Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

‘ศิริกัญญา’ เผย!! เตรียมเปิดตัว ‘ชื่อพรรคใหม่-สมาชิกร่วมทาง’ พรุ่งนี้ ไม่หวั่น!! กระแสนิยมพรรคใหม่บู่ ให้ดู 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล' เป็นตัวอย่าง

(8 ส.ค. 67) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสส.อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมแถลงตั้งพรรคใหม่ในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.67) ว่า วันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกันเป็นกระบวนการภายใน จะมีการหยั่งเสียงและเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมั่นใจว่าจะราบรื่นและเป็นไปได้ด้วยดี โดยจะมีสมาชิกที่จะไปต่อด้วยกันมากันอย่างพร้อมหน้า ส่วนชื่อพรรคจะเป็นอะไร จะกี่พยางค์ ผู้นำจะเป็นใครขอให้รอฟังวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะแจ้งสถานที่และเวลาในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

“ส่วนกระแสข่าวที่ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรคเพราะหากถูกยุบพรรคแล้วจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่คิดกันได้ แต่ในวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนว่ากรรมการบริหารพรรคจะมีกี่คน จะมีใครบ้าง ขอให้รอผลการประชุมวันพรุ่งนี้” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

ส่วนจะต้องมีการสลับฟันปลาตัวบุคคล หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนเกิดการยุบพรรคในอนาคตอาจจะส่งผลให้คนไม่พอในการทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า คงไม่ถึงขั้นนั้นแน่นอน แต่สิ่งที่จะต้องพิจารณาคือกรรมการบริหารพรรคที่ควรจะต้องมีวิจารณญาณและมีอุดมการณ์ มีหลักการที่มั่งคงที่จะตัดสินใจแทนสมาชิกพรรคในเรื่องสำคัญ ๆ ของพรรคได้ ดังนั้นเรื่องสลับฟันปลายังไม่ได้เอามาคำนึงถึง

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และอดีตสส.พรรคก้าวไกล กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีกระแสที่ไม่มีใครกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ว่า คงต้องถามไปถึงระบบด้วยในการที่จะมีคนขึ้นมาบริหารพรรคการเมือง เป็นตัวแทนของประชาชน ถูกระบบแบบไหนที่ทำให้คนไม่มีความกล้าขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นคนที่จะขึ้นมาเป็นภาวะผู้นำได้จะต้องมีความกล้าหาญ แล้วระบบควรที่จะเป็นอย่างไร ส่วนที่พูดกันของคนในอดีตพรรคก้าวไกล คงเป็นเรื่องล้อเล่นมากกว่า ไม่ได้มีอะไรซีเรียส เพราะเมื่อถึงเวลาทุกคนจะต้องสเต็ปอัพขึ้นมา เพื่อให้พรรคใหม่ของเพื่อน ๆ ตนเองยังสามารถเดินทางไปข้างหน้าต่อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในประชาชน แต่ก็เป็นเรื่องของพวกเขา อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกับตนเองซึ่งตนเองก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว คงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ

ทั้งนี้ หากเทียบกับสมัยตนเอง ตั้งแต่ตอนอนาคตใหม่ เป็นก้าวไกล เวลาที่ประชุม มีกระบวนการ จะให้ตอบชัดเจนว่ากรรมการบริหารเป็นใครก็ต้องมีกระบวนการที่จะหารือกันก่อนภายในก่อนที่จะมาตอบข้างนอก ส่วนจากก้าวไกลจะเป็นอะไรยังไงต่อก็ต้องรอดูวันที่ 9 ส.ค. ส่วนกรรมการบริหารพรรค ก็คงจะดูที่ความสามารถของการบริหารจัดการ ไม่ได้ดูว่าจะเป็นสส.หรือไม่เป็นสส.ว่าเป็นลักษณะอย่างไร ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ

ส่วนความกังวลใจเรื่องกระแสนิยมของผู้นำในพรรคใหม่มีการประเมินไว้อย่างไรบ้างนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เป็นเรื่องของความเสี่ยงในอนาคตที่เกิดขึ้นได้ แต่หากมองตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ มาก้าวไกล ก็โดนคำสบประมาท โดนคำปรามาสเหมือนกัน แต่เราก็สามารถสั่งสมความนิยมมาได้ จนกลายมาเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในปี 66 ซึ่งน่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้แล้ว และคงจะต้องดูกันยาว ๆ ยังตัดสินวันนี้ไม่ได้

ขณะที่นายพิธา กล่าวเสริมว่า “ผมก็ยังไม่ได้หายไปไหน เพราะคนที่ยังอยู่เขาก็ยังเป็นคนที่สนับสนุนผมตอนผมเป็นผู้นำ ตอนนี้ผมก็ยังจะสนับสนุนพวกเขาตามที่กฎหมายอนุญาต”

🔎ส่อง 44 อดีต สส.ก้าวไกล อาจหมดอนาคตทางการเมือง 'ตลอดชีวิต' หลัง 'ป.ป.ช.' สั่งไต่สวน 'ผิดจริยธรรม' ร่วมลงชื่อแก้ไข 'ม.112'

ดาบสอง!! เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.67) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพิจารณาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งถือว่ามีโทษสูงถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น

นายนิวัติไชย กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า 'มีมูล' จึงมีมติสั่งไต่สวน 44 สส. ส่วนข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐาน และจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินหรือไม่ว่าระยะเวลาของการพิจารณาคดีจะยาวนานหรือไม่? นายนิวัติไชย กล่าวว่า คิดว่าไม่น่ายาว พอข้อเท็จจริงปรากฏ น่าจะครบ อยู่ที่การวินิจฉัยเรื่องข้อกฎหมายถึงเจตนา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นเป็นหลักฐานแนบมาด้วย ถือเป็นเอกสารสำคัญในการประกอบการพิจารณาหรือไม่? นายนิวัติไชย กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นข้อเท็จจริงหรือพฤติกรรม แต่ต้องให้คณะกรรมการไต่สวนไปพิจารณา ขอไม่ก้าวล่วง

เมื่อถามถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช. ไม่จำเป็นต้องไต่สวน เนื่องจากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว? นายนิวัติไชย กล่าวว่า เรื่องการให้ความเป็นธรรมอยู่ที่ข้อกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ต้องจบที่ชั้นศาล ซึ่งศาลต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา 

ดังนั้น การให้ความเป็นธรรมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน หากใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ก็อาจไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา และวันนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จึงยังไม่ครบถ้วนตามข้อกฎหมาย

เปิดโลโก้ ‘พรรคประชาชน’ ค่ายใหม่คณะส้ม ใช้สามเหลี่ยมเป็นสัญลักษณ์ พร้อมชื่อย่อ ‘ปชช.-PP’

(9 ส.ค.67) ที่ตึกไทยซัมมิท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชื่อใหม่ของอดีตพรรคก้าวไกล คือ พรรคประชาชน โดยใช้ชื่อย่อว่า ปชช. เขียนภาษาอังกฤษว่า ‘PEOPLE’S PARTY’ มีชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า PP

ขณะที่เครื่องหมายพรรคมีภาพสัญลักษณ์ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม และมุมทุกด้านของสามเหลี่ยมมุมแต่ละมุมเท่ากันกลายเป็นสามเหลี่ยมหกด้าน โดยใช้สีส้มเป็นสีของสามเหลี่ยม ภาพสัญลักษณ์

ตัวอักษรคำว่า พรรคประชาชน PEOPLE’S PARTY ซึ่งเป็นชื่อพรรคปรากฏอยู่ด้านล่างสามเหลี่ยมดังกล่าว โดยใช้สีกรมท่าเป็นสีของตัวอักษรคำว่า พรรคประชาชน และใช้สีส้มเป็นสีของตัวอักษรคำว่า ‘PEOPLE’S PARTY’

จับพิรุธ 'พรรคส้มใหม่' เหตุไฉนเมิน 'ไหม' เลือกไพ่ 'เท้ง-ติ่ง' หรือจะเป็น 'ดีลลับ' ระหว่างสองผู้นำทางจิตวิญญาณ

ย้อนอดีตแวดวงขบวนการนักศึกษาไทยจะพบว่า ปี 2519 ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ปิดฉากลงด้วยเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 โดยสุธรรม แสงประทุม (ปัจจุบัน สส.เพื่อไทย) เป็นเลขา ศนท.คนสุดท้าย...

ปี 2527 หลังยุค 'เราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว' ภายใต้ประชาธิปไตยครึ่งใบ ได้กำเนิดสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เลขา สนนท.คนแรกคือ ฉัตรชัย อัครมณี จากธรรมศาสตร์ และ สนนท.ปิดฉากลงปี 2556 เลขาคนสุดท้ายคือ สุพัฒน์ อาษาศรี จากรามคำแหง...

ปี 2538 เลขา สนนท.ชื่อ สุริยะใส กตะศิลา จาก ม.เกษตรฯ (ปัจจุบันคณบดีฯ ม.รังสิต) รองเลขา สนนท.ขณะนั้นคือ ธนพล อิ๋วสกุล (บก.ฟ้าเดียวกัน) มันสมองคนสำคัญของเครื่องจักรสีส้ม

ปี 2541 เลขา สนนท.คือ 'ต๋อม' ชัยธวัช ตุลาธน จากจุฬาฯ ปัจจุบันคือ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หมาดๆ 

ปี 2543 เลขา สนนท.คือ 'ติ่ง' ศรายุทธ ใจหลัก จาก ม.เกษตรฯ รองเลขาฯ คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากธรรมศาสตร์ ปัจจุบันคือ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคสีส้ม...

วันสองวันนี้ช่วงการเปลี่ยนผ่านจากพรรคก้าวไกล เป็น พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และเป็น พรรคประชาชน ในชั่วข้ามคืน...หลายสื่อนำเสนอภาพ 'ไอ้หนุ่มผมยาว' มาดเซอร์ 3 คน ยืนกอดคอกันประกอบด้วย 'ต๋อม-เอก-ติ่ง'

ไฮไลต์การเปลี่ยนแปลงของพรรคสีส้มในนามพรรค 'ประชาชน' ยุคสามเหลี่ยมหัวกลับรอบนี้ นอกเหนือจากเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ที่พรรคส้มไม่เลือก 'ไหม' ศิริกัญญา ตันสกุล แต่เลือก 'เท้ง' ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ แล้ว อีกไฮไลต์ที่ต้องขีดเส้นใต้ห้าเส้นก็คือ...

การที่ 'เอก ธนาธร' ดันเพื่อนเลิฟที่อยู่หลังบ้าน เป็นผอ.พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล อย่างแข็งแรงมา 5-6 ปีอย่าง 'ติ่ง ศรายุทธ' มาเป็นเลขาธิการพรรค...นับเป็นการทิ้งไพ่ใบสำคัญ...

'ติ่ง ศรายุทธ' เป็นคนใต้ที่มีอัธยาศัยไมตรีและความรู้ความสามารถดีมากคนหนึ่ง ที่สำคัญได้ช่วยเหลือดูแลธุรกิจที่ สปป.ลาว ของธนาธรและครอบครัวมาหลายปีดีดัก ก่อนถูกดึงเข้ามาช่วยงานการเมือง...

การลาก 'ติ่ง ศรายุทธ' มายืนอยู่แถวหน้าบนตำแหน่งสำคัญ ก็คงเพื่อให้ช่วยประคับประคองหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่แม้จะมีแสงในตัวเองระดับหนึ่ง แต่ความเฉียบคมและกลมกล่อมทางการเมือง ยังไม่น่าจะเพียงพอ...ผู้นำทางจิตวิญญาณพรรคส้ม จึงต้องยอมงัดไพ่ใบสำคัญมาเล่น...เพื่อให้พรรคสีส้มเดินหน้าต่อไป รอท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพในปี 2573 ที่วันที่คนชื่อ 'ธนาธร' พ้นโทษเว้นวรรคสิบปี...

แต่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองและเอฟซีของพรรคส้มจำนวนไม่น้อย 'เสียดาย' ที่พรรคไม่เลือก 'ไหม' ศิริกัญญา มาเป็นแม่ทัพประกบประดับหรือเปรียบเทียบกับ 'นายน้อย' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ชนะกันแบบเห็น ๆ...

บางคนบางกลุ่ม ก็อดที่จะอดคิดไม่ได้ว่า...หรือนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งดีลลับระหว่างสองผู้นำทางจิตวิญญาณที่ชื่อ...ทักษิณกับธนาธร..!?

‘เพจดัง’ แฉ!! หลังแอคเคาท์ ‘พรรคประชาชน’ ใน X ใช้งานไม่ได้ เหตุทำผิดกฎหมาย ‘ม.84’ ห้ามมิให้นำเครื่องหมายเก่ามาใช้

เมื่อวานนี้ (12 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคประชาชน’ ใช้งานไม่ได้ จากเดิมใช้ชื่อว่า พรรคประชาชน พร้อมโลโก้ใหม่ กลับเปลี่ยนไปเป็นโลโก้ ‘พรรคก้าวไกล’ เช่นเดิม ส่วนตัวอักษรมีการขีดที่คำว่าพรรค พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ก้าวไกลของประชาชน พร้อมมีการแนะนำแฟนคลับ ไปติดตามที่เพจใหม่

จากกรณีเพจพรรคประชาชนถูกยุบ ทางเพจ ‘วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร’ ได้ออกมาแฉ ว่าระบุข้อความ…

“#ทุกคนคะ พรรคประชาชน ได้เอาแอคเคาท์เก่าของพรรคก้าวไกลมาใช้ ทำให้มีภาพโลโก้พรรคก้าวไกลปรากฏเต็มไปหมด

ซึ่งผิดกฎหมาย มาตรา 84 ที่ห้ามมิให้นำเครื่องหมายเก่ามาใช้ ได้กระทำความผิดมาแล้ว 2 วัน ตอนนี้พรรคแก้ปัญหาด้วยการบอกว่าเป็นแอคแฟนเพจ และ ปิด X ไปชั่วคราว แต่กระทำความผิดสำเร็จแล้วค่ะ”

'อ.แก้วสรร' ถาม!! พรรคส้มวันนี้ เป็น 'พรรคการเมือง' หรือ 'พรรคปฏิวัติ' หลังถูกยุบแล้วยังดึงดันแก้ 112 ต่อ พร้อมขอเสียงหนหน้าแบบเด็ดขาด

(14 ส.ค. 67) นายแก้วสรร อติโพธิ ออกบทความเรื่อง 'พรรคส้ม'  'พรรคการเมือง'  หรือ 'พรรคปฏิวัติ' ??? ระบุว่า “เราต้องกลับมาศึกษา ม.112 อย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

“ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง” ศาลรัฐธรรมนูญ

ถาม ถ้าพรรคประชาชนเดินหน้าแก้ไข 112 อีก ก็ต้องถูกยุบอีกใช่ไหมครับ
ตอบ เขาบอกว่าจะเดินหน้าต่อไป แต่อาจจะไม่ถูกยุบถ้าไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวอย่างเป็นขบวนการ เช่นที่ศาลรัฐธรรมนูญบ่งชี้ไว้

ถาม ผมไม่เข้าใจครับ ที่ศาลระบุว่าพรรคก้าวไกลมุ่งกร่อนเซาะสถาบัน “โดยซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ”

ตอบ คุณจับความถูกแล้วครับ Key word มันอยู่ตรงนั้น....ตรงที่ศาลชี้ว่า มันมีการเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์อย่างเป็นขบวนการใหญ่ มีหลายฝ่ายหลายพฤติการณ์ประกอบกันประสานกัน หนึ่งในนั้นคือการเคลื่อนไหวในระบบรัฐสภาของพรรคส้ม ที่แต่งตัวเป็น “พรรคการเมือง” ลงเลือกตั้ง แล้วชูธงแก้กฎหมายปรับปรุงสถาบันกษัตริย์

พอชูธง หยิบ ม.112 ขึ้นมาเสนอแก้ไขในนามฝ่ายนิติบัญญัติแต่ในทางความเคลื่อนไหวกร่อนเซาะแล้ว มันก็คือการชี้เป้า วี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันตกเป็นปัญหาของชาติ ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ทั้งการโจมตีใส่ร้ายในโซเชียล ทั้งการชุมนุมเป็นแฟลชม๊อบ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ เผายาง ก่อจลาจล ก็ประสานกันเข้ามาในที่สุด

ถาม มันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองมิใช่หรือครับ
ตอบ นั่นเป็นคำกล่าวอ้าง แต่แท้จริงแล้วหาใช่การใช้สิทธิเสรีภาพตามวิถีทางรัฐธรรมนูญแต่อย่างใดไม่ ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า “การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต” คิดอย่างนี้มองอย่างนี้แล้ว ศาลก็เลยชี้ว่า พรรคส้มเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันของขบวนการใหญ่อีกชั้นหนึ่ง

ถาม ถ้าพรรคส้มยอมละวางไม่ชูธงแก้ ๑๑๒ ก็แสดงว่า เขาเลิกกร่อนเซาะสถาบันแล้วใช่ไหม ?
ตอบ ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่มุ่งทำงานให้บ้านเมืองอย่างแท้จริง เขาก็ควรนำพลังคนรุ่นใหม่มาสร้างสรรค์อนาคตใหม่จริงๆ

ในการจัดตั้งรัฐบาลคราวที่แล้ว ถ้าเขายอมเลิกแก้ 112 วันนี้พลัง 14 ล้านเสียง ก็ได้เข้ามาขับดันประเทศแล้ว มาวันนี้พอถูกยุบ ก็ยังประกาศแก้ไข 112 อีก ขอคะแนนเสียงเด็ดขาดในการเลือกตั้งคราวหน้าอีก อย่างนี้คุณว่าตัวจริงของพรรคส้ม เป็นพรรคการเมือง หรือพรรคปฏิวัติ

ถาม ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์แล้ว ยังจะเป็นประชาธิปไตยต่อไปได้ไหม

ตอบ ต้องวาน นักเข้าทรงของพรรคส้ม คือคุณช่อ พรรณิการ์ ไปถาม อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ท่านให้ละเอียดว่า ในปี 2475 เมื่อปฏิวัติล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปแล้ว ทำไมพวกท่านถึงต้องไปกราบทูลอัญเชิญรัชกาลที่ 7 ให้ทรงรับเป็นประมุข และพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ปวงชนอีก

ถาม มันไม่มีคำอธิบายในหนังสือใดบ้างเลยหรือครับ
ตอบ ที่เป็นที่รู้จักและยอมรับกันมาก ก็เป็นงานคิดของนักคิดชาวอังกฤษ Walter Bagehot ที่อธิบายระบบรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยของอังกฤษว่า มีองค์ประกอบสำคัญสองส่วน ส่วนที่เป็นตัวตนเป็นศักดิ์ศรีของคนในชาติ คือสถาบันกษัตริย์ เขาเรียกองค์ประกอบส่วนนี้ว่า “ Dignifies ”

อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนทำงานเขาเรียกว่า “ Efficiency ” คือส่วนที่เป็นสภาเป็นรัฐบาลและข้าราชการ ส่วนนี้มีประชาชนในพรรคการเมืองเป็นสถาบันยืนอยู่ข้างหลัง

เมื่อสองส่วนนี้ทำงานหมุนรับกันได้ด้วยดีไม่ขบกัน ระบอบก็จะไปได้โดยราบรื่น

ถาม สถาบันกษัตริย์ มีไว้ทำไม? ในคำอธิบายของ Bagehot

ตอบ เขาบอกว่า การเมืองเป็นเรื่องการจัดการความขัดแย้ง ผู้นำมาแล้วก็ไป แต่กษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้ง สั่งสมประสบการณ์จนเป็น “สติ” ของการเมืองการปกครองโดยรวม ในระบบนี้ทรงมีสิทธิ สามประการนี้เท่านั้นคือ สิทธิที่จะสนับสนุนให้กำลังใจ ตักเตือน รับรู้และให้คำปรึกษา

ถาม ในสิทธิสามประการข้างต้น ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่ฟังกษัตริย์เลยจะได้ไหม

ตอบ นั่นไม่ใช่ปัญหากฎหมาย แต่เป็นปัญหาความได้สมดุล ระหว่างหัวใจ กับ สมอง ของคนในชาติ นายกฯ มีน้ำหนักมาจากเสียงในสมองของ “ประชาชน” สถาบันกษัตริย์มีต้นทุนอยู่ที่หัวใจหรือความจงรักภักดีของราษฎร ทั้งสองส่วนต้องไปด้วยกันให้ได้

ถาม ที่ต้องมี มาตรา 112 ไม่ให้ใครมาล่วงเกิน ก็เพราะเหตุนี้หรือครับ

ตอบ ถูกต้องครับ ที่การด่าในหลวงเป็นความผิดต่อความมั่นคง ไม่ผิดเช่นด่าชาวบ้านธรรมดา ก็เพื่อรักษาบารมีของสถาบันไว้ บ้านเมืองจะได้สงบมั่นคงเย็นศิระกันต่อไปได้

ถาม ที่คณะราษฎร์ ต้องขอรัชกาลที่ 7 ให้ทรงรับเป็นประมุข ก็เพราะเหตุนี้เหมือนกัน

ตอบ คณะราษฎร์ไม่อยู่ในหัวใจของราษฎร พวกท่านจึงต้องขอให้สถาบันกษัตริย์รับหน้าที่ในส่วน Dignifies พระราชทานพระปรมาภิไธยให้อำนาจทั้งสาม ทำงานบ้านเมืองต่อไป จนปัจจุบัน

ถาม ขบวนการสามนิ้ว ส่งพรรคส้มมาลงเลือกตั้งทำงานในส่วน Efficiency ในสภาหรือรัฐบาล แล้วทำไมไม่มุ่งพัฒนาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง กลับมาหมกมุ่นจะใช้หีบเลือกตั้งปรับแก้ส่วนประมุขอยู่ทุกวันอย่างนี้ได้อย่างไร

นี่เขายืนหยัดว่า สังคมไทยพร้อมจะเป็น “สาธารณรัฐ” มีประธานาธิบดีเป็นประมุขได้แล้วอย่างนั้นหรือ

ตอบ ผมตอบไม่ได้ และไม่ควรตอบ ได้แต่ยกคำของ Bagehot มาส่งท้ายไว้เท่านั้นว่า “อย่าโยนทิ้งสิ่งใด ถ้ายังตอบไม่ได้ว่ามันใช้ทำอะไร ถ้ารู้แล้วเมื่อใด ค่อยคิดให้กระจ่างต่อไปว่า จะหาอะไรมาแทนได้บ้าง ”

'เสียงคนพื้นที่' ผู้รับกรรมจากการตัดงบเขื่อนแกนซีเมนต์ชะลอน้ำโดย 'ก้าวไกล' ความคึกคะนองในสภาฯ วันนั้น สร้างความเสียหายแก่ 'หลายจังหวัด' ในวันนี้

(26 ส.ค. 67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'นฤเทพ กาละดี' ได้โพสต์ข้อความในฐานะคนที่อยู่ในพื้นที่ จ.น่าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ระบุว่า...

เล่าให้เพื่อนฟัง...

เมื่อวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567
ผมยังคงเข้าสวน ที่บ้านวังผา อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ไม่ได้
ทั้งที่เดิม ตั้งใจจะเข้าไปเพื่อล้างทำความสะอาด 
ฟื้นฟูสวนและกระท่อม เพราะยังคงมีฝนตกหนัก 
ระดับน้ำของแม่น้ำน่านที่ผ่านสะพานทุ่งช้างพัฒนา 
ยังมีขึ้น มีลง สลับกับไม่มีความแน่นอน...

"เพราะ #ไม่มีเขื่อนแกนซีเมนต์ชะลอน้ำ หรือ #ฝายแม้ว"

ฝายที่คอยปรับสมดุล การไหลหลากของน้ำฝนที่ตกสะสม
ถ้าเป็นไปได้ ผมและชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง
เราอยากได้งบประมาณก้อนนี้ เพื่อสร้างเขื่อน
เขื่อนแกนซีเมนต์ชะลอน้ำ...

#ที่พรรคก้าวไกล อภิปราย #ตัดงบประมาณส่วนนี้ทิ้ง 

พวกเราอยากได้มันคืนกลับมา...

หลายวันแล้วที่ผมกลับไปดูคลิป 
ที่คุณ #วิโรจน์_ลักขณาอดิสร อภิปรายเสร็จ 
แล้วทำท่าโบกไม้โบกมือสะใจ #ยักไหล่เต้นออกสภาฯ  

ดูคลิปแล้ว #มันเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน 
เจ็บจนผมต้องหลั่งน้ำตา ด้วยความคับแค้นใจ

คุณวิโรจน์ จะรู้ไหมนะ...
ว่า สิ่งที่เขาทำอย่างคึกคะนองในสภาฯ วันนั้น
จะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล
ให้กับ คนน่าน แพร่ เชียงราย พะเยา 
และสุโขทัย ในวันนี้ 

แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว ขอได้แค่บันทึกไว้ 
เพื่อให้พรรคการเมือง ในระบบรัฐสภาไทย ทุกพรรค
ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้มองเห็นถึงโทษและประโยชน์ 
ของสิ่งที่จะเกิดกับประชาชนเป็นที่ตั้ง 

ไม่ใช่แค่เอาชนะคะคานกัน ด้วยความเชื่อส่วนตัว 

ตอนนี้ผมใคร่ขอความกรุณาต่อรัฐบาลและผู้มีอำนาจ
ช่วยหาหนทาง หาช่องทาง เจียดงบประมาณที่เหลือจ่าย
มาดำเนินการโครงการนี้ ให้จงได้ครับ 

จะว่าไป วงเงินก็ไม่ได้มากมายอะไรเลยครับ 
ไม่ถึง 100 ล้านบาท เท่าที่ผมจำได้แค่ 66 ล้านบาท 

แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้...
มูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท ไปแล้ว

'นฤเทพ กาละดี'
คนพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ

'ปิยบุตร' ลั่น!! ใครยกเราเป็น 'นักปฏิวัติ' ให้ถือเป็น 'คำชม-เป็นเกียรติ' แต่มอง 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล-ประชาชน' ยังไม่ใช่พรรคปฏิวัติ

(17 ก.ย. 67) นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการคณะก้าวหน้า มีข้อเขียนทางเฟซบุ๊กและ X กรณี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงพรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีแนวความคิดปฏิวัติ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันเป็นพรรคที่มีแนวความคิดปฏิรูปว่า… 

[กรณีความเห็นของ จักรภพ เพ็ญแข (1)]

ผมชอบ ศึกษา สนใจ เรื่องการปฏิวัติในที่ต่าง ๆ ทั้งในแง่ทฤษฎี และประวัติศาสตร์

จนวันนี้ ก็ยังคงอ่าน ค้น เขียน อยู่ตลอด

ใครกล่าวหาว่า เราเป็น ‘นักปฏิวัติ’ ก็คือ คำชม เป็นเกียรติ แต่จะรู้สึกว่าชมกันเกินจริง เพราะ นักปฏิวัติ การปฏิวัติ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ไม่ใช่นึกอยากอุปโลกน์เป็นก็เป็น ไม่ใช่ใส่หมวก ใส่ชุด ใส่พร็อพ ก็เป็นกันง่าย ๆ และด้วยภาววิสัย/อัตวิสัย เราอาจไปไม่ถึงเช่นนั้น

แต่ถ้าคนที่ช่วงเวลาหนึ่ง คิดเรื่อง ‘ถอนรากถอนโคน’ จนลี้ภัยไป และได้กลับมา ใช้ชีวิตปกติ มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นนี้ แต่กลับมาจัดประเภทคนอื่น ๆ ว่าคนนี้ ‘ปฏิวัติ’ คนนี้ ‘ปฏิรูป’ อันนี้น่าสนใจ พิจารณา

พี่เอก จักรภพ ใช้ความคิดวิชาการ นิยามคนนั้นคนนี้ว่าเป็น ปฏิรูป เป็นปฏิวัติ

เรื่องนั้น เรื่องเล็ก ดีเบตกันได้

แต่ที่ผมติดใจมากกว่านั้นคือ พี่เอก จักรภพ เคยนิยามตัวเองและขบวน ช่วงที่ลี้ภัยตอนปี 52 จนกลับมาประเทศไทย หรือไม่ว่า ช่วงนั้นตนเองเป็นอะไร คิดอ่านอะไร วันนี้ คิดอ่านอะไร เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะอะไร

ผมไม่คิดว่าการมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ 20 ปี ไล่เรียงมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นประโยชน์อะไร แต่อยากให้พี่เอก จักรภพ คิดดูเสียบ้างว่า สมัยหนึ่งพี่เอกแค่พูดภาษาอังกฤษ คำว่า ระบบอุปถัมภ์ จนโดนฝ่ายตรงข้ามในเวลานั้นไล่ล่าว่าเป็นพวกล้มเจ้า หัวรุนแรง จนต้องลาออกจาก รมต. จนไปเป็นแกนนำ ปราศรัย เขียนบทความในนิตยสาร จำนวนมาก จนต้องลี้ภัย จนพี่สมยศในฐานะบรรณาธิการ ต้องติดคุก 112 แบบนี้ พี่เอกจะมาเที่ยวนิยาม แปะป้าย คนอื่น ๆ ในบริบท สถานการณ์แบบนี้เพื่ออะไร

ผมเข้าใจเรื่องข้อจำกัดแต่ละบุคคล เรื่องการตัดสินใจในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่วันนี้ รอดแล้ว จะมาแปะป้ายคนอื่น เพื่อให้ตนเองและพวกรอดจากคมหอกคมดาบของระบบ

ถ้าวันนี้ ไม่คิดถึงสิ่งที่ตนเองแสดงออกมาในอดีต ก็คิดถึงวีรชน บูรพาจารย์ที่เราเคารพนับถือและฝากความหวังไว้กับพี่เอกในอดีตบ้าง

ถ้าพี่จะเป็นแบบนี้ในวันนี้ พี่ไม่ต้องลี้ภัย ไม่ต้องแสดงออกเป็นตัวแทนความก้าวหน้าก็ได้ สยบยอมตั้งแต่วันนั้น ดีกว่าครับ

[กรณีความเห็นของจักรภพ เพ็ญแข (2)]

ผมศึกษาเรื่องการปฏิวัติมาเกือบครึ่งชีวิต

การบอกว่า พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ประชาชน เป็น ‘พรรคปฏิวัติ’ น่าจะให้ราคาพวกเขามากเกินความเป็นจริงไปเสียหน่อย

พวกเขาไปได้ไกลที่สุด ก็คือ พรรคที่ต้องการปฏิรูป รักษาสิ่งที่มีอยู่ พัฒนา ปรับปรุงให้เท่าทันยุคสมัย พร้อมเผชิญหน้าความท้าทายใหม่ ๆ

เช่นกัน การบอกว่าพรรคเพื่อไทย คือ พรรคปฏิรูป ก็เป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะจนถึงวันนี้ สิ่งที่คนจำนวนมากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยกล้าหาญปฏิรูป ตั้งแต่ 2554 ตั้งแต่ปฏิรูปกองทัพ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร การกระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด ปฏิรูปที่ดินทำกิน หรือ การเอาคนฆ่าประชาชนมารับผิด ก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย เพราะ พรรคเพื่อไทยมีข้ออ้างที่ทำให้พวกเราหลงเชื่อ ตั้งแต่ปี 2554 ว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังทำไม่ได้ กินข้าวทีละคำ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ฯลฯ

การแปะป้ายว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคปฏิรูป เพื่อจะอ้างว่า วันนี้ กูไม่ทำ เพราะ กูต้องเคลียร์เรื่องอื่นก่อน จึงเป็นการโฆษณาเกินจริง

การบอกว่า พรรคประชาชน เป็นพวกปฏิวัติ คือ การโฆษณาให้เครดิตเกินจริง พอ ๆ กับบอกว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคปฏิรูป

ถ้าหากบอกว่า ข้อเสนอที่กดดันไปที่พรรคเพื่อไทย คือ ปฏิวัติ นั่นก็หมายความว่า พรรคเพื่อไทยทำอะไรไม่ได้นอกจากรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มก้อนชนชั้นนำทั้งระบบ

ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่าใช้คำว่า ‘ปฏิรูป’ มาทำให้คำว่า ‘ปฏิรูป’ เสียหาย สู้ยอมรับไปเลย โดยไม่ต้อง ‘ประดิษฐ์วาทกรรม’ (คำของ พี่อ้วน ภูมิธรรม) ว่า พรรคเพื่อไทยจะทำเท่านี้โว้ยยยย จบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top