Thursday, 22 May 2025
ทักษิณชินวัตร

'ทักษิณ' ดับกระแส ปลด 'พีระพันธุ์' พ้น ครม. ย้ำ เป็นคนตั้งใจทำงาน - คุยกันรู้เรื่อง เล็งรีดไขมันลดค่าไฟ

(6 ม.ค. 68) ‘ทักษิณ’ ยัน ไม่มีการปรับ ‘พีระพันธุ์’ ออกจากครม. บอกวันก่อนคุยกันเรื่องลดค่าไฟ คุยกันรู้เรื่อง เล็งเดินหน้าปรับลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาท

ที่จ.เชียงราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปราศรัยหาเสียงเพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้ง ถึงการลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยว่า ตนดูแล้วว่าสามารถรีดไขทันจากค่าไฟได้ และสามารถลดค่าไฟได้อีก ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พิจารณาแล้วและจะเรียกทุกคน รวมถึงภาคเอกชน ประชุม เพื่อให้ทุกคนเต็มใจยอมรับกับการรีดไขมันครั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายช่วยกัน หากประชาชนจน เอกชนไม่มีรวย ถ้าอยากรวย ต้องให้ชาวบ้านหายจน ทั้งนี้ตนได้นั่งคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงานแล้วเมื่อวันก่อนเพื่อหาทางช่วยกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายพีระพันธุ์จะถูกปรับออกจากรัฐบาล นายทักษิณ กล่าวว่า  "อ๋อ ไม่มี คุยกันรู้เรื่องไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง"

เมื่อถามย้ำว่า น.ส.แพทองธาร เปรยเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรี ในช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า "ไม่มีเลย วันนั้นคุยกัน เขาบอกว่า อิ๊งค์ ยังสบาย ๆ ถ้าทำงานกับ ครม. ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี"

เมื่อถามว่ายังอยู่ยาวได้ใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ยังไม่มีเหตุปัจจัย

นายทักษิณ ยังกล่าวย้ำด้วยว่าในปี2568 รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก โดยต้องมองโครงสร้างของปัญหาเศรษฐกิจ และเร่งแก้ไข เช่นเม็ดเงินที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ทำให้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไม่ได้ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาคนในระบบเศรษฐกิจว่าจะส่งเสริมความรู้ความสามารถ ที่มีอยู่ รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

"เมื่อเม็ดเงินมีคนรองรับ ระบบไปได้ ก็ต้องทำพร้อม ๆ กัน พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีเรื่องของการใช้จ่ายภาครัฐเมกกะโปรเจคบ้าง โดยนายกฯกำลังเรียกประชุมหลายฝ่าย เพื่อที่จะตกผลึกในวิธีการทำงาน ให้บรรลุเป้าหมาย และต้องยอมรับว่ากลไกของรัฐปัจจุบัน เปลี่ยนไปจากเดิมอุ้ยอ้ายขึ้น และอำนาจไปอยู่กับราชการ ต้องอาศัยความร่วมมือ" นายทักษิณ กล่าว

ขณะที่ในช่วงกล่าวปราศรัยหาเสียงบนเวที นายทักษิณ กล่าวว่า เดิมตนไม่ค่อยเท่าไหร่กับการเมืองท้องถิ่นเพราะเคยเป็นรัฐบาลจากพรรคการเมืองใหญ่ แต่เมื่อได้กลับมาก็มุ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชน จึงอยากให้ประชาชนเลือกนางสลักจฤฎดิ์ให้เข้าไปทำงานประสานกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของรัฐบาลจะมีการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน คนละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการผ่อนบ้านและรถด้วย

อดีตนายกรัฐมนตรีที่พ้นโทษกลับประเทศไทยกล่าวต่อว่าตนไม่อยู่บ้านนานถึง 17-18 ปี เมื่อกลับมาพบว่าระบบที่เคยทำไว้เสียหายหมด จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรและเห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดสำคัญ ถ้าคนชนบทมีกินมีใช้เศรษฐกิจประเทศก็จะเดินหน้า เพราะทุกวันนี้ประชาชนไม่มีเงินใช้ ขาดสภาพคล่อง ร้านค้าปลีกต่างจังหวัดก็แย่ เพราะมีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ เงินก็ไหลเข้าสู่ส่วนกลางหมด สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ฯลฯ

ดังนั้นตนจึงตั้งใจแก้ปัญหาโดยพัฒนาในสิ่งที่ชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว เช่น งานหัตถกรรม ดนตรี เกษตรกรรม ฯลฯ รัฐบาลจะนำมหาวิทยาลัยเชื่อมกับ อบจ.สร้างงานสร้างรายได้ จะมีการเจียระไนหาคนไทยที่เก่งๆ ทั่วประเทศ ทั้งที่มีบุคลิกเป็นนางแบบ ทำอาหารเก่ง เป็นนักศิลปะ มีฝีมือหัตถกรรม ฯลฯ สิ่งนี้เกิดขึ้นในปีนี้ ปี 2568 นี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ อบจ. จึงขอให้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เพื่อให้ค้นหาเพชรเม็ดงามในเชียงรายต่อไป

นายทักษิณกล่าวว่ายามว่างได้เข้าไปดูโซเชียลมีเดียได้เห็นบางคนชีวิตน่าจะเหลือน้อยลงไปทุกที เดี๋ยวก็จะแขวนคอตายแล้ว เพราะชีวิตมองโลกแย่หมด อีกไม่กี่วันตนจะเอาเชือกไปให้มัน เพราะเช้าและสายก็ด่ารัฐบาลหมด มีอยู่แค่ 4-5 ตัว พวกนี้สงสัยอยากได้เชือก

อย่างไรก็ตาม เราจะทำในสิ่งสร้างสรรค์มากกว่าโดยใช้โซเชียลอย่างติ๊กต็อกมาขายของให้ชาวบ้าน โซเชียลจึงควรใช้ในทางสร้างสรรค์ แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เข้ามาแล้วก็ด่าอย่างเดียวทำไมไม่ด่าพ่อแม่มันบ้าง ตนจึงรู้สึกสมเพชเพราะลักษณะพวกนี้เหมือน "แตงไม่ขึ้นซ้าง" (แตงไม่เลื้อยขึ้นนั่งร้าน)

นายทักษิณยังกล่าวต่อด้วยว่า เมื่อครั้งตนยังไม่เล่นการเมืองก็สบายดีอยู่ กระทั่งปี 2536 ก็มีเงินถึง 6 หมื่นล้านแล้ว พอเล่นการเมืองจึงหมดไปเรื่อย ๆ พวกควายยังมาด่าตนอีก พ่อมึงไม่รู้หรือไง ตนรวยมาตั้งแต่ปี 2535-36 แล้ว ตนคิดแบบคนสมัยใหม่แต่คนรุ่นเก่ากลับด่าตนสารพัด มีอยู่คนบอกว่าตนสร้างความวุ่นวายเพราะแค้นตนมาตั้งแต่ปี 44 ที่บ้านของเขาหน่วยเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาเพียงแค่ 47 คน ประชาชนยังไม่เลือกเลย

นายทักษิณกล่าวด้วยว่าตนได้ตั้งตำแหน่งให้ตัวเองคือ สทร.หมายถึง “เสือกทุกเรื่อง” เมื่อไปพบปัญหาที่ไหนก็จะส่งให้รัฐบาล พอดีมีนายกรัฐมนตรีที่เคยตามตนมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ขณะหาเสียงตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ยังยืนดูตนอยู่ ตอนไปประชุมเอเปกที่ชิลีก็ไปด้วย ซึมซับการเมืองและรักพี่น้องประชาชน จึงเข้ามาทำงานทั้ง ๆ ที่เขาก็สบายอยู่แล้ว

“ผมจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะแก้ไขปัญหาประเทศได้ โดยตั้งเป้าว่าปี 2568 ทุกฝ่ายจะทำงานให้หนักและเศรษฐกิจดีขึ้น และปี 2569 เปรียบเหมือนเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จากนั้นขอเวลาอีก 2 ปีหนี้ประเทศจะลดลง”

นายทักษิณกล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่าเกิดจากในเมียนมามีการสู้รบกัน บางกลุ่มจึงขายยาเสพติดเพื่อนำเงินไปซื้ออาวุธและมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ดังนั้นในปี 2568 นี้จะจัดการให้เรียบ ส่วนเรื่องการพนันออนไลน์นั้นมีคนเข้าไปเล่นมากมาย บางครั้งหลายล้านคนซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนเหล่านี้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ ดังนั้นจึงถึงเวลาจะเอาสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมาบนดิน เพราะถ้าถูกกฎหมายจะเก็บภาษีได้ โกงไม่ได้ อายุต่ำกว่า 20 ปีเล่นไม่ได้ คนที่ติดงอมแงมก็ส่งให้หมอบำบัดได้

“ปัญหายาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ การผูกขาด ต้องเอาให้เกลี้ยงหมด”

นายทักษิณพูดถึงเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้าว่าในปี 2568 นี้จะต้องเอาตัวเลขการใช้ไฟให้เหลือเลข 3 ดูแล้วน่าจะให้ถึง 3.70 น่าจะได้ ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กผฟ.) เป็นองค์กรผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเอากำไรส่วนหนึ่ง และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และเอกชน ก็จะนำมาจ่ายต่อสุดท้ายประชาชนก็ตายกันพอดี จึงต้องแก้ไขปัญหาและยืนยันให้ค่าไฟฟ้าลดลง เมื่อนั้นสินค้าอื่นๆ ก็จะลดลงตาม เพราะธุรกิจย่อมหวังผลกำไรแต่ไม่ใช่ได้กำไรแล้วอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายขอให้ประชาชนได้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เป็นนายก อบจ.เชียงราย และไปบอกคนอื่นๆ ว่าตนขอให้ช่วยเลือกด้วย

‘พระพยอม’ ชี้ คนไทยไม่ควรบล็อกสมอง ‘ทักษิณ’ แนะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ต่อยอดช่วยชาติ

(7 ม.ค. 68) พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ในรายการเอื้อย talk ทางมติชนทีวี โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวฝากปริศนาทางธรรม ถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เดิมบอกจะกลับมาเลี้ยงหลาน แต่ดูเหมือนว่าระยะหลังจะทำหน้าที่หลากหลาย ว่า จะไปบล็อกสมองคนพรรค์นี้ไว้เพื่ออะไร?  คนพรรค์นี้มีสมอง จะเอาสมองคนพรรค์นี้ไว้แค่เลี้ยงหลานเหรอ? จ้างใครก็ได้มาเลี้ยงหลานได้ตั้งหลายคน

ส่วนคนอย่างทักษิณ ต้องเค้นสมองออกมาทำงาน ส่วนเวลาพักผ่อนก็แค่ไปเล่นกับหลานบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ขอคนไทยอย่าไปบล็อกสมองคนแบบนี้ ในอดีตเคยมีมาแล้วหลายยุคหลายสมัยที่เสียคนแบบนี้ไป ยกตัวอย่างเช่น ท่านปรีดี (พนมยงค์) และอีกหลายท่าน 

ต่อคำถามที่ว่า นายกรัฐมนตรี ถูกพ่อควบคุมนั้น พระพยอม กล่าวว่า ถ้าสมมติว่า พ่อเป็นอันธพาล สันดานไม่ดี เป็นคนชั่วร้าย แล้วมาสอนมาตักเตือนลูก ถ้าเป็นเช่นนี้ ลูกไม่ควรเชื่อฟัง แต่ถ้าพ่อเป็นผู้มีประสบการณ์ที่ดี อย่างที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า อยากเอาประสบการณ์ของพ่อที่ประสบความสำเร็จ เมื่อครั้งเป็นพรรครัฐบาล ที่ช่วยปลดหนี้ ปลดสิน ชาวไร่ชาวนา ถ้าเอาสมองส่วนนี้มา แล้วลูกเอาไปผลักดันต่อ นำไปต่อยอด มันจะเสียหายอะไร?

‘ทักษิณ - พิธา’ ชื่นมื่น!! ร่วมงานแต่ง สส.ลำปาง ย้ำ!! ไม่คุยเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินทางมาร่วมพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) บุตรชายนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตสส.ลำปาง พรรค พท. กับน.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน (ปชน.)

โดยมีบรรดารัฐมนตรี สส.จากพรรค พท.และพรรค ปชน. เดินทางมาร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า

ทันทีที่นายทักษิณมาถึง ได้มีรัฐมนตรี สส. อดีตสส. ของพรรค พท. มารอต้อนรับบริเวณด้านหน้าทางเข้า และมีนายอัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหารมิราเคิลกรุ๊ป ในฐานะเจ้าของโรงแรมอัศวินแกรนด์ คอนเวนชั่น มารอให้การต้อนรับและมอบกระเช้าดอกไม้ พวงมาลัยพร้อมด้วยกระเช้าส้ม ให้แก่นายทักษิณ

นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการมาออกงานคู่กับนายพิธาว่า ดี ๆ เดี๋ยวก็ได้เจอกันบ้าง ไม่ได้เจอกันเลย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงในหลายจังหวัดในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้เจอกันเลย นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เจอกันเลย เดี๋ยวจะนั่งคุยกัน สำหรับประเด็นในการพูดคุยก็มี ส่วนจะได้มีการพูดคุยเรื่องการหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า คงไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

โดยนายทักษิณได้เขียนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณธนาธรและคุณน.ส.รภัสสรณ์ ที่ได้ร่วมชีวิตกัน ขออวยพรให้มีแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในชีวิตคู่ตลอดไป ด้วยรักและปรารถนา”

‘เทพไท’ จี้!! กกต.คุม ‘ทักษิณ’ ด่วน ชี้!! ปราศรัย ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

(12 ม.ค. 68)  นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ ว่า กกต.จัดระเบียบ ‘ทักษิณ’ ด่วน

ผมได้เห็นกำหนดการเดินสายปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 18-20 ม.ค.68 ที่จังหวัดนครพนม บึงกาฬ หนองคาย และมหาสารคาม จากนั้นวันที่ 24-25 ม.ค.68 จะเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยนั้น

ในความเป็นจริงนายทักษิณไม่ได้มีเป้าหมายหลักในการหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. แต่ต้องการใช้เวทีหาเสียงการเมืองท้องถิ่น เพื่อขยายผลไปยังการเมืองระดับชาติ โดยนายทักษิณจะขึ้นปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่ตัวนายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด กลับประกาศนโยบายและแผนงานที่จะทำของรัฐบาล จนอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของตัวผู้สมัครได้

ผมได้ติดตามการปราศรัยบนเวทีนายกอบจ.3แห่ง คือ ที่จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี และเชียงราย นายทักษิณจะใช้เวลาหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. ใช้เวลาเพียง 5 นาที นอกจากนั้นก็จะปราศรัยในประเด็นการเมืองอื่นๆ พาดพิงไปทุกภาคส่วน จนเป็นประเด็นร้อน จนสื่อต้องนำไปขยายผล และผู้ที่ถูกพาดพิงก็ใช้สิทธิ์ตอบโต้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นของคุณหาเสียงทักษิณหาเสียงอยู่หลายวัน ทำให้กระแสของนายทักษิณอยู่ในหน้าสื่อตลอดเวลา ประสบความสำเร็จตามแผนการโฆษณาทางการเมืองที่วางไว้

สิ่งที่นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยผู้หาเสียง ซึ่งเรื่องนี้นายอิทธิพล บุญประคอง ประธานคณกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาแสดงความเห็นในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ฟันธงว่า นายทักษิณทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ อยากให้กกต.ได้เร่งสรุปการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณว่า ฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อจะไม่ให้เป็นประเด็นข้อกฎหมายต่อไป เพราะการหาเสียงของนายทักษิณ ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในระหว่างผู้สมัครด้วยกัน

ถ้ากกต.ยังปล่อยให้นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเช่นนี้ และไปสรุปหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ก็อาจจะช้าเกินไป จนอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทำให้ผู้สมัครนายกอบจ.หลายคนเสียโอกาส และเสียงบประมาณของราชการโดยไม่จำเป็น

อยาดขอความชัดเจนจากกกต.ออกมาความระเบียบ และกำชับให้นายทักษิณปฏิบัติตามกฏหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด กล้าๆหน่อย อย่าเกรงกลัว เกรงใจคนทำผิดกฏหมายอีกเลย

‘ทักษิณ’ วางวิสัยทัศน์ฟื้นเศรษฐกิจไทย เล็งเปิดรับคริปโท - ดึงเงินใต้ดินเข้าระบบ

(14 ม.ค. 68) ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯ เผยแผนฟื้นฟูตลาดทุนไทยในงานปาฐกถาพิเศษ "Chat with Tony" เสนอเปิดรับคริปโท-ลดค่าไฟ-พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พร้อมแก้ปัญหาเงินใต้ดินและ PM 2.5

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้วิสัยทัศน์การฟื้นฟูเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยในงานปาฐกถาพิเศษ "Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market" โดยชี้ว่าปัญหาหลักของตลาดหุ้นไทยคือขาดความเชื่อมั่น (Trust), ความไว้วางใจ (Confidence) และบรรยากาศการลงทุน (Sentiment) ที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งต้องเร่งแก้ไขและนำกลับคืนมาให้ได้

อดีตนายกฯ เสนอให้ปฏิรูประบบกำกับดูแลตลาดทุนที่ทำงานช้าเกินไป โดยเฉพาะการเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. ให้สามารถจัดการปัญหาได้ทันที ไม่ต้องรอ DSI หรืออัยการ แม้ต้องออกเป็น พ.ร.ก. ก็ควรทำ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้มงวดในการตรวจสอบธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน และติดตามพฤติกรรมฝ่ายบริหารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการใช้เงินผิดประเภทที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด

ประเด็นสำคัญที่ทักษิณหยิบยกคือเรื่อง High Frequency Trade ที่เขามองว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร เป็นเพียงการทำกำไรเล็กๆ แต่ถี่ ๆ แม้ตลาดหุ้นจะชอบเพราะสร้างวอลุ่ม แต่จำเป็นต้องเข้มงวดเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ โดยเสนอให้ทุกคนต้องมีความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายที่ใกล้เคียงกัน

ด้านการพัฒนาตลาดทุน อดีตนายกฯ ชี้ว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเก่า ขาดบริษัทใหม่ๆ ขนาดใหญ่ จึงเสนอให้ BOI ชักชวนบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงให้เข้าตลาดหุ้นไทย รวมถึง Entertainment Complex เพื่อเพิ่มซัพพลาย พร้อมสนับสนุนโครงการซื้อหุ้นคืนสำหรับหุ้นที่มี P/B และ P/E ต่ำ และนำระบบของตลาดหุ้นญี่ปุ่นมาใช้ ให้บริษัทจดทะเบียนต้องทำแผนปรับปรุงราคาหุ้นให้ใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชี

ทักษิณยังผลักดันให้ ก.ล.ต. เปิดรับนวัตกรรมการเงินดิจิทัล โดยเฉพาะคริปโทเคอร์เรนซีและ Stable Coin เนื่องจากเห็นว่าสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนไหวในทิศทางนี้ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศจะชำระหนี้ด้วยบิตคอยน์ รัฐบาลไทยเองก็เตรียมทำ sandbox ที่ภูเก็ต เริ่มจากการรับบิตคอยน์ในการซื้อสินค้าและบริการ โดยมีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนและตัวกลางชัดเจน เพราะมองว่าผู้ถือบิตคอยน์มีกำลังซื้อสูงและมีแนวโน้มใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ ก.ล.ต. กำลังดำเนินการ โดยปัจจุบันไทยซื้อขายที่ 7 ดอลลาร์/ตัน เทียบกับสิงคโปร์ 14 ดอลลาร์ และยุโรป 35 ดอลลาร์ การมีศูนย์กลางในไทยจะช่วยให้ได้ราคาดีขึ้นและได้ประโยชน์จากการส่งออก

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อดีตนายกฯ เน้นการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์และเอไอ โดยเปรียบเทียบตามแนวคิดของ UAE ที่มองดาต้าเซ็นเตอร์เป็นเหมือนน้ำมันดิบ และเอไอเป็นน้ำมันสำเร็จรูป เผยว่าการสร้างเอไอฮับขนาด 1 กิ๊กกะวัตต์ ต้องใช้เงินลงทุนถึง 1.6 ล้านล้านบาท 

เรื่องค่าไฟฟ้า ทักษิณยืนยันว่าสามารถลดลงเหลือ 3.70 บาท/หน่วยได้ ผ่านการ "รีดไขมัน" หลายส่วน เช่น การจำหน่าย loss ของการไฟฟ้า 3 แห่ง การยกเลิกไฟฟ้าฟรีสำหรับองค์กรท้องถิ่น การลดค่าผ่านท่อของ ปตท. และการปรับลดเงินนำส่งรัฐ โดยชี้ว่าปัจจุบันค่าไฟจากโซลาร์ลงมาถึง 1.80-2 บาท การลดค่าไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

อดีตนายกฯ ยังแสดงความกังวลต่อผลกระทบของรถ EV จีนที่เข้ามาตีตลาดไทย ซึ่งอาจกระทบระบบนิเวศอุตสาหกรรมยานยนต์ดั้งเดิม รวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้าต่อการส่งออก อย่างไรก็ตาม มองว่ามีโอกาสดึงการลงทุนจากทั้งจีนและสหรัฐที่ต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปตลาดอื่น โดยต้องกำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุดิบในประเทศให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือการแก้ปัญหา "เงินใต้ดิน" ที่สะสมมา 10 ปี ทักษิณเสนอให้อนุญาตนำเงินเข้าระบบธนาคารโดยไม่ต้องผ่าน KYC แต่ต้องเสียภาษี โดยหากพบภายหลังว่าเป็นเงินผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดี เชื่อว่าจะช่วยนำเงินกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น

ท้ายที่สุด อดีตนายกฯ เรียกร้องความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สภาพัฒน์ และ ธปท. ที่ปัจจุบัน "ไม่ยอมคุยกัน" พร้อมตั้งเป้าผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต 4% ในปีนี้ และ 5% ในปีหน้า เทียบกับมาเลเซียที่โต 5.6% ขณะที่ไทยโตเพียง 2-3% ปิดท้ายด้วยมุกว่า "ถ้าพรุ่งนี้หุ้นไม่ขึ้นผมจะไปอยู่ไหนดี"

คำถามสำคัญที่ต้องติดตามคือ: นโยบายและมาตรการที่นำเสนอเหล่านี้จะสามารถฟื้นความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนในตลาดทุนไทยได้จริงหรือไม่? และการผสานนวัตกรรมการเงินยุคใหม่เข้ากับระบบเดิมจะทำได้ราบรื่นเพียงใด?

‘ทักษิณ’ ลุยหาเสียง!! นครพนม ห่มพระธาตุ!! เอาฤกษ์เอาชัย

(18 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สนามบินสกลนคร จ.สกลนคร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว เดินทางมาถึงก่อนเดินทางต่อมายังจ.นครพนม เพื่อช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม พรรค พท. นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคพท. และน.ส.จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร มารอให้การต้อนรับ

โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า นาฬิกาที่นายทักษิณใส่วันนี้ ได้ใช้สายซิลิโคนสีส้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของพรรคประชาชน (ปชน.) หลังจากนายทักษิณได้ไปพบนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่งานฉลองมงคลสมรสของสส.พรรค พท. กับพรรค ปชน.

จากนั้นเวลา 09.15 น. นายทักษิณเดินทางมายังวัดพระธาตุพนม เพื่อสักการะองค์พระธาตุพนม เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินสายปราศรัยช่วยนายอนุชิต หาเสียง โดยมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และประชาชนชาวนครพนม รอให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น ทันทีที่มาถึงประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ ได้คาดผ้าขาวม้าที่เอว รวมถึงคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้การต้อนรับนายทักษิณ และนายทักษิณได้เขียนชื่อทักษิณ ชินวัตร ลงบนผ้าห่มพระธาตุ ก่อนที่จะเข้าไปเดินแห่ผ้าห่มพระธาตุพนม 1 รอบ และห่มผ้าพระธาตุพนม ทั้งนี้ มีนางรำชุดพื้นเมืองจากอ.ก้านเหลือง มารำโชว์ โดยใช้ชุดการรำที่เป็นชุดประจำจ.นครพนม จากนั้นนายทักษิณได้เดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยที่โดมวิทยาลัยธาตุพนม

‘ทักษิณ’ เตรียมคุย!! ‘นาโอมิ แคมป์เบลล์’ ร่วมปั้น!! นางแบบไทยให้ ‘โกอินเตอร์’

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 68) ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม นายทักษิณเดินทางมาถึงเพื่อปราศรัยเป็นเวทีที่สอง โดยมีประชาชนมารอรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก นายทักษิณ ปราศรัยว่า พี่น้องมากันหลาย พี่น้องชาวนครพนมมากันเยอะมาก ตนปลื้มมาก ย้ำว่าไม่ได้มานครพนมเกือบ 20 ปีแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้เกิดในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ตอนนั้นเราเห็นว่ามีแต่วิทยาลัยกระจัดกระจายกันไป จึงเอามารวมเป็นมหาวิทยาลัยดีกว่า ซึ่งตอนนั้นมีสองมหาวิทยาลัยคือนราธิวาสและนครพนม ที่ถูกอนุมัติให้เป็นมหาลัยตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้ได้กลับมาชื่นชม มากันเยอะแยะอยากเจอตนหรือไม่ ทุกครั้งที่ออกมาเจอพี่น้องโดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสานก็มีความปลื้มใจ พลังของคนอีสานและคนเหนือส่วนใหญ่ทำให้ตนสู้และได้กลับมาประเทศ

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า พี่น้องไม่เคยลืมตน แม้ว่าเด็กรุ่นหลังอาจจะไม่รู้จักตน แต่พ่อแม่ก็พยายามจะเล่าให้ฟังว่าระหว่างที่ตนอยู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้รู้ว่าพี่น้องเอามือล้วงเข้ากระเป๋าจะเจอแต่ตั๋วจำนำใช่หรือไม่ แต่สมัยที่ตนอยู่เอามือล้วงไปปุ๊บก็เจอแต่สตางค์ ตอนนี้เงินหายหมดเจอแต่ตั๋วจำนำ ตนบอกกับพี่น้องที่ธาตุพนมว่าปีนี้ล้วงไปถึงปลายปีล้วงไปจะไม่เจอตั๋วจำนำแล้ว และปีหน้าล้วงไปจะเจอสตางค์แล้ว พอปี 70 รัฐบาลเพื่อไทยมาล้วงไปจะดันไม่เข้า เพราะเจอแต่สตางค์

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ตนกลับมาแล้วเศรษฐกิจไทยต้องดีขึ้น ตนทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้ เพราะพี่น้องไม่เคยลืมตน ตนจึงขอทำงาน สทร. เสือกทุกเรื่อง ขอเสือกให้พี่น้องมีความสุขและสบายขึ้น พ้นหนี้ มีสตางค์ใช้ ตนเป็นคนที่มีความกตัญญูถือว่าพี่น้องมีบุญคุณกับตน ไม่เคยลืมตน ตนกลับมาแล้วก็ต้องชดใช้หนี้ และขอกตัญญูด้วยการช่วยเหลือให้ประเทศดีขึ้น รู้ว่าพี่น้องลำบากหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ฉะนั้น จึงขอให้กลับไปบอกพ่อค้ายาแถวบ้านว่าทักษิณกลับมาแล้ว หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นขอให้เลิกอาชีพค้ายา ทักษิณเกลียดพ่อค้ายาและจะเอาตาย ถ้าอยากให้รักกันก็เลิกดีกว่า ฉะนั้น สิ้นปีนี้เอายาเสพติดให้เกลี้ยงเลย

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ขนาดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังถูกหลอก มีการโทรไปหานายกรัฐมนตรี แล้วใช้เอไอทำเสียงเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้โอนเงินไปที่ฮ่องกง มันเล่นทุกรูปแบบ วันนี้กระบวนการใหญ่อยู่ที่พม่ากับที่เขมร เขมรให้ความร่วมมือดี เดี๋ยวจะเบาบางลง พม่าก็น่าจะจบ เพื่อนบ้านจะไม่มีพวกที่ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฉะนั้น ปีนี้ต้องเอาให้จบเหมือนกัน

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ย้ำว่าวันที่ 27 ม.ค.นี้ เงินหมื่นจะเข้าบัญชีคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เหลือต้องรอให้เทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จในเดือนมี.ค. เมื่อเสร็จแล้วก็จะทำให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เม็ดเงินอยู่ในพื้นที่ วันนี้เราต้องหาเงินกลับเข้ามาอยู่ในต่างจังหวัดหรือไม่ให้ออกไปซึ่งตอนนี้กำลังคิดสูตรอยู่เพื่อให้เงินอยู่กับพี่น้องล้วงไปจะได้เจอเงินบ้าง ไม่ใช่ล้วงไปเจอแต่ตั๋วจำนำ

“วันนี้นายกอิ๊งค์กับผม พ่อลูกคุยกันทุกวัน ปรึกษาหารือกันตลอด ผมมีประสบการณ์แนะนำ นายกอิ๊งค์เอาความเป็นคนรุ่นใหม่มาประกอบกันและพัฒนาประเทศเรา เรื่องเอไอนายกอิ๊งค์ตั้งใจอย่างเต็มที่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้การใช้เอไอสั่งการให้ทำงาน และในเรื่องของการศึกษา เข้าใจว่าจะมีการแจกแท็บเล็ตอีกรอบ เพื่อนำมาใช้สำหรับการศึกษา นายกอิ๊งค์อยากนำเงินที่กองฉลากจัดสรรให้ทำโรงเรียนหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝันอีกครั้ง เป็นโรงเรียนต้นแบบเอาคนที่ได้ที่หนึ่ง ส่งไปเรียนเมืองนอก จัดซัมเมอร์แคมป์ให้เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอก เอาครูต่างประเทศมาจัดแคมป์ในเมืองไทย ปิดเทอมปีการศึกษาหน้า คงมีอะไรสนุกๆ อีกแน่“ นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ต่อไปนี้จะจริงจังในการคัดเลือกคน โดยจะให้มหาวิทยาลัยเป็นแกนนำร่วม อบจ. เพื่อคัดคนที่อยากเพิ่มความชำนาญให้ตนเองเพื่อเป็นอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าแรงงานขั้นต่ำ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอน์แห่งชาติ ว่าจะคัดคนสวยแบบธรรมชาติไม่ต้องศัลยกรรม เพื่อให้มีโอกาสเท่าเทียมกัน ใครอยากเป็นนางแบบระดับโลกก็จะคัดมาฝึก ซึ่งนพ.สรุพงษ์ บอกว่าอยากได้งบกลาง 20 ล้านบาท ตนเลยบอกว่าเดียวตนออกให้เอง เดียวหาสปอนเซอร์มาช่วย แต่ทุกคนต้องเปนแมวมอง ผ่านกองทุนหมู่บ้าน ไม่จำกัดเพศจะเป็น ชาย หญิง หรือเพศที่ 3 หากดูแล้วเหมาะที่จะเดินแบบได้ ก็คัดไปเอามาฝึก แต่อย่าพึ่งทำศัลยกรรม

“เราอยากได้คนที่มีความงามแบบไทยแท้ ปนเจ็ก ปบแขก ปนลาวก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่ต้องงามแบบออริจินัล แบบที่ออกมาจากท้องแม่ เพราะในโลกคงอยากเห็นคนไทยแท้เป็นอย่างไร ถ้าบุคลิกดีเดินแบบได้ แปบเดียว ก็มีโอกาสทำเงินได้เป็นล้านๆ เรียนหนังสือไม่เก่งไม่เป็นไร แต่ขอคนที่ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน นายกฯบอกปีนี้เป็นปีแห่งโอกาส ก็อยากจะสร้างโอกาสในทุกมิติ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 8-10 ก.พ. นาโอมิ แคมเบล นางแบบระดับโลกจะเดินทางมาที่ประเทศไทย ก็จะมาคุยกับตนว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้เป็นนางแบบระดับโลกได้ ทั้งนี้ ตนนั่งผ่านริมแม่น้ำโขง บรรยากาศโรแมนติก ประชากร จ.นครพนม เพิ่มขึ้น ทั้งที่หลายจังหวัดเริ่มไม่ผลิต คนน้อยลง แสดงว่าบรรยากาศช่วยเหลือ ตนนั่งดูยังมองว่าริมโขงโรแมนติกไว้ผลิตลูก

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องรถไฟรางคู่เขาขยายไปทั่ว รถไฟเก่าช้าวิ่งแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างจึงเกิดความรู้สึกว่ารถไฟช้านานๆ มาที วันหนึ่งมีคนขึ้นรถไฟแค่ 8 หมื่นกว่าคน คนใช้ก็บอกว่าให้ลงทุนแล้วทำให้รถไฟมาเร็วขึ้น แต่รถไฟก็บอกว่าพวกคุณก็ขึ้นก่อนเราจะได้มีเงินมาทำ ฉะนั้นเราจะทดลอง 20 บาทตลอดในกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าคนยังใช้น้อยเพราะต่อลำบากตั๋วร่วมก็ไม่มีแล้วก็เก็บแพง ตนจึงบอกว่าเรารัฐบาลซื้อคืนมาให้หมดแล้วจัดการให้เก็บตั๋ว 20 บาทตลอดสาย แล้วบอกว่ามีรถไฟถี่ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ขึ้นไม่ต้องรอรถไฟ รถจะได้ติดน้อยลง อากาศเสียน้อยลง ประชาชนจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นเพราะใช้เวลาน้อยในการที่จะเดินทางไปทำงาน และจะทำรถไฟเช่นนี้ทั่วประเทศไทยเพื่อให้มีความเร็วดีขึ้น ส่วนรถไฟจากลาวถึงหนองคายจะถึงกรุงเทพฯ แน่นอน และจากกรุงเทพฯ ไปถึงคุณหมิงได้แน่

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตอนแรกตนยังไม่แก่ แต่พอนั่งปุ๊บ ลุกขึ้นแก่แล้วนี่หว่า กระดูกกระเดี้ยวเริ่มเคลื่อน แต่ตนมีของดีและว่าอีกสักปีหน้าตนจะหนุ่มกว่าเดิมกว่าเดิม เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่เขาให้คนแก่หนุ่มขึ้น มีวิธีรักษาอวัยวะข้างในโดยการเติมสเต็มเซลล์ที่เป็นสเต็มเซลล์ของตัวเราเอาไปทำเอาให้เป็นสเต็มเซลเหมือนตอนเกิด และใส่เข้าไปจะซ่อมสิ่งที่สึกหรอในร่างกายร่างกาย ซึ่งตนกำลังเจรจากันอยู่ว่าเราจะทดลองที่ใดที่หนึ่งให้เป็นศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆได้หรือไม่ เช่นเทคโนโลยีทางด้านสเต็มเซล หรือด้านตัดต่อพันธุกรรม ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าทำได้แค่ไหน ถ้าทำได้ประเทศไทยจะนำสมัยมาก และตนเป็นคนชอบเรื่องใหม่ๆ ไม่งั้นประเทศไทยจะช้ากว่าประเทศอื่น

“วันนี้ที่ผมต้องมาช่วยหาเสียงให้อบจ. เพราะผมอยากได้กำลังภาคพื้นดิน ภาคจังหวัดที่จะต้องช่วยกันดูค้นหาคนมาร่วมกับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของนายกอิ๊งค์ก็ดี การหานางแบบนายแบบระดับโลกก็ดี เราต้องอาศัยอบจ.ช่วยกัน ฉะนั้น จึงอยากได้นายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทยเยอะๆ เพื่อจะได้ดูแลกันอย่างทั่วถึง วันนี้จึงต้องมาฝากนายอนุชิตเบอร์แปดให้เป็นนายกอบจ. ต้องเอาคนหนุ่มมาใช้งานเพราะผมใช้งานหนัก ผมเป็นคนที่ชอบให้คนทำงาน และจึงขอให้นายอนุชิตมาเป็นมือไม้ในการทำงานช่วยผม และอย่าลืมหามือไม้ให้นายอนุชิตโดยการเลือกอบจ.ด้วย เอาทั้งทีมไม่งั้นจะทำงานไม่ได้” นายทักษิณ กล่าว

‘ทักษิณ’ เซ็ง ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ เยอะ ทำงานได้ช้า ลั่น เลือกตั้งครั้งหน้า เอาพรรคอื่นน้อย ๆ ขอเพื่อไทยเยอะๆ มี รมต.พรรคเดียวกัน งานเร็ว พูดรู้เรื่อง ไม่มีเลศนัย ไร้เล่ห์เหลี่ยม

(30 ม.ค.) ที่จ.ลำพูน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ช่วยนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน ในนามพรรคเพื่อไทย หาเสียง โดยนายทักษิณ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้เห็นลำพูนเจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูแล้วมีคนอยู่สองกลุ่มคือกลุ่มค้าขายกับกลุ่มเกษตรกรรม แม่บ้าน เราจะต้องทำให้ลำพูนเป็นเมืองแฝดกับเชียงใหม่ เพราะหากประชาสัมพันธ์ร่วมกันในเรื่องของวัฒนธรรมด้วยกันได้เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น

นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาคือบ้านเราไม่ค่อยมีเงินใช้ แต่ปีนี้รัฐบาลจะสร้างโอกาสหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนให้มีรายได้ที่ดีขึ้นและปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้มากที่สุด การบริหารประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องให้รัฐบาลกลางได้เชื่อมกับท้องถิ่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นงบประมาณจะลงไม่ถึงประชาชน มาที่นี่ก็อยากขอให้นายอนุสรณ์เป็นนายก อบจ.ลำพูน อีกครั้ง ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ

“เลือกตั้งครั้งหน้าก็ขอให้เลือกเพื่อไทยให้หมด เพราะคราวที่แล้วได้น้อยไปหน่อย มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ทำงานได้ แต่ช้า คราวหน้าให้มีพรรคร่วมน้อยๆ เอาเพื่อไทยเยอะๆ รับรองว่าทำงานแล้วจะรวยเหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย พรรคมันใหญ่ ทำงานได้เร็ว เพราะรัฐมนตรีทุกคนอยู่สังกัดพรรคเดียวกันหมด พูดรู้เรื่อง ไม่มีเลศนัย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก พูดตรงไปตรงมามันง่ายดี คราวหน้ามั่นใจเพื่อไทยจะมาที่หนึ่ง 200กว่าเสียง“ นายทักษิณ กล่าว

‘ทักษิณ’ เกาะติดอภิปราย!! หากฝ่ายค้านยื่น ลั่น!! ไม่กังวล พร้อมโต้เอง หากถูกพาดพิง

(9 ก.พ. 68) ที่บ้านราชวิถี ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหากมีการพาดพิงมาถึง จะฟ้องร้องหรือไม่ ว่า ตนเข้าไปในสภาไม่ได้ แต่อาจไปอยู่หลังสภาคอยตอบให้ ถ้าใครสงสัยอะไรมาถามได้ ท่าจะดีเหมือนกัน เมื่อถามย้ำว่า หากถูกอภิปรายพาดพิงจริงจะตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้อย่างเป็นทางการหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรค หากพาดพิงจริงก็ตอบได้ ให้มาถามก็แล้วกัน ส่วนจะตอบในรูปแบบใด ไม่มีอะไรต้องกังวล

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกาะติดการอภิปรายโดยตั้งเป็นวอร์รูมหรือไม่ นายทักษิณหัวเราะและกล่าวว่า ไม่มีปัญหา สบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อถามว่า จะต้องติวให้นายกรัฐมนตรีที่ยังไม่เคยผ่านเวทีอภิปรายหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า วันนี้นายกฯผ่านมาเยอะแล้ว โดนมาเยอะแล้ว สบายๆ และเป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องคอยตอบคำถาม ส่วนฝ่ายค้านมีหน้าที่ตั้งคำถาม เรามีหน้าที่ตอบ ไม่มีอะไร เพราะเป็นกติกาประชาธิปไตย

เมื่อถามย้ำว่า ในฐานะคุณพ่อไม่มีความกังวลแทนนายกฯใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่กังวล มั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจมาอภิปราย และอาจนำไปสู่การเมืองนอกสภา นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มีอะไรให้กังวล

เมื่อถามกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ยื่นเอกสารลับชั้น 14 ให้กับผู้นำฝ่ายค้าน นายทักษิณกล่าวว่า “ผมเป็นตำรวจเก่า รู้จักแต่ พล.ต.อ.ที่เป็นเป็นผู้ชาย พล.ต.อ.ผู้หญิงผมไม่รู้จัก” ผู้สื่อข่าวจึงถามขึ้นว่า พล.ต.อ.หญิงหมายความว่าอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า พล.ต.อ.หญิงไม่มี เลยไม่จัก รู้จักแต่ พล.ต.อ.ชาย”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่ระบุว่า พล.ต.อ.หญิงหมายถึงใคร นายทักษิณกล่าวย้ำว่า ไม่รู้ ในประเทศไทยมีแต่ พล.ต.อ.ชาย เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ารู้จักแต่ พล.ต.อ.ชาย ไม่รู้จัก พล.ต.อ.หญิง เป็นการเปรียบเปรยใช่หรือไม่ นายทักษิณหัวเราะ และกล่าวว่า พล.ต.อ.หญิงยังไม่มี และประเทศไทยยังไม่เคยมี ใครอยากเป็นคนแรกก็เป็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงคนที่ยื่นเอกสารให้กับผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่รู้นะ ผมเป็นลูกผู้ชาย” เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับผู้ที่ยื่นเอกสารให้ผู้นำฝ่ายค้านเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เคยร่วมรัฐบาล นายทักษิณกล่าวว่า เคยมีสัมพันธ์ที่ดี ขอตอบแค่นี้ เมื่อถามย้ำว่า ความสัมพันธ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร นายทักษิณกล่าวคำเดิมว่า เคยมี เคยมีแปลว่าอะไร เมื่อถามว่า แปลว่าจากนี้จะไม่ดีกันแล้ว นายทักษิณกล่าวว่า เอาเป็นว่าเคยมี

เมื่อถามย้ำว่า ฝ่ายค้านย้ำข้อมูลการอภิปราย ทั้งเรื่องฝุ่น กาสิโน การตัดไฟเมียนมา จะทำให้รัฐบาลสะเทือนได้ นายทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ตอบ เรื่องฝุ่นมีมานาน ไม่ใช่จะหายชั่วข้ามคืน เรามีมาตรการออกมาเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้อย่างอารมณ์ดี โดยพูดไปยิ้มไป

‘ทักษิณ’ ดึง ‘นาโอมิ’ ที่ปรึกษาทีมซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนอุตฯแฟชั่น - ปั้นนางแบบไทยสู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ (9 ก.พ.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีจดหมายเปิดผนึกกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม คัดค้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ว่า ยังไม่เห็นเนื้อหาที่ชัดเจน แต่รู้สึกว่าจะมีการตำหนิผู้นำ เท่าที่ได้สอบถามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องการตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ คาดว่าอีก 2 วันคงจะลงตัว ซึ่งเป็นกลไกที่แบงก์ชาติ และกระทรวงการคลังเสนอ และให้คณะกรรมการสรรหาไปเลือก การเป็นประธานต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความรู้ จึงไม่ทราบเหมือนกันว่านายพิชัยเสนอใคร

เมื่อถามว่า มองว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า พูดตรงๆ คนจะมาทำงานให้กับประเทศโดยส่วนรวมหายาก เพราะต้องมีความพร้อม และต้องมีความเสียสละ บางคนอาจจะพร้อม แต่ไม่เสียสละ บางคนอยากเสียสละ แต่ไม่พร้อมมาช่วยกันทำงานให้บ้านเมือง หรืออาจเพราะตนแก่ไปแล้ว ไม่รู้จักคน เพราะหายไป 17 ปี แต่ก็ช่วยกันมองอยู่

นายทักษิณ กล่าวกรณีเชิญ นาโอมิ แคมป์เบลล์ นางแบบระดับโลก หารือว่า เมื่อคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ได้พูดคุยเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ กับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ มี น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลเรื่องการพัฒนาชุมชนและกองทุนหมู่บ้าน จะให้เด็กรุ่นใหม่อยู่ในชนบท หรือครอบครัวคนที่ไม่ค่อยมีฐานะในการเปลี่ยนแปลง หรือไปศัลยกรรมได้มีโอกาสเข้ามา เท่าที่คุย นาโอมิเห็นด้วย เพราะเขาเองก็มาจากครอบครัวจาไมก้า และได้พูดคุยกันถึงแนวทางการจะคัดคนให้นางแบบประเทศไทยเทรนก่อน แล้วจะส่งไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้มีโอกาสมากขึ้น

“ส่วนจะเชิญนาโอมิมาเป็นทูตวัฒนธรรม หรือเป็นแค่ที่ปรึกษานั้น ผมเชิญมาเป็นที่ปรึกษาในฐานะที่รู้จัก และเขามีประสบการณ์เยอะ อยู่ในวงการนี้มานาน มีสายสัมพันธ์มาก เลยขอคำปรึกษา คำแนะนำ” นายทักษิณกล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นาโอมิมีกำหนดการเข้าพบหารือนายกฯ เรื่องแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น ในโอกาสเยือนประเทศไทยด้วย ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top