Wednesday, 1 May 2024
พรรคกล้า

จับตา!! ความเคลื่อนไหว 'กรณ์-สุวัจน์' หลังเตรียมร่วมแถลง คาดเสริมทัพชูพรรคเศรษฐกิจ

จับตาความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ 'พรรคกล้า & พรรคชาติพัฒนา' 2 หัวเรือใหญ่ เตรียมแถลงร่วมพรุ่งนี้ (2 ก.ย.65) 10.30 น.

(1 ก.ย.65) แสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า เผยว่า ในวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรรคกล้า จะร่วมกันแถลงข่าวทางการเมือง  ณ บ้านเลขที่ 333 ราชวิถี 20 ดุสิต กทม. เวลา 10.30 น.  

สำหรับนายกรณ์ จาติกวณิช และ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เคยร่วมทำงานแก้วิกฤตพลังงาน และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ร่วมกันมาก่อน

‘สุวัจน์’ เปิดตัว ‘กรณ์’ ร่วมทีมศก.พรรคชาติพัฒนา อาสา ‘กู้-แก้’ วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ

(2 ก.ย. 65) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา แถลงเปิดตัวนายกรณ์ จาติกวนิช หัวหน้าพรรคกล้า เข้ามาร่วมทำงานเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนาเพื่ออาสาทำหน้าที่กอบกู้และแก้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ หลังจากพิษโควิด-19 ระบาดหนักได้กระทบต่อภาคเศรษฐกิจของไทยหลายด้าน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่ส่งผลให้ผู้คนตกงาน ขาดรายได้ เข้าสู่การกู้หนี้ยืมสิน เป็นหนี้กันถ้วนหน้า ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลพวงจากสงครามรัสเซียยูเครน ทำให้ราคาพลังงาน และสินค้าอื่นสูงขึ้นตามไปด้วยนั้น ก็เป็นการตอกย้ำประชาชนอีกระลอก

“พรรคชาติพัฒนา มีความตั้งใจและหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ และหวังได้ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมาทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาของประเทศ จึงเห็นควรที่จะเชิญชวน นายกรณ์ มาร่วมเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจของพรรค ด้วยดีกรีทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ซึ่งมั่นใจว่าจะเข้าถึงการแก้ปัญหาของประชาชนได้” สุวัจน์ กล่าวเสริม

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องทำงานด้วยความยืดหยุ่นเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติ สร้างความมั่นคงเศรษฐกิจ เกิดความหวังแก่คนรุ่นใหม่ นำมาสู่ความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยการติดสินใจในวันนี้ เป็นการตัดสินใจที่ได้พูดคุยกับคนในพรรคกล้าแล้ว และทุกคนก็ต่างเห็นดีเห็นงาม ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถบอกได้ ว่าสมาชิกในพรรคกล้าจะตามมาอยู่ร่วมกับพรรคชาติพัฒนาหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันว่าการแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการการรวมพรรคระหว่างพรรคกล้า กับพรรคชาติพัฒนา ขณะที่นายกรณ์ ได้ยืนยันด้วยว่า ‘พรรคกล้า’ ยังไม่ยุบ

ถอดรหัส ‘กรณ์-สุวัจน์’ สุญญากาศ ‘ควบรวมพรรค’ กับปัญหาทางกม.ที่สองฝ่ายยังพูดได้ไม่เต็มปาก!

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ย. 65 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา เปิดบ้านแถลงข่าว พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำในเป้าหมายและเหตุผลในการ “ทำงานร่วมกัน” ในฐานะมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ 

มีการย้ำเรื่องเศรษฐกิจปากท้องอยู่แทบทุกคำพูด แต่แล้วก็ไม่วายนักข่าวสายดราม่าการเมือง ก็เน้นบี้ถามเอาคำตอบที่จะสร้างข่าวดราม่าได้ จนทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องอ้ำอึ้ง พูดได้ไม่เต็มปาก

เรามาถอดรหัสกันว่า เป็นเพราะเหตุใด!?

เรื่องมีอยู่ว่า กฎหมายของพรรคการเมืองในการจะทำงานร่วมกันไม่เหมือนกับกฎหมายธุรกิจเหมือน TRUE ควบรวมกับ DTAC เพราะ 2 มาตราหลักนี้คือ

มาตรา28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

'อรรถวิชช์' ถอดรหัสขั้นตอน 'กรณ์' ร่วมงาน 'ชาติพัฒนา' วอน!! รอกระบวนการทางกฎหมาย แล้วจะรู้ว่าไม่มีใครทิ้งใคร

พลันที่ข่าว 'กรณ์ จาติกวณิช' เปิดตัวร่วมทัพทีมเศรษฐกิจกับพรรคชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ทำให้เกิดกระแส 'กรณ์ทิ้งพรรค' กระฉ่อน ไปทั่วยุทธภพ แถมยังหอบหิ้วอดีตรองนายกกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วยให้กระแสสังคมพากันเดือดแบบตามน้ำ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสงสัยในท่าทีครั้งนี้ของนายกรณ์ที่คนในพรรคน่าจะรู้สึกเดือดปุดๆ ที่สุดนั้น ด้านเอ๋ - ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กลับออกมาย้ำชัดว่า ‘กรณ์’ ไม่ทิ้งเพื่อน ทำตรงไปตรงมา ลาออกจากพรรคกล้าไปสมัครชาติพัฒนา โดยมีอดีตรองนายกกอปร์ศักดิ์ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วย แต่กฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ 

ถอดถ้อยวลีของเอ๋แล้ว กำลังสะท้อนถึงความสัมพันธ์อย่างยาวนานแบบเชื่อมั่นในพี่ชายคนนี้ ซึ่งเจ้าตัวมักจะบอกกับคนรอบข้างเสมอว่า กรณ์เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความคิดอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ขณะที่คนในพรรคกล้าต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่กรณ์จะทำอะไร ก็จะทำอย่างตรงไปตรงมา อย่างกรณีนี้ก็ทำตามกฎหมาย ด้วยการลาออกจากพรรคกล้าและไปสมัครพรรคใหม่ โดยมีท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าท่านกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ตามไปด้วยนั้น ก็เป็นเพราะกฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ...ซึ่งบรรทัดนี้น่าสนใจ

เพราะขณะเดียวกัน เรื่องของการจะรีแบรนด์ ปรับโครงสร้างต่างๆ ในส่วนของชาติพัฒนา เอ๋ก็มองว่า เป็นส่วนของท่านเทวัญ และท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และสมาชิกของพรรคเขา ส่วนตนเองยังสังกัดพรรคกล้า จะไปข้องเกี่ยวไม่ได้ กฎหมายพรรคการเมืองก็ระบุไว้ชัดเจน โดยในส่วนตัวพวกเขา ก็ยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการพรรคกล้า เพื่อจัดประชุมใหญ่พรรคในเดือนนี้ให้แล้วเสร็จ

“ที่ผ่านมา พรรคกล้า เรามุ่งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานน้ำมันแพง ค่าไฟแพง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน 13 ล้านบัญชี รวมถึง การเข้าชื่อเสนอกฎหมายร่วมกับภาคประชาชนยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์นี้แล้ว ต้องรอติดตาม” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ส่วนที่คาดการณ์ว่านายอรรถวิชช์ และผู้บริหารคนอื่น จะทยอยลาออกและไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา แล้วจึงมีการปรับโครงสร้าง ปรับแบรนด์ดิ้งในภายหลังนั้น ดร.อรรถวิชช์ กล่าวสั้นๆ ว่า "วันนี้ตนเองยังรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการพรรคกล้า ผมไปแทรกแซงเรื่องพรรคเขาไม่ได้ ผมยังมีงานที่ยังค้างอยู่"

'แสนยากรณ์' ยกเหตุผล 4 ป. ควรแก้ ม.272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ หากไม่ผ่าน เสี่ยงเกิดวิกฤติการเมือง หลังเลือกตั้ง

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ในฐานะคณะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 อภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ก่อนลงมติว่า จากที่ได้ฟังการอภิปรายของท่านสมาชิกรัฐสภา ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อาจจะมีกระทบกระทั่ง เห็นต่างกันบ้าง แต่อยากจะย้ำว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นร่างที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอร่างกันมา จึงอยากให้พิจารณาในแง่ของหลักการ พร้อมทั้งสรุปข้อสังเกตเป็น 4 ป. คือ 1.) "ประชามติ" แม้ทั้งรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงจะผ่านการเห็นชอบการประชามติ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขไม่ได้ ต้องยอมรับว่า ตลอดระยะเวลาบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 5 ปีกว่า มีเนื้อหาหลายส่วนที่เป็นปัญหาต้องแก้ไข ซึ่งสถานการการเมืองตอนนี้ ผันผวนไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานะนายกรัฐมนตรีอย่างไร ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ หรือจะยุบสภาในอีกไม่กี่เดือนนี้หรือไม่ จึงเห็นตรงกัน ว่าควรเร่งแก้ไขยกเลิก การใช้เสียง ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหามากมายหลายอย่างตามมา

นายแสนยากรณ์ กล่าวต่อว่า 2.) "ปฏิบัตินิยม" ถ้ากลับไปดูคะแนนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา คะแนนในสภาผู้แทนราษฎร 251 ต่อ 244 เสียง นั่นหมายความว่า ใช้คะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ก็มากเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะเมื่อมีเสียงวุฒิสภาเข้าไปร่วมโหวตเลือกนายกฯ ด้วย ทำให้ประชาชน จำนวนไม่น้อย รู้สึกว่ากระบวนการไม่ได้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ทั้งที่จริงใช้แค่เสียงในสภาผู้แทนราษฎรก็พอแล้ว แต่หากไม่ได้เสียงข้างมาก แล้วใช้เสียงวุฒิสภาลากเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล สุดท้ายคงอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือน เพราะเสียงไม่ถึงในสภาผู้แทนราษฎร ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที

นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า 3.) "ประชาธิปไตย" รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ทั้งคำปรารภหลายวรรค บททั่วไปมาตรา 2 ระบุชัดเจนถึงระบอบการปกครองและการยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย แต่ถ้ายังคงให้ใช้เสียง ส.ว. ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นกระบวนการที่ขัดต่อกฎหมายและระบอบการปกครองเสียเอง และ 4.) "ปรองดอง" โดยหวังกับสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภา เพราะอำนาจนี้ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองว่า ส.ว.เป็นกลไกสืบทอดอำนาจ เป็นปัญหาความไม่เข้าใจกัน เป็นปัญหาความขัดแย้งการเมือง

'อรรถวิชช์' ชี้ งบสัมมนาไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เสนอโยกเงินเข้างบกลาง ให้ผู้ว่าฯ ใช้แก้วิกฤติน้ำท่วม

'อรรถวิชช์' ย้ำ งบ กทม.พาเที่ยวสัมมนา ไม่เหมาะกับสถานการณ์ เสนอโยกเงินเข้างบกลางให้ผู้ว่า กทม.ใช้แก้วิกฤตน้ำท่วม เตรียมยื่น สตง. สอบด่วนบ่ายสองพรุ่งนี้ ลั่นถึงเวลาปฏิรูประบบการใช้งบกทม. ให้ผู้ว่าฯ มีอำนาจบริหารเต็มที่

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวภายหลังจากพบความผิดปกติในงบประมาณกรุงเทพฯ ปี 2566 ว่า สาเหตุที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องงบประมาณกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการจัดสัมมนาแล้วพาคนไปเที่ยวในช่วงน้ำท่วมนั้น เพราะอยากเห็นการปรับปรุงรูปแบบบริหารงบประมาณงบประมาณกรุงเทพขนานใหญ่ ซึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเวลาตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไปนั้น งบดังกล่าวกลับไปให้นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นงบกลางเมื่อเกิดเรื่องวิกฤติ แต่สภากรุงเทพมหานครกลับนำงบประมาณที่ถูกตัดไปเพิ่มโครงการใหม่ อย่างเช่น จัดสัมมนาพาคนไปเที่ยวในเขตจตุจักร โดยมีงบประมาณสูงถึงเกือบ 10 ล้านบาท หรืออย่างงบในสำนักป้องกันบรรเทาสาธารณภัย มีค่าพิมพ์คู่มือ 69 ล้านบาท และยังมีโครงการย่อยอีกมากมาย ซึ่งเป็นโครงการใหม่นำมาใส่ภายหลัง โดยพรุ่งนี้เวลา 14.00 น. ตนจะส่งให้ผู้ว่า สตง. นำไปตรวจสอบและให้คำแนะนำ

'อรรถวิชช์' ยื่นผู้ว่า สตง. สอบการแปรญัตติในสภา กทม.โยกงบเพิ่มโครงการสัมมนากว่า 111 ล้าน ยันต้องการช่วยผู้ว่าฯ กทม. ให้มีงบกลางดูแลวิกฤตมากขึ้น

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า พร้อมทีมงาน ยื่นหลักฐานต่อนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2566 ของกรุงเทพมหานคร พร้อมหลักฐานเอกสารคำแปรญัตติ เปลี่ยนแปลงงบประมาณ 4,803,793,728 ล้านบาท โดยสภากรุงเทพมหานคร ได้เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายที่ผู้บริหารเสนอแปรญัตติเพิ่มเท่ากับจำนวนที่ปรับลด โดยพบว่ามีการเพิ่มงบโครงการสัมมนาพาคนไปเที่ยวในหลายสำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นมีจำนวนถึง 72 โครงการ ใน 26 เขต รวมวงเงินสูงถึง 111,064,450 บาท ซึ่งเป็นรายการที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้งบในลักษณะที่กระจายตามเขตต่างๆ เพื่อพาประชาชนไปเที่ยวนั้น หลังจากปี 2557 ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำดังกล่าว 

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า กรณีเทียบเคียงกับ ส.ส.หลังการประกาศใช้ของรัฐธรรมนูญปี 2560 เราจะพบว่าสภาผู้แทนราษฎรเอง เมื่อได้มีการตัดงบประมาณในรายการใดและต้องมีการแปรญัตติเพิ่มกลับเข้าไป โดยงบถูกจะเพิ่มกลับไปใส่ในงบกลางเพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้ใช้ในกรณีวิกฤตเช่นโรคระบาด หรือ น้ำท่วม เขาไม่เอามาหาร แล้วลงกระจายพาไปเที่ยวสัมมนาแบบงบประมาณ กทม.

ไม่ใช่เกมออฟโทรน!! 'พงศ์พล-พรรคกล้า' แนะสภาคำนึงถึง ปชช. อย่าใช้เล่นเกมเอาคืนกัน

ไม่ใช่เกมออฟโทรน!! 'พงศ์พล' แนะสภาคำนึงถึง ปชช. อย่าใช้เล่นเกมเอาคืนกัน ชี้ 'ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา' เกิดสุญญากาศต่อ ไม่มีกฎหมายคุมนานขึ้น - 'ยกดอกเบี้ยหนี้ กยศ.' ทำกองทุนพัง ผลกระทบจมเด็กรุ่นหลัง

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ คณะทำงานฝ่ายการเมือง พรรคกล้า กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เชื่อมโยงกรณีเห็นชอบ แก้ไขยกเลิกดอกเบี้ย ร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า  ทั้ง 2 ฝ่ายจะปฏิเสธกันไปมา ว่าไม่ได้มีนัยยะการเมือง แต่สิ่งที่เห็นตามหน้าเสื่อช่างชัดเจน เมื่อภูมิใจไทยโหวตสวนตามฝ่ายค้าน ให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย จากนั้น 'เสรีกัญชา' จากภูมิใจไทย ถูกตัดตอนจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน เป็นการเอาคืนทันทีของประชาธิปัตย์ 

นายพงศ์พล กล่าวว่า หากพักเรื่องการเมืองลงบ้าง มาดูที่เนื้อหาจริงๆ คำนึงถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง 'กัญชาเสรี' แบบ100% ไม่ดีแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงสุญญากาศ ที่ปล่อยออกมาแบบไม่มีกฏหมายลูกควบคุม แต่การที่ปัดตกถอนร่างกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นั่นเท่ากับว่าเพิ่มระยะเวลาสุญญากาศ ให้กัญชายังเสพได้ - ขายได้

"แทนที่จะโหวตรับบางข้อที่เป็นประโยชน์ ไม่ต้องรับ 46 ข้อทั้งหมดก็ได้ เช่น มาตรา 37 ห้ามขายให้บุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร บุคคลอื่นใดตามที่ รมว.สาธารณสุข ประกาศกําหนด, มาตรา 37/7 ห้ามผู้ใดขับขี่ยานพาหนะในขณะมึนเมากัญชา กัญชง สารสกัด หรืออาหารตามกฎหมาย ขณะที่ผมไม่เห็นด้วยกับบางมาตรา ที่เพิ่มเข้ามา เช่น มาตรา 18 และ มาตรา 20 ปลูกกัญชา /กัญชง ในครัวเรือนได้ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ต้น ต้องจดแจ้งจากผู้รับจดแจ้ง ใบรับจดแจ้งมีอายุ 1 ปี" นายพงศ์พล กล่าว

ส่วนการยกเลิกไม่คิดดอกเบี้ย กยศ. นายพงศ์พล กล่าวว่า เรื่องนี้มีผลย้อนหลังให้ลูกหนี้กว่า 3.45 ล้านคน คิดเป็นค่าใช้จ่ายรัฐหลายหมื่นล้านบาท เป็นการช่วยเชิงประชานิยมที่ผิดพลาด ดูหวังผลคะแนนนิยม มากกว่ามองทั้งระบบ เพราะที่ควรแก้ด้วยการปรับดอกเบี้ยต่ำ 0.5-1% หรือเพิ่มระยะเวลาชำระหนี้ให้นักเรียนมากกว่า

พงศ์พล’ แนะทิศทาง 'กัญชา(ไม่)เสรี' ลดมอมเมา ขวางมาเฟีย เคลียร์ทางศก.ให้ถูกทิศ

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พร้อมเสนอกรอบทิศทาง 'กัญชา(ไม่)เสรี' ควรมีทิศทางเป็นอย่างไร? ระบุว่า...

วันที่ (14 ก.ย.) เมื่อพรบ. กัญชา ถูกถอนจากสภา...เกิดปัญหาสุญญากาศ "กัญชาเสรี 100%" กัดกร่อนบ้านเมือง...เยาวชนยังซื้อ-เสพได้ไม่ผิดกฎหมาย

เมื่อจุดมุ่งหมายคือ กัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ มิใช่เพื่อการสันทนาการ...แต่ร่างกฎหมายล่าสุด ที่พิจารณาในสภา ดันอนุญาติให้ปลูกในครัวเรือนได้ถึง 15 ต้น

เยอะขนาดที่ พี้กันเองในครอบครัวได้เป็นปีๆ...จึงไม่น่าเป็นสิ่งที่ดีกับสังคม และไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ท่าน ส.ส. ผู้ทรงเกียรติตั้งใจรึปล่าว?

นี่คือกรอบทิศทาง 'กัญชา(ไม่)เสรี' คร่าว ๆ ที่เราน้อมนำเสนอ...

◼️ กัญชาเป็นพืชควบคุม ห้ามปลูกในครัวเรือน ต้องมีใบอนุญาติ สำหรับผู้ประกอบการ (จัดเก็บภาษีสรรพสามิตร เข้ารัฐ)

◼️ ขายเฉพาะในร้านขายยา หรือร้านที่ได้รับอนุญาต ต้องแสดงบัตรประชาชน, เยาวชนต่ำกว่า 20ปี ห้ามซื้อ/ห้ามเสพ

◼️ เมากัญชา แล้วขับขี่พาหนะเป็นความผิด เจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินคดีเสมือนเมาแล้วขับ

◼️ ห้ามเสพที่สาธารณะ สถานศึกษา-สถานที่ทางศาสนา-สำนักงาน-สถานที่ราชการ-สวนสาธารณะ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top