Friday, 3 May 2024
จุรินทร์

‘จุรินทร์’ ยกทัพ ‘ปชป.’ ปลุกพลังชาวสุราษฎร์ฯ เลือก ส.ส.ยกทีม อ้อน!! เลือก ปชป. ทั้ง 2 ใบ เพื่ออนาคตประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม

(29 เม.ย.66) ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ตลาดใหม่ อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี ปลุกพลังคนสุราษฎร์ฯ ทั้งจังหวัด เลือกคนของเรา พรรคของเรา ประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 พร้อมด้วย ผู้สมัคร 7 เขต คือนายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ผู้สมัคร เขต 1 เบอร์ 10 นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 2 นายปิยะรัฐ จิรัตน์ฐิกุล ผู้สมัคร เขต 3 เบอร์ 5 นายสมชาติ ประดิษฐพร ผู้สมัคร เขต 4 เบอร์ 1 นายสินิตย์ เลิศไกร ผู้สมัคร เขต 5 เบอร์ 6 นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ผู้สมัคร เขต 6 เบอร์ 2 นางสาวตวงทอง ประดิษฐพร ผู้สมัคร เขต 7 เบอร์ 9 โดยบรรยากาศคึกคักที่สุด มีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น เมื่อนายจุรินทร์ เดินทางถึงเวทีปราศรัย มีพ่อแม่พี่น้องทั้งหญิง-ชาย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนรุ่นใหม่เข้ามาให้กำลังใจมอบดอกกุหลาบ ควงแขนถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดสนิทสนม เป็นกันเอง ทำให้กว่าที่นายจุรินทร์จะได้ขึ้นเวทีปราศรัยต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมง

ทั้งนี้นายจุรินทร์ กล่าวปราศรัยว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้เคลื่อน 3 ทัพบุกไปทั่วประเทศ เที่ยวนี้เราเอาจริง สู้ไม่ถอย และจากการตระเวนไปในหลายพื้นที่มีเสียงตอบรับดีขึ้นเป็นลำดับ ขอถือโอกาสขอบคุณหัวใจคนสุราษฎร์ฯที่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็น 1 ใน 2 จังหวัดที่ประชาธิปัตย์ชนะยกทีม และในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ประชาธิปัตย์พร้อมทั้งคน ทั้งพรรค และความพร้อมในเรื่องจุดยืนนโยบาย และความเป็นประชาธิปัตย์ ที่เชื่อว่าหลายคน และทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของประชาธิปัตย์ ล้วนมีความภูมิใจในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ได้ต่อสู้รับใช้พี่น้องมาอย่างยาวนาน

“ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องขอบอกว่าพรรคให้โอกาสอดีตผู้แทนราษฎรของประชาธิปัตย์ทุกคนเสมอมาและพร้อมที่จะส่งอดีตผู้แทนราษฎรลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งพี่น้องเองก็มีความผูกพันมากกับตัวเป็นผู้สมัคร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ผู้แทนฯที่พรรคได้ประกาศลงเลือกตั้งในนามประชาธิปัตย์ได้ย้ายพรรคไป จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พรรคฯจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้คนใหม่ได้มีโอกาสเข้ามารับใช้พี่น้องชาวสุราษฎร์ธานี” นายจุรินทร์กล่าว

‘ชวน’ การันตี!! ‘จุรินทร์’ เป็นคนดี-ซื่อสัตย์ เหมาะนั่งเก้าอี้นายกฯ วอนชาวพังงาหนุน ‘ปชป.’ มั่นใจ!! คว้าเก้าอี้ ส.ส. ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 40

(30 เม.ย.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค นายบำรุง ปิยนามวาณิช ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และ น.ส. รัศมี ทองสิริไพรศรี รองโฆษกพรรค ร่วมกันขึ้นรถแห่หาเสียงตั้งแต่เที่ยงวัน โบกมือทักทายเพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นางกันตวรรณ ตันเถียร ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดพังงา บัตรสีม่วง เบอร์ 1 และ บัตรสีเขียว พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26

โดยนายชวน ได้กล่าวบนรถแห่ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่าให้ระบบเงินซื้อเสียง เข้ามาทำลายการเมือง ทำลายประชาธิปไตยสุจริต ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกคนดี คนพังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อมารักษาเกียรติ ศักดิ์ศรีของชาวพังงา และสนับสนุน กันตวรรณ ตันเถียร เบอร์ 1 ให้ได้เป็น ส.ส. ระบบเขต พร้อมทั้งขอบคุณชาวพังงาที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 เพื่อให้เราได้เสียงมากพอ ให้ลูกหลานชาวพังงาได้เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนมีโอกาสเข้าไปทำงานในสภา

พร้อมกับระบุว่า ตนใช้เวลาพิสูจน์ถึง 22 ปี ในเส้นทางการเมือง ส่วนนายจุรินทร์ก็ใช้เวลาพิสูจน์ร่วม 30 ปี ถ้าไม่ใช่เป็นคนดีจริง พรรคก็ไม่เลือกให้มาเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับได้ยืนยันความสามารถของนายจุรินทร์ในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถ จึงขอให้ประชาชนทั้งประเทศช่วยกันสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการสนับสนุนประชาธิปัตย์ทั้งคนทั้งพรรค ซึ่งระหว่างที่รถแห่ผ่านบริเวณชุมชน มีพี่น้องประชาชนชาวพังงา ได้ยินเสียงจึงออกมาโบกมือทักทายยิ้มแย้มให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้นายจุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงความมั่นใจในจำนวนที่นั่งของภาคใต้ ว่า จากการพูดคุยกับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ และจากการลงพื้นที่ด้วยตนเอง ก็เชื่อมั่นว่า ภาคใต้มีโอกาสที่จะได้ 40+ เป็นไปได้สูงมาก ซึ่งคนที่รับผิดชอบโดยตรงประเมินให้ฟัง และตนก็รู้สึกเช่นเดียวกันจากการลงพื้นที่ แต่ในภาคใต้เป็นธรรมดาที่มีหลายพรรคลงมา เหมือนกับหลายยุคหลายสมัยที่มีหลายพรรคลงมาแข่งขันกัน แต่สุดท้ายประชาธิปัตย์ยังยืนหยัดอยู่ได้ เพราะผลงาน อุดมการณ์ ความเป็นสถาบันทางการเมือง และการทำการเมืองสุจริต ไม่ซื้อเสียง ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของคนภาคใต้ ที่ทำให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่หนักแน่น มั่นคง มีอุดมการณ์ สามารถฝากอนาคตของบ้านเมืองเอาไว้ได้

“ผมลงพื้นที่เองก็เห็น และสัมผัสได้ว่า พี่น้องชาวใต้มีความรู้สึกอย่างไรกับพวกเราชาวประชาธิปัตย์ และจากการสำรวจภายในของพรรค ก็สอดคล้องกับที่รองหัวหน้าภาคใต้ประเมินให้ฟัง ตรงกันหมดชัดเจน และผลโพลบางโพลก็บอกว่า ในซีกรัฐบาลเดิม เราก็มีโอกาสที่จะมาที่ 1 ก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่เราก็จะทำงานหนัก ไม่หยุดหรอก จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง และถึงหมดการเลือกตั้งแล้ว ประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่เพื่อรับใช้พี่น้องต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

สำหรับที่จังหวัดพังงา ตนมีความเชื่อมั่นว่าชาวพังงายังสนับสนุนผู้สมัครของพรรคทั้ง 2 เขต และไม่ทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 จากการที่ตนเป็น ส.ส.จังหวัดพังงา 6 สมัย และเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ 5 สมัย รวม 11 สมัย ไม่เคยทิ้งจังหวัดพังงา จึงมั่นใจว่าพี่น้องชาวพังงาจะสนับสนุนต่อไปทั้งคนทั้งพรรค

‘จุรินทร์’ ปราศรัยบ้านเกิด ‘พังงา’ ขอให้มั่นใจ!! ‘ปชป.’ พาประเทศฝ่าวิกฤต ลั่น!! หากได้เป็น รบ. จะเดินหน้านโยบาย “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

(30 เม.ย.66) ที่ จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นเวทีปราศรัย ที่จ.พังงา พร้อมด้วย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายบำรุง ปิยนามวาณิช ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นางกันตวรรณ ตันเถียร ผู้สมัคร ส.ส. จ.พังงา เขต 1 เบอร์ 1 นายราเมศ รัตนะเชวง ส.ส. จ.พังงา เขต 2 เบอร์ 5 และ พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26

นายจุรินทร์ ปราศรัยเพื่อชักชวนให้พี่น้องชาวพังงา เลือกคนจ.พังงาให้ได้เป็นผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวว่า เวลามีเลือกตั้ง คนแรกที่จะโดนมากที่สุด คือนายจุรินทร์ คนที่พูดก็คือพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม มักจะพูดว่านายจุรินทร์ ไม่มีผลงาน เป็นผู้แทนฯพังงามาตั้งหลายสมัย แต่อยากจะถามสักคำว่า คนที่พูดแบบนี้ ได้เคยทำอะไรให้พังงาบ้างมั้ย นอกจากมาลงสมัครแล้วก็โจมตีนายจุรินทร์ โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าจะให้พูดว่าได้ทำอะไรมาบ้าง คงต้องพูดกันถึงเช้า วันนี้จดมาเต็มที่เลยเพื่อมาพูดให้เต็มบรรทัดว่า พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ นางกันตวรรณ เป็นผู้แทนฯได้ทำอะไรมาบ้าง จะได้รู้เสียบ้าง ทำมาตั้งแต่บางคนยังไม่เกิดเลย” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงทั่วประเทศ ประชาธิปัตย์ดีขึ้นแล้ว เสียงตอบรับก็ดีขึ้นในทุกภาค ปักษ์ใต้บ้านเราเที่ยวที่แล้วเรามีผู้แทน 50 คน ประชาธิปัตย์เหลือ 22 คน แต่เที่ยวนี้ได้คุยกับ นายเดชอิสม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ประเมินกันแล้ว เรามั่นใจว่าเที่ยวนี้เฉพาะในปักษ์ใต้ เราจะได้ ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 40 บวก จากผู้แทนฯ 60 คน และทุกภาคทั่วประเทศ ก็เชื่อว่าคะแนนประชาธิปัตย์ดีขึ้น ล่าสุดซุปเปอร์โพลได้ไปสำรวจมา เฉพาะ 4 พรรคที่ร่วมรัฐบาล พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมมากเป็นลำดับ 1 คือพรรคประชาธิปัตย์ และถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็จะเดินหน้านโยบาย “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” และ 16 นโยบาย ที่ได้ประกาศไว้ 

‘บัญญัติ’ ขึ้นเวทีปราศรัยพังงา เล่าอดีตสมัยร่วมงาน ‘จุรินทร์’ ยัน!! เป็นคนมากความสามารถ-ผลงานชัด ขอพี่น้องโปรดหนุน ‘ปชป.’ ยกทีม

(1 พ.ค. 66) เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ที่จังหวัดพังงาทั้ง 2 เขต มีเวทีปราศรัยหาเสียง ให้กับนางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส. จังหวัดพังงา เขต 1 เบอร์ 1 นายราเมศ รัตนะเชวง ส.ส. จังหวัดพังงา เขต 2 เบอร์ 5 และ บัตรสีเขียว พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ซึ่งนอกจากมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคแล้ว ยังมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยอย่างคับคั่ง

นายบัญญัติ อดีตหัวหน้าพรรคได้ระบุสาเหตุที่ตนมาปราศรัยที่จังหวัดพังงา เป็นเพราะตนเคยร่วมงานกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นเวลานาน และเมื่อคราวมีปราศรัยที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ก็ได้ไปขึ้นเวทีปราศรัยด้วย และที่ตนมาช่วยเขต 2 พังงาด้วย ก็เพราะมีความผูกพันกับนายราเมศ รัตนะเชวง ที่เป็นคนหนุ่มและเป็นกำลังสำคัญของพรรค มีความรู้มีความสามารถถ้าพี่น้องให้โอกาสราเมศเข้าไปทำงานในสภาได้ ก็เชื่อว่าเขาจะเป็นดาวสภาในอนาคต 

พร้อมกับกล่าวอีกว่า ด้วยเวลา 3 ชั่วโมงในเดินทางจากสุราษฎร์ธานีถึงพังงา ตนพยายามคิดหาว่าจะมีเหตุผลอะไรหรือไม่ที่คนพังงาจะไม่เลือกคนพังงาด้วยกัน แต่ตลอด 3 ชั่วโมงนั้น ตนก็ไม่พบว่าจะมีเหตุผลอะไรที่คนจังหวัดพังงาจะไม่สนับสนุนนายจุรินทร์คนนี้ให้ก้าวเดินต่อไปอย่างยิ่งใหญ่ในทางการเมืองของประเทศไทย ทั้งประสบการณ์การเป็น ส.ส. 11 สมัย มีความชัดเจนในทางการเมือง แม้แต่นายชวน หลีกภัย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความระมัดระวังในการทำงาน เนื่องจากหากแต่งตั้งใคร คนนั้นไปทำเรื่องเสียหาย อาจเดือดร้อนมาถึงตัวได้ แต่ก็ยังแต่งตั้งให้นายจุรินทร์ เป็นเลขารัฐมนตรี ของตัวเองถึง 2 ครั้ง 2 หน ถือเป็นการแสดงความไว้วางใจของนายชวน ที่มีต่อนายจุรินทร์ 

สมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ปี 2548 ตนก็เลือกนายจุรินทร์ ให้มาเป็นรองหัวหน้าพรรค ก็ถือว่าตนก็มีความไว้วางใจต่อนายจุรินทร์เช่นกัน ในเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เมื่อจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มักจะมอบหมายให้นายจุรินทร์ ทำหน้าที่เป็นคนสรุปในตอนท้ายทุกครั้งไป และที่สำคัญในเวลาที่นายจุรินทร์ได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญๆ ก็มีผลงานมากมาย เช่น สมัยที่เป็น รมว.ศึกษาธิการ สมัยนั้น รัฐธรรมนูญกำหนดว่า รัฐต้องจัดดำเนินการให้มีการศึกษาฟรี อย่างน้อย 12 ปี แต่นายจุรินทร์ รมว.ศึกษาธิการ จัดทำ “เรียนฟรี” ไปเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดคือทำให้ “เรียนฟรี 15 ปี” ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ สมัยที่นายจุรินทร์ เป็น รมว.สาธารณสุข ก็ทำให้สถานีอนามัย ยกระดับขึ้นเป็น รพ.สต. ครบทุกตำบล พอมาเป็น รมว.พาณิชย์ ก็ดูแลนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่ทำให้คนอีสานชอบใจมาก

‘จุรินทร์’ ปราศรัยใหญ่ที่กระบี่ ช่วย ‘สาคร-น้ำผึ้ง-เคี่ยง’ หาเสียง ย้ำ!! คนกระบี่มีศักดิ์ศรี อย่าให้ใครซื้อได้ มั่นใจ!! ‘ปชป.’ ชนะยกทีม

(5 พ.ค. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมปราศรัยใหญ่ ชู 3 ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 นายธนวัช ภูเก้าล้วน (เคี่ยง) เบอร์ 3
เขต 2 นายสาคร เกี่ยวข้อง (สาคร) เบอร์ 5 
เขต 3 ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล (น้ำผึ้ง) เบอร์ 5

นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมขึ้นเวทีอย่างคับคั่ง อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง, ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย และนายทวีเกียรติ ใจดี

บรรยากาศการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อนายจุรินทร์ เดินทางถึงบริเวณลานประติมากรรมปูดำ เทศบาลเมืองกระบี่ มีพี่น้องประชาชนขอจับมือ ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ส่งยิ้มให้กำลังใจ พร้อมกับอวยพรให้นายจุรินทร์ เป็นนายกรัฐมนตรี

‘บิ๊กตู่-คณะ รทสช.’ ร่วมเคารพศพบิดานายจุรินทร์ ที่ จ.พังงา พร้อมสวมกอดเพื่อให้กำลังใจนายจุรินทร์และครอบครัว

(7 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางไปยังที่บ้านเลขที่ 3/1 บ้านท่าซอ ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ร่วมพิธีเคารพศพ นายวีระ ลักษณวิศิษฏ์ บิดาของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

‘สาธิต’ ยกพลร่อนหนังสือ จี้ ‘จุรินทร์’ ลงดาบ 16 สส.โหวตเศรษฐา ซัด!! ทำพรรคเสื่อมเสีย 'สิ้นศรัทธา-เป็นปฏิปักษ์-ผิดข้อบังคับร้ายแรง'

เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.66) นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคกลาง พร้อมด้วย นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ รักษาการกรรมการบริหารพรรค นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้ลงโทษผู้มีพฤติกรรมทำผิดข้อบังคับพรรคอย่างร้ายแรง ด้วยการเป็นปฏิปักษ์กับพรรค ด้วยการฝ่าฝืนมติคณะกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุม สส.ของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงและสร้างความแตกแยกในพรรค

หนังสือระบุว่า กระผมนายสาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกจำนวนหนึ่ง พบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ปชป. (“สส.”) กระทำความผิด ฝ่าฝืนข้อ 18 (1) และ (2) และข้อ 124 ของข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2566 (“ข้อบังคับพรรคฯ”) และจรรยาบรรณพรรค ปชป. โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.นายเดชอิศม์ ขาวทอง และนายชัยชนะ เดชเดโช รวมถึง สส.ของพรรค ปชป.อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 คน ลงมติในที่ประชุมรัฐสภาขัดกับมติของคณะกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุม ส.ส. โดยไม่สุจริต โดยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ก่อนวันประชุมร่วมกันของรัฐสภากำหนดการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีนั้น พรรค ปชป.ได้มีมติของที่ประชุม สส. ว่าให้ สส.ของพรรค ปชป. “ลงมติงดออกเสียง” ต่อมา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามี สส.ของพรรค ปชป. ได้แก่ นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ รวมถึง สส.ของพรรค ปชป. อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 คนออกเสียง “เห็นชอบ” ต่อการเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ รวมถึง สส.ของพรรค ปชป. อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 คนออกเสียง “เห็นชอบ” ต่อการเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้นได้ออกมาแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะที่ทำให้พรรค ปชป. ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้พรรค ปชป. เกิดความแตกแยกสามัคคีภายใน การกระทำของนายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ รวมถึง สส.ของพรรคฯ คนอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 คน ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดมติของพรรค เป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค และกระทำความผิดข้อบังคับพรรค อย่างร้ายแรง เนื่องจากตามข้อบังคับพรรค สส.ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค ดังนี้

ข้อ 18 ระบุว่า “สมาชิกมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ (1) ปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับพรรค และมติคณะกรรมการบริหารพรรค (2) รักษาชื่อเสียงของพรรคโดยไม่ปฏิบัติไปในทางที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่พรรค…”
ข้อ 96 ระบุว่า “ให้ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น เป็นผู้ลงมติว่าจะจัดตั้งรัฐบาลหรือร่วมรัฐบาลหรือถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่”
ข้อ 115 ระบุว่า “นอกเหนือไปจากการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับตามหมวด 4 ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมของสมาชิกแล้ว ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องปฏิบัติตามวินัย ดังต่อไปนี้ (6) ห้ามดำเนินการอื่นใดอันอาจจะนำความเสื่อมเสียมาสู่พรรค…”
ข้อ 124 ระบุว่า “การลงโทษสมาชิกผู้ถูกกล่าวหาให้พ้นจากสมาชิกภาพจะกระทำได้ต่อเมื่อปรากฏว่าสมาชิกผู้นั้นกระทำการให้พรรคเสียหายอย่างร้ายแรง หรือทำให้เกิดการแตกแยกสามัคคีภายในพรรค หรือผู้ถูกกล่าวหาได้ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคหรือจรรยาบรรณของพรรค มติหรือคำสั่งของคณะกรรมการบริหารพรรค”

หนังสือระบุอีกว่า 2.การกระทำของนายเดชอิศม์สร้างความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง นอกจากการกระทำความผิดของนายเดชอิศม์ ในข้อ 1. ข้างต้นแล้ว นายเดชอิศม์ยังกระทำการสร้างความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรงด้วยการพูดจาไม่น่าเชื่อต่อสาธารณชน พูดกลับกลอกไม่มีความจริง โดยมีรายละเอียดดังนี้...

2.1 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม นายเดชอิศม์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าไม่ได้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบนายทักษิณ ชินวัตร เพียงแต่ไปฮ่องกงเพื่อแก้บนให้แก่ภรรยาเท่านั้น นายเดชอิศม์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อแก้บนหลายประเทศรวมทั้งในประเทศไทย เนื่องจากได้บนไว้ให้ภรรยาชนะการเลือกตั้ง ส่วนได้ไปพบนายทักษิณหรือไม่ ไม่ขอพูดดีกว่า” และยังพูดถึงเรื่องการร่วมรัฐบาลต่อไปอีกว่า “ส.ส.ในกลุ่มของนายเดชอิศม์ จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายเดชอิศม์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมติพรรค และการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่จะเป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่มีอยู่ รวมกับ ส.ส.ปัจจุบัน เหมือนปี 2562 ที่มีการเถียงกัน 1 วัน 1 คืน สุดท้ายมีมติ 61 ต่อ 16 ให้ร่วมรัฐบาล ถ้าไปก็ไปทั้งพรรค และยืนยันจะไม่มีใครฉีกมติพรรค และไม่มีงูเห่าจากพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ภายใต้มติของกรรมการบริหารพรรค”

2.2 แต่ทว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายเดชอิศม์ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าได้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อพบนายทักษิณและพูดคุยถึงการร่วมรัฐบาลจริง และยังมีการพูดถึงแนวทางการร่วมจัดตั้งรัฐบาลตอนหนึ่งว่า “จริงๆ หลักของประชาธิปัตย์ การร่วมรัฐบาลตนคิดคนเดียวไม่ได้ โดยหลักแล้ว 1.ต้องเทียบเชิญก่อน 2.กรรมการบริหารพรรคประชุมร่วม ส.ส. 25 คน รวม 52 คน ซึ่งการประชุมนี้ส่วนใหญ่ว่าอย่างไรถือเป็นมติพรรค” และกล่าวยอมรับว่าได้เจอนายทักษิณที่ฮ่องกงจริงเมื่อโดนถามว่าไปฮ่องกงไหมจึงตอบว่า “ไป ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดนายทักษิณพอดี ส่วนเจอนายทักษิณหรือไม่ นายเดชอิศม์กล่าวว่า เจอครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไม่อยากพูดเพราะกลัวว่านายทักษิณ หรือใครก็ตามจะเสียหาย ซึ่งนายทักษิณสนิทสนมกับตนส่วนตัว เพราะเคยลงสมัครพรรคไทยรักไทยปี 2548 ซึ่งก็ไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว” และยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ส่วนตัวผมจริงๆ ผมอยากให้ร่วมรัฐบาล เพื่อแนวคิดของเราอยากแก้ปัญหาประชาชนจะแก้ได้”

ทั้งนี้ จากข้อเท็จจริง พรรค ปชป.ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล และพรรค ปชป.ก็ไม่เคยมีมติเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้กับพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ แต่อย่างใด หากพรรค ปชป.จะเข้าร่วมรัฐบาลนั้นจะต้องมีมติพรรคจัดตั้งรัฐบาลหรือเข้าร่วมรัฐบาล และจะต้องมีการแต่งตั้งบุคคลกลุ่มหนึ่งเพื่อเข้าร่วมการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลดังกล่าว ไม่ใช่เป็นกรณีดังเช่นนายเดชอิศม์จะสามารถดำเนินการเจรจาโดยการตัดสินใจเพียงลำพัง

ด้วยเหตุนี้ การกระทำของนายเดชอิศม์ จากข้อเท็จจริงในข้อ 2.1 และ 2.2 ข้างต้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่านายเดชอิศม์ พูดจากลับไปกลับมา และการเข้าไปพูดพบนายทักษิณเพื่อพูดคุยเรื่องการร่วมรัฐบาลนั้น เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และสร้างความไม่น่าเชื่อถือต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วนายเดชอิศม์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นถึง สส.ของพรรค ปชป. พึงดำรงตนปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค และมติของพรรค รวมถึงจรรยาบรรณของพรรคอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนและสมาชิกพรรคคนอื่น ดังนั้น การกระทำของนายเดชอิศม์ จึงเป็นเหตุสมควรให้ได้รับการลงโทษตามข้อ 124 ของข้อบังคับของพรรค

3.นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ เคยกล่าวว่า ต้องทำตามมติพรรค แต่ต่อมากลับกระทำการฝ่าฝืนมติพรรคอย่างชัดเจน เป็นการพูดไม่ตรงกับการกระทำ ไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาชื่อเสียงพรรค ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในพรรคและทำให้พรรคได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ตามที่ก่อนหน้านี้ นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ เคยกล่าวว่า สมาชิกพรรคทุกคนจะต้องทำตามมติพรรค หากใครลงคะแนนเสียงขัดมติพรรคจะต้องลาออก แต่ต่อมาพวกเขากลับดำเนินการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีฝ่าฝืนมติพรรคโดยการลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการพูดไม่ตรงกับการกระทำ ไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาชื่อเสียงพรรคทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในพรรค ปชป. และอุดมการณ์ของพรรค ปชป. ซึ่งกรณีนี้เป็นเหตุให้พรรค ปชป.ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ การกระทำทั้งหมดดังที่ได้เรียนข้างต้นของนายเดชอิศม์ ขาวทอง และนายชัยชนะ เดชเดโช กับ สส.ของพรรค ปชป. อื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 คน ทำให้เห็นว่าเจตนาของ สส.ทั้งหมดในการแหกมติเป็นการส่อให้เห็นว่าอยากร่วมรัฐบาล แม้ว่าพรรค ปชป.จะไม่ได้มีมติให้เข้าร่วม ยิ่งเป็นการตอกย้ำและทำให้ประชาชนเสื่อมความศรัทธาและความนิยมต่อพรรค ปชป. อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง

ด้วยเหตุนี้ จากข้อเท็จจริงและเหตุผลดังกล่าว การกระทำของนายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ รวมถึง สส.พรรคคนอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 คน ลงมติเห็นชอบให้แต่งตั้งนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุม สส. เนื่องจากพรรคไม่เคยมีมติหรือเห็นชอบในการเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด และพรรคได้มีมติอย่างชัดเจนว่าจะลงคะแนนเสียงในการให้ความเห็นชอบบุคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

ฉะนั้น จากข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ รวมถึง สส.ของพรรครวมทั้งสิ้น 16 คน เป็นการกระทำโดยเจตนาไม่สุจริต จงใจกระทำการฝ่าฝืนกับข้อบังคับพรรคด้วยการฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุม สส. อีกทั้งเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับพรรค ทำให้เกิดการแตกแยกสามัคคีภายในพรรค และทำให้พรรค ที่มีอุดมการณ์มั่นคงมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานนั้นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง เสื่อมศรัทธาและคะแนนนิยมของประชาชน ทำให้พรรคได้รับความเสียหายร้ายแรงอย่างชัดเจน จึงเป็นการกระทำความผิดข้อบังคับข้อ 18, 96, 115 และ 124

ด้วยเหตุผลดังที่เรียนไว้ในข้างต้นนี้ ขอให้รักษาการหัวหน้าพรรคตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนการกระทำความผิดดังกล่าวโดยเร็วที่สุดและดำเนินการลงโทษ นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ รวมถึง สส.ของพรรครวมทั้งสิ้น 16 คน ที่กระทำการผิดข้อบังคับพรรค ฝ่าฝืนมติคณะกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุม สส. ทำให้พรรคได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับพรรคด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top