Wednesday, 1 May 2024
ทักษิณชินวัตร

อ.เจษฎ์ หวั่น สงครามกลางเมือง คนไทยฆ่ากันเอง เพราะถูก ปลุกปั่น ยุยง ที่จะรุกเร้าไปสู่จุดนั้น

จากรายการ ‘เข้มข่าวใหญ่’ ช่อง PPTV HD 36 ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ระบุว่า ...

พวกบุกขบวนเสด็จ เนี่ยอาจจะเล่นกับความรู้สึกแบบตรงๆกับประชาชนนะ แต่คุณทักษิณเล่นกับความรู้สึกเชิงลึก ชั้นได้รับสิทธิพิเศษจะทําไมอ่ะ ถ้าฉันจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาพรรคหนึ่งเป็นส่วนแยกไปจากพรรคเพื่อไทย คือพรรคไทยรักษาชาติ แล้วฉันจะให้พรรคการเมืองนี้เสนอทูลกระหม่อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้วันหนึ่งบอกว่า ทูลกระหม่อมฯ เป็นที่มาจากการเลือกตั้งเป็นพระบรมวงที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วพระมหากษัตริย์พระองค์ท่านมาจากการเลือกตั้งยังไงเหรอ นี่ไม่ใช่การทําลายเหรอครับ

คุณทักษิณไม่จบไม่จบสิ่งที่ทําทั้งหมดเหล่านี้ และ มันจะยิ่งซึมลึกเข้าไปใหญ่ เพราะไม่ยอม เข้าไปอยู่ในคุก ไม่รับผิดไม่รับโทษมันทําให้พระบรมราชโองการที่โปรดเกล้ามาเนี่ย ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหนมันยังเหลืออีกหนึ่งปีถูกไหมครับ และอย่าลืมว่าคุณทักษิณบอกว่าจะไม่ยอมติดคุกแม้กระทั่งนาทีเดียว

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นแต่ในพระบรมราชโองการจะต้องไปติดคุกหนึ่งปีนะแต่ พลพรรคทั้งหลายมาใช้กฎหมายไม่ต่างกันกับที่พรรคก้าวไกล ทำนะ ความชั่วร้ายทั้งหลายมันอยู่ในรายละเอียดครับ บาง เทวดาอาจจะอยู่ในหลักการนะเออ แต่นางมารและพญามารเนี่ยมันอยู่ในรายละเอียด อาจารย์คิดว่าคุณทักษิณเป็นภัยคุกคามสถาบันมากกว่า ก้าวไกล ผมว่าใช่ คุณทักษิณไม่ใช่แต่แค่ว่าทําให้คนรู้สึกว่าเอ๊ะ ตกลงสถาบันพระมหากษัตริย์นี่เป็นยังไง คนรู้สึกไปถึงสถาบันชาติด้วย ตกลงชาติบ้านเมืองอยู่กันยังไง เชื่อมั้ยผมไปทานก๋วยเตี๋ยวผมไปซ่อมรถคนบรรดาที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นบอกผมว่า อาจารย์ผมมานั่งนึกคิดกันละ หนูมานั่งลองดูแล้วนะ เนี่ยหนูก็รวยอย่างเดียวพอจบเออแล้วทํายังไงรู้มั้ย เอาเงินไปซื้อเสียงสิคะ แล้วก็กลายเป็นส.ส.ค่ะ แล้วก็เป็นรัฐมนตรีค่ะแล้วก็ ไต่เต้าไปเป็นนายกฯค่ะ แล้วทุกอย่างนะ ก็จะได้หมดเลย  

ความมั่นคง มีความมั่นคงของชาตินะ แล้วศาสนาด้วย คนคิดกันว่า ยังไง ทําดีได้ดีมีที่ไหน ทําชั่วได้ดีมี ถมไปตกลงทําดี จะไปได้ดีเมื่อไหร่ตกลงทําชั่วแล้วจะไม่ได้ชั่วเลยหรือ หนูก็ว่าหนูก็ทําดีมาตลอดชีวิตทําไมถูกกลั่นแกล้งตลอด

แล้วอย่างนั้นเนี่ยล่ะ มันก็เซาะกร่อน บ่อนทําลายสถาบันชาติ  ถ้าปล่อยได้พักโทษ รอบนี้มาเนี่ย โอ้โห มันก็จะทําให้การเมืองไม่ได้เงียบนะ ไม่ได้นิ่ง แล้วบ้านเมืองเนี่ยลองคิดดูนะครับ ว่าเป็นภัยคุกคาม สังคมมันมีภัยคุกคามอยู่ทั้งหมดเลยผมถึงได้บอกว่า

ณ จุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องทหาร ไม่ใช่เรื่องกองกําลังกับประชาชนนะ มันจะกลายเป็นเรื่องประชาชนกับประชาชน ประชาชนแต่ละหมู่เหล่า และท้ายที่สุด ผมคิดอย่างนี้ ถ้ามันมีเรื่องบางประการ มีสิ่งบางอย่างที่ประชาชนหวงแหนร่วมกัน แล้วมีใครคิดจะทําลายผมว่าต้องลุกมาฆ่ากันตาย ก็ต้องลุกมาฆ่ากันตาย เมื่อไม่รู้จะทํายังไงไม่รู้จะแก้ด้วยอะไร ถ้าใช้เสรีภาพเนี่ย ฆ่ากันตายก็เป็นเสรีภาพนะ แล้วกฎหมายจะอยู่ตรงไหน

นั่นจึงเป็นเหตุ ถ้าถามผมนะ ว่าเอาล่ะ ด้วยน้ำพระราชหฤทัย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯไม่ต้องปิดถนนอะไรกันแล้วเนี่ยครับ มันอาจจะไม่ได้แล้วล่ะ เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะว่าอยากให้พระองค์ท่านเสด็จสัญจรไปมาได้สะดวก อะไรแบบนั้นนะ แต่ไม่อยากให้คนไทยลุกขึ้นมาฆ่าแกงกัน 

การถวายความอารักขา การถวายความปลอดภัยสูงสุด แด่พระบรมวงษ์ชั้นสูงเนี่ย ไม่ได้เป็นไปเพื่อพระองค์ท่านนะ แต่เป็นไปเพื่อไม่ให้บ้านเมืองมันลุกร้อนลุกขึ้นมาฆ่ากัน แม้กระทั่งในประเทศที่เป็นประธานาธิบดีเนี่ย การที่เค้ารักษาประธานาธิบดีเค้า ก็เพราะเค้าไม่อยากให้บ้านเมืองลุกร้อนเป็นไฟลุกขึ้นมาฆ่ากันไม่ใช่แต่เพียงแค่ คนคนนั้นที่ได้รับความคุ้มครอง มันต้องมองให้ลึก มันต้องมองให้ซึ้ง

‘ไอติม’ แจง!! ปม ‘พิธา’ ลงเชียงใหม่ชน ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ ยัน!! เป็นกำหนดการของพรรค ที่วางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้ว

(15 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่วันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่พอดีว่า เป็นแผนการดำเนินงานของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า ที่วางแผนล่วงหน้ามานานแล้ว เพราะเป็นการศึกษาผลกระทบที่มีต่อประชาชนในภาคเหนือ เพื่อหวังจะถอดบทเรียนในการนำเสนอนโยบาย และการแก้ไขปัญหา พร้อมยืนยันไม่ได้มีการจัดตารางลงพื้นที่ชนกันกับนายกรัฐมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่ามองภาพนายเศรษฐา นายทักษิณ และนายพิธา ลงพื้นที่พร้อมกัน ที่เหมือน 3 นายกฯ ในวันเดียวกันอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลยึดถือมาตลอดคือยึดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะมีปัญหาของประชาชนเยอะมาก โดยเฉพาะปัญหาไฟป่า พร้อมย้ำว่าจะนำปัญหาดังกล่าวมาผลักดันโดยกลไกของสภา จึงไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำมาตลอด ว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง ในการทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรับใช้ประชาชน

ส่วนประชาชนที่อาจจะคิดว่าเป็นการเปรียบเทียบรัศมีนั้น ถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะวิเคราะห์ แต่ขอยืนยันต่อสาธารณะว่าพรรคก้าวไกลไปดำเนินการเรื่องไฟป่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ของใคร

เมื่อถามว่าเรื่องไฟป่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อาจจะเป็นหนึ่งในประเด็นการอภิปราย แต่ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการคัดเลือก สส. ไปอภิปรายว่าผ่านการคัดเลือกหรือไม่ และหัวข้ออะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้จะใช้เวลาอภิปราย ทั้ง 2 วันให้ครอบคลุมนโยบายสำคัญ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม 

เมื่อถามว่าในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมองหน่วยงานราชการที่เข้ารายงานนายทักษิณระหว่างลงพื้นที่เชียงใหม่อย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ต้องให้รัฐบาลตอบว่า การดำเนินการทั้งหมด เป็นไปตามระเบียบราชการหรือไม่ ดังนั้น เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในการจัดสรรบุคลากรไปให้ข้อมูล จึงเป็นคำถามที่รัฐบาลควรตอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปคอยให้การต้อนรับนายทักษิณ ที่เชียงใหม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็น คำชี้แจงผ่านๆ ว่าไปภารกิจอื่น แต่หากประชาชนยังเคลือบแคลงสงสัย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องชี้แจงให้ประชาชนมั่นใจ ว่าไม่ได้มีการจัดสรรบุคลากรภาครัฐ ที่ไม่เหมาะสม แม้รัฐมนตรีจะอ้างว่าลางานไป แต่เป็นสิ่งที่จะต้องตอบ และสิ่งที่พรรคก้าวไกล เวลาเลือกจะไปจังหวัดไหนจะยืดปัญหาประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นมาตรฐานที่หวังว่า พรรคการเมืองอื่น ทุกพรรคจะนำไปใช้ 

นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ของพรรคก้าวไกลว่า เป็น 1 ใน 16 จังหวัด ที่พรรคก้าวไกลประกาศรับสมัคร นายก อบจ. ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์ และเป็นแรงจูงใจ ให้คนมาสมัคร ส่วนจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 16 จังหวัดหรือไม่ต้องรอผลการคัดเลือก เพราะจะเน้นผู้สมัครที่มีคุณภาพ ไม่ได้เน้นจำนวนเพียงอย่างเดียว เน้นบุคลากรที่เชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งด้วย

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าหากประชาชนสงสัยเรื่องมีนายกฯ หลายคน ก็เป็นสิ่งที่นายเศรษฐา จะต้องให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ว่าถึงแม้จะมีสิทธิปรึกษาใครหลายคน แต่การตัดสินใจทุกอย่าง จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ส่วนการลงพื้นที่เชียงใหม่ของนายทักษิณ จะทำให้กระแสพรรคก้าวไกลลดลงหรือไม่นั้น พรรคก้าวไกลปีที่แล้วเป็นอย่างไรปีนี้ก็เป็นเช่นนั้น ใครที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง เราก็จะพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล และหวังว่าการทำงานของก้าวไกล จะทำให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจ เลือกเปิดใจมาให้โอกาสมากขึ้น

‘อาจารย์อุ๋ย’ ฟาด ‘เศรษฐา’ วางตัวไม่เหมาะสม เหตุไปขอคำปรึกษาจาก ‘นักโทษคดีทุจริต’ ชี้ ทำต่างชาติ หมดความเชื่อมั่น

เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสเฟซบุ๊กแสดงความเห็นว่า 

บางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า หลักนิติธรรม ซึ่งหมายถึง หลักการปกครองที่กฎหมายเป็นใหญ่และบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคคำนึงถึงสิทธิพื้นฐานของประชาชน ตัวกฎหมายมีความเป็นธรรม ทันสมัย มีที่มาชอบธรรม บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมมีความเที่ยงธรรม ประชาชนเข้าถึงและได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม กับการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นมีความเกี่ยวพันกันอย่างยิ่ง 

เพราะหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในระบบกฎหมายของประเทศที่ตนจะมาลงทุน ไม่ต้องกังวลกับ 'ต้นทุน' หรือ cost ที่มองไม่เห็น และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจจะต้องหมดไปกับการคอร์รัปชันและการเผชิญกับอุปสรรคที่เกิดจากกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายที่บิดเบือน และตั้งแต่ พ.ศ. 2558 สหประชาชาติได้ประกาศให้หลักนิติธรรมเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่ง Word Justice Project (WJP) ได้จัดทำดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม (Rule of Law Index) เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินความมีนิติธรรมของแต่ละประเทศในทุกปี ประกอบด้วย 8 ปัจจัยชี้วัดหลัก ได้แก่ การจำกัดอำนาจรัฐอย่างเหมาะสม การปราศจากการคอร์รัปชัน รัฐบาลโปร่งใส สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา

ทั้งนี้ ในปี 2566 ประเทศไทยได้คะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม 0.49 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 82 จาก 142 ประเทศทั่วโลก ถดถอยลงจากปี 2565 ที่ได้คะแนน 0.50 และต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2558 ที่ประเทศไทยเข้าสู่การสำรวจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวัน 11 กันยายน 2566 ว่า “รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สําคัญของประเทศ เป็นการลงทุนทําให้ประเทศไทยมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือที่ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ” 

แต่วันนี้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลับหน้าระรื่นไปดินเนอร์กับคุณทักษิณ ซึ่งยังคงอยู่ในสถานะของ 'นักโทษคดีทุจริต' ซึ่งอยู่ระหว่างพักโทษ ออกสื่อไปทั่วโลก แถมบอกหน้าตาเฉยด้วยว่าได้ขอคำปรึกษาการบริหารเศรษฐกิจจากคุณทักษิณ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า ต่างชาติเขาจะมองเราอย่างไรที่ผู้นำประเทศต้องไปขอคำปรึกษาจากผู้ต้องโทษคดีทุจริตต่อบ้านเมือง ซึ่งสวนทางกับมาตรฐานของสากลโลกในเรื่องระบบนิติธรรม และสวนทางกับนโยบายที่ท่านนายกแถลงออกจากปาก สงสัยว่าที่ท่านนายกและคณะบินไปประเทศนู้นนี้ (ด้วยเงินภาษี) และจีบแขกบ้านแขกเมืองมาลงทุน จะสูญเปล่าเสียแล้วกระมัง เมื่อต่างชาติเขาเห็นผู้นำประเทศของเราไปสนิทสนมและปรึกษาราชการงานเมืองกับนักโทษคดีทุจริต แล้วเขาจะคาดหวังได้มั้ยว่าประเทศไทยจะมีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง เพื่อรองรับการลงทุนของเขา

ด้วยความปรารถนาดี   

‘อมรัตน์’ ซัดใส่ ‘ทักษิณ’ ทุเรศ หลังให้สัมภาษณ์ ขอความเห็นใจ พูดได้หน้าไม่อาย ลากประเทศไทยให้ถอยหลัง แล้วบอกให้ ต่างคนต่างอยู่

(17 มี.ค.67) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กต่อเนื่อง ให้ความเห็นกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าใครที่ไม่ชอบหน้า ขอให้ต่างคนต่างอยู่ 

โดยโพสต์แรก นางอมรัตน์ได้แชร์ข่าวพร้อมระบุว่า ดีลของคุณมันเห็นแก่ตัวเกินไป เมื่อเลือกที่จะเห็นแก่ได้จนกระทบความรู้สึกผู้คนทั้งสังคม 

ต่อมาได้โพสต์คลิปและข้อความอีกว่า เป็นคน "มาสว่างไปมืด" ไปเสียแล้ว ก็ควรน้อมรับเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์ แหงนหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน ทุเรศ !

และโพสต์สุดท้ายเป็นข้อความ ว่า ลากประเทศถอยหลังเสร็จบอกขอความเห็นใจให้ต่างคนต่างอยู่ Sus

'บุ้ง ทะลุวัง' ร่ายยาว!! จดหมายจากเรือนจำ ถึง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ยาหอม!! ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมง่ายมาก แต่สุดท้ายตลบตะแลง

(18 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุวัง’ ได้โพสต์ข้อความจากจดหมายของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่ส่งจากเรือนจำ โดยระบุถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย มีใจความว่า

“ด้วยวิธีการที่คุณเลือกจะกลับบ้านคือการเอาเสียงของประชาชนไปแลก ทำให้คุณเป็นได้แค่นักการเมืองน้ำเลวคนหนึ่ง จดหมายฉบับนี้อยากพูดถึงคุณทักษิณและพรรคการเมืองที่แสนกลับกลอกของเขาสักหน่อย ถึงจะอดอาหารเอาชีวิตและร่างกายแลกเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมถูกปฏิรูปอยู่ แต่ตอนนี้บุ้งก็ได้ข่าวของคุณทักษิณอยู่บ้างจากการที่เพื่อน ๆ เล่าให้ฟัง

“ในสายตาบุ้ง คุณทักษิณเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเคยมีคุณงามความดีอะไร ตอนนี้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของคุณไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตปรสิต ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งก็น่าเสียดายเหลือเกิน คุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่างก็ได้นะคะ แต่อนิจจาลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น

“ครั้งหนึ่งตอนที่ทะลุวังประกาศว่าจะไปเยือนเพื่อไทย คุณทักษิณเคยพูดว่า “อย่าทะลุวังเลยมาทะลุทำเนียบเถอะ” และให้การต้อนรับบุ้งเป็นอย่างดี อีกทั้งยังให้บุ้งและเพื่อน ๆ นั่งคุยกับคนของเพื่อไทยเพื่อฟังคำขอของบุ้ง ถึงแม้จะมัดมือชกไล่สื่อออกจากห้อง ทั้ง ๆ ที่บุ้งต้องการให้เป็นการคุยแบบเปิดก็ตาม

“คนของพรรคเพื่อไทยรับปากกับบุ้งว่า การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนั้นง่ายมากและจะเป็นสิ่งแรกที่พรรคเพื่อไทยทำ บุ้งดีใจมากนะคะและเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะทำตามคำพูด เพราะคนที่ได้รับปากเป็นผู้ใหญ่แล้ว และคนเราจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้ก็เพราะรักษาคำพูดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วโลกของผู้ใหญ่ก็ทำให้บุ้งผิดหวัง เมื่อพรรคเพื่อไทยตอ…ตลบตะแลง กลับกลอกปลิ้นปล้อน อย่างหน้าไม่อาย บุ้งและเพื่อน ๆ ผิดหวังเสียใจ และหมดสิ้นซึ่งศรัทธาในตัวพรรคการเมือง แต่ถึงกระนั้นความหวังที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงและคนตากใบยังไม่หายไปหรอกค่ะ บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ จึงเอาชีวิตเข้าแลก เมื่อความหวังไม่มี เรา 3 คน จึงเลือกสร้างมันขึ้นมาเอง โดยกลั่นจากชีวิตเลือดเนื้อและอุดมการณ์ของพวกเรา

“ที่เล่าเพราะอยากให้คนข้างนอกเข้าใจ ว่าที่เราทำไม่ใช่เพราะพวกเราบุ่มบ่าม ก้าวร้าว ทำอะไรไม่คิด แต่เพราะนักการเมืองทำให้เราผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราไม่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แต่เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม

“แน่นอนว่ามันไม่ง่ายหรอกค่ะ ทุกวินาทีที่ผ่านไปในตอนนี้เวลาของพวกเรานับถอยหลังลงทุกที แต่พวกเราแลกได้เพราะเลือกแล้วที่จะทำ

“ขอให้คนข้างนอกที่ไม่หยุดสู้ สู้ต่อไป สักวันชัยชนะต้องเป็นของประชาชน

“บุ้งยังคงยืนยันที่จะอดอาหารจนกว่าข้อเรียกร้องจะสำเร็จ อยากให้ทุกคนเข้าใจบุ้งด้วยนะคะ”

‘เจี๊ยบ’ เหน็บ!! ‘ทักษิณ’ หลังย่องไปตัดผมที่สีลม ลั่น!! ไม่คิดจะนิ่งซัก 2-3 เดือน ไว้หน้าหมอที่รับรองให้เลย

(25 มี.ค. 67) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือเจี๊ยบ อดีต สส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กภาพข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษ เดินทางมาตัดผมที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณตึกแถวย่านสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (สีลม) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมข้อความระบุว่า…

“ไม่คิดจะหักห้ามใจพักผ่อนนิ่ง ๆ ซัก 2-3 เดือนไว้หน้าหมอที่รับรองให้เลย”

'สส.ก้าวไกล' ไม่แตะ 'ทักษิณ' ศึกอภิปรายรัฐบาล  อ้าง 'โรม' จัดหนักไปแล้ว กระบวนการยุติธรรมก็มีอยู่

(2 เม.ย.67) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของพรรคก้าวไกล ว่า ทางพรรคก้าวไกลได้มีการเตรียมประเด็นครอบคลุมทุกเนื้อหา ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญชวนติดตาม

เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์จะเห็นเอนเอียงไปฝั่งรัฐบาลนั้น จะทำให้เสถียรภาพการทำงานของพรรคฝ่ายค้านไม่มั่นคงหรือไม่? นายปิยรัฐ กล่าวว่า “ตนไม่เข้าใจความหมายว่าเอนเอียงไปฝั่งรัฐบาลจะเป็นในเนื้อหาหรืออะไร แต่เรารอรับฟังพร้อมกัน คิดว่าทั้งหมดอาจไม่ถูกใจพี่น้องประชาชน แต่เราต้องการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล เพราะการอภิปรายตามมาตรา 152 ไม่ได้ลงมติ คงไม่มีใครยกมือให้ผ่านหรือไม่ผ่าน การซักถามก็อาจจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาล ถ้ารัฐมนตรีตอบได้หรือรับฟังข้อเสนอแนะของ สส.ฝ่ายค้านก็จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล ถ้าบอกว่าเอนเอียงก็จะเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ถ้าถามแล้วประชาชนถูกใจ รัฐมนตรีตอบได้ และนำไปปรับปรุงแก้ไขก็เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน”

เมื่อถามว่าส่วนหัวข้อการอภิปรายที่รัฐบาลติงว่าหัวข้อของพรรคก้าวไกลไม่สร้างสรรค์? นายปิยรัฐ กล่าวว่า “คิดว่าเป็นเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปของพรรคฝ่ายค้านจะสร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์หรือไม่อยู่ที่เนื้อหา หัวข้อก็เป็นเหมือนน้ำจิ้มที่เชิญชวนให้ประชาชนติดตาม อาจจะตั้งเป็นประเด็นเพื่อให้สังคมติดตามมากกว่า ส่วนเนื้อหาอยากให้คนติดตามในวันที่ 3-4 เม.ย.นี้ ว่าน่าสนใจเพียงใด”

เมื่อถามว่าเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีกระแสมองว่าพรรคก้าวไกลอาจจะทำได้ไม่ดีนั้น? นายปิยรัฐ กล่าวว่า เรื่องนายทักษิณเราไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เพราะล่าสุดนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จัดหนักพอสมควร ไม่ต้องอภิปรายมาตรา 152 ก็จัดหนักกันไปแล้ว ถ้าจะมากกว่านั้น ตนคิดว่าคงจะต้องถึงลูกถึงคนกว่านั้น น่าจะเป็นเรื่องรายละเอียด มั่นใจว่ามีทุกเรื่องสาระสำคัญ เรื่องนายทักษิณเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม เรามีหัวข้อนี้อยู่”

เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลขอเพิ่มเวลาให้รัฐมนตรีชี้แจง ฝ่ายค้านมองอย่างไรบ้าง? นายปิยรัฐ กล่าวว่า “ตนไม่ทราบมติวิปฝ่ายค้านว่ามีการตกลงอย่างไร จึงขอสงวนคำตอบนี้ไว้ก่อน” 

'ชวน' สะบัดใบมีดโกน กรีด 'ทักษิณ' เลือดสาด ชี้!! หายป่วยเป็นเรื่องดี จะได้มารับกรรมที่ทำไม่ดีไว้

(4 เม.ย.67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

โดย นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า ต้องขอชี้แจงก่อนว่าที่ตนลุกขึ้นมาอภิปราย ไม่ใช่ว่าประสงค์จะพูดเพื่อให้เห็นใจ เพื่อที่เที่ยวหน้าจะได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น แต่อยากให้ประชาชนติดตามรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ประชาชนเลือกอย่างไรมา เราก็จะได้ผู้แทนอย่างนั้น และจะมีรัฐบาลอย่างนั้น ถ้าเราเลือกคนซื้อเสียง เลือกคนโกงมา เราจะได้รัฐบาลโกง เพราะเสียงข้างมากมาจากสภาผู้แทนราษฎร

นายชวน อภิปรายถึงเรื่องราคายางพารา ว่า ตนโตมากับสวนยาง และรู้สึกดีใจที่เรายากลำบากมากับยางพารามาก เพราะราคาตกมาหลายปี ตนเป็นหนึ่งในคนที่ดิ้นรนในเรื่องนี้มากกว่าทุกคน เรียกร้องไปยังรัฐบาลทุกชุด เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาปัญหายางฯ ตกต่ำ แต่ขณะนี้มีคนปลูกยางแล้ว 69 จังหวัด กว่า 1,700,000 ครัวเรือน เมื่อวันนี้ราคายางฯ ขึ้น ก็เป็นเรื่องน่าดีใจ ตนขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยสนับสนุน แต่ว่าราคายางฯที่ขึ้น มันอยู่ที่อุปสงค์อุปทาน หรืออยู่ที่การควบคุมโดยการตรวจจับยางฯ เถื่อน ถ้าเป็นจริงได้อย่างนี้ก็ดีมาก

"แต่ในโลกความเป็นจริงของยางพารา วันหนึ่งเมื่อการเปลี่ยนแปลงไป ผลผลิตยางอาจจะเพิ่มขึ้น และวันหน้าเมื่อยางราคาตก รัฐบาลก็จะโดนตำหนิอย่างหนักว่าหลอกชาวบ้านว่าปราบยางเถื่อนแล้วยังจะราคาขึ้นตลอดไป ตรงนี้คือสิ่งแรกที่อยากจะให้รัฐบาลทบทวนความเข้าใจโดยเฉพาะชาวสวนยางทั่วประเทศ" นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนมีคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ราคายางฯ จะดีอย่างนี้ตลอดไปใช่หรือไม่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ อุปทานในอนาคต 2.โดยความเชื่อส่วนตัว เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น คืออุปสงค์ อุปทาน ไม่ต้องสมมติว่าวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อมันเปลี่ยนแปลงด้วยผลผลิตและความต้องการที่ทำให้ยางราคาตกลงรัฐบาล รัฐบาลมีแนวทางป้องกันหรือไม่ ว่าราคายาง ต้องให้ราคาที่ชาวบ้านอยู่ได้ด้วยราคาไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ รัฐบาลที่แล้วมีประกันรายได้โดยกำหนดราคายางดิบกิโลกรัมละ 60 บาท หากต่ำกว่า 60 บาท จะมีการชดเชยใช้เงินเป็นหมื่น ๆ ล้าน ตนจึงฝากสองคำถามเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นกับชาวสวนยางทั่วประเทศ

"เมื่อนายกรัฐมนตรีมีความเห็นต่างออกไปโดยเชื่อว่าการปราบยางเถื่อน นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ยางราคาขึ้น ผมเชื่อว่าความเชื่อนั้นน่าจะไม่รอบคอบ น่าจะผิดพลาด เพราะจริง ๆ ถึงอย่างไรก็หนีความจริงในทางเศรษฐศาสตร์ไปไม่พ้นคืออุปสงค์อุปทาน" นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า ขณะที่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ปัญหาภาคใต้ต้องเป็นปัญหาที่ห่วงใยชีวิตไม่ว่าจะทั้งชาวไทยพุทธ หรือมุสลิม เราอยากจะรู้ว่า เหตุเป็นอย่างไร หรือรุนแรงอย่างไร ต้องดูข่าวพระราชสำนัก เพราะเราเห็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวแทนพระองค์ไปมอบสิ่งของ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงไม่ทรงทอดทิ้ง บรรดาพี่น้องประชาชนทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิม และข้าราชการทุกระดับที่ต้องเสี่ยงต่อชีวิตและต้องสูญเสียอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่จากเมื่อปี 2544 ที่รัฐบาลสมัยนั้นปกครองอยู่ มีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยวิธีการจัดการเพียง 12 เดือนก็หมด พูดง่ายๆ คือ ฆ่าทิ้งซะ ด้วยความเชื่อว่ามีหัวโจกไม่เกิน 17 - 18 คน แต่มาถึงปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ไม่ได้จบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องหยิบยกขึ้นมาว่า ถ้าชีวิตคนมีค่าต้องทบทวนโดยละเอียดว่าเราจะมีมาตรการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรในพื้นที่ที่เป็นด้ามขวานของเรา

"หากไม่มีเหตุร้ายนั่นคือด้ามขวานทองของเรา แต่เพราะความไม่สงบจึงทำให้ที่นั่นมีข้อแม้ ชาวบ้านก็รายได้ตกต่ำกว่าที่อื่น แต่ถ้ารัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนว่าเราจะทำอะไรก็ตามในทางที่จะป้องกัน เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาในภาคใต้ดีขึ้น" นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการก่อเหตุในพื้นที่เกือบ 50 ครั้ง นายกฯ ให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า รับทราบ แต่เหตุการณ์ดีขึ้น และได้โทรศัพท์ไปหา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงอยากถามนายกฯ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน หรือเรื่องระหว่างประเทศ และขอถามว่านายกฯ มาเลเซีย แนะนำ หรือเสนออย่างไรบ้าง

นายชวน กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนขอชื่นชมผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ท้วงติงนโยบายดังกล่าว เพราะผู้ว่าฯ ธปท.ไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องคะแนนเสียง แต่เป็นความคิดที่หวังดีกับประเทศชาติ

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนนายกฯ เมื่อเป็นนายกฯ อย่าคิดว่าไปลงพื้นที่แล้วต้องถามว่า มี สส.เพื่อไทย อยู่หรือไม่ แต่เป็นหน้าที่นายกฯ ต้องไป อย่าทวงบุญคุณ เพราะคือหน้าที่ นายกฯ อยู่แล้ว ที่นายกฯ เคยบอกว่ามีผู้นำบางคนพูดว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ นายกฯ ไปเอามาจากไหน ตนไม่เคยพูด ตนพูดในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ คนที่เลือกปฏิบัติเขาไม่ได้ทำโดยแอบทำ แต่เขาพูดตรงไปตรงมาว่าเมื่อเราได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเรา ก่อนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ถ้านายกฯ ไม่รู้ว่าคนที่พูดคือใคร ตนจะบอกให้ว่าคนที่พูดคือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายทักษิณ ไม่ได้แอบพูด แต่ประกาศตรง ๆ นี่คือการเลือกปฏิบัติ

ทำให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอความกรุณาอย่าเอ่ยถึงคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์ชี้แจง เพราะเรื่องนี้กระทบกับคนนอก ขอให้ระมัดระวัง ที่เอ่ยชื่อถึงอดีตนายกฯ ในทางเสียหาย ว่าพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบการพิจารณาของเรา โดย นายชวน จึงตอบกลับว่า "ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม"

จากนั้น นายชวน จึงกล่าวต่อว่า ตนขอชี้แจงต่อนายกฯ ว่า นายกฯ เข้าใจผิด ตนไม่เคยพูดว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ แต่ตนพูดว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ และขอความเป็นธรรมให้กับภาคใต้ และขอให้ชดเชยให้ ตนไม่ใช่คนที่พูดพล่อย ๆ หรือบ้าน้ำลายรายวัน พูดอะไรต้องเป็นเรื่องจริง และรับผิดชอบ

นายชวน กล่าวด้วยว่า ส่วนนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ว่า จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นที่ยอมรับกับนานาประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีนักโทษ การที่คนป่วยหายป่วย เป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เขาจะได้มีชีวิต เป็นขวัญใจให้กับลูกหลานต่อไป จะได้มีโอกาสมาชื่นชมผลงาน และรับกรรมที่ทำไม่ดีเอาไว้ ขณะที่เรื่อง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2560 ไม่ว่าจะออกในสมัยใด ตนไม่ตำหนิ แต่ปัญหามันมีเพียงว่าแต่ละข้อได้มีการปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ นี่คือประเด็น และรัฐบาลซึ่งเป็นตัวหลักที่จะทำให้นิติธรรมเกิดขึ้น แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่ให้กฎเกณฑ์กติกาความถูกต้อง ความเสมอภาค ความชอบธรรม หรือการไม่เลือกปฏิบัติเกิดขึ้น

"คำถามคือ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น รัฐบาลจะดำเนินการกับ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับคนป่วย แต่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รัฐบาลที่เป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่รัฐ จะดำเนินการอย่างไร ผมคิดว่าเราจะให้ประชาธิปไตยไปได้ดี ไม่ว่าฝ่ายใด ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้าเราเลือกปฏิบัติความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น ที่ผมพูดเรื่องนี้ เพราะมีสิ่งที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องยอมรับคือถ้าเราต้องการให้ประชาชนของเรามีความสุข เราต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น ถ้าเราไม่รักษาความยุติธรรมความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของในหลวงที่เคยรับสั่งไว้" นายชวน ระบุ

‘อนุทิน’ ชี้ ต้องจำกัดความ ‘ระบอบทักษิณ’ คืออะไร หากทำให้ ปชช. ‘มีความสุข-มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น’ ก็โอเค

(6 เม.ย. 67) ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวมีการประเมินว่าการเมืองจะกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ว่า ต้องคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน การขับเคลื่อน การเคลื่อนไหวทางการเมือง ของใครก็ตาม ถ้าเราเป็นประชาชนที่สนใจการเมือง และมีประสบการณ์ เราสามารถใช้ประสบการณ์ของเราให้คำแนะนำต่อฝ่ายการเมืองไปคิดพิจารณาได้ ซึ่งนายทักษิณก็ทำบทบาทแต่เพียงเท่านี้ คือการให้คำแนะนำประสบการณ์ของคนเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมอย่างเป็นมาก และประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องครอบครัว การประกอบธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรให้หายไปกับคนคนนั้น ควรเอาประสบการณ์เหล่านี้มาเล่าให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน 

“นายทักษิณ ไม่สามารถที่จะสั่งการรัฐบาลในทางการเมืองได้ เพราะมีกฎหมายมีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แต่สิ่งที่ท่านได้พูดออกมาเท่าที่ผมติดตาม คือเรื่องการแชร์ประสบการณ์ เหมือนกับผมทุกวันนี้ที่แชร์ประสบการณ์ให้กับกก.บห.พรรคภูมิใจไทย ว่าสมัยก่อนเจอแบบนี้จะทำอย่างไร หรือว่าเวลาตอบโต้ จะต้องตอบโต้ในจังหวะจะโคนอย่างไร ส่วนคนที่รับผิดชอบพรรคในยุคนี้จะทำหรือไม่ทำ ท่านจะรับฟังหรือไม่รับฟังก็เป็นเรื่องของท่าน ดังนั้นถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นความสบายใจ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า มีคนเป็นห่วงว่าระบอบทักษิณจะกลับมาฟื้นคืนชีพหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องจำกัดความก่อนว่าระบอบทักษิณคืออะไร ถ้าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสุข เกิดความสะดวก มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น ก็ถือว่าเป็นระบอบที่โอเค 

“แต่วันนี้เรื่องของปัจเจกบุคคลไม่มีแล้ว เพราะวันนี้เป็นองคาพยพของรัฐบาลผสมที่มีความชัดเจนว่าไม่ใช่ระบอบใดระบอบหนึ่ง แต่เป็นการทำงานร่วมกันภายใต้การนำกับนายกฯ ดังนั้น จึงมีความชัดเจนว่าเราทำงานขับเคลื่อนเป็นนโยบายของรัฐบาล

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศว่าจะนำพรรคเพื่อไทยชนะศึกเลือกตั้งครั้งหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคก็ต้องพยายามชนะใจประชาชน เหมือนเล่นกีฬาเวลาแข่งขันเล่นกอล์ฟเราก็อยากชนะ แต่ต้องอยู่ในเกม ถ้าอยู่ในเกมก็ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นการแข่งขันเอาศักยภาพ เอาฝีมือของตัวเองออกมา แล้วประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ต่อให้เราสมหวังหรือไม่สมหวังถ้าเราได้ใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มที่แล้ว และประชาชนตัดสินใจแล้ว ต้องถือว่าเราไม่มีความเสียใจหรือว่าเคียดแค้นใด ๆ

‘นพ.วรงค์’ โพสต์เฟซ ‘ทักษิณ’ ยกดัมเบล เล่นน้ำเริงร่ากับหลาน ชี้นี่คือ ‘นักโทษที่สภาพย่ำแย่’ หรือเป็น ‘นักโทษที่เย้ยกฎหมาย’ 

(8 เม.ย.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร ยกดัมเบล เล่นกับหลานในสระน้ำ โดย นพ.วรงค์ ได้ระบุว่า ...

#คนอื่นตายช่างมัน

การที่อุ้งอิ้งโพสต์ภาพ นักโทษที่อยู่ในระหว่างพักโทษกรณีพิเศษ ยกดัมเบลเล่นกับหลานในสระน้ำ .........นี่หรือนักโทษที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษเพราะอายุเกิน70 ปีและช่วยตัวเองไม่ได้

ไม่รู้ว่าอุ้งอิ้งรู้หรือไม่ว่า หลักการพักโทษกรณีพิเศษ จากเงื่อนไขอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ จากการประเมินคะแนนช่วยเหลือตัวเองได้ 9 คะแนน นั่นหมายถึงสภาพที่ย่ำแย่

มีปัญหาทั้งการกินอาหาร ใส่เสื้อผ้า เดินไปมา ขึ้นลงบันได ลุกจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ กลั้นอุจจาระ กลั้นปัสสาวะ

เขาใช้หลักมนุษยธรรม เพื่อให้มาใช้ชีวิตบั้นปลาย สำหรับคนที่ช่วยตนเองไม่ได้ และไม่ให้เป็นภาระกับทางเรืนจำ จึงให้การพักโทษกรณีพิเศษ

สุดท้ายนี้ อนุกรรมการพักโทษ รวมทั้งอธิบดี รัฐมนตรี ต้องมารับผิดชอบแทน เพราะพวกคุณประเมินคะแนน ต่ำกว่าความเป็นจริง เข้าหลักขอให้กูรอด คนอื่นตายช่างมัน 

การท้าทายกฏหมาย ก็คือการท้าทายประชาชน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top