'พรรคกล้า'​ ปลื้ม!! แม้เป็นพรรคใหม่ แต่กระแสดีขึ้นเรื่อยๆ เผยผลรอบนี้​ ชี้!! 'การเมืองไม่เหมือนเดิม'​ อีกต่อไป

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 แถลงหลังทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายกรณ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนอันดับ 1 โดยหวังว่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. พร้อมกันนี้ยังกล่าวในฐานะหัวหน้าพรรค ขอบคุณจากใจกับทุกคะแนนที่มอบให้นายอรรถวิชช์ และได้กำลังใจจากคะแนนเสียงที่ได้มา ขอบคุณทีมงาน สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคกล้าทุกคน เพราะเราทุ่มเทกันสุดตัว แน่นอนที่สุดเราไม่ชนะ เราก็รู้สึกผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่ลงเลือกตั้ง เราก็ตั้งใจที่จะชนะเพื่อที่จะสามารถเข้าไปทำหน้าที่ในสภาได้ 

พรรคเราเป็นพรรคใหม่ เราพูดแต่แรกว่าเราเป็นพรรคสตาร์ตอัป ซึ่งความหมายคือ รุกแรงทุกครั้ง รุกเร็วทุกครั้ง เรียนรู้และปรับตัว ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรามีบทเรียนและประสบการณ์จากการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจว่าเรามาถูกทางแล้วในการนำเสนอการเมืองคุณภาพที่ชัดเจนที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นการเมืองที่มีคุณภาพ ต้องการเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ต้องการเห็นผู้มีอำนาจตอบโจทย์การแก้ปัญหาและใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น สัญญาณที่ชัดเจนของพี่น้องประชาชนคือความต้องการเปลี่ยนแปลง 

“พรรคกล้าเราถือว่าเรามาถูกทางในการนำเสนอการเมืองคุณภาพ การเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะเป็นการเมืองที่จะสามารถสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ สร้างโอกาสให้กับประเทศชาติได้ ขอกราบพระคุณทุกท่านที่ให้คะแนนกับเรา” นายกรณ์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวขอบคุณทุกคะแนนจากหัวใจ พร้อมแจ้งข่าวดีให้ชาวพรรคกล้าทราบว่า ฐานเสียงเดิมของพรรคกล้าที่เขตจตุจักร มาเป็นอันดับ 1 แน่นอนคุณสุรชาติ เป็นแชมป์เก่าอยู่ที่หลักสี่อยู่แล้ว จึงชนะในเขตหลักสี่ไป แต่จตุจักรเรายังรักษาตำแหน่งที่ 1 ของเราได้ เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญ การเลือกตั้งคราวนี้ คะแนนทางการยังไม่สรุปว่าเราเป็นที่ 2 หรือ 3 แต่เราก้าวไปเป็นพรรคการเมืองในระดับที่มีคะแนนเทียบกับพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. ในสภา 50 คนแล้ว และถ้าการเมืองคุณภาพที่เราอยากเห็น เราเห็นชัดเจนว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพมหานคร ผลจะเริ่มสะท้อนชัดเจนว่าการทำการเมืองในวิถีแบบใหม่แบบที่พรรคกล้าเป็น ทำให้พรรคเราขึ้นมายืนได้ขนาดนี้ เลือกตั้งเที่ยวหน้าการเมืองคุณภาพแนวนี้ มันจะเป็นเทรนด์การเมืองใหม่ที่หลายพรรคจะต้องเดินตาม และนี่เป็นความภูมิใจ ที่เราสู้มาตลอดเวลา 30 วันนี้

นายอรรถวิชช์ยังกล่าวถึงการประเมินคะแนนเสียงเบื้องต้น นอกจากฐานเสียงเดิมที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือความเป็นพรรคกล้าที่แจ้งเกิดได้ ว่า ปัญหาตอนนี้ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะเขต ตอนนี้มีการเปลี่ยนตัวหน่วยในหลายจุด ทำให้การสัญจรไปมาลำบาก คาดว่าอยู่ 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ แต่หลักสี่มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก ขณะที่จตุจักรน้อยมากบางหน่วยเงียบเหงา ต้องฝากทางกรุงเทพมหานครต้องกระจายข่าวสารให้ทั่วถึงมากขึ้น และถือว่าพรรคกล้าแจ้งเกิดทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร เห็นได้ชัดว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้ว การเมืองคุณภาพ การนำเสนอแบบนี้มีโอกาส ตราบใดที่ไม่เสนอการเมืองแบบแบ่งค่าย แต่เป็นการบอกว่าแนวคุณภาพคืออะไรมันไปได้ 

“บอกตามตรงว่าลุ้นคะแนนมากกว่าจะออกมาทรงไหน ไม่ถึงหมื่น หรือหายต๋อมไปเลย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เรายืนเป็นมวยหลักแล้วในกรุงเทพมหานคร จากนี้เป็นต้นไปฝากถึงคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง รุ่นคนทำงาน ใครที่อยากจะปลั๊กกับพรรคกล้า มาได้เลย ถ้ามีการปลั๊กที่เข้มแข็งมากขึ้นจากนี้ เพิ่มมีจำนวนมากยิ่งขึ้น มีคนมีความรู้ในแต่ละสาขาอาชีพเข้ามามากขึ้น เราจะได้เห็นหน้าพรรคการเมืองแบบนี้ในเชิงคุณภาพในกรุงเทพมหานคร”

ส่วนกระแสของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ เป็นสัดส่วนที่แบ่งมาหรือไม่นั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนหลักสี่-จตุจักร คนกรุงเทพต้องการการเปลี่ยนแปลง คือ​ การเมืองไม่เหมือนเดิม ถ้าตนเป็นรัฐบาล จะต้องอ่านสัญญาณนี้ให้ขาด และตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้ายังอยู่ในวาระอยู่ในอำนาจ จำต้องทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากกว่านี้ ชัดเจนว่า 3 พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดล้วนเป็น 3 พรรคที่เสนอแนวทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากแนวทางรัฐบาลปัจจุบัน ส่วนตัวคิดว่าชัดเจนแล้วว่าสัญญาณจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้คืออะไร ต้องการการเปลี่ยนแปลง สำหรับพรรคกล้าคือการเปลี่ยนแปลงสู่การเมืองคุณภาพ เรามั่นใจว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง จากนี้ไปอย่างที่เลขาฯ กล่าว ใครที่เห็นด้วยว่าการเมืองต้องดีขึ้น ต้องเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนแปลงในแนวทางคุณภาพแบบพรรคกล้ามาร่วมกับเรา ชัดเจนว่าการเลือกตั้งสนามใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า เราจะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอนเพราะเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชน 

ทั้งนี้คาดว่าจะมีการยุบสภาจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ หรือไม่ หัวหน้าพรรคกล้า บอกว่าต้องถามผู้มีอำนาจในการกำหนดว่าจะมีการยุบสภาช้าหรือเร็ว แต่เราเห็นแนวทางชัดของเราจากนี้ไปเราจะทำอะไร ว่าที่ผู้สมัครเห็นว่าเราสู้ได้ และเห็นว่าแนวทางความต้องการของพี่น้องประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง พอมีการเลือกตั้งใหญ่ โจทย์จะเปลี่ยนไป จะกลับมาเป็นเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรี เรื่องนโยบาย พรรคกล้าเราพร้อม เรามองไว้ตั้งแต่แรกอนาคตจากนี้ไป ที่ท้าทายประเทศชาติ คือการพัฒนาและการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การทำมาหากิน และปากท้อง ขณะเดียวกันเรามีความจำเป็นต้องเรียกสรรพกำลังในการต่อสู้ได้เต็มที่ ซึ่งพรรคกล้าก่อตั้งยังไม่ถึง 2 ปีแต่มาได้ถึงขนาดนี้ แต่อดเสียดายไม่ได้ ที่คนจตุจักรออกมาใช้สิทธิ์น้อย 

นายอรรถวิชช์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คะแนนที่ได้ไม่เกินความคาดหมาย เพราะกังวลเขตหลักสี่ตั้งแต่ต้นเนื่องจากเวลาสื่อสาธารณะออกไปพูดถึงหลักสี่เป็นหลัก จตุจักรไม่ค่อยได้ยิน เป็นผลมาจากการแบ่งเขตที่พิสดาร เกิดการสับสนแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้ารอผลอย่างเป็นทางการจะพบว่าผู้มาใช้สิทธิ์ต่างกันเท่าตัว