Friday, 3 May 2024
จุรินทร์

'จุรินทร์' ประกาศ ไทยยื่นสัตยาบัน RCEP แล้ว ตั้งเป้าต้นมกราคม 65 มีผลบังคับใช้ ลุยการค้า-การส่งออก ตลาดใหญ่ของโลก 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แถลงข่าวเรื่อง RCEP หลังจากที่สมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค 15 ประเทศได้ร่วมลงนาม

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องการให้สัตยาบัน RCEP( Regional Comprehensive Economic Partnership) โดยกติกาข้อตกลง RCEP ซึ่งมีสมาชิกปัจจุบัน  15 ประเทศ ประกอบด้วย อาเซียน 10 ประเทศ กับอีก 5 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งได้มีการเจรจาและเป็นที่ยุตติเมื่อปี 2562 ขณะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันเสร็จสิ้นแล้วในเวลานั้น แต่ว่ายังไม่มีผลบังคับใช้ เพราะเงื่อนไขที่กำหนดไว้ คือ อย่างน้อยในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศต้องมีไม่น้อยกว่า 6 ประเทศให้สัตยาบัน และประเทศนอกสมาชิกอาเซียนที่มี 5 ประเทศอย่างน้อย 3 ประเทศร่วมให้สัตยาบัน รวม 3 + 6 ก็เป็น 9 ประเทศ ขณะนี้ในกลุ่มประเทศอาเซียนมีแนวโน้มว่าจะให้สัตยาบันครบ 6 ประเทศแล้ว ประกอบด้วย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชาและเวียดนาม รวมทั้งประเทศ ไทย ได้ยื่นให้สัตยาบันแล้วเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา

โดยยื่นต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนที่ประเทศอินโดนิเซีย ส่วนประเทศนอกสมาชิกอาเซียน มีจีนกับญี่ปุ่นยื่นไปแล้ว ถ้ามีอีกหนึ่งประเทศ ก็ถือว่าครบตามเงื่อนไข ซึ่งคาดว่าต้นปีหรือเดือนมกราคม 65  ข้อตกลง RCEP จะบังคับใช้ในประเทศสมาชิก 15 ประเทศต่อไป ซึ่งจะมีผลให้ RCEP กลายเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรรวมกันถึง 2,300 ล้านคน คิดเป็น 30% ของประชากรโลก และทำให้กลุ่มประเทศ RCEP มีจีดีพี 33.6% ของจีดีพีโลก หรือ 1 ใน 3 ของจีดีพีโลก มูลค่าการค้าประมาณ 30% ของมูลค่าการค้าโลก ถ้ามีผลบังคับใช้ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศสมาชิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศไทย 

" ยกตัวอย่าง เช่น ประเด็นที่1 การส่งออกภาษีเป็นศูนย์อย่างน้อย 39,366 รายการ โดยลดเหลือศูนย์ จำนวน 29,891 รายการทันทีที่บังคับใช้ ประเด็นที่2 ตลาด RCEP จะเป็นการเพิ่มโอกาสส่งออกสินค้าไทยหลายรายการ เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เป็นต้น ประเด็นที่3 ไทยจะได้รับการอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยเฉพาะในการส่งออก  เมื่อสินค้าไปสู่ด่านถ้าเป็นสินค้าเน่าเสีย ผู้ค้าจะต้องปล่อยสินค้าภายในเวลา 6 ชั่วโมง จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกผลไม้ ผักและสินค้าเน่าเสียหลายรายการของไทย

“จุรินทร์” แจง ก.พาณิชย์เร่งช่วย ผักแพง ส่งรถขายถูกวิ่งในกทม.-ปริมณฑล

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีราคาข้าวตกต่ำจนกระทั่งมีเสียงวิจารณ์ว่าเวลานี้ข้าวถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว ว่า ช่วงที่ผ่านมาราคาข้าวหย่อนลงมาพอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะไม่สามารถส่งออกได้มากหนักเนื่องจากค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ไม่สามารถแข่งราคากับคู่แข่งได้ แต่ช่วงเวลานี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนลง ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าราคาของไทยแข่งกับคู่แข่งได้ดังนั้นครึ่งปีหลังจะเห็นตัวเลขการส่งออกดีขึ้น และจะมีส่วนช่วยในการระบายข้าว

แต่เนื่องจากสต๊อกข้าวมีมากพอสมควรจึงจะยังไม่มีผลในการทำให้สถานการณ์ราคาข้าวดีขึ้นมากนัก แต่ขณะเดียวกันกระทรวงฯมีมาตรการคู่ขนานช่วยให้โรงสี หรือสหกรณ์เกษตรกรได้เก็บข้าวไว้ในช่วงที่ราคาไม่ดี โดยมีเงินชดเชยให้ ตันละ 1,500 บาท เพื่อให้เก็บไว้ขายยามราคากระเตื้องขึ้น อย่างน้อยเกษตรกรจะได้มีหลักประกัน และในวันเดียวกันนี้จะแจ้งเพื่อทราบมาตรการรายละเอียดในภาคปฏิบัติของการประกันรายได้ ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รวมทั้งมาตรการที่จะช่วยให้เก็บสต๊อกข้าวไว้ ที่จะให้มีเงินชดเชย เพื่อไม่ต้องดั้มข้าวสู่ตลาดมากเกินไป 

ผู้สื่อข่าวถามถึง มาตรการการช่วยเหลือผู้บริโภคช่วงที่ราคาผักแพง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ราคาผักที่แพงขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ เพราะภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกผักถูกน้ำท่วม จึงทำให้ผักหายไปจากตลาด ราคาจึงพุ่งสูงขึ้น แต่ถ้าน้ำลดแล้วเกษตรกรคงเร่งปลูกผัก เพิ่มขึ้นได้และผักนั้นเป็นพืชอายุสั้นโตเร็วก็จะมีผักเข้ามาชดเชยในตลาด ราคาก็คงกลับมาปกติในเวลาที่คาดว่าไม่นานนัก และในช่วงนี้ที่ผักยังราคาสูงอยู่ทางกระทรวงฯ ได้จัดคาราวานผักราคาถูก เพื่อตะเวนขายในกรุงเทพและปริมณฑลระยะเวลา 30 วัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะกิจ

“อลงกรณ์” ชี้! ปชป.รีเทิร์น เพราะทุ่มเททำงานหนัก ทำได้ไว - ทำได้จริง หลังทราบผล มสธ.โพลระบุ “จุรินทร์” ขึ้นแท่นเบอร์ 1 เหมาะเป็นนายกฯคนต่อไป!! พร้อมเปิดตัวผู้ว่ากทม. และประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้าลุยสนามใหญ่

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ (5 พ.ย. 64) หลังทราบผล มสธ.โพล ว่า ผลสำรวจของมสธ.โพล เป็นการสะท้อนถึงความคิดเห็นของประชาชนซึ่งต้องขอขอบคุณคนกรุงเทพมหานคร ที่มอบความไว้วางใจให้กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และขอขอบคุณศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนในครั้งนี้ ตนมองว่า “มสธ.โพล” ไม่ใช่เป็นเพียงการสำรวจความนิยมเหมือนโพลอื่น ๆ ก่อนหน้านี้แต่เป็นการสำรวจความเชื่อมั่นที่มีต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคและพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐบาลในวันข้างหน้า ทั้งนี้ พิจารณาจากการตั้งคำถามสำรวจความเห็นประชาชนในหัวข้อต่าง ๆ

ตนมองว่า ประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับมาเป็นพรรคในใจประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ก็ด้วยผลงานจากการมุ่งมั่นทุ่มเททำงานหนักของทุกคนในพรรคในยุคอุดมการณ์ ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริงซึ่งทำงานเป็นทีมแบบอเวนเจอร์ และการมีจุดยืนที่มั่นคงในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“ผลโพลเสมือนกำลังใจ เราจะทำงานหนักแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนต่อไป และเตรียมประกาศยุทธศาสตร์ประชาธิปัตย์เพื่อประชาชนในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 18 ธันวาคม ที่จะถึงนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า

ส่วนการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานครเมื่อไหร่นั้นคงอีกไม่นาน หัวหน้าพรรค และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค กำลังพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม ขอให้อดใจรอ เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถในการบริหาร มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า เหมาะกับยุคกทม.เมตะเวิร์ส (METAVERSE) แน่นอน นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ศาสตราจารย์ ดร.วิทยาธร ท่อแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผย ผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับ “ประชาชนในกรุงเทพมหานครต้องการผู้นําที่มีคุณลักษณะแบบใดเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปและคุณลักษณะพรรคการเมืองแบบใดที่ผู้นําสังกัดหรือได้รับการเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” ดําเนินการสํารวจ ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 12,350 คน เป็นชาย 6,820 คน (55.22%) หญิง 5,530 คน (44.78%)

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสํารวจครั้งนี้ ชี้ให้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในสถานการณ์ช่วงเวลา 4-5 ปี ข้างหน้านี้ เนื่องด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคุณลักษณะความเป็นผู้นําเฉพาะตัวเด่นชัดและมีคุณลักษณะพรรคการเมืองที่สังกัดเด่นชัด ตามรายละเอียดของผลการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้

1. ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

1.1 ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนโดยภาพรวมสูงสุด (54.24%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.99%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (38.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (8.87%)

1.2 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 1 คือ ความสามารถในการกอบกู้และแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.30%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (41.31%), นายกรณ์ จาติกวณิช (32.02%) ตามลําดับ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.20%)

1.3 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 2 คือ คุณลักษณะด้านความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.89%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (43.44%), นายกรณ์ จาติกวณิช (30.14%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (7.72%)

1.4 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 3 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ มีผลงานโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์มาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (59.53%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (42.47%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (33.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.09%)

1.5 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 4 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รอบรู้ รอบคอบ ทุ่มเท ขยัน และรู้กลไกการผลักดันงานหรือนโยบายให้สําเร็จได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (63.58%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (58.72%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (42.20%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.36%)

1.6 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 5 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่อ่อนน้อม ปรองดอง เข้าถึงง่าย ทํางานกับทุกฝ่ายได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (55.51%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.83%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล (47.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (12.81%)

1.7 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 6 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เล่นพรรคเล่นพวก

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (64.72%) รองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (58.74%), พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (54.13%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.60%)

1.8 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 7 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (57.96%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (16.34%)

1.9 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 8 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ควบคุมกํากับความมั่นคงทางการทหารและตํารวจ

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (68.99%) และรองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (60.92%) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อย

ที่สุด (2.85%)

2. ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ได้รับเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

2.1 ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนรวมสูงสุด (58.15%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.59%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย, (40.74%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (31.44%)

2.2 ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 1 ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย (54.20%), ตามลําดับ ส่วนนางสาว พินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (26.28%)

2.3 ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 2 มีกลไกการทํางานที่เป็นระบบ เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง หรือ คณะบุคคล หรือ นายทุน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (58.74%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.93%), นายกรณ์ จาติกวณิช ผู้นําจากพรรคกล้า (42.63%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (23.46%)

 

'จุรินทร์' นำทัพเอกชนด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ สร้าง CEO GenZ จาก 94 สถาบันการศึกษา "วัยรุ่นชอบ-คนรุ่นใหม่ไปต่อด้วยการค้า" 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานให้โอวาทและมอบประกาศนียบัตร ในพิธีปิด โครงการ From Gen Z to be CEO พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ รองเลขา กอศ. ผู้บริหาร TRUE ผู้บริหาร Huawei ผู้บริหาร EXIM Bank ผู้บริหาร Bitkub และผู้บริหารบริษัท TikTok (ไทยแลนด์) จํากัด ที่ True Digital Park สุขุมวิท 101

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การจัดโครงการ Gen Z to be CEO เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เพราะเดิมกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA ช่วยกันสร้างนักธุรกิจหรือ CEO รุ่นใหม่ให้กับประเทศ ตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้ได้ซัก 10,000 คน โดยใช้ระบบเทคโนโลยีมาช่วยในการอบรม แต่เริ่มนับเดือนมิถุนายนปีที่แล้วก็เริ่มต้นที่ 12,000 คน และมีสมัครมาอีกสุดท้ายขึ้นเป็น 20,000 คน ดำเนินการครบ 20,000 คนแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ทุกคนที่เข้ามาเรียนได้รับความรู้การบริหารจัดการธุรกิจ การผลิตสมัยใหม่ การให้บริการยุค New Normal และการตลาด ซึ่งปัจจุบันเราจะทำแต่เรื่องการผลิตเหมือนสมัยในอดีตแล้วไปหาตลาดไม่ทันแล้ว เพราะมีความเสี่ยง ยุคนี้ต้องใช้ตลาดนำการผลิต เหมือนแนวคิดของกระทรวงพาณิชย์และแนวคิดของวิสัยทัศน์”เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” CEO Gen Z ที่ได้รับการอบรมจะมีหลักสูตรต่างๆ และการใช้เทคโนโลยี การบริหารจัดการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การส่งออก โลกยุคใหม่

เป็นโอกาสดีที่น้องๆ 20,000 คนมีโอกาสเรียนสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นโอกาสแรกๆที่ได้รับล้ำหน้าหลายคน ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆทั้งของ TRUE Huawei แนวคิด Bitkub การเข้าถึงแหล่งทุนจาก EXIM Bank และ TikTok โลกเศรษฐกิจการค้ายุคใหม่ ยุค New Normal หัวใจสำคัญ คือ ใช้เทคโนโลยีช่วยทำการค้า เป็นอีคอมเมิร์ซ ตนเจรจาการค้ามาหลายกลุ่มทั้ง FTA ทวิภาคี หรือแบบพหุภาคี  ไม่มีข้อตกลงทางการค้าไหนในปัจจุบันที่ไม่ระบุว่าเรื่องอีคอมเมิร์ซ หรือ Digital Economy สัปดาห์ที่แล้วตนประชุมรัฐมนตรีการค้า APEC Digital Economy เป็นหัวข้อที่มีความสำคัญยิ่ง และปีนี้เราจะเป็นเจ้าภาพรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์วันนี้และ RCEP เราให้สัตยาบันไปแล้ว จะมีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า ก็มีบทบัญญัติว่าด้วยอีคอมเมิร์ซ จะเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่ง น้องทุกคนเรียนจบแล้วก็จริงแต่ที่สำคัญต้องเรียนเพิ่มเติมแม้ผู้ที่เป็น CEO เชี่ยวชาญทำการค้าก็จำเป็นต้องศึกษากฎระเบียบ เพื่อแสวงหาความได้เปรียบในการทำธุรกิจการค้ากับโลกต่อไปในอนาคต

หลักสูตรปั้น GenZ เป็น CEO จึงทันต่อสถานการณ์และมีความทันสมัยอย่างยิ่ง ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ เป็นความภาคภูมิใจ 3 ฝ่าย 1.น้องทั้ง 20,000 คน 2.น้อง 100 รายที่ประสบความสำเร็จ และน้อง Gen Z Ambassadors 3.กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะอาชีวศึกษา ที่นำมาทำ MoU กับกระทรวงพาณิชย์ให้นักศึกษาในสถาบันอาชีวศึกษา 5,000 คน ร่วมโครงการ From Gen Z  to be CEO และกระทรวงอุดมศึกษาส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งเอกชนและภาครัฐ

หวังว่าน้องทุกคนที่ผ่านหลักสูตรนี้จะมีอนาคตที่งดงามต่อไป ปี 2564 จะมีนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยจบการศึกษา 290,000 คน คำถามคือ จะไปทำอะไรหรือจะหางานได้ที่ไหน และปี 2565 อีก 280,000 คน รวม 2 ปีที่เจอวิกฤตโควิด 570,000 คนเป็นภาระหนักของรัฐบาลที่จะต้องเข้ามาช่วยให้น้องๆมีงานทำ อย่างน้อยที่สุด 20,000 คนนี้ คิดว่าได้เปรียบไม่แพ้คนอื่น ถือเป็นแต้มต่อและขออวยพรให้น้องๆทั้ง 20,000 คน ที่เข้าร่วมอบรมสำเร็จได้ดังฝัน ขอให้ทุกคนสามารถก้าวต่อไปเป็นแม่ทัพ เจนเนอเรชั่นใหม่ให้กับประเทศไทย เพื่อทำรายได้ให้กับตัวเอง ครอบครัว องค์กรและประเทศของเราต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "หัวเว่ยเชื่อมั่นว่า การส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัลเป็นพื้นฐานสำคัญ  เป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของท่านรองนายก คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความความสำคัญที่ในการยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทย  ขอขอบคุณท่านรองนายกฯรวมถึงทางภาครัฐที่ให้ได้รับความไว้วางใจและร่วมมือกับหัวเว่ย ประเทศไทย ในการช่วยต่อยอดศักยภาพของบุคคลากรไทย เพื่อการก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 โดยหัวเว่ยมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมด้านไอซีทีของไทยต่อไปภายใต้พันธกิจ Grow in Thailand, Contribute to Thailand เพื่อผลัดดันประเทศไทยให้เปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลและมีการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน”

“จุรินทร์” สั่งระดมรมต.-ส.ส.-สมาชิกพรรค ช่วยเหลือปชช.น้ำท่วมภาคใต้เต็มที่ 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางบางส่วนเช่นจังหวัดเพชรบุรี ภาคใต้จังหวัดระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตลอดเส้นทางที่ประชาชนสัญจรลงไปภาคใต้ที่ขณะนี้ยังเกิดปัญหาน้ำท่วมสูงในหลายจุดทำให้ประชาชนยังไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ และบ้านเรือนของประชาชนในหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมอยู่เป็นจำนวนมาก

โดยนายจุรินทร์ ได้สั่งการให้ รัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรคฯ รวมถึงตัวแทนพรรคในแต่ละเขตในทุกพื้นที่เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน นอกจากการร่วมช่วยเหลือแก้ปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้แล้ว ยังกำชับให้ติดตามสถานการณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ย้ำให้ประสานกับส่วนกลางอย่างใกล้ชิด

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ในพื้นที่น้ำท่วมเช่นจังหวัดชุมพร นายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร พรรรคฯ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ โดยประสานกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค เพื่อสั่งการกรมชลประทานให้ความช่วยเหลือ นำเครื่องมือหนักเข้าพื้นที่เพราะบางจุดต้องเปิดจุดให้น้ำไหลผ่าน รวมถึงขณะนี้ได้มีการประสานไปยังนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีข่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯได้สั่งการให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการเร่งย้ายคน ย้ายของ ออกจากพื้นที่ที่น้ำท่วมหนักหลายจุด

“จุรินทร์” ดันเปิดด่าน ”ตากใบ-บูเก๊ะตา” นราธิวาสสำเร็จ !!! ศอ.บต.ประกาศดีเดย์ 15 พย. นี้!

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินดอนเมืองก่อนเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดพังงาและเข้าร่วมการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดกระบี่ในวันที่ 15-16 พย.นี้ถึงเรื่องการผลักดันการค้าชายแดนไทยมาเลย์ว่า 

สำหรับด่านชายแดนไทย-มาเลย์มีด้วยกันรวม 9 ด่านใน 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา 3 ด่าน นราธิวาส 3 ด่าน สตูล 2 ด่าน และยะลา 1 ด่าน และปิดอยู่ 2 ด่านเพราะสถานการณ์โควิด ซึ่งภายหลังจากที่ตนได้เดินทางไปประชุมร่วมกับ ศอ.บต.และเอกชนของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564นั้น ตนได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไทย เร่งเจรจาขอเปิดด่านทั้ง 2 ด่านกับรัฐบาลมาเลเซียเพื่อโดยเร็วที่สุดทั้งนี้เพื่อให้การค้าชายแดนระหว่างสองประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ประเทศมาเลเซียได้มีหนังสือตอบยืนยันอย่างเป็นทางการมาแล้วว่าไม่ขัดข้องที่จะเปิดด่านทั้ง 2 ด่าน 

ประกอบด้วย (1) ด่านเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้ามด่านตากใบ และ(2) ด่านบูกิตบุหงา (Bukit Bunga) ตรงข้ามกับ ด่านบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไปตามที่ฝ่ายไทยเสนอ 

พังงา - ‘จุรินทร์’ ควง 3 รัฐมนตรีพรรคประชาธิปัติย์ลงพื้นที่พังงา เตรียมเสนอโครงการ 6 จังหวัดอันดามันกว่า 2,000 ล้านเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร

อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนท้ายเหมืองวิทยา อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน และเป็นประธานในพิธีมอบเช็คชำระหนี้และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรแก่เกษตรกรจังหวัดพังงา โดยมีนายบุญเติม เรณุมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกร อสม.พี่น้องประชาชนร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและชูป้ายให้กำลังใจเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวว่า วันนี้มาทำภารกิจ 3 เรื่อง

1.คณะรัฐมนตรีมอบให้ตนเป็นผู้ช่วยกลั่นกรองโครงการสำคัญของ 6 จังหวัดอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต  กระบี่ ตรังและสตูล) ได้โครงการสำคัญ 16 โครงการ รวมงบประมาณ 2,128 ล้านบาท สำหรับจังหวัดพังงามี 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.สนามบินพังงา 2.โครงการสร้างตึกอุบัติเหตุฉุกเฉินหลังใหม่ของโรงพยาบาลพังงาและโรงพยาบาลตะกั่วป่า 3.โครงการพัฒนาริมทะเลเขาหลักและท้ายเหมือง เป็นแหล่งท่องเที่ยว

2.ในฐานะที่ตนเองเป็นประธานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้สินที่เกิดจากการทำการเกษตร ไม่ให้ที่ดินตกเป็นของธนาคารหรือสถาบันการเงิน จนสูญเสียที่ดินทำกิน โดยการรับโอนหนี้จากสถาบันการเงินมาเป็นหนี้กองทุนฯและชำระกับกองทุนฯแทน แบบไม่มีดอกเบี้ย และไม่มีการยึดที่ดินทำกิน ในวันนี้มามอบโฉนดคืนและมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ที่ผ่อนชำระหนี้กองทุนครบแล้ว และมอบงบฟื้นฟูและพัฒนาชีวิตเกษตรกร พร้อมกันนี้ได้มีการมอบเช็คเงินโครงการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกรจำนวน 7 องค์กร 7 โครงการ จำนวนเงิน 3,435,000 บาท มอบโฉนดที่ดินและเกียรติบัตรจำนวน 12 คน และมอบใบรับรองการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรจำนวน 58 องค์กร จำนวนสมาชิก 5,409 คน

 

ข้าวโพดเฟื่องฟู! พาณิชย์  ประกาศราคาอ้างอิงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9.45 บาทต่อกิโล "จุรินทร์" ยกระดับราคา-เกษตรกร เฮ ! 

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุขที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า จากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ดำเนินนโยบายประกันรายได้เกษตรกรและยกระดับราคาสินค้านั้นล่าสุดวันนี้ ในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกษตรกรได้รับราคาที่สูงขึ้นรายได้ที่ประกันไว้ สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดความชื้นไม่เกิน 14.5% กิโลกรัมละ 9.45 บาท

ตามที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ออกประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 

คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้มีมติในคราวประชุม ครั้งที่ 12/2564 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เห็นชอบกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 (งวดที่ 1) ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดความชื้นไม่เกิน 14.5% กิโลกรัมละ 9.45 บาท

“จุรินทร์” ชี้ บัตรลต.2 ใบ ทำปชต.-พรรคการเมือง เข้มแข็ง หนุนเบอร์เดียวทั่วปท.เพื่อง่ายต่อปชช.เลือก สวน”สมชัย”ฟันธงระบบ เอื้อพท.โกยคะแนน แค่การคาดคะแนนบัตร  ชี้ที่สุดอยู่ที่ปชช.ตัดสิน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรัฐธรรมนูนฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่กำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ว่า สูตรการคำนวณนั้นมีหลักเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญภาพรวมอยู่แล้ว อธิบายเข้าใจง่ายๆ คือถ้าพรรคไหนได้คะแนน 100% ก็ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ถ้าพรรคไหนได้ระบบบัตรใบที่ 2 ได้ 60 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ส.ส. 60 คนหลักก็เป็นประมาณนี้ ถ้าคำนวณอย่างนี้ก็เข้าใจง่ายๆ แต่ถ้าจะเอาตัวนั้นตัวนี้ไปหารก็จะซับซ้อน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองมากขึ้น

เนื่องจากหากเป็นระบบบัตรใบเดียวต้องเอาคนกับพรรคมามัดรวมกัน ประชาชนไม่สามารถแยกได้ ถ้าต้องการเลือกคน แต่ไม่ต้องการเลือกพรรค หรือเลือกพรรคแต่ไม่ต้องการเลือกคน ระบบบัตรใบเดียวตัวบุคคลจึงมีความสำคัญ แต่พรรคการเมืองก็เหมือนถูกด้อยค่าลงไป ซึ่งหลักประชาธิปไตยพรรคการเมืองควรเป็นสถาบัน หรือกลไกที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้น เพราะถ้าพรรคการเมืองไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความสำคัญประชาธิปไตยก็ไปยาก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นระบบบัตร 2 ใบ ตนก็คิดว่าจะทำให้พรรคการเมืองมีความสำคัญ การลงสมัครรับเลือกตั้งนอกจากประชาชนจะพิจารณาตัวบุคคลแล้ว ต้องพิจารณาพรรคการเมืองด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและพรรคประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนมาโดยตลอดเมื่อมาถึงวันนี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับโครงสร้างเพื่อรองรับระบบการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงไม่ต้องปรับอะไรเพราะเราก็คุ้นเคยกับระบบนี้มาอยู่แล้ว แต่พอมาเป็นรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว อันนั้นเราต้องปรับ และต้องปรับทุกพรรคแต่ถ้าย้อนกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เป็นสิ่งที่มันเป็นสิ่งที่เราเคยทำมาแล้ว และประชาชนก็เข้าใจดีว่าบัตรใบที่ 1 เลือกบุคคล บัตรที่ 2 เลือกพรรค มันมีความชัดเจนในตัวของมัน

เมื่อถามว่าควรจะเป็นเบอร์เดียวกันหรือไม่ทั้งบุคคลและพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า ควรจะเป็นเบอร์เดียวกันเพื่อความสะดวกของประชาชนพี่จะพิจารณาและตัดสินใจ ส่วนพรรคจะส่งครบทุกเขตหรือไม่นั้นกำลังดำเนินการอยู่ แล้วในเรื่องตัวบุคคลที่มีความคืบหน้าเยอะแล้วแต่โดยหลักควรจะส่งให้ครบทุกเขต 

เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ระบุว่า ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้เทคะแนนไปที่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์กังวลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน การวิเคราะห์หรือวิจารณ์อาจจะตรงหรือไม่ตรงกลับข้อเท็จจริงก็ได้ ถึงเวลาประชาชนอาจจะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งก็ได้อันนั้นขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชน เราไปคาดคะเนไปก่อนก็คือการคาดคะเนเท่านั้น

“จุรินทร์” จัดพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot14 ขายหมูเนื้อแดงราคาส่ง โลละ 130 บาท ทั่วประเทศ 667 จุด ยันสิ้นปี คาดลดค่าครองชีพกว่า 100 ล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และนายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดโครงการพาณิชย์….ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 14 (หมูเนื้อแดง) ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า

เนื่องจากสถานการณ์ราคาหมูในปัจจุบันใช้ราคาเนื้อแดง คือ สะโพกหรือไหล่ ในการคิดราคากลางของราคาหมูเนื้อแดง ซึ่งหน้าเขียงโดยเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 140-160 บาท ส่วนในโมเดิร์นเทรด เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130 บาท 
เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนที่บริโภคหมูทั่วทั้งประเทศ วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ถือเป็น Lot 14 โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทไทยฟู๊ดส์ กรุ๊ป และเครือเบทาโกร เป็นต้น โดยจัดให้มีจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก กิโลกรัมละ 130 บาท สำหรับหมูเนื้อแดง  ถือเป็นราคา ส่งถูกกว่าราคาขายปลีกในท้องตลาดทั่วไปประมาณ 20% โดยจัดให้มีจุดจำหน่ายทั่วทั้งประเทศ 667 จุด ประกอบด้ว กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 116 จุด ต่างจังหวัด 551 จุด

สำหรับกรุงเทพมหานคร นอกจากจุดที่จำหน่าย ณ ที่ตั้ง อีกส่วนหนึ่งจะเป็นรถโมบาย โดยนอกจากเป็นหมูเนื้อแดง จะมีผักอีก 17 ชนิด ขายราคาส่ง เช่น ผักชี จากก่อนหน้านี้ที่กิโลกรัมละ 400 บาท ตอนนี้ราคาตลาดเหลือกิโลกรัมละ 120 บาท และจุดจำหน่ายของรถโมบาย กิโลกรัมละ 70 บาท และข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม ถุงละ 120 บาท น้ำมันปาล์ม ขวดละ 48 บาท ไข่ไก่แผงละ 30 ฟอง ราคา 80 บาท น้ำตาลทรายขาวกิโลกรัมละ 18 บาท เป็นต้น 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top