Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

‘หมออ๋อง’ พร้อมรักษามารยาท ยุติหน้าที่บนบัลลังก์ หากคำตัดสินคดี ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ออกมาเป็นลบ

(7 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล บ่ายวันนี้ว่า ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ อยากเห็นสภาฯ เข้มเเข็ง และไม่อยากเห็นสภานิติบัญญัติถูกแทรกแซงจากองค์กรอื่น

หากผลออกมาเป็นคุณ ก็จะยินดีมาก ไม่ใช่เพียงกับพรรคก้าวไกลอย่างเดียว แต่รวมถึงสภาฯ ด้วยที่จะดำเนินการกันต่อไปได้ และมองว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานว่าตกลงแล้วสิทธิหรืออำนาจของผู้แทนราษฎรในการเสนอกฎหมายนั้น จะมีใครมายับยั้งหรือบั่นทอนอำนาจนี้ได้หรือไม่

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเนื้อหาคำวินิจฉัยนั้นสำคัญมาก ว่าการอธิบายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือสิทธิของสภาฯ นั้นเป็นสิ่งที่ตนรอฟังอยู่ว่าคำตัดสินนั้นจะเป็นคุณหรือโทษ

เมื่อถามว่าการอ่านคำวินิจฉัยศาลนั้น ตรงกับช่วงเวลาที่นายปดิพัทธ์ นั่งเป็นประธานการประชุมในเวลา 15.00 น. หากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นลบจะทำอย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ กับการทำงาน

หากคำตัดสินออกมาไม่เป็นคุณ และมีการตัดสิทธิ์จริง ตนต้องรักษามารยาท ยุติปฏิบัติหน้าที่บนบัลลังก์ แต่หน้าที่ของนักการเมืองของตนยังคงอยู่

‘ศาล รธน.’ พิพากษา ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ‘พิธา-กก.บห.’ ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี

(7 ส.ค.67) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ให้ยุบพรรคก้าวไกล ฐานมีพฤติการณ์อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 3/2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พรรคก้าวไกลกระทำการในลักษณะดังกล่าว จากการที่มี สส.เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112 โดยเสนอให้ยกเลิกกฎหมายมาตรานี้

ทั้งนี้ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พรรคก้าวไกลและพิธา มีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง จึงให้ตัดสิทธิ พิธา และกรรมการบริหารพรรค รวม 10 ปี 

สำหรับผู้ที่โดนตัดสิทธิทางการเมืองได้แก่...

1.พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
2.ชัยธวัช ตุลาธน 
3. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 
4. ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล 
5. ปดิพัทธ์ สันติภาดา 
6. สมชาย ฝั่งชลจิตร 
7. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 
8. อภิชาต ศิริสุนทร 
9. เบญจา แสงจันทร์ 
10. สุเทพ อู่อ้น

'สภาฯ' ดับฝัน ‘หนังโป๊-Sex Toy’ ก้าวไกล หลัง 284 สส. คว่ำร่างฯ ปลดล็อก

(7 ส.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … มาตรา 287 ของ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กับคณะ เป็นผู้เสนอ และร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ… ของ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยเป็นร่างพ.ร.บ.ที่มีสาระเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรี

สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว เสนอให้การแจกจ่าย หรือแสดงแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งเป็นภาพเขียน ภาพพิมพ์ สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ สิ่งอื่นใดอันลามก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือที่เป็นการใช้ความรุนแรง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากกฎหมายปัจจุบันที่ห้ามกระทำทั้งหมด ไม่ว่า จะเกี่ยวกับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ก็ตาม

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้ส.ส.อภิปรายต่อเรื่องดังกล่าว โดยมีส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนอภิปรายสนับสนุน ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเห็นว่า การห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเห็นว่าของเล่นผู้ใหญ่ เซ็กซ์ทอย มีข้อดี ช่วยอาชญากรรมทางเพศ ลดความเครียด และแก้ปัญหาชีวิตครอบครัวได้

โดย นายสรพัช ศรีปราชญ์ ส.ส.สระบุรี พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนว่า การกำหนดกฎหมายแบบที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า เราอยู่ในโลกแห่งการไม่ยอมรับความจริง เมื่อเราอยู่ในประเทศหน้าไหว้หลังหลอก มือถือสากปากถือศีล เอาคำว่าศีลธรรม จริยธรรม เป็นเสื้อคลุมกายทำให้เรากลายเป็นคนดีขึ้นมาทันที และเป็นข้ออ้างที่ทำให้เซ็กซ์ทอยผิดกฎหมาย และกำลังทำลายความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่มีความรู้สึกทางกามอารมณ์ที่ต้องการใช้งาน แต่เราผลักใสให้เขาไปหาสิ่งอื่นๆทดแทน เมื่อต้องการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ หากเป็นคนไม่มีจิตสำนึกก็จะนำไปสู่การข่มขืน

ด้าน นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การแก้กฎหมายให้ผู้ผลิตสื่อทางเพศ ไม่ถือว่า เป็นผู้ทำผิดกฎหมายหรือส่งผลเสียต่อสังคม เนื่องจากเราไม่ได้ให้เยาวชนเข้ามา และได้กำหนดให้ผู้ผลิตมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ถือว่ามีวุฒิภาวะ และไม่เรียกว่ามอมเมาประชาชน ที่ผ่านมาผู้ผลิตและผู้รับสื่อมีอยู่ทั่วไปอยู่ตลอด ดังนั้นจะไม่ดีกว่าหรือที่เราจะเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ขึ้นมาอยู่บนดินแล้วดูแลควบคุม ให้เสรีภาพแก่ผู้ผลิตสื่อ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล จะใช้ร่างกายเลี้ยงชีพ ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ส่วนเซ็กทอยขณะนี้มีอยู่แล้ว ทำไมไม่ควบคุมโดยออกกฎหมาย เพื่อดูแลมาตรฐาน

ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาลคัดค้านแก้ไขมาตรา 287 ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ โดย นายดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ไม่ได้มีอคติ แต่เห็นว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี หากมีการแก้ไขในเรื่องนี้ ปัญหาครอบครัว ผลของการกระทำ เราอาจเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในอนาคตเสี่ยงเกิดปัญหาภายในครอบครัว เกิดการคุมคามทางเพศมากขึ้น และยังก่อให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบว่าการใช้ความรุนแรงทางเพศเป็นเรื่องปกติ และอาจมีผลต่อการค้ามนุษย์ ข่มขืนใจ ที่สำคัญจะมีปัญหาด้านสาธารณสุข ในแง่ของโรคติดต่อตามมาด้วย

ด้าน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาระสำคัญของการขอแก้ไขครั้งนี้ คือถ้าเป็นสื่อลามกที่เกี่ยวข้องกับคนอายุต่ำกว่า20ปี หรือใช้ความรุนแรง ให้มีความผิด ตนเห็นว่าฟังแล้วดูเหมือนจะดี แต่เจตนาของมาตรา 287 ต้องการคุ้มครองประชาชน ผู้อภิปรายพูดแต่เรื่องศีลธรรม แต่เราก็ต้องทำเหมือนเดิม เพราะในสังคมมีความหลากหลายมาก โดยเฉพาะการโฆษณาให้เห็นอวัยวะเพศ ภาพโป๊ เปลือย หรือกิจกรรมทางเพศ บางคนมองว่าเป็นศิลปะ แต่จะทำให้เกิดปัญหาล่วงล้ำสิทธิคนอื่น

“การมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ความจริงก็ต้องมีบ้างเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งรัฐต้องมีมาตรการทางกฎหมายออกมาเพื่อคุ้มครอง ในการเข้าถึงสื่อลามกที่ต้องมีการป้องปราม ที่สำคัญปัจจุบันเรายังไม่ได้มีกฎหมายว่าด้วยการให้บริการทางการเพศ ซึ่งน่าห่วงใย ถ้าให้มีสื่อลามกเผยแพร่ออกไป เพราะฉะนั้นผมจึงไม่สนับสนุน”นพ.เชิดชัย กล่าว

นพ.เชิดชัย กล่าวด้วยว่า เซ็กซ์ทอยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นวัตถุช่วยเหลือทางเพศ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ อาจใช้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ควรพูดให้ชัดเจน อาจมีประโยชน์ช่วยให้คู่ชีวิตดีขึ้น ลดการข่มขืน ลดความเครียด ประเด็นนี้ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และเป็นคนละเรื่องกับมาตรการป้องกันสื่อลามก เซ็กซ์ทอย ซึ่งน่าจะเสนอเป็นกฎหมายเฉพาะ แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้คลุมเครือไม่ชัดเจน เกิดปัญหามากกว่าข้อดี จึงอยากให้ผู้เสนอนำไปร่างใหม่เป็นการเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ทอย

กระทั่งเวลา 13.25 น.ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 145 เสียง ไม่เห็นด้วย 284 เสียง งดออกเสียงไม่มี ถือว่าที่ประชุมไม่รับหลักการ ดังนั้นร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้จึงตกไป

'ก้าวไกลเชียงราย' ลั่น!! ก้าวไกลไม่มีวันดับ หลังศาล รธน.สั่งยุบพรรค พร้อมรับคำสั่งเคลื่อนไหวต่อทันที หากส่วนกลางส่งสัญญาณ

(7 ส.ค. 67) สมาชิกและมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลได้ไปรวมตัวกันที่ลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพรรค แม้ว่าวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีการเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในการเป็นนโยบายหาเสียง

โดยมวลชนผู้สนับสนุนได้เขียนข้อความแสดงจุดยืนต่าง ๆ เช่น ก้าวไกลไปต่อ, ก้าวไกลไม่มีวันดับ ฯลฯ จากนั้นนำมาคลี่ถืออ่านข้อความต่างๆ พร้อมตะโกนว่า "ก้าวไกลไปต่อๆๆ"

นายสราวุฒิ หอมสมบัติ ทีมงานพรรคก้าวไกล จ.เชียงราย และนายประหยัด เสียงดัง อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เขต 5 จ.เชียงราย ยังได้ปราศรัยให้กำลังใจผู้ไปร่วมในกิจกรรมทุกคนและพากันไปรอฟังการอ่านคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่อไป

นายประหยัดกล่าวว่า กรณีคำวินิจฉัยเป็นโทษ เราก็จะรอรับคำสั่งจากส่วนกลางต่อไปแบบพร้อมเต็มที่ รอสัญญาณอยู่เท่านั้น โดยเครือข่ายที่มาร่วมเป็นตัวแทนทุกอำเภอใน จ.เชียงราย มารวมกัน ทั้งนี้ ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเคยถูกยุบพรรคมาครั้งหนึ่งแล้ว มีประสบการณ์และความรู้มากกว่าเดิมจึงเตรียมพร้อมดำเนินการได้และทำงานได้ลื่นไหลมากกว่าเดิมด้วย

นายสราวุฒิกล่าวว่า เราขอส่งกำลังใจให้กับกรรมการบริหารพรรคทั้ง 10 คน และ ส.ส.อีก 151 คนด้วย

‘อียู’ ออกแถลงการณ์ แซะ 'ศาล รธน.' ยุบก้าวไกล ทำให้ไทยถอยหลังจากความหลากหลายทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 67) คณะผู้แทนสหภาพยุโรป (EEAS) ออกแถลงการณ์ Thailand: Statement by the Spokesperson on the dissolution of the main opposition party เนื้อหาระบุว่า การตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญของประเทศไทยในการยุบพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง คือ พรรคก้าวไกล ถือเป็นการถอยหลังของความหลากหลายทางการเมืองของประเทศไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่นำหน้าในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 โดยมีคะแนนเสียงมากกว่า 14 ล้านเสียง (จากทั้งหมด 39 ล้านเสียง)

ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถทำงานได้หากขาดพรรคการเมืองและผู้สมัครจำนวนมาก การจำกัดการใช้เสรีภาพในการรวมตัวและการแสดงออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกิจกรรมและการจัดตั้งพรรคการเมือง จะต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติและหลักการที่เกี่ยวข้องของตราสารระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองระหว่างประเทศ

สิ่งสำคัญคือทางการต้องแน่ใจว่าสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการเลือกตั้งโดยชอบธรรมทุกคนสามารถปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาต่อไปได้ โดยไม่คำนึงถึงพรรคการเมืองที่พวกเขาได้รับเลือก

สหภาพยุโรป (EU) พร้อมที่จะขยายการมีส่วนร่วมกับประเทศไทยภายใต้ความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือที่ลงนามเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2565 รวมถึงในประเด็นของความหลากหลายทางประชาธิปไตย เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และสิทธิมนุษยชน

'ปวิน' ลั่น!! ศาล รธน.เป็นเครื่องมือของสถาบันฯ เอาไว้ใช้กำจัดศัตรูทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า

(8 ส.ค. 67) นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งขอลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

หลังจากเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและแคนาดากว่า 2 อาทิตย์ บวกกับอาการเบื่อการเมืองไทย เลยไม่อยากพูดหรือเชียนอะไรในช่วงที่ผ่านมา แต่วันนี้ขอเขียนนิดนึงเรื่องการยุบพรรคก้าวไกล 

...คุณไม่จำเป็นต้องเป็นติ่งส้มที่ต้องมีความโกรธในวันนี้ เพียงแต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีใจเป็นธรรม คุณจะรู้ว่า สิ่งที่ก้าวไกลโดน มันเป็นความอยุติธรรมและเป็นความถดถอยของระบอบประชาธิปไตย

...ศาลรัฐธรรมนูญ คือเครื่องมือของสถาบันกษัตริย์ที่ใช้กำจัดศัตรูทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า ความน่ากลัวที่ดิชั้นพูดไปในหลายโอกาสก็คือ ในประเทศหนึ่ง ๆ การล่มสลายของสถาบันใดๆ อาจยังทำให้ประเทศไปต่อได้ เราอาจไม่จำเป็นต้องมีสถาบันกองทัพ (ญี่ปุ่น) เราอาจไม่จำเป็นต้องมีสถาบันกษัตริย์ (ฝรั่งเศส) แต่ถ้าสถาบันยุติธรรมล่มสลาย นั่นคือการล่มสลายของชาติ เราจะอยู่อย่างไรถ้าประเทศไร้ซึ่งความยุติธรรม

...ดิชั้นไม่อยากให้ผู้สนับสนุนก้าวไกลยอมรับความพ่ายแพ้นี้ โดยการพูดว่า ยุบแล้วไง ยักไหล่แล้วไปต่อ ไม่ค่ะ คุณพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะเท่ากับคุณยอมรับความชอบธรรมและความเป็นปกติ (normalisation) ของกระบวนการพิกลพิการนี้ เราต้องลุกสู้กับความอยุติธรรมนี้ เราต้องส่งเสียง เท่าที่เราสามารถทำได้ การรอให้มีการตั้งพรรคใหม่ เลือกตั้งครั้งหน้าแล้วหวังจะกลับมาชนะพวกมัน แม้จะเป็นความพยายามที่มีเกียรติและน่าชื่นชม แต่ไม่มีอะไรการันตีว่า การชนะจากหีบเลือกตั้งจะนำไปสู่ชัยชนะของพรรคที่จะเกิดขึ้นใหม่ในที่สุด

....การต่อสู้วันนี้จึงไม่ใช่แค่การดึงเอาระบบยุติธรรมกลับมาสู่สภาพปกติ แต่เราต้องสู้เพื่อให้พื้่นที่ของการพูดถึงมาตรา 112 ต้องมีอยู่ เราไม่สามารถอยู่โดยไม่เห็นว่ามีช้างอยู่ในห้องอีกต่อไป

‘ชัชชาติ’ โพสต์ให้กำลังใจ ‘ก้าวไกล’ หลังถูกยุบ ผ่านบทเพลง ‘ฤดูที่แตกต่าง’ ของบอยโกสิยพงษ์

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.67) จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดที่มีการกระทำผิด ให้ไม่สามารถไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรค มีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนดเป็นเวลา 10 ปี

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความลงในเพจ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ โดยระบุว่า…

”อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง

เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ”

เป็นกำลังใจให้กับ คุณพิธา คุณชัยธวัช คุณวิโรจน์ และ พรรคก้าวไกลทุก ๆ ท่านครับ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าข้อความที่ นายชัชชาติ ยกมานั้น คือ เพลง ‘ฤดูที่แตกต่าง’ โดย บอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงชื่อดัง

ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้เข้ามาคอมเมนต์ ตอบกลับข้อความดังกล่าว ด้วยว่า “ขอบคุณอาจารย์มาก ๆ นะครับ ^^ จะฝนตก หรือฝนจาง ผมก็พร้อมยืนเด่นท่ามกลางแสงแดด และสายฝนเสมอครับ”

‘แอ๊ด คาราบาว’ เสียใจต่อ ‘ก้าวไกล’ ในความไม่เป็นธรรม พร้อมหวังให้สู้ต่อ ย้ำ!! อย่าท้อ ขอให้อดทนถึงวันฟ้าดินเห็นใจ

(7 ส.ค. 67) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ยุบ พรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุด 1 และชุด 2 รวม 11 คน มีกำหนด 10 ปี นับแต่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ‘แอ๊ด คาราบาว’ หรือยืนยง โอภากุล โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Add Bao’ โดยระบุว่า “ขอแสดงความเสียใจต่อพรรคก้าวไกลในความไม่เป็นธรรมของบ้านเมืองเราในยุคนี้ครับ หวังว่าพวกคุณจะยังคงมุ่งมั่นสู้ต่อไปในอุดมส์การณ์ที่พวกคุณเชื่อมั่น ผมจะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พวกคุณ ‘คนรุ่นใหม่ผู้เป็นความหวังในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง’ อย่าท้อขอให้ทนอดทน อดทนถึงวันฟ้าดินเห็นใจ…”

‘อรรถวิชช์’ ชี้!! ‘ก้าวไกล’ แก้ ม.112 โดยย้ายออกจากหมวดความมั่นคงฯ เสมือนเป็นการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมด-เปิดช่องให้คนหมิ่นสถาบันได้เสรี

(8 ส.ค. 67) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กรุงเทพฯ โพสต์วิดีโอที่ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะข่าวเด็ด MONO 29 เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 ลงในบัญชีติ๊กต็อก @atavit ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบ ผิดมาตรา 112 ระบุว่า…

“กรณีผมก้าวไกล ผมคิดว่าในขณะนั้นมีคนเตือนหลายท่านแล้วว่าการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 หากจะลดโทษก็ไปแก้ไขเรื่องบทลงโทษ ให้อยู่มาตราไหนก็อยู่มาตรานั้น แต่ลักษณะการแก้ของก้าวไกลเป็นการแก้แบบยกเลิก ย้ายหมวดจากหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ ออกมาเป็นหมวดเหมือนหมิ่นประมาททั่วไป…

“ทำให้มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญาก็สิ้นสลายหายไป คนที่ชุมนุมอยู่ก็ชุมนุมต่อ ที่เคยพูดได้ หมิ่นได้ก็หมิ่นได้ต่อ ไม่ผิด มาตรา 112 อีกต่อไปแล้ว ส่วนที่ติดอยู่ในคุกก็ต้องออกมายุติการดําเนินคดี ก็จะเป็นการนิรโทษกรรมคดีทั้งหมดที่ดําเนินอยู่”

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า หากแก้ปกติจะไม่เป็นอะไร เช่น บทลงโทษ 3-15 ปี ทางก้าวไกลบอกจะแก้ให้เหลือ 1 ปี ก็ถือเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมือง หรือหากจะพูดคุยในสภาก็พูดได้ ฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงออกมาเบรกว่า “แก้ได้ในสภานะ แต่เอามาหาเสียงทําแคมเปญไม่ได้” การกระทำของก้าวไกลไม่ใช่การแก้ไข แต่เป็นการยกเลิก แล้วไปกําหนดโทษให้เบาลงในมาตราอื่น

ตั้งแต่เลือกตั้งก้าวไกลได้ 151 สส. และเขาขับสส. 3 คนพ้นพรรคออกไป 2 คนแรกผิดมาตรฐานจริยธรรมของพรรค ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ต้องขับออกก็คือ ‘หมออ๋อง’ รองประธานสภา เพราะถ้าไม่ขับออก หมออ๋องเป็นรองประธานสภาไม่ได้ เพราะประธานสภาต้องมาจากพรรครัฐบาลเท่านั้น ก็เหลืออยู่ 148 ถ้าวันนี้ศาลตัดสินว่ายุบก้าวไกล สส. ก็จะหายไปอีก 5 คน จะเหลือ 143 ถ้าเกิดกรรมการบริหารพรรคโดนยุบวันนี้ (7 ส.ค.) ต้องไปดูคําพิพากษาไส้ในอีกว่ามันจะมีผลกระทบระลอก 2 หรือเปล่า เพราะตอนที่ก้าวไกลเขาเสนอยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ในขณะนั้น มี สส.ปัจจุบันในสภาที่สังกัดพรรคก้าวไกลอีก 30 คน ถ้าหากมีใครไปร้อง ปปช. ต่อเนื่อง และมีการนําสืบต่อ สส. 30 คนของก้าวไกลก็อาจจะต้องถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปอีก ก็จะเหลืออยู่ 113 แต่คงไม่เร็ว ๆ นี้ 

นายอรรถวิชช์ เสริมต่อว่า เป็นบทเรียนสําคัญของการเมืองและก็เป็นบทเรียนสําคัญสำหรับก้าวไกล และผมก็เชื่อว่า สส. ต้องใช้เวลาภายใน 60 วันไปหาพรรคใหม่ ถ้าเขาย้ายทั้งแพ็กไปอยู่พรรคใหม่ โอกาสของพรรคและอนาคตทางการเมืองก็ยังมี และไม่แน่ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป และจะเป็นการเรียนรู้หนึ่งเรื่องว่า ‘อะไรควร’ หรือ ‘อะไรไม่ควร’

'อี้-แทนคุณ' เห็นใจ 'พิธา' ในฐานะหัวอกคนเป็นพ่อ ห่วงอนาคตลูก แต่คิดอะไรอยู่? ตอนฉวยอนาคตลูกคนอื่นให้ไปด่าพ่อของแผ่นดิน

(8 ส.ค. 67) ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกบทความถึงกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคและกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ว่า...

ฟังคลิปนี้ของคุณพิธาแล้วเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อที่รักและห่วงลูกที่สุด ถึงขนาดหลั่งน้ำตาเมื่อคิดถึงอนาคตของลูกเขา ห่วงเรื่องสิทธิเด็ก ห่วงนั่นห่วงนี่ห่วงยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ผมเข้าใจความรู้สึกตรงนี้ของพ่อทิม พิธาดีครับ และขอให้กำลังใจในส่วนนี้ รวมทั้งผมได้เคยแสดงจุดยืนว่าไม่เคยเห็นด้วยกับการยุบพรรคใด ๆ เลย 

แต่ถ้าได้ฟังแล้วได้คิด คิดก่อนว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้างนะ ความห่วงใยที่ต้องมีถึงลูกของพ่อแม่คนอื่นที่เขาต้องเป็นห่วงลูกของเขาไหม ว่าจะเป็นอย่างไรกับการที่มีกระบวนการทางการเมืองแบบของคุณหรือไม่ที่ไปนำ 'เด็ก ๆ' ออกจากอ้อมกอดของพ่อแม่ ด้วยการผลิตสื่อ การสนับสนุนจัดชุมนุม การชี้นำประเด็นการเมืองตามใจที่คุณต้องการโดยเฉพาะการดูหมิ่น ด้อยค่า อาฆาตมาดร้ายต่อผู้ที่หลายคนสถาปนาให้เป็น 'พ่อ' ของแผ่นดิน พ่อของชาติ ไปจนถึงกลายเป็นการลดทอนความมั่นคงของชาติที่ควรปกป้องคุ้มครองให้ถึงที่สุดจากลูก ๆ เหมือนกัน

คุณและพวกคุณทำอย่างไรกับลูกของครอบครัวพวกเขาบ้างหรือ คุณนำเด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีปราศรัย พูด Hate Speech คุณและพวกของคุณทำอย่างไรกับ 'หยก' ยังไม่นับรวมเยาวชนกลุ่มต่าง ๆ ที่ควรจะมีอนาคตที่สดใสหากไม่มีความพยายามทำการเมืองแบบมุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน 

'น้ำตา' ของคุณมันน่าจะมีส่วนผสมของความเป็นมนุษย์ มีจิตวิญญาณแห่งความรักและห่วงใยลูกในฐานะพ่อแม่ อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจาก น้ำตาของพ่อแม่คนอื่น ๆ ที่รินไหลหลั่งรินออกมาเมื่อเวลาที่เขาห่วงใยลูกหลานของเขา 

มีไหมนะประเทศไหนในโลกที่ปล่อยให้มีการเมืองแบบสุดโต่ง โยงลงไปหาเด็กเยาวชนแบบเกลียดชังต่อสถาบันหลักของชาติจนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างวัยภายในครอบครัว จนเกิดผลกระทบเมื่อต้องมีคดีเพราะทำผิดกฎหมายแบบที่มีอยู่

พวกคุณรู้อยู่แก่ใจว่าหลายเรื่องผิดกฎหมายคุณทำอะไรให้พวกเขาบ้าง นอกจากปลุกปั่นพวกเขาต่อไป สนับสนุนการทำผิดจนต้องติดคุกบ้าง หนีไปบ้าง หมดอนาคตบ้าง และตายบ้าง เว้นพวกเขาบ้างไม่ได้หรือ

หรือเขาไม่ใช่ลูกคุณ เพียงเพราะคุณไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คุณต้องร้องไห้ ลูกของคนที่ต้องติดคุก ต้องตาย (อย่างบุ้ง ขออภัยเอ่ยถึง) และอีกหลาย ๆ คน คุณทำอะไรได้บ้าง

คนของคุณเอาเงินยัดใส่มือ ไปประกัน ไปเชียร์ไปเป่าหู ไปปลุกปั่นสนับสนุนแกนนำเยาวชน ให้เขาสู้เพื่อกระแสพวกคุณหรือไม่ผมไม่อยากวิจารณ์อีก เพราะผมตั้งใจถอยจากการเมืองแล้ว

แต่ผมอินกับเรื่องเด็กและเยาวชนมาก ผมไม่อยากว่าหรือซ้ำเติมคุณและพวกของคุณแต่หวังว่าบทเรียนครั้งนี้จะสร้างสำนึกใหม่ของพวกคุณว่า...

"อย่าเล่นการเมืองแบบสุดโต่งกับเด็ก ๆ จนกลายเป็นลัทธิคลั่งความก้าวร้าว"

เพื่อพ่อแม่คนอื่นจะไม่ต้องร้องไห้แบบที่คุณร้องอีกต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top