Tuesday, 20 May 2025
ก้าวไกล

'ก้าวไกล' แซะ!! 'Made in Thailand' ยุคป๋าเปรม ไม่เหมาะกับธรรมชาติอุตสาหกรรมในปัจจุบัน

(23 มี.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'หมดยุค Made in Thailand ถึงเวลา Made with Thailand' ว่า...

นโยบาย Made in Thailand ถูกใช้มาตั้งแต่ยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือการชวนคนเข้ามาลงทุน ลดแลกแจกแถม มีมาตรการภาษีสร้างแรงจูงใจ ทำให้จีดีพีประเทศโตขึ้น แต่คนไทยได้ส่วนแบ่งดอกผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนโยบายนี้ไม่เหมาะกับธรรมชาติอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ที่ห่วงโซ่การผลิตไม่ได้ยึดติดกับดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เกี่ยวข้องกับหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่น การผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่งประเทศไทยตกขบวนไปแล้ว มีการออกแบบในสหรัฐอเมริกา ใช้ชิปจากไต้หวัน ตัวเก็บประจุจากญี่ปุ่น จอภาพจากเกาหลีใต้ ประกอบในจีนและอินเดีย ใช้สิทธิบัตรจากสวีเดน ดังนั้น ประเทศไทยต้องไม่ยึดติดกับคำว่า ‘In’ หรือการลงทุนในดินแดน แต่ต้องคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้ คนไทย การผลิตแบบไทย สิทธิบัตรไทย เข้าไปเชื่อมโยงเป็นส่วนผสมหนึ่งของซัพพลายเชนโลก

‘ก้าวไกล’ ปลุก ‘นศ. มธ.รังสิต’ ตื่นรู้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ย้ำ รัฐสวัสดิการที่ดีสามารถพาไทยออกจากวิกฤตได้

(23 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษในรายวิชา TU101 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในหัวข้อเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจและสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำ การเข้าสู่สังคมสูงวัย ปัญหากับดักรายได้ปานกลาง และความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ขึันมาในประเทศไทย เพื่อรองรับปัญหาเหล่านี้

ในช่วงหนึ่งของการบรรยาย นายธนาธรชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักที่สังคมไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ คือ ปัญหาอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำลง และการเข้าสู่สังคมสูงวัย จะมีผลกระทบที่รุนแรงขึ้นตราบที่ประเทศไทยยังคงมีความเหลื่อมล้ำมหาศาลเช่นในปัจจุบันดำรงอยู่ และทั้งหมดจะยิ่งตอกย้ำปัญหากับดักรายได้ปานกลางของประเทศไทยให้รุนแรงขึ้น จากการมาถึงจุดอิ่มตัวไม่สามารถไปต่อได้แล้วของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

จึงทำให้ประเทศไทย มีความต้องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา โดยนำปัญหาสังคมมาสร้างเป็นความต้องการ พัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเพิ่มผลิตภาพให้กับประเทศ สร้างงานที่มีคุณภาพเพื่อรองรับคนจบใหม่ ลดความเหลื่อมล้ำและสังคมสูงวัยไปพร้อม ๆ กัน

“แต่เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างเป็นธรรมหรือไม่ สุดท้ายเป็นเรื่องที่แยกไม่ออกจากเรื่องของการเมือง และการจัดสรรภาษี ว่าจะกระจายดอกผลให้คนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยในสังคม อำนาจเมื่อกระจุกตัวอยู่ที่ใครก็ตาม ทรัพยากรก็มักจะกระจุกตัวอยู่ที่คนกลุ่มนั้น การสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชนเท่านั้น ที่จะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยได้” นายธนาธรกล่าว

ส่วนในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ก็ได้รับเชิญให้มาเป็นผู้บรรยายพิเศษ ในรายวิชา TU101 และได้บรรยายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยเช่นกัน โดยเน้นไปที่ด้านการเมือง ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุนขนาดใหญ่กับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน ที่จะสังเกตได้ว่าหลังการรัฐประหารทุกครั้ง จะมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นมาจากการได้สัมปทานพิเศษจากอำนาจ รัฐฯ เสมอ เช่น ในกรณีของกลุ่มทุนพลังงานกลุ่มหนึ่ง ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาจากนโยบายพลังงานในยุครัฐบาลรัฐประหารและรัฐบาลทหารจำแลงเมื่อเร็ว ๆ นี้

น.ส.พรรณิการ์ ยังกล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และนำประเทศไทยออกจากปัญหาที่กำลังรุมล้อมอยู่ตอนนี้ แต่ที่สำคัญคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวไม่อาจแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะไม่ใช่ทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีเป้าหมายในการแก้ความเหลื่อมล้ำ และกลุ่มทุนใหญ่จำนวนมากต่างก็คอยให้การสนับสนุนทุนแก่พรรคการเมืองใหญ่ของทุกฝ่ายอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะยังคงอิงแอบอยู่กับอำนาจรัฐฯ ได้ต่อไปไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

‘ก้าวไกล’ ลงพื้นที่หาเสียงทั่วชลบุรี ชู ‘แก้ปัญหาประมง’ คืนความเป็นธรรมให้ ปชช.

(24 มี.ค.66) แกนนำพรรคก้าวไกลและผู้ช่วยหาเสียงของพรรค เดินสายลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีเพื่อแนะนำนโยบายพรรคและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นำโดย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล วรรณวิภา ไม้สน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล

โดยช่วงเช้า ศิริกัญญาและคณะ ลงพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านแหลมฉบัง หมู่ 3 ตำบลสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชน กรณีเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรม หลังจากติดตามมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปี ที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร โดยพบว่ายังมีประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา และอาจมีการเวนคืนผิดพลาดหรือผิดวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ ประชาชนได้ฝากพรรคก้าวไกลติดตามเรื่องการซื้อคืนเรือประมง ซึ่งศิริกัญญาในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ก็เกิดคำถามต่อสาเหตุที่ทำให้กรณีดังกล่าวค้างคามาตลอด โดยให้ความเชื่อมั่นว่าหากพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ให้เป็นรัฐบาล จะมีการแก้ไขกฎหมายประมงให้เป็นธรรมมากขึ้น และให้เกิดการเยียวยาโดยเร็วที่สุด

‘ธนาธร’ นำทีม ส.ส.ชลบุรี ขอคะแนนเสียงจากปชช. พร้อมขอโทษชาวชลบุรี มีอดีต ส.ส.งูเห่า ทรยศคนเขต  

‘ธนาธร’ ช่วยทีมชลบุรี หาเสียง เดินขอโทษทั่วหาดพัทยา มีอดีตส.ส.งูเห่า ทรยศคนเขต  

(24 มี.ค.66) ที่ชลบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส.เขต 6 ชลบุรี พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยทีมงานลงพื้นที่หาเสียงตลาดสดเทศบาลเมืองศรีราชา มีประชาชนให้การต้อนรับเป็นจำนวนมากมาย โดย นายธนาธร กล่าวว่า ขอโทษชาวอำเภอศรีราชา ที่อดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย จึงได้ส่งนายกฤษฎิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งแทนในนามของพรรคก้าวไกล ซึ่งมีอุดมการณ์ที่หนักแน่นและแน่วแน่ ไม่ใช่งูเห่าอย่างแน่นอน พร้อมที่นำเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการให้กับประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต และมีสวัสดิการรองรับ และหวังว่าชาวชลบุรีที่ชื่นชอบประชาธิปไตยจะให้การสนับสนุนต่อไป

จากนั้น เวลา 13.30 น. ที่ชายหาดพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายธนาธร พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย อดีตผู้สมัครนายกเมืองพัทยา ได้เดินทางมาลงพื้นที่ช่วย นายยอดชาย พึ่งพร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล เขตเลือกตั้งที่ 9 เพื่อพบปะประชาชน ผู้ประกอบการร่มเตียงในพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน โดยมีประชาชนบางส่วนได้เข้ามาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจนายธนาธร และผู้สมัครในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมีถึง 10 เขตเลือกตั้ง

ทั้งนี้ สำหรับในพื้นที่นี้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2565 พรรคอนาคตใหม่ สามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้ แต่ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ ได้ย้ายไปอยู่กับพรรคพลังท้องถิ่นไท ก่อนที่ครั้งนี้จะลงสมัคร ส.ส.สังกัดพลังประชารัฐ

‘พิธา’ เปิดเวทีแหลมฉบัง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.10 เขต เผยมั่นใจเลือกทั้ง 10 คนมาอย่างดี ไม่เกิดงูเห่าซ้ำสอง

ก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่แหลมฉบัง ‘พิธา’ มั่นใจคนชลบุรีพร้อมมอบความไว้ใจอีกครั้ง เชื่อคนเบื่อการเมืองย้ายขั้วย้ายข้างไร้อุดมการณ์ พร้อมเทคะแนนเลือกก้าวไกลหยุดระบบอุปถัมภ์บ้านใหญ่ ตอบ ‘ประวิตร’ มีรัฐประหารอีกถ้าจำเป็น คือตรรกะวิบัติ ย้ำความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกสังคม ต้องใช้วิถีประชาธิปไตยแก้ไข ไม่ใช่นำมาเป็นเงื่อนไขรัฐประหาร

ค่ำวันนี้ พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ใน จ.ชลบุรี ทั้ง 10 เขต ที่สวนเทศบาลเมืองแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมีทั้งแกนนำและผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เข้าร่วมการปราศรัยอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล สัดส่วนภาคตะวันออก และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เป็นต้น

ก่อนเริ่มเวที พิธาได้ให้สัมภาษณ์พร้อมตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยระบุว่าในยามที่การเมืองเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวย้ายขั้วย้ายพรรคเกิดขึ้นตลอดเวลา ตนอยากให้ชาวชลบุรีมั่นใจว่ายังมีทางเลือกของพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์อยู่คือพรรคก้าวไกล ซึ่งในปี 2562 ตั้งแต่สมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ ชาวชลบุรีได้ให้ความไว้วางใจกว่า 2 แสนคะแนน แม้จะมีคนปรามาศว่าเป็นเรื่องของส้มหล่น แต่ตนเชื่อว่าเป็นความไว้วางใจที่พรรคก้าวไกลได้รับ มาจากความมั่นใจของชาวชลบุรี ที่ต้องการการเมืองที่ปลอดระบบอุปถัมภ์ กำหนดอนาคตตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งบ้านใหญ่มากกว่า

อีกทั้ง 4 ปีที่ผ่านมาในการทำงานของเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่มาเป็นพรรคก้าวไกล ส.ส. หนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกลใน จ.ชลบุรี ที่ไม่ย้ายข้างไปไหนอย่าง จรัส คุ้มไข่น้ำ ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นที่ประจักษ์ ทั้งในการดูแลประชาชนช่วงโควิด เป็นปากเสียงให้แรงงานกลางคืน แรงงานแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงทำหน้าที่อภิปรายในสภาเป็นปากเสียงให้กับแรงงานทั้งในภาคประมงและภาคแรงงานคนไทยในต่างประเทศ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่

จึงทำให้ตนมีความมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลมาถูกทาง ไม่ได้พาการเมืองไทยวนเวียนอยู่ในแบบเดิม และตอกย้ำความเชื่อว่าการเมืองแบบคนธรรมดามีความเป็นไปได้ ถ้ายังมียักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งตีกันอยู่ ก็มีแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อยู่ที่นี่พรรคก้าวไกล

พิธายังตอบคำถามของสื่อมวลชน ที่ถามถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลใน จ.ชลบุรี ที่ย้ายพรรคกันไปหลายคน โดยระบุว่าสำหรับการคัดสรรผู้สมัครของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ ตนมั่นใจว่าทั้ง 10 คนผ่านกระบวนการคัดสรรที่เข้มข้น ผ่านทั้งการสัมภาษณ์ หลักสูตรการเมือง และการทำงานร่วมกันมาเป็นปีๆ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าในรอบนี้จะไม่มีงูเห่าเกิดขึ้นแน่นอน

พิธายังให้สัมภาษณ์ต่อไป ว่าจากความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยการย้ายพรรคย้ายขั้ว นัดคุยนัดกินข้าวระหว่างขั้วต่าง ๆ ยิ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีขั้วอำนาจที่ต้องการแช่แข็งประเทศไทยต่อไป เป็นการเมืองแบบที่พรรคก้าวไกลไม่ได้ความสนใจ และทำให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลมาถูกทางแล้วในการปิดสวิตช์ 3 ป.  และเป็นนิมิตหมายที่ดีในการชวนประชาชนให้มาเลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลายมากขึ้น

‘ก้าวไกล’ ผุดไอเดียค่าไฟ ปลดล็อกสายส่ง ตัดวงจรนายทุน เปิดเสรีให้ ปชช.เลือกซื้อไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดได้เอง

‘วรภพ’ ชี้ รัฐบาลประยุทธ์ขึ้นค่าไฟ-ทิ้งทวนอนุมัติโรงไฟฟ้าอีก 763 เมกะวัตต์ เยอะเกินจำเป็น ยิ่งปล่อยให้มีรัฐบาลเอื้อทุนพลังงาน ยิ่งสร้างภาระประชาชน ชูนโยบายก้าวไกล ‘ปลดล็อกสายส่ง’ ประชาชนซื้อไฟฟ้าราคาถูกได้เอง-ลดค่าไฟ 70 สตางค์/หน่วย ภายใน 1 ปี

(25 มี.ค.66) นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาค่าไฟแพงว่า รัฐบาลเพิ่งประกาศขึ้นค่าไฟบ้านเรือนงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2566 อีก 5 สตางค์/หน่วย ทั้ง ๆ ที่ ราคาก๊าซ LNG นำเข้าที่รัฐบาลชอบอ้าง จะลดลงมาแล้ว 60% จากเมื่อสิ้นปี อีกทั้งปัญหาเดิมเรื่องประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเยอะเกินความต้องการ 60% ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข รัฐบาลชุดนี้กลับทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจด้วยการอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 763 เมกะวัตต์ และทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเอกชนยาวไปถึง 29 ปี ตามเอกสารแจ้งตลาดหลักทรัพย์ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

นายวรภพ กล่าวว่า ตนต้องทวนย้ำอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ก่อนการเลือกตั้ง 2 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งประเคนสัญญาโรงไฟฟ้าให้เอกชนเพิ่ม 1,940 เมกะวัตต์ มาคราวนี้เลือกตั้งปี 2566 รัฐบาลเร่งอนุมัติโรงไฟฟ้าให้เอกชนเพิ่มแบบทิ้งทวนอีก ทั้ง ๆ ที่ปี 2561 และปี 2565 ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดไป 58% จนกล่าวได้ว่า ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ 12 โรง แต่ 7 โรง ไม่ได้เดินเครื่องเลยแม้แต่วันเดียว

นายวรภพ กล่าวอีกว่า โรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายก็จะเป็นประชาชนที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจากสัญญาที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชนตลอดระยะเวลา 29 ปี และยังเป็นการอนุมัติสัญญาโรงไฟฟ้าทิ้งทวนแบบเร่งรีบ โดยที่รัฐบาลเตะถ่วงการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) ให้ล่าช้ามาแล้ว 1 ปี จากที่ควรออกมาตั้งแต่ปี 2565 เพราะถ้านำข้อมูลจริงมาทบทวนก็จะรู้ว่ายังไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มในวันนี้

ยังไม่นับแผนรับซื้อพลังงานทางเลือกจากเอกชนเพิ่มอีก 5,203 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อจากเอกชนที่ทำโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์ขนาดใหญ่ของเอกชน ไม่ใช่บนหลังคาชาวบ้าน ที่ 2.2 บาท/หน่วย รัฐบาลยังใจดีที่จะรับซื้อแพงกว่าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถผลิตได้เองที่ 1.5 บาท/หน่วย ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ต้นทุนของค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นในระยะยาว

‘ธนาธร’ บุกอำนาจเจริญ ชู สร้างงาน-สร้างรายได้ที่ดีในอีสาน อ้อน ปชช.กา ‘ก้าวไกล’ เปลี่ยนประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดภาคอีสาน เริ่มต้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ได้แก่ อำเภอเมือง, อำเภอปทุมราชวงศา และอำเภอชานุมาน โดยมีนายประภาส เวชกรณ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 และนายไมตรี แก้วมงคล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 ร่วมพบปะพี่น้องประชาชน นำเสนอนโยบายเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยประชาชนชาวอำนาจเจริญให้การต้อนรับผู้สมัครพรรคก้าวไกลอย่างอบอุ่น

นายธนาธร ขึ้นรถแห่ร่วมกับนายประภาส ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ เขต 1 ปราศรัยกลางแดดจ้านำเสนอนโยบายของพรรค โดยมีพ่อค้าแม่ค้าโบกไม้โบกมือให้การสนับสนุนตลอดทาง จากนั้น ร่วมปราศรัย ณ วัดบ้านคึมใหญ่ อำเภอเมือง ซึ่งมีพี่น้องประชาชนเดินทางมารับฟังการปราศรัยอย่างอบอุ่น

‘พิธา’ ลุยหาเสียงเมืองนนท์ ชี้ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ย้ำ ‘ก้าวไกล’ มีจุดยืนชัดเจน แตกต่างจากพรรคอื่น

(26 มี.ค. 66) พรรคก้าวไกลนำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต หาเสียงกับพี่น้องชาวนนทบุรี ที่ท่าน้ำปากเกร็ด โดยแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตของพรรคทั้ง 8 เขต

โดยนายพิธา กล่าวถึงนิด้าโพลช่วงเช้าที่คน กทม. มอบความไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่ดี ถือว่าเป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป ขณะเดียวกันการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งระดับชาติ ตนคงจะนำพลังที่ชาว กทม.ไว้วางใจมาเป็นกำลังใจให้ได้ทำงานทั้งประเทศ

‘โรม’ ขอบคุณโพลปชช. กรุงเทพฯ ไว้ใจ ‘พิธา’  เผยชาวบ้านตจว. ให้การต้อนรับ-รู้จักมากขึ้น

รังสิมันต์ ขอบคุณ ปชช.วางใจ พิธา เป็นนายกฯ มองก้าวไกลเปลี่ยนไป ตจว.ต้อนรับ-รู้จักมากขึ้น

(26 มี.ค.66) นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลโพลสำรวจพบว่า ประชาชนต้องการให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเป็นอันดับ 1 ว่า ต้องขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจ และสนับสนุนพรรค จริงๆ ตนเดินทางไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต้องยอมรับว่าเราได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมาก จุดนี้เองได้สะท้อนออกมาจากโพลหลายสำนัก คะแนนของพรรคได้ขยับขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ และต้องขอบคุณอย่างพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเราได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับ 1 ในที่นี่ และหวังว่าเราจะได้เป็นอันดับ 1 ในอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนไปในทิศทางที่เราอยากจะเห็น

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะเร่งลงพื้นที่อย่างไร เพื่อให้เป็นที่รู้จักในต่างจังหวัดมากขึ้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ประชาชนแทบทุกคนมีสมาร์ทโฟน ทางเลือกของสื่อที่มีหลากหลายให้รับข้อมูลข่าวสาร มากกว่าแค่โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์อย่างในอดีต ทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะทำให้ประชาชนรู้จักพรรค และนโนบายของพรรคก้าวไกลมากยิ่งขึ้น

‘โรม’ ข้องใจ!! ‘ส.ว.อุปกิต’ รู้รายละเอียดออกหมายจับ เชื่อ!! มีคนในคอยช่วย จี้!! ศาลฯ ออกมาชี้แจงข้อมูล

(27 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงความคืบหน้ากรณี ส.ว. อุปกิต ปาจรียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ผู้มีความเกี่ยวพันกับ ทุน มิน ลัต ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จากเมียนมา ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้ใช้เอกสารหลักฐานที่มีการแปลเป็นเท็จในการยื่นขอหมายจับอุปกิต

ต่อกรณีดังกล่าว รังสิมันต์ตั้งข้อสงสัยว่า ส.ว.อุปกิต ทราบได้อย่างไร ว่าเอกสารที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ไปยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับตัวเองมีรายละเอียดอะไรบ้าง เพราะโดยปกติแล้วคนที่ทราบ มีแค่ตำรวจกับศาลเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจากว่ามีคนอยู่เบื้องหลังที่คอยให้ความช่วยเหลือ ส.ว.อุปกิต อยู่ตลอดเวลา และทำให้ตำรวจน้ำดีที่พยายามทำคดีนี้ กลายเป็นคนที่ถูกดำเนินคดีเสียเอง

เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าวันนั้นไม่เกิดการถอนหมายจับ คำถามคือถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ หากวันข้างหน้ามีพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล ตำรวจน้ำดีที่ไหนจะกล้าทำคดีแบบนี้อีก ทั้งนี้ แม้ตนจะเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะสามารถสู้คดีได้ด้วยพยานหลักฐานต่าง ๆ และเจตนาที่บริสุทธิ์ในการทำหน้าที่ แต่ก็ไม่ควรที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นนี้

รังสิมันต์ยังแถลงต่อไป ว่าในกรณีนี้ ทางศาลก็ควรออกมาชี้แจงด้วย ว่าในศาลมีใครเอาข้อมูลที่มีการยื่นขอหมายจับ ไปบอก ส.ว.อุปกิต ด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ส.ว.อุปกิต จะนำหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ได้อย่างไร

นอกจากนี้ หลักฐานที่อ้างว่ามีการแปลไม่ถูกต้องนั้น เท่าที่ตนตรวจสอบได้ พบว่าหลักฐานจำนวนมากเป็นภาพจากการแชต ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ยาก และยังมีหลักฐานที่เป็นแชตภาษาไทยด้วย ซึ่งส่วนที่มีการแปลผิดนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ข้อเท็จจริงว่า ส.ว.อุปกิตเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงินถูกลบล้างไปได้แต่อย่างใด และตนยังยืนยันได้ว่าจากหลักฐานที่มีอยู่นั้น สามารถนำไปดำเนินคดีและออกหมายจับ ส.ว.อุปกิต ได้

รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป ว่าทั้งนี้ ตนยังคงรอความชัดเจนจากอัยการอยู่ ว่าจะมีการยื่นฟ้องต่อ ส.ว.อุปกิต หรือไม่ หลังจากที่ตนได้ไปติดตามที่สำนักงานอัยการมาก่อนหน้านี้ และได้รับคำตอบว่าสิ้นเดือนนี้จะมีความชัดเจนในคดีของ ส.ว.อุปกิต ซึ่งตนอยากให้ทั้งสื่อมวลชนและสาธารณชน ร่วมกันติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้คดีนี้เงียบหายไปเหมือนที่ผ่านมา ที่เรามีวัฒนธรรมการลืมเลือนคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ยิ่งเมื่อเป็นคดีที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ตั้งใจทำงานแล้ว ยิ่งไม่ควรปล่อยให้เงียบหายไปเด็ดขาด

“คดีนี้ ทุนมินลัต และอีกหลาย ๆ คน ถูกออกหมายจับ ดำเนินคดี และคัดค้านการประกันตัวไปแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับการดำเนินการตามกฎหมายหมด แล้วทำไมเหลือเพียง ส.ว.ทรงเอ คนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากบุคคลอื่น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ จึงอยากให้อัยการคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะยังคงตั้งคำถามต่อไป” รังสิมันต์กล่าว

นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเอง เราให้ความสำคัญกับการที่นายกรัฐมนตรีต้องมีที่มาจาก ส.ส. มาโดยตลอด เพราะเป็นหลักการที่มาจากการต่อสู้ของประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2535 ที่สละชีวิตของคนจำนวนมากเพื่อยืนยันหลักการเรื่องนี้ จนได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ 2540 ว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากเผด็จการ กลับทำลายการต่อสู้ของประชาชนและทำลายหลักการนี้ลง เหลือเพียงให้แต่ละพรรคเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ 3 คน โดยไม่ต้องเป็น ส.ส.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top