'ทักษิณ' ดับกระแส ปลด 'พีระพันธุ์' พ้น ครม. ย้ำ เป็นคนตั้งใจทำงาน - คุยกันรู้เรื่อง เล็งรีดไขมันลดค่าไฟ
(6 ม.ค. 68) ‘ทักษิณ’ ยัน ไม่มีการปรับ ‘พีระพันธุ์’ ออกจากครม. บอกวันก่อนคุยกันเรื่องลดค่าไฟ คุยกันรู้เรื่อง เล็งเดินหน้าปรับลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาท
ที่จ.เชียงราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปราศรัยหาเสียงเพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้ง ถึงการลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยว่า ตนดูแล้วว่าสามารถรีดไขทันจากค่าไฟได้ และสามารถลดค่าไฟได้อีก ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พิจารณาแล้วและจะเรียกทุกคน รวมถึงภาคเอกชน ประชุม เพื่อให้ทุกคนเต็มใจยอมรับกับการรีดไขมันครั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายช่วยกัน หากประชาชนจน เอกชนไม่มีรวย ถ้าอยากรวย ต้องให้ชาวบ้านหายจน ทั้งนี้ตนได้นั่งคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงานแล้วเมื่อวันก่อนเพื่อหาทางช่วยกัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายพีระพันธุ์จะถูกปรับออกจากรัฐบาล นายทักษิณ กล่าวว่า "อ๋อ ไม่มี คุยกันรู้เรื่องไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง"
เมื่อถามย้ำว่า น.ส.แพทองธาร เปรยเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรี ในช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า "ไม่มีเลย วันนั้นคุยกัน เขาบอกว่า อิ๊งค์ ยังสบาย ๆ ถ้าทำงานกับ ครม. ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี"
เมื่อถามว่ายังอยู่ยาวได้ใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ยังไม่มีเหตุปัจจัย
นายทักษิณ ยังกล่าวย้ำด้วยว่าในปี2568 รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก โดยต้องมองโครงสร้างของปัญหาเศรษฐกิจ และเร่งแก้ไข เช่นเม็ดเงินที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ทำให้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไม่ได้ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาคนในระบบเศรษฐกิจว่าจะส่งเสริมความรู้ความสามารถ ที่มีอยู่ รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
"เมื่อเม็ดเงินมีคนรองรับ ระบบไปได้ ก็ต้องทำพร้อม ๆ กัน พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีเรื่องของการใช้จ่ายภาครัฐเมกกะโปรเจคบ้าง โดยนายกฯกำลังเรียกประชุมหลายฝ่าย เพื่อที่จะตกผลึกในวิธีการทำงาน ให้บรรลุเป้าหมาย และต้องยอมรับว่ากลไกของรัฐปัจจุบัน เปลี่ยนไปจากเดิมอุ้ยอ้ายขึ้น และอำนาจไปอยู่กับราชการ ต้องอาศัยความร่วมมือ" นายทักษิณ กล่าว
ขณะที่ในช่วงกล่าวปราศรัยหาเสียงบนเวที นายทักษิณ กล่าวว่า เดิมตนไม่ค่อยเท่าไหร่กับการเมืองท้องถิ่นเพราะเคยเป็นรัฐบาลจากพรรคการเมืองใหญ่ แต่เมื่อได้กลับมาก็มุ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชน จึงอยากให้ประชาชนเลือกนางสลักจฤฎดิ์ให้เข้าไปทำงานประสานกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของรัฐบาลจะมีการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน คนละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการผ่อนบ้านและรถด้วย
อดีตนายกรัฐมนตรีที่พ้นโทษกลับประเทศไทยกล่าวต่อว่าตนไม่อยู่บ้านนานถึง 17-18 ปี เมื่อกลับมาพบว่าระบบที่เคยทำไว้เสียหายหมด จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรและเห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดสำคัญ ถ้าคนชนบทมีกินมีใช้เศรษฐกิจประเทศก็จะเดินหน้า เพราะทุกวันนี้ประชาชนไม่มีเงินใช้ ขาดสภาพคล่อง ร้านค้าปลีกต่างจังหวัดก็แย่ เพราะมีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ เงินก็ไหลเข้าสู่ส่วนกลางหมด สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ฯลฯ
ดังนั้นตนจึงตั้งใจแก้ปัญหาโดยพัฒนาในสิ่งที่ชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว เช่น งานหัตถกรรม ดนตรี เกษตรกรรม ฯลฯ รัฐบาลจะนำมหาวิทยาลัยเชื่อมกับ อบจ.สร้างงานสร้างรายได้ จะมีการเจียระไนหาคนไทยที่เก่งๆ ทั่วประเทศ ทั้งที่มีบุคลิกเป็นนางแบบ ทำอาหารเก่ง เป็นนักศิลปะ มีฝีมือหัตถกรรม ฯลฯ สิ่งนี้เกิดขึ้นในปีนี้ ปี 2568 นี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ อบจ. จึงขอให้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เพื่อให้ค้นหาเพชรเม็ดงามในเชียงรายต่อไป
นายทักษิณกล่าวว่ายามว่างได้เข้าไปดูโซเชียลมีเดียได้เห็นบางคนชีวิตน่าจะเหลือน้อยลงไปทุกที เดี๋ยวก็จะแขวนคอตายแล้ว เพราะชีวิตมองโลกแย่หมด อีกไม่กี่วันตนจะเอาเชือกไปให้มัน เพราะเช้าและสายก็ด่ารัฐบาลหมด มีอยู่แค่ 4-5 ตัว พวกนี้สงสัยอยากได้เชือก
อย่างไรก็ตาม เราจะทำในสิ่งสร้างสรรค์มากกว่าโดยใช้โซเชียลอย่างติ๊กต็อกมาขายของให้ชาวบ้าน โซเชียลจึงควรใช้ในทางสร้างสรรค์ แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เข้ามาแล้วก็ด่าอย่างเดียวทำไมไม่ด่าพ่อแม่มันบ้าง ตนจึงรู้สึกสมเพชเพราะลักษณะพวกนี้เหมือน "แตงไม่ขึ้นซ้าง" (แตงไม่เลื้อยขึ้นนั่งร้าน)
นายทักษิณยังกล่าวต่อด้วยว่า เมื่อครั้งตนยังไม่เล่นการเมืองก็สบายดีอยู่ กระทั่งปี 2536 ก็มีเงินถึง 6 หมื่นล้านแล้ว พอเล่นการเมืองจึงหมดไปเรื่อย ๆ พวกควายยังมาด่าตนอีก พ่อมึงไม่รู้หรือไง ตนรวยมาตั้งแต่ปี 2535-36 แล้ว ตนคิดแบบคนสมัยใหม่แต่คนรุ่นเก่ากลับด่าตนสารพัด มีอยู่คนบอกว่าตนสร้างความวุ่นวายเพราะแค้นตนมาตั้งแต่ปี 44 ที่บ้านของเขาหน่วยเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาเพียงแค่ 47 คน ประชาชนยังไม่เลือกเลย
นายทักษิณกล่าวด้วยว่าตนได้ตั้งตำแหน่งให้ตัวเองคือ สทร.หมายถึง “เสือกทุกเรื่อง” เมื่อไปพบปัญหาที่ไหนก็จะส่งให้รัฐบาล พอดีมีนายกรัฐมนตรีที่เคยตามตนมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ขณะหาเสียงตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ยังยืนดูตนอยู่ ตอนไปประชุมเอเปกที่ชิลีก็ไปด้วย ซึมซับการเมืองและรักพี่น้องประชาชน จึงเข้ามาทำงานทั้ง ๆ ที่เขาก็สบายอยู่แล้ว
“ผมจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะแก้ไขปัญหาประเทศได้ โดยตั้งเป้าว่าปี 2568 ทุกฝ่ายจะทำงานให้หนักและเศรษฐกิจดีขึ้น และปี 2569 เปรียบเหมือนเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จากนั้นขอเวลาอีก 2 ปีหนี้ประเทศจะลดลง”
นายทักษิณกล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่าเกิดจากในเมียนมามีการสู้รบกัน บางกลุ่มจึงขายยาเสพติดเพื่อนำเงินไปซื้ออาวุธและมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ดังนั้นในปี 2568 นี้จะจัดการให้เรียบ ส่วนเรื่องการพนันออนไลน์นั้นมีคนเข้าไปเล่นมากมาย บางครั้งหลายล้านคนซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนเหล่านี้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ ดังนั้นจึงถึงเวลาจะเอาสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมาบนดิน เพราะถ้าถูกกฎหมายจะเก็บภาษีได้ โกงไม่ได้ อายุต่ำกว่า 20 ปีเล่นไม่ได้ คนที่ติดงอมแงมก็ส่งให้หมอบำบัดได้
“ปัญหายาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ การผูกขาด ต้องเอาให้เกลี้ยงหมด”
นายทักษิณพูดถึงเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้าว่าในปี 2568 นี้จะต้องเอาตัวเลขการใช้ไฟให้เหลือเลข 3 ดูแล้วน่าจะให้ถึง 3.70 น่าจะได้ ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กผฟ.) เป็นองค์กรผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเอากำไรส่วนหนึ่ง และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และเอกชน ก็จะนำมาจ่ายต่อสุดท้ายประชาชนก็ตายกันพอดี จึงต้องแก้ไขปัญหาและยืนยันให้ค่าไฟฟ้าลดลง เมื่อนั้นสินค้าอื่นๆ ก็จะลดลงตาม เพราะธุรกิจย่อมหวังผลกำไรแต่ไม่ใช่ได้กำไรแล้วอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายขอให้ประชาชนได้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เป็นนายก อบจ.เชียงราย และไปบอกคนอื่นๆ ว่าตนขอให้ช่วยเลือกด้วย