สอบ ‘เจ๊หลี’ หากปมดราม่ากระทบพรรค ฝ่ายกม. พร้อมลุย

ไม่นานมานี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม จตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 พรรคกล้า ได้ลงพื้นที่เดินพบปะพี่น้องประชาชนตั้งแต่ช่วงเช้าในตลาดย่านหลักสี่ เดินหน้าหาเสียงให้ความรู้กับประชาชนเรื่องเศรษฐกิจและการจัดการภาษีกับพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงรับฟังปัญหาต้นทุนสินค้าราคาแพง ทั้งหมู ไก่ ไข่ และเป็ด ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 

ขณะเดียวกัน ก็ได้มอบหมายให้นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคกล้า เป็นผู้แทนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ให้ตรวจสอบการกระทำของนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม หมายเลข 7 พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73(5) กรณีใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมหรือไม่

โดยนายณัฐนันท์ กล่าวว่า ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ มีการพูดพาดพิง นายอรรถวิชช์ ผู้สมัครพรรคกล้า ที่มีข้อความไม่ตรงกับความจริง กล่าวหาว่าดูถูกเพศแม่ มีพฤติกรรมที่ดูถูกผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงจำเป็นต้องมายื่นเรื่องให้ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่ระบุว่าผู้สมัครของเรามีการดูหมิ่นนั้น ทีมกฎหมายได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด และไม่พบข้อความลักษณะดังกล่าว รวมถึงเนื้อหาอื่นๆ ก็ไม่พบว่ามีการกระทำความผิดใด แต่ในทางตรงข้าม การขยายความต่อเรื่องนี้ มีการนำข้อเท็จจริงขยายความไปเกินความจริง ซึ่งเมื่อไม่ตรงกับความจริง เราต้องยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบ 

“กรณ์” เผยภาพชาวบ้านปลื้มผลงาน 'อรรถวิชช์'  10 ปี สภาพยังดีใช้งานได้จริง ชี้การเมืองไม่ใช่แค่ออกกฎหมาย แต่ต้องลงมือทำ 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเขต 9 หลักสี่ จตุจักร เพื่อช่วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 2 พรรคกล้า หาเสียง ที่หมู่บ้านโสสุนคร งามวงศ์วาน ลูกบ้านคนหนึ่งบอกว่า “ตั้งใจเลือกอยู่แล้ว เขาทำลานออกกำลังกายของหมู่บ้านให้เรา” ซึ่งจริงๆ ผู้ทำคือการเคหะฯ แต่นายอรรถวิชช์เป็นบุรุษไปรษณีย์สมานความต้องการของประชาชนในพื้นที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนงานสำเร็จ เช่นเดียวกับที่วันก่อน ตนได้ลงลงพื้นที่ลาดพร้าว 41 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร มีชาวบ้านออกมาบอกว่า สมัยที่นายอรรถวิชช์ เป็น ส.ส.ครั้งก่อน เข้าถึงซอกซอย ถนนเล็กใหญ่ตลอด รวมถึงถนนในหมู่บ้านนายอรรถวิชช์ ก็ผลักดันจนโครงการสำเร็จได้ จนถึงวันนี้ 10 ปีแล้ว สภาพยังดีอยู่เลย 

“คนที่ใหม่กับการเมืองบางทีจะมองข้ามเรื่องแบบนี้ และคิดว่าการเมืองเป็นเพียงเรื่องกฎหมาย เรื่องหลักการ ซึ่งก็มีความสำคัญ เพราะหากเขาไม่ชอบเรา ไม่ชอบพรรคเรา ไม่ชอบอุดมการณ์เรา ทำถนนกี่เส้นเขาก็ไม่เลือก เราต้องการทำงานการเมืองด้วยการนำเสนอเรื่อง "ผล" ของการ "ลงมือทำ" แบบนี้ล่ะครับ เพราะสิ่งเหล่านี้มีคุณค่าที่แท้จริงต่อประชาชน จับต้องได้ เห็นผลระยะยาว และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม” หัวหน้าพรรคกล้า 

'พรรคกล้า'​ ปลื้ม!! แม้เป็นพรรคใหม่ แต่กระแสดีขึ้นเรื่อยๆ เผยผลรอบนี้​ ชี้!! 'การเมืองไม่เหมือนเดิม'​ อีกต่อไป

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 แถลงหลังทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายกรณ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนอันดับ 1 โดยหวังว่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. พร้อมกันนี้ยังกล่าวในฐานะหัวหน้าพรรค ขอบคุณจากใจกับทุกคะแนนที่มอบให้นายอรรถวิชช์ และได้กำลังใจจากคะแนนเสียงที่ได้มา ขอบคุณทีมงาน สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคกล้าทุกคน เพราะเราทุ่มเทกันสุดตัว แน่นอนที่สุดเราไม่ชนะ เราก็รู้สึกผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่ลงเลือกตั้ง เราก็ตั้งใจที่จะชนะเพื่อที่จะสามารถเข้าไปทำหน้าที่ในสภาได้ 

พรรคเราเป็นพรรคใหม่ เราพูดแต่แรกว่าเราเป็นพรรคสตาร์ตอัป ซึ่งความหมายคือ รุกแรงทุกครั้ง รุกเร็วทุกครั้ง เรียนรู้และปรับตัว ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรามีบทเรียนและประสบการณ์จากการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจว่าเรามาถูกทางแล้วในการนำเสนอการเมืองคุณภาพที่ชัดเจนที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นการเมืองที่มีคุณภาพ ต้องการเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ต้องการเห็นผู้มีอำนาจตอบโจทย์การแก้ปัญหาและใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น สัญญาณที่ชัดเจนของพี่น้องประชาชนคือความต้องการเปลี่ยนแปลง 

“พรรคกล้าเราถือว่าเรามาถูกทางในการนำเสนอการเมืองคุณภาพ การเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะเป็นการเมืองที่จะสามารถสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ สร้างโอกาสให้กับประเทศชาติได้ ขอกราบพระคุณทุกท่านที่ให้คะแนนกับเรา” นายกรณ์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวขอบคุณทุกคะแนนจากหัวใจ พร้อมแจ้งข่าวดีให้ชาวพรรคกล้าทราบว่า ฐานเสียงเดิมของพรรคกล้าที่เขตจตุจักร มาเป็นอันดับ 1 แน่นอนคุณสุรชาติ เป็นแชมป์เก่าอยู่ที่หลักสี่อยู่แล้ว จึงชนะในเขตหลักสี่ไป แต่จตุจักรเรายังรักษาตำแหน่งที่ 1 ของเราได้ เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญ การเลือกตั้งคราวนี้ คะแนนทางการยังไม่สรุปว่าเราเป็นที่ 2 หรือ 3 แต่เราก้าวไปเป็นพรรคการเมืองในระดับที่มีคะแนนเทียบกับพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. ในสภา 50 คนแล้ว และถ้าการเมืองคุณภาพที่เราอยากเห็น เราเห็นชัดเจนว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพมหานคร ผลจะเริ่มสะท้อนชัดเจนว่าการทำการเมืองในวิถีแบบใหม่แบบที่พรรคกล้าเป็น ทำให้พรรคเราขึ้นมายืนได้ขนาดนี้ เลือกตั้งเที่ยวหน้าการเมืองคุณภาพแนวนี้ มันจะเป็นเทรนด์การเมืองใหม่ที่หลายพรรคจะต้องเดินตาม และนี่เป็นความภูมิใจ ที่เราสู้มาตลอดเวลา 30 วันนี้

นายอรรถวิชช์ยังกล่าวถึงการประเมินคะแนนเสียงเบื้องต้น นอกจากฐานเสียงเดิมที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือความเป็นพรรคกล้าที่แจ้งเกิดได้ ว่า ปัญหาตอนนี้ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะเขต ตอนนี้มีการเปลี่ยนตัวหน่วยในหลายจุด ทำให้การสัญจรไปมาลำบาก คาดว่าอยู่ 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ แต่หลักสี่มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก ขณะที่จตุจักรน้อยมากบางหน่วยเงียบเหงา ต้องฝากทางกรุงเทพมหานครต้องกระจายข่าวสารให้ทั่วถึงมากขึ้น และถือว่าพรรคกล้าแจ้งเกิดทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร เห็นได้ชัดว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้ว การเมืองคุณภาพ การนำเสนอแบบนี้มีโอกาส ตราบใดที่ไม่เสนอการเมืองแบบแบ่งค่าย แต่เป็นการบอกว่าแนวคุณภาพคืออะไรมันไปได้ 

‘พรรคกล้า’ หนุนตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ ชี้ รัฐตั้งได้ด้วยเสียง ส.ส. ข้างมาก โดยไม่ต้องพึ่ง ม.272 อยู่แล้ว

"พรรคกล้า" ร่วมหนุน คณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ย้ำเพื่อรักษาหลักปฏิบัตินิยม ยุติปมความขัดแย้ง ไม่ควรอาศัยเสียง ส.ว. แต่งตั้ง จัดตั้งรัฐบาล ชี้ต้องแก้ก่อนเลือกตั้ง

รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร แกนนำคณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 พร้อมคณะ อาทิ นางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย, นางสาวณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหว เข้าเชิญชวนนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ร่วมลงชื่อสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี

โดยนายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้รวบรายชื่อผู้สนับสนุนได้เกือบ 80,000 รายชื่อแล้ว โดยจะส่งรายชื่อผู้สนับสนุน 70,000 รายชื่อแรก ให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจความถูกต้อง เพื่อบรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยประชุมหน้า 22 พ.ค. 65 โดยจะเปิดให้ลงชื่อต่อไปจนกว่าสภาฯ จะมีการพิจารณาวาระนี้ พร้อมมอบป้าย QR Code เพื่อลงชื่อสนับสนุนและเสื้อยืดรณรงค์ ให้นายกรณ์ เพื่อให้พรรคได้เชิญชวนประชาชนร่วมสนับผ่านทางช่องทางการสื่อสารของพรรค

 

นายกรณ์ กล่าวว่า ยินดีร่วมสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญในการแสดงหลักความถูกต้องของกฎหมายบ้านเมือง ทำให้คนไว้วางใจร่วมลงชื่อสนับสนุนจำนวนมาก ซึ่งตนเองเคยแสดงความคิดเห็นตั้งแต่ก่อนเริ่มลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และการรณรงค์เรื่องนี้สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรค หากมองตามหลักปฏิบัตินิยม มาตรานี้ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร  แม้มีเสียง ส.ว. สนับสนุน แต่หากไม่มีเสียงข้างมากในสภาฯ รัฐบาลก็ทำงานไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี และยังเกิดข้อครหาความไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่จำเป็น ดังนั้นการจะลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ต้องยกเลิกมาตรา 272

'กรณ์' สวน!! ‘อดีตนายทุนพรรคกล้า’ ไม่ต้องชนะเท่านั้น ถึงจะได้ประโยชน์

นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตบอร์ดการบินไทย หนึ่งในผู้สนับสนุนเงินทุน ให้กับพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Banyong Pongpanich' แสดงความเห็นต่อผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส. กทม. ที่หลักสี่ - จตุจักร จากนั้นต่อมาไม่นาน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้เข้ามาตอบความเห็นดังกล่าว โดยมีข้อความระบุว่า... 

สวัสดีครับพี่เตา หากมองว่าต้องชนะเท่านั้นถึงจะได้ประโยชน์ ก็คงหมายความว่าพรรคอื่นๆ ทุกพรรคเว้นเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเว้นได้ออกทีวีอย่างที่พี่ว่า

ในระดับหนึ่งมองอย่างนั้นก็ได้

แต่พรรคกล้าเราส่งคุณอรรถวิชช์ลงเพราะเรามองว่าคุณอรรถวิชช์จะเป็น ส.ส. ที่ดีได้ให้กับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะวันนี้วาระสภาเหลืออยู่นิดเดียว ไม่มีเวลามาเรียนรู้งาน

เราไม่ยึดติดมากมายกับสถานะหรือตำแหน่งเลขาธิการพรรค เพราะเราเป็นพรรคเริ่มใหม่ต้องกล้าเสี่ยง กล้าเสนอคนที่ดีที่สุดของเรา ไม่อย่างนั้นกล้าๆ กลัวๆ ส่งคนที่ไม่ใช่ เพื่อเล่นเซฟผมว่าไม่ใช่แนวทางของเรา เราเล่นแบบพรรคใหญ่ไม่ได้ครับ

'กรณ์' ชวนเที่ยวงาน Bangkok Design Week จิตวิญญาณ - ประวัติศาสตร์ - วิถีชีวิต

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อคืนทีมงาน creative ของพรรคชวนผมไปเที่ยวงาน Bangkok Design Week ในส่วนที่จัดที่อาคาร New World 

ตื่นตาตื่นใจ น่าไปมากครับ!

ใครที่ไม่รู้ New World เป็นตึกร้างในย่านบางลำพู ในอดีตเคยเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำ มี ‘ลิฟต์แก้ว’ ตัวแรกๆ ในประเทศไทย แต่แล้วก็จบด้วยความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม เหตุเกิดขึ้นเพราะมีการก่อสร้างจำนวนชั้นเกินใบอนุญาต และเมื่อ 30 กว่าปีก่อนถูกสั่งให้ทุบจาก 11 ชั้นเหลือ 5 ชั้น แต่ระหว่างทุบเกิดอุบัติเหตุทำให้ผู้ค้าชั้นล่างเสียชีวิต เลยถูกสั่งปิดและฟ้องร้องกันจนหมดสัญญาเช่าตึก จากนั้นถูกทิ้งร้างมานาน หลังคาก็ไม่มี สภาพทรุดโทรม ไม่ต่างกับอาคารในหนังผีหรือหนังสงคราม

เสน่ห์ของกรุงเทพ (และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองทั่วประเทศ) ไม่ได้มาจากการสร้างของใหม่ แต่มาจากการนำจิตวิญญาณ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่มาผสมผสานกับการออกแบบและงานศิลปะ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนและประสบการณ์ที่ทั้ง ทันสมัย authentic และ unique (ของแท้และมีเอกลักษณ์)

"พรรคกล้า" ยื่น 8,000 รายชื่อ เสนอบทลงโทษ ส.ส. โดดประชุมสภา ตัดเงิน - ตัดสิทธิ ลง ส.ส. สมัยหน้า ระหว่างยื่น สภาฯ ล่มซ้ำ เสนอ กก.จริยธรรมสภาฯ สอบ ส.ส.ทำสภาล่ม

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ พร้อมผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เข้ายื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายแพทย์ สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอแก้ไขข้อบังคับการประชุม เพิ่มโทษทางวินัยแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่บกพร่องในการทำหน้าที่ พร้อมแนบรายชื่อผู้สนับสนุนแนวคิดนี้กว่า 8,000 รายชื่อ

นายพงศ์พล กล่าวว่า ส.ส. คือตัวแทนประชาชน หนึ่งในหน้าที่สำคัญตามที่รัฐธรรมนูญระบุคือ การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ ทำหน้าที่แทนประชาชนในทางนิติบัญญัติที่สำคัญยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติหน้าที่จริง ส.ส. หลายท่านกลับไม่มาแสดงตัวที่สภา เป็นเหตุให้ "สภาล่ม" เพราะแสดงตนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ตลอดระยะเวลาของสภาชุดนี้ ตั้งแต่ 24 ก.ค. 2562 ถึง 4 ก.พ. 2565 เกิดสภาล่ม ถึง 16 ครั้ง ผลาญภาษีประชาชนกว่า 66.8 ล้านบาท หากเวลาในสมัยประชุมสภา ถูกใช้ไปกับ ”สภาล่ม” ไม่ว่าจะด้วยความไม่มีวินัย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจงใจทำให้องค์ประชุมไม่ครบ

นอกจากเป็นการสิ้นงบประมาณแผ่นดิน ยังเป็นการเอา “ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ” มาเป็นตัวประกัน.. เพราะกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ที่ออกมาเพื่อแก้ความเดือดร้อนปวงชน ต้องหยุดชะงักเพราะ "สภาล่ม” อาทิ การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การศึกษา (17 ก.ย. 2564),  ญัตติด่วนแก้ไขเรื่องวิกฤติ (1 ก.ค. 2564), ร่าง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ (15 ธ.ค. 2564) , รายงานการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ (17 ธ.ค. 2564) , ร่าง พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (19 ม.ค. 2565), ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต สุรา (2 ก.พ. 2565) และอื่นๆอีกมาก 

นายพงศ์พล กล่าวอีกว่า นักเรียนขาดเรียน ยังโดนตัดคะแนน พนักงานเงินเดือน ขาดงาน ยังโดนตัดเงิน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติที่รับเงินเดือนเต็มจากภาษีประชาชน แต่ขาดความรับผิดชอบในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ ควรมีมาตราการลงโทษทางวินัย เราจึงเสนอเปลี่ยนข้อบังคับการประชุม เพิ่มบทลงโทษทางวินัย แก่ส.ส. ที่ไม่แสดงตน 3 ประการ คือ 1. การตัดเงินเดือนในวันที่ไม่แสดงตัว โดยคิดเป็นอัตรารายวัน คำนวนจากฐานเงินเดือน หารด้วยจำนวน 30 วัน หากไม่มีจดหมายลาแจ้งล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร

2. เมื่อ ส.ส.ท่านใด ขาดการแสดงตัวเกินร้อยละ 25 จะถูกคาดโทษ “ใบเหลือง” คือ การจำกัดสิทธิในการโหวตรับรองร่างกฎหมาย และการอภิปรายในการประชุม 2 ครั้ง และ3. เมื่อ ส.ส.ท่านใด ขาดการแสดงตัวเกินร้อยละ 50 จะถูกคาดโทษ “ใบแดง” คือ การจำกัดสิทธิการสมัครลงรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎร และการดำรงตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง ในสมัยเลือกตั้งหน้า ซึ่งโทษใบแดง อาจดูรุนแรง แต่ทั้งหมดถูกอ้างอิงจากโทษของประชาชนทั่วไป ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ยังโดนตัดสิทธิการสมัคร และการดำรงตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง ถึง 2 ปี ขณะที่ ส.ส.ที่ถูกเลือกเข้ามาโดยประชาชน แต่มีประวัติจำนวนการแสดงตัวในสภาต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง หรือกระทั่งไม่เคยแสดงตัวโหวตร่างกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่มีโทษทางวินัยแต่อย่างใด 

นายพงศ์พล กล่าวด้วยว่า การทำหน้าที่ในสภา เป็นหน้าที่ของ ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลส.ส. มีอำนาจโหวต เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง แต่การใช้เครื่องมือในการเดินหนี ไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย มีสิทธิ แต่ไม่ใช้ ไม่ต่างจากการบอยคอตเลือกตั้งที่มีมาในอดีต เพราะฉะนั้นกรอบข้อบังคับการประชุมต้องรัดกุมกว่านี้ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ ให้ภาษีของประชาชนเสียหาย พร้อมขอชื่นชม ส.ส. ทุกท่านทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ตั้งใจทำงานและแสดงตน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอจากพรรคกล้าและประชาชนกว่า 8,000 คน ที่หวังดีต่อประเทศ อยากให้การการประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอยากให้การเมืองมีคุณภาพมากขึ้น

ไม่ต้องรอมี ส.ส.!! ‘กรณ์’ นำทีมพรรคกล้า! ลงพื้นที่แก้ ‘หนี้นอกระบบ’ หวังช่วย ‘คนจนเมือง’ ลืมตาอ้าปากได้!!

12 ก.พ.2565 เวลา 09.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายนที ศิริธรรมวัฒน์ , นายธีรพงศ์ พงษ์ศิริเดชา ทีมพรรคกล้า กทม. จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ชุมชนอินทามระ 29 แยก 4 โดยมีประชาชนร่วมรับฟัง โดยเฉพาะคนในชุมชน พ่อค้าแม่ค้า ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งส่วนใหญ่จำเป็นต้องนำเงินมาหมุน เนื่องจากรายได้ลดลง เพราะสถานการณ์โควิด-19 

นายกรณ์ กล่าวกับชาวบ้านว่า วันนี้พรรคกล้ามารับฟังความต้องการของพี่น้องที่เจอปัญหา เพื่อประสานกับสถาบันการเงินให้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือ ช่วยหาวิธีปลดภาระหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงแม้รัฐบาลพยายามออกมาตรการเยียวยาต่าง ๆ แต่เป็นแค่การอุดช่องโหว่ ไม่ได้มาแก้ปัญหาสะสมที่มีอยู่ 

"สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่มีใครมีไม่มีปัญหาเรื่องหนี้ ซึ่งตนเองเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยออกนโยบายที่ยิงตรงแก้ปัญหาระดับประชาชน โดยหนึ่งในเรื่องที่ทำคือการแก้หนี้นอกระบบ ชาวบ้านรับภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินสมควร ตั้งแต่ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ร้อยละ 10 หรือร้อยละ 20 ต่อเดือน ดังนั้น การช่วยชาวบ้านอันดับแรกต้องปลดหนี้ให้ หรือหาวิธีทำให้ภาระหนี้สามารถแบกรับได้ด้วยอาชีพปกติ ซึ่งวิธีการที่เคยใช้ คือการเอาเงินจากธนาคารของรัฐ โอนเข้าบัญชีเจ้าหนี้นอกระบบโดยตรง และโอนหนี้มาเป็นของรัฐ โดยลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ1 เพื่อให้ประชาชนมีกำลังจ่าย แบกรับภาระหนี้ได้ โดยปี 2552 มีประชาชนได้รับการช่วยเหลือถึง 5 แสนกว่าคน มีหนี้เสียไม่ถึงร้อยละ 1" นายกรณ์ กล่าว 

นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ทีมพรรคกล้า กทม. ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า วิธีแก้หนี้นอกระบบ ต้องปิดหนี้ดอกเบี้ยสูง หาเงินหมุนที่ดอกเบี้ยต่ำ โดยให้ประชาชนในชุมชนแจ้งจำนวนหนี้ ดอกเบี้ย รายได้ เงินหมุนทำมาหากิน โดยพรรคกล้าจะเป็นสื่อกลาง ประสานแจ้งปัญหาต่อสถาบันการเงิน 

พรรคกล้า เปิดตัว “ปรัชญา อึ้งรังษี” นักธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สู่นักการเมืองคุณภาพ ตั้งเป้าปั้นกรุงเทพฯสู่เมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดตัวนายปรัชญา อึ้งรังษี นักธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ นำเข้าสินค้าอาหารทะเล และผลิตภัณฑ์เครื่องหอมร่วมกับธุรกิจภาคบริการ โรงแรมชั้นนำ เป็นผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.เขตพระนคร สัมพันธวงศ์ และป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยนายปรัชญา บ้านเดิมเกิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กระทั่งพ่อแม่ย้ายมาอยู่ย่านวรจักร ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ครอบครัวดั้งเดิมทำธุรกิจขายของแห้งส่งตลาดเก่า และย่านทรงวาด มีคุ้นเคยชุมชนแถวนี้เป็นอย่างดี

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า นายปรัชญา ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นตัวแทนของคนตัวเล็ก เริ่มธุรกิจนำเข้าอาหารทะเลจากจากเงินทุนไม่ถึงแสน จนตอนนี้แตะระดับหลายร้อยล้านบาท เมื่อถึงจุดที่พร้อมจะตอบแทนบ้านเกิดเมืองนอน ได้เสนอตัวเข้ามาพร้อมทำงานกับพรรคกล้า เพื่อนำประสบการณ์ “เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก” ช่วยเหลือประชาชนในฐานะนักการเมืองต่อไป โดยมีเป้าหมายในการทำงานในเขต 1 กรุงเทพฯ ว่า ศักยภาพของ 3 เขต คือ พระนคร สัมพันธวงศ์ และป้อมปราบฯสามารถปั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของโลกได้ 

‘พรรคกล้า’ พบทูตจีนคนใหม่ร่วมถก ศก.สองประเทศ โฟกัส ‘e-Commerce - ท่องเที่ยว - อุตสาหกรรมสีเขียว’

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค, นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.ภูเก็ต เข้าพบ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ‘คนใหม่’ โดยได้มีการหารือประเด็นเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะเรื่อง e-Commerce รวมถึงประเด็นการท่องเที่ยวที่ไทย ที่เฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีน โดยท่านทูตพร้อมร่วมมือกับพรรคกล้า ในการประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ท่านทูตได้แสดงความยินดีกับพรรคกล้าที่มีอายุครบ 2 ปี เมื่อวานนี้ โดยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ช่วงปีที่ผ่านมา ยอดการค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก มีการพูดคุยกันถึงโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว และการพัฒนาธุรกิจ e-Commerce ระหว่างกันในอนาคต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top