Tuesday, 20 May 2025
ก้าวไกล

‘ณัฐชา ก้าวไกล’ เสนอ 5 แนวทางแก้ปัญหา PM2.5 ลดผลกระทบต่อ ปชช. - เศรษฐกิจ - การท่องเที่ยว

(17 มี.ค.66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล กทม. เขตบางขุนเทียน กล่าวว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาที่ไม่มีการแก้ไขแม้ตนได้มีการส่งหนังสือร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง โดยมีข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหา 5 ข้อ คือ

1. ให้มอบหมายหนวยงานที่ชัดเจน เพื่อการแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ทั้งนี้อาจจะเป็นการมอบหมายใหกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ใหเป็นหนวยงานหลักที่จะดูแลและแก้ไขปญหาฝุน P.M.2.5 ที่มีอยูในปัจจุบัน

2. ให้กรมควบคุมมลพิษ สร้างระบบการแจ้งเตือน แอปพลิเคชัน หรือข้อความ SMS แจ้งเตือนเข้าโทรศัพท์มือถือของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงรวมถึงมีการควบคุมแหลงกำเนิดฝุ่น P.M.2.5 ที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ เพื่อใหประชาชนรู้ล่วงหน้าและการวางแผนหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว

3. ให้ประกาศมาตรการของการเกิดฝุ่น P.M.2.5 ทั้งในระดับปกติระดับปานกลาง ระดับรุนแรง และระดับวิกฤตว่าในแต่ละระดับ ประชาชนควรมีมาตรการรับมือกับปญหาอยางไร และจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างไร เช่น หากค่าฝุ่นอยูในระดับวิกฤต มีการแจงเตือนจากกรมควบคุมมลพิษชัดเจน ประชาชนสามารถใช้เปนเหตุผลในการกรอกใบลาไดโดยไมมีการหักค่าจ้าง

‘พิธา’ นำทัพผู้สมัคร ขึ้นรถแห่ ลุยหาเสียงทั่วนครรังสิต ชวน ปชช.ฟังปราศรัย หวัง รักษาแชมป์เขตเดิม-รุกเพิ่มเขตใหม่

(17 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ปทุมธานี 3 เขต ประกอบด้วย นายเจษฎา ถาวรธรรมฤทธิ์ (เขต 2) น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว (เขต 3) และนายสกล สุนทรวาณิชย์กิจ (เขต 4) ลงพื้นที่ตลาดรังสิต จังหวัดปทุมธานี โดยนายพิธาขึ้นรถแห่เชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และร่วมรับฟังการปราศรัยแนะนำแนวนโยบายพรรคก้าวไกล และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ครบทั้ง 7 เขต ในเย็นวันนี้ ที่ตลาดจัมโบ้ คลองสาม

นายพิธา กล่าวว่า ปัจจุบันเหลือเวลาอีกไม่ถึง 60 วัน จะมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อการเลือกตั้ง 2562 พี่น้องชาวปทุมธานี จำนวน 1 ใน 4 เลือกพรรคอนาคตใหม่ มาคราวนี้เป็นพรรคก้าวไกล ต้องขอคะแนนพี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีอีกครั้ง ตนหวังว่าพรรคก้าวไกลจะปักธงในจังหวัดปทุมธานี รักษาแชมป์เขตเดิม เพิ่มเติมเขตใหม่ได้ จึงขอให้ประชาชนกาก้าวไกล 2 ใบ เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ

สำหรับกำหนดการเวทีปราศรัยใหญ่ที่ปทุมธานี พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบ 7 เขต จะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ณ ตลาดจัมโบ้ คลองสาม ผู้ปราศรัยนอกจากนายพิธา ยังประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล

เข้าทางปืน ‘พลังประชารัฐ-ก้าวไกล’ ‘ปชป.-รสทช.’ ร่อแร่ ‘ภท.’ สายไหมไม่รอด

ปฏิกิริยาต่อประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมาเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 66 บางพรรคร้องเฮ บางพรรคร้องโฮ…

เฉพาะสนาม กทม. ที่มีประชากร 5,394,910 คน เฉลี่ยราษฎรต่อ ส.ส.1 คนเท่ากับ 163,482.212 นั้น...กกต. เคาะแบบที่1 ออกมาใช้ ‘อรรถวิชช์  สุวรรณภักดี’ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ไปยื่นฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศแบ่งเขตดังกล่าวทันที…

เหตุผลหลักของอรรถวิชช์ คือ ผิดหลักเกณฑ์ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตา 27(1) ที่ระบุหลักเกณฑ์ให้ ‘รวมอำเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง’ หรือต้องมีอำเภอ (เขต) หลัก แต่ปรากฏว่าจาก 33 เขตเลือกตั้งเป็นการรวมตำบล (แขวง) โดยไม่มีเขตหลักถึง 13 เขตเลือกตั้ง...

ไม่เพียงแค่พรรคชาติพัฒนากล้า...แม้แต่พรรคเพื่อไทย โดยสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม. และ ดร.อิ่ม ธีรรัตน์ สำเร็จวณิชย์ โฆษกพรรคก็ออกมาแถลงในแนวเดียวกัน...แต่ราย ดร.อิ่ม เธอคิดฟุ้งไปหน่อยว่าอาจเป็นแผนทำให้การเลือกตั้งโมฆะ…

‘พิธา’ นำทัพ ‘ก้าวไกล’ ลุย ‘ปทุมฯ’ พื้นที่ยุทธศาสตร์ พร้อมแง้มนโยบายเศรษฐกิจ ก่อนยุบสภา

‘พิธา’ พร้อมปักธง ‘ก้าวไกล’ ปทุมธานี ชี้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ แง้มเปิดนโยบาย-ทีมเศรษฐกิจ จัดเต็มหลังยุบสภา

วันที่ 17 มีนาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย รังสิมันต์  โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ทั้ง 7 เขต ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ตลาดจัมโบ้ คลองสาม จังหวัดปทุมธานี โดยก่อนหน้านี้ระหว่างวัน พิธา พร้อมกับ เชตวัน เตือประโคน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 6 ได้ขึ้นรถแห่ขอคะแนนจากประชาชนชาวปทุมธานีด้วย

พิธา กล่าวถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าการแบ่งเขตตามรูปแบบที่ 1 ที่ กกต.เลือกใช้ ถึงแม้ว่าจะมีค่าความเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ยประชากรที่ไม่เกินร้อยละ 10% ตามเกณฑ์ตัวเลข แต่ก็สร้างความสับสนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก บางเขตเลือกตั้งประกอบด้วยเขตปกครองมากกว่า 3 เขต ฝั่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคมีการจัดทีมหาเสียงกันใหม่ เพื่อลดความสับสนและพบปะพี่น้องประชาชน สร้างความเข้าใจให้มากขึ้น อันที่จริงตนคิดว่า กกต. ควรแบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จสิ้นตั้งนานแล้ว เพราะตอนนี้ใกล้ช่วงยุบสภา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความสับสนในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง จึงหวังว่าจะไม่มีเจตนาแอบแฝง ช่วงชิงความได้เปรียบในการหาเสียงของผู้มีอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและผลกระทบต่อประชาชนในอนาคต อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งไม่ว่าเขตเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร และมั่นใจว่าจะกวาดที่นั่ง ส.ส. ได้เป็นอันดับหนึ่งใน กทม.

ส่วนความคาดหวังต่อผลการเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานี พิธากล่าวว่า ปทุมธานีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่ครั้งพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเป็นอันดับสอง รวมมากกว่า 147,000 คะแนน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของคนปทุมธานี เลือกพรรคอนาคตใหม่ วันนี้ลงพื้นที่พบปะประชาชนตั้งแต่เช้า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ปทุมธานีเป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตเยอะ มี SMEs มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ทำให้มีคนย้ายเข้ามาทำงานอยู่อาศัย ดังนั้น โจทย์ที่พรรคก้าวไกลต้องตีให้แตกคือ การแก้ไขปัญหาที่มาพร้อมกับการเจริญเติบโตของเมือง คือ 'คลอง คน ถนน' ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการคมนาคม ปัญหาขยะ ปัญหาความสะอาดของลำคลอง

‘พิธา’ ฉะ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ พอกันที 8 ปีที่บริหารประเทศย่อยยับ ลั่น!! เตรียมปิดฉากระบอบปรสิตผ่านบัตรเลือกตั้ง ของ ปชช.

เมื่อวันที่ (17 มี.ค. 66) ช่วงค่ำ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นปราศรัยปิดการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลจังหวัดปทุมธานีที่ตลาดจัมโบ้ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง โดยนายพิธากล่าวว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นวาระสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาลและนโยบาย แต่ต้องปักธงวัฒนธรรมทางการเมืองแบบใหม่ด้วย

นายพิธากล่าวว่าสัปดาห์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเป็นสัปดาห์สุดท้าย พอกันที 8 ปีที่แปดเปื้อน 8 ปีที่ผ่านมา บริหารประเทศย่อยยับอย่างไร ตอนนี้ก็ยังย่อยยับอย่างนั้น มีโฆษณาออกมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่านโยบายพรรคการเมืองต่าง ๆ เหมือนไอติมที่แบ่งกันดูด ส่วนพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นไอติมสีน้ำเงินผ่านมือถือ แต่ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เองไม่ใช่หรือ ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตสิ้นคำนึง คำนึงถึงแค่ความตาย ครั้งนี้เรามีโอกาสแล้ว เหลือเวลาอีก 60 วัน ถึงเวลาปิดฉากระบอบปรสิตผ่านบัตรเลือกตั้งของประชาชน

‘ต้นกล้า ก้าวไกล’ เผย ไม่หวั่นแบ่งเขตพิศดาร ซัด!! กกต.แบ่งเขตแบบเล่นเก้าอี้ดนตรี

(18 มี.ค. 66) นายจรยุทธ จตุพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.(ยานนาวา-บางคอแหลม) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งล่าสุดโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าการแบ่งเขตครั้งนี้ มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะสำคัญหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร แม้ว่าในเขตยานนาวา-บางคอแหลม ที่ตนลงสมัคร จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่สำหรับหลายเขต มีทั้งที่ถูกเพิ่มพื้นที่และลดพื้นที่ลงจนเกิดความสับสนทั้งในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและว่าที่ผู้สมัครเอง

นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ อาจ มองได้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง ให้ได้คะแนนเสียงได้เปรียบกว่าพรรคอื่น ๆ หรือไม่ และยังมีความน่ากังวลอีกประการหนึ่ง คือการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในอนาคตจะยากลำบากขึ้นไปอีก จากการแบ่งเขตที่ไม่สอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ ประชากร และความเป็นจริง

น้ำ นิชนันท์ ขอให้มั่นใจ 'พรรคก้าวไกล' พร้อมเป็นตัวเลือกให้ 'ชาวสัตหีบ'

'ไอติม' นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล นำ 'น้ำ' นิชนันท์ วังคะฮาต ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล เขต 10 อ.สัตหีบ จัดงานเสวนาสื่อสารนโยบาย รับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่ อ.สัตหีบ เรื่องการศึกษาไทยก้าวหน้า ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ยืนยันพรรคก้าวไกล ไม่มีนโยบายหรือแนวคิดที่จะตัดเงินบำนาญข้าราชการ พร้อมนำเสนอนโยบายพรรคก้าวไกล เป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ชลบุรี เขต 6 อ.ศรีราชา นาย กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ และว่าที่ผู้สมัคร สส.ชลบุรี เขต 9 อ.บางละมุง ยอดชาย พึ่งพร เข้าร่วมเสวนาในวันนี้ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวสัตหีบ เป็นจำนวนมาก

'ไอติม' นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า วันนี้เรามาทำกิจกรรมกันในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อมารณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่จะนำเสนอประชาชน ในการเลือกตั้งและเข้ามาแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคก้าวไกล ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาเป็นประชาชนหลากหลายช่วงวัย ที่มีความสนใจแตกต่างกันออกไป โดยได้มีการนำเสนอชุดนโยบายของพรรคก้าวไกล 3 ประเด็นหลัก ประเด็นที่ 1 ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมเสวนาได้ให้ความสนใจจำนวนมาก คือนโยบายการศึกษา หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะออกแบบหลักสูตรใหม่ภายใน 1 ปีแรก เพื่อเน้นทักษะที่สามารถใช้ได้จริง เพื่อทำให้การศึกษาเป็นการศึกษาที่ฟรีจริง ทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยไร้อำนาจนิยม ลดเวลาที่คุณครูเสียไปกับสิ่งที่ไม่ใช่การเรียนการสอนคืนครูให้กับห้องเรียน ประเด็นที่ 2 เสนอการยกเลิกการเกณท์ทหาร 

ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นนิมิตรใหม่ที่ดีมากที่มีทั้งเยาวชนที่อาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการ รวมถึงอดีตนายทหารที่มาเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย ผลที่ออกมาคือทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าประเทศไทย ควรจะมีการยกเลิกการเกณท์ทหารและใช้เฉพาะทหารที่มีความสมัครใจ น่าจะเพียงพอต่อการรักษาความมั่นคง เพราะการบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหาร มาเป็นทหารทำให้เขาต้องสูญเสียเสรีภาพในการประกอบอาชีพที่เขาอยากจะทำ ดึงเวลาเขาออกจากครอบครัว ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจมีจำนวนคนทำงานลดน้อยลง ท่ามกลางสภาวะสังคมสูงวัย ท้ายสุดได้พูดคุยเรื่องนโยบายสวัสดิการ ความต้องการของพรรคก้าวไกล ที่จะมาสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับคนในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเงินเด็กเล็กที่เพิ่มจาก 600 เป็น 1,200 บาทต่อเดือน หรือว่าเงินผู้สูงวัยที่เพิ่มจาก 600 บาท เป็น 3,000 บาทต่อเดือน และขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายในการลดหรือตัดงบบำนาญของข้าราชการ เราเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญของทุกกลุ่มว่าเงินก้อนนี้ เป็นเงินที่รัฐบาลได้สัญญากับพี่น้องข้าราชการที่มารับตำแหน่ง เพื่อเป็นหลักประกันของเขาในวัยหลังเกษียณ พร้อมย้ำว่าพรรคก้าวไกล ไม่มีนโยบายในการปรับลดบำนาญของข้าราชการ อย่างแน่นอน

‘ธนาธร’ ชี้ ‘รัฐสวัสดิการ’ คือทางรอดพ้นความเหลื่อมล้ำ ชู หั่นงบกองทัพช่วยหนุน ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ เท่านั้นที่กล้าทำ 

‘ธนาธร-พรรณิการ์’ ลุยช่วยก้าวไกลหาเสียงสุดสัปดาห์สองจังหวัด ภาคอีสาน ‘กาฬสินธุ์-ขอนแก่น’ ชี้ รัฐสวัสดิการไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดเดียวสังคมไทยออกจากวิกฤติความเหลื่อมล้ำสุดขั้ว ย้ำประเทศมีเงินพอทำได้ แต่ต้องกล้าตัดงบกองทัพ-นโยบายเอื้อทุนใหญ่ ชูก้าวไกลพรรคเดียวเท่านั้นกล้าทำเรื่องยาก ชนคนส่วนน้อยเพื่อคนส่วนใหญ่ รับรอง เลือกแล้วคุ้มกว่าอนาคตใหม่แน่นอน

(18 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลหาเสียงในช่วงสุดสัปดาห์ 

โดยเริ่มต้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ช่วยนายชวลิต กงเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดกาฬสินธุ์ และนางสาวสุพัตรา วันตุ้ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมขบวนแห่ไปรอบเมืองกาฬสินธุ์ เปิดปราศรัยที่สวนสาธารณะกุดน้ำกิน ก่อนร่วมเดินแจกเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครและนโยบาย และขึ้นปราศรัยร่วมกับว่าที่ผู้สมัครในทั้งสองเขตที่ตลาดโต้รุ่งกาฬสินธุ์ ส่วนวันรุ่งขึ้น ได้เดินสายต่อมายัง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ร่วมเดินหาเสียงกับนายวุฒิรักษ์ แพงตาแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จังหวัดขอนแก่น ที่ตลาดน้ำพอง ก่อนร่วมเปิดเวทีปราศรัยที่วัดโพธิ์ศรีโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

โดยเนื้อหาของการปราศรัยของนายธนาธรรอบนี้ เน้นย้ำถึงปัญหาสภาพทางเศรษฐกิจของประชาชนในปัจจุบัน ที่เป็นสาเหตุความจำเป็นของการมีรัฐสวัสดิการ โดยนายธนาธรระบุว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแต่ห่างขึ้นทุกวัน สถานการณ์โควิดในรอบสามปีที่ผ่านมายิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประชาชนหมดสิ้นความหวัง ในสถานการณ์แบบนี้สังคมไทยต้องมีรัฐสวัสดิการรองรับคนที่พ่ายแพ้ไม่ให้ถูกบดขยี้จากสภาพสังคมปัจจุบัน 

“ประเทศไทยวันนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมสูงวัย เด็กเกิดใหม่ลดจำนวนลงเหลือปีละ 5 แสนคน คนไม่อยากมีลูกเพราะการมีลูกมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งทำให้คนมีลูกน้อยลง จะแก้ปัญหานี้ได้ต้องมีรัฐสวัสดิการเท่านั้น เพื่อเป็นกลไกให้คนยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง ไขว่คว้าหาความฝันในชีวิต เลือกเส้นทางชีวิตเดินได้” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธรยังกล่าวต่อไปว่า แต่ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ ในการหางบประมาณมาสร้างรัฐสวัสดิการ เช่น การปฏิรูปกองทัพ ลดงบประมาณกองทัพที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ทุกวันนี้กองทัพเข้ามาทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่มากมาย ทั้งหวย มวย ม้า สนามกอล์ฟ รีสอร์ต หากเราสามารถยกเลิกธุรกิจกองทัพได้ ประเทศเราจะมีเงินประมาณคืนกลับมาได้ถึง 5 หมื่นล้านบาทต่อปี

รวมทั้งเก็บภาษีคนรวยมาดูแลคนจน เช่น ภาษีนิติบุคคลที่เรียกเก็บจากบริษัทขนาดใหญ่ ยกเลิกสิทธิ BOI ที่ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ระดับร้อยล้านพันล้านขึ้นไป ถ้าทำสำเร็จจะได้อีก 8 พันล้านบาทต่อปี รวมถึงการเก็บภาษีความมั่งคั่ง จากคนรวยที่มีทรัพย์สินเกิน 300 ล้านบาท จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

‘พิธา-อมรัตน์-สุทธวรรณ’ บุกนครปฐม หนุน การเกษตร ด้าน ‘ศิริกัญญา-ไอติม’ ลุยสุพรรณฯ รับฟังปัญหา SME

(18 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมด้วย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และนายกิตติภณ ปานพรหมมาศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐมเขต 4 ลงพื้นที่หาเสียง ที่ตลาดชุมชนบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม รวมทั้งได้พูดคุยกับกลุ่มเกษตรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

โดยนายพิธาเริ่มต้นการหาเสียงด้วยการกล่าวว่า ขอบคุณชาวนครปฐมที่ให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ถึง 165,201 คะแนน เป็นแชมป์อันดับ 1 ของจังหวัดนครปฐม ได้ ส.ส. 2 จาก 5 ที่นั่ง และเดินไปในตลาดแห่งนี้ก็เชื่อว่าใน 3 คน ต้องมี 1 คนที่เคยเลือกพรรคอนาคตใหม่ คราวนี้จึงอยากขอความไว้วางใจอีกรอบ หากต้องหารเห็นวัฒนธรรมการเมืองแบบใหม่ อยากเห็นประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ต้องกาก้าวไกลทั้ง 2 ใบ คราวนี้เราจำเป็นต้องได้ ส.ส. ให้มากที่สุด เพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ

ในส่วนศักยภาพของจังหวัดนครปฐม นายพิธากล่าวว่า ชาวนครปฐมมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กว่า 12,460 ฟาร์ม ผลิตกุ้งคุณภาพไปกว่าปีละ 7,700 ตัน และมีสัดส่วนฟาร์มกุ้งก้ามกรามที่ได้การรับรองคุณภาพ GAP กว่า 38% มากที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีปัญหาต้นทุนการเลี้ยงสูงและอัตราการมีชีวิตรอดของลูกกุ้งต่ำ เพราะขาดแคนลูกพันธุ์คุณภาพ

“ที่น่าตกใจ คือ ถึงแม้นครปฐมจะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่งบประมาณที่กรมประมงสนับสนุนในปีที่ผ่านมา คือ 0 บาท เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคก้าวไกล เพราะเรามีนโยบายรับรองมาตรฐาน GAP-GMP-เกษตรอินทรีย์ ฟรี!! พร้อมทั้งส่งเสริมการส่งสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปทั่วโลก ผ่านการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการที่ขอใบรับรองของสินค้าแปรรูที่ได้มาตรฐาน เพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรแปรรูปไทยสู่มาตรฐานสากล” นายพิธา กล่าว

ส่วนนายกิตติภณ ปานพรหมมาศ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐมเขต 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาของชาวนครปฐม นอกจากด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องมีพัฒนาแล้ว ปัญหาอาชญากรรมและสิ่งแวดล้อม ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบกับคนในพื้นที่ ตนเชื่อว่า นโยบายพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า นโยบายสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนนครปฐมและชีวิตคนไทยทั้งประเทศดีขึ้นแน่นอน

ในช่วงเวลาเดียวกัน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย เดินสายหาเสียงพบพี่น้องประชาชนอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อรับฟังปัญหาผู้ประกอบการรายย่อย (SME) และร่วมแลกเปลี่ยนเปลี่ยนปัญหาเชิงพื้นที่ของตลาดเก่าศรีประจันต์ ซึ่งในอดีตเป็นตลาดที่คึกคักและเป็นจุดเชื่อมต่อทางคมนาคมที่สำคัญในการเดินทางไปยังกรุงเทพ ต่อมาเมื่อมีการตัดถนนทำให้พื้นที่ตลาดถูกลดความสำคัญและเริ่มซบเซาลง

ปัจจุบันมีความพยายามพลิกฟื้นตลาดเก่าศรีประจันต์ จากกลุ่มผู้ประกอบการและศิลปินในพื้นที่ พยายามปรับปรุงพื้นที่บางส่วน พร้อมจัดแสดงผลงานศิลปะเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ขณะที่วิเชียร ตามสี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณบุรี เขต 5 กล่าวว่า “ตลาดศรีประจันต์เป็นย่านเก่าแก่ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตคนสุพรรณ ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่พยายามจะคืนชีพตลาดนี้ ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสสร้างพื้นที่ตรงนี้ให้ดีกว่านี้ได้ เพราะตลาดมีจุดเด่นของตัวเองและสามารถเชื่อมโยงไปยังบึงฉวาก การมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคครั้งนี้เตรียมที่จะผลักดันต่อไป”

ด้านรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอกับพี่น้องประชาชนศรีประจันต์ระหว่างพูดคุยว่า ต้องตีโจทย์ตลาดเก่าศรีประจันต์ เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาและออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมต่อไป และถ้าหากมีการออกแบบหรือคิดไม่รอบด้าน สุดท้ายตลาดเก่าหรือบ้านเก่า จะถูกอนุรักษ์แบบแข็งตึงและไม่มีการพัฒนา และไม่สามารถทำสิ่งใดได้

‘พิธา’ ขึ้นเวทีปราศรัยเมืองกาญฯ ชู ‘ทลายทุนทหาร’ คืนที่ดิน-งบประมาณให้ ปชช. เอาทหารออกจากการเมือง

เมื่อวานนี้ (18 มี.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัย จังหวัดกาญจนบุรี เผย ตั้งแต่เดินทางมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ตนนึกถึงโจทย์ความท้าทายทางการทหาร พร้อมยกตัวอย่างวันที่ 25 เมษายน ของทุกปีเป็นวัน ‘Anzac Day’ ของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นความทรงจำแรกต่อกาญจนบุรีของตน ซึ่งเป็นวันแสดงความรำลึกถึงผู้ที่สูญเสียในสงคราม โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นจุดที่ทำให้คิดถึงความท้าทายในยุคสมัยนั้น เป็นความท้าทายทางทหารในอดีต

แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลง ความท้าทายทางทหารแบบเดิมก็เปลี่ยนไป กลายเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ความท้าทายจากสังคมสูงวัยและทางดิจิทัลแทน แม้ว่าทุกวันนี้ความท้าทายและความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอยู่ แต่ไม่มีใครเอาทหารไปรบกันตรง ๆ เป็นหลักอีกแล้ว ดังนั้น ตนจึงอยากตั้งคำถามถึงปัจจุบันว่า ทหารมีไว้ทำไม คำตอบคือ ทหารมีไว้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วันนี้ตนจึงชวนมาทำลายทุนทหารที่กาญจนบุรีด้วยกัน

นายพิธากล่าวกลางเวทีปราศรัยว่า พื้นที่ที่เป็นที่ดินของกองทัพมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ คือ ที่ดินในจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมยกตัวอย่างโรงสูบน้ำเพื่อประชาชน ที่ตำบลท่าเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ใช้งบประมาณ 33 ล้านบาท แต่ไม่สามารถสูบน้ำได้สักหยด เนื่องจากอยู่บนที่ดินทหาร พี่น้องที่แก่งเสี้ยนอยากจัดการขยะก็จัดการไม่ได้เพราะอยู่ในพื้นที่ทหาร

นายพิธาย้ำอีกว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทหารจำเป็นต้องใช้ที่ดิน โดยที่ดินราชพัสดุมีทั้งหมด 12 ล้านไร่ ครึ่งหนึ่งของที่ราชพัสดุเป็นที่ดินของกองทัพ คิดเป็นขนาดง่าย ๆ คือ มี 5 กรุงเทพรวมกัน ยังไม่มากเท่าที่ดินทหาร เมื่อมีที่ดินกองทัพก็นำมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด โยนตั้งคำถามต่ออีกว่า ทหารทำธุรกิจ แต่งบประมาณในการทำธุรกิจของกองทัพ ทำไมไม่เคยเข้าหลวงเลย แต่กลับเก็บเงินเข้าขุมทรัพย์สีเขียว พร้อมตั้งคำถามว่านี่คือหน้าที่ของทหารไทยหรือไม่

โดยนายพิธาเชื่อว่า ตนขึ้นมาพูดนโยบาย ‘ททท.’ เพื่อชาวกาญจนบุรี นั้นต่างจากพรรคการเมืองที่ผ่านมา เพราะ ‘ททท.’ ของตน ไม่ใช่นโยบายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่คือ ‘ทลายทุนทหาร’

“ทหารมีไว้เพื่อทำสนามกอล์ฟ สนามมวย สนามม้า ปั๊มน้ำมัน บาร์ลับ ร้านกาแฟ โรงแรมหกดาว ทำบ้านสวัสดิการโกงกินจนเกิดเหตุกราดยิงที่โคราช นี่คือหน้าที่ทหารหรือ?” นายพิธาตั้งคำถาม

นายพิธาเปิดเผยต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงสำคัญในการตัดวงจรอุบาทว์ เอาทหารออกจากการเมือง ให้เหมือนแยกน้ำออกจากน้ำมัน ไม่ให้มีวันบรรจบกันอีก การแก้แบบก้าวไกล คือ การแก้ไขปัญหาทั้งหมด ทำแบบที่นักการเมืองเขาไม่ทำหรือไม่กล้าที่จะทำกัน

โดยหัวหน้าพรรคเสนอการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

1.) แจกใบแดงให้นายทหาร ภายใน 7 ปีหลังเกษียณไม่สามารถเข้าสู่การเมืองได้
2.) ระบบเสนาธิการร่วม ผู้นำกองทัพอยู่ใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
3.) ยกเลิกศาลทหาร
4.) ยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ
5.) รีดไขมันจากกองทัพ เอางบประมาณมาทำสวัสดิการประชาชน

โดยบนเวทียังมีการแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.​พรรคก้าวไกล 5 จังหวัด พร้อมการปราศรัยแนวนโยบาย ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ โดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ, นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล และนางอมรัตน์ โชคปมิตตกุล

โดยว่าที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย

จังหวัดราชบุรี
เขต 1 นภดล อารีประเสริฐกุล
เขต 2 ปีรเมษ มณีโชติ
เขต 3 ภิญโญศิลป์ สังวาลวงศ์
เขต 4 วิชา อินทร์จันทร์
เขต 5 ธนพจน์ ทรัพย์ยอดแก้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top