Tuesday, 7 May 2024
กรุงเทพมหานคร

‘จุรินทร์’ ขอทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. กทม. เชื่อคนกรุงให้โอกาส เพราะ ปชป. ไม่เคยทิ้งพื้นที่

‘จุรินทร์’ ขอคืนที่นั่ง ส.ส.กทม. ชี้กรุงเทพฯ คือลมหายใจของปชป.เตรียมเปิดปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมืองศุกร์นี้ ปัดวิจารณ์ นโยบายเติมเงินดิจิทัลของ ‘เศรษฐา’ 

(6 เม.ย. 66) เวลา 09.20น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคประชาธิปัตย์ครบรอบ 77 ปี ในฐานะผู้นำพรรคฯ จะนำพาพรรคฯเดินต่อไปอย่างไร ว่า อย่างน้อยที่สุดในสถานการณ์นี้ก็จะต้องนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ขอเรียนว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมทั้งคนทั้งนโยบายและพร้อมทั้งหัวหน้าพรรคที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีขึ้นจากพี่น้องประชาชนทุกภาคทั่วทั้งประเทศ จากการที่ลงพื้นที่มาตลอดอย่างต่อเนื่อง และขอวิงวอนประชาชนชาวไทยทั้งประเทศโปรดช่วยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งชาวประชาธิปัตย์จากทั่วประเทศที่มีอยู่จำนวนมากมายมหาศาล รวมทั้งคนที่เคยเลือกเรา ก็ขอให้สนับสนุนพรรคฯต่อไป ส่วนคนที่ทิ้งเราไปในคราวที่แล้ว คราวนี้ขอเรียกร้องให้กลับมาช่วยกันจับมือกับประชาธิปัตย์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อพาพรรคฯไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อเราแต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เมื่อถามว่าจากการเป็นสถาบันการเมืองที่ผ่านมา 77 ปีแล้วในขณะที่พรรคอื่นล่มสลายและแปลเป็นพรรคอื่นตรงนี้จะเป็นจุดขายของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า นี่คือจุดขายสำคัญที่ตนคิดว่าถ้าประชาชนเลือกเราจะไม่ผิดหวังเพราะไว้ใจได้ ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่อยู่มาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและจะอยู่จนอนาคตเพื่อรับใช้ประชาชน ดังนั้นถ้าประชาชนเลือกประชาธิปัตย์ ครั้งหน้าประชาธิปัตย์ยังอยู่ ทำผิดทำถูกก็สามารถมาทวงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งทวงนโยบายและความรับผิดชอบ และขอเรียนว่านโยบายในการขับเคลื่อนประเทศและหาเสียงอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราคิดและทำมาแล้ว และตกผลึกเพื่อที่น้องคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง

เช็ก ‘มาตรการ-ข้อห้าม’ เที่ยว ‘สงกรานต์ 66’ ในกทม.

(11 เม.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ตำรวจสอบสวนกลาง’ โพสต์ข้อความ ‘ข้อห้าม ตามมาตรการสงกรานต์ กทม.’ ระบุว่า…

เทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้จะถึงนี้ หลายพื้นที่ทั่วประเทศ ได้มีการจัดเตรียมสถานที่เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมสนุก และมีความสุขไปกับประเพณีปีใหม่ไทย เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของประชาชนทุกคน ก่อนออกไปร่วมกิจกรรมวันสงกรานต์ ควรศึกษาข้อปฏิบัติ หรือข้อห้ามของสถานที่นั้น ๆ ที่ได้กำหนดไว้

ในส่วนของพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้รวบรวมข้อห้ามต่าง ๆ ในการร่วมกิจกรรมวันสงกรานต์ (ตามมาตรการสงกรานต์ กทม.) ไว้ดังนี้

- ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ห้าม เช่น วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา, สาธารณสุขของรัฐ, ปั๊มน้ำมัน หรือร้านค้าในปั๊มน้ำมัน, สวนสาธารณะ, สถานีรถไฟ และท่าเรือโดยสารสาธารณะ

- ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กำหนด ซึ่งให้ขายได้เวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 17.00-24.00 น. เท่านั้น

- ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

- ห้ามขับขี่รถ ในขณะเมาสุรา

- ห้ามโป๊เปลือยในที่สาธารณะ

- ห้ามบรรทุกโดยสารท้ายกระบะเกินจำนวนที่กำหนด

- ห้ามเปิดเครื่องเสียงดังรบกวนจนก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ

- งดเล่นแป้ง

- งดเล่นปืนฉีดน้ำแรงดันสูง

ด้วยความปรารถนาดีจาก ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สุขสันต์วันสงกรานต์นะครับ

‘จิ๊บ ศศิกานต์’ ชูนโยบาย พัฒนา ศก.-ท่องเที่ยวฝั่งธนฯ กระจายความเจริญ-การจ้างงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(24 เม.ย.66) จิ๊บ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. บางแค-ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่าเศรษฐกิจของชาวฝั่งธนบุรีถือว่ามีครบทุกอย่างและมีศักยภาพ พร้อมที่พัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อเชื่อมโยงกับฝั่งพระนครและจังหวัดปริมณฑล ซึ่งตนอยากยกระดับฝั่งธน เพื่อกทม. จะได้ไม่กระจุกความเจริญ อยู่แต่ CBD (Central Business District เช่น พวกสาทร สีลม แหล่งศูนย์กลางเศรษฐกิจ) ตนมองว่าเมื่อการคมนาคมดีขึ้น ความเจริญต่าง ๆ จะตามมา 

จิ๊บ ศศิกานต์ ยังกล่าวอีกว่าฝั่งธนฯ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นเสน่ห์ที่ฝั่งพระนครไม่มี คือ การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ความเจริญทางเศรษฐกิจ วิถีชุมชนที่งดงาม และความสดชื่นของธรรมชาติ ถ้าเราสามารถพัฒนาให้เศรษฐกิจของฝั่งธนฯ สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง จิ๊บคิดว่านี่คือพื้นที่ศักยภาพสูงแห่งใหม่ของประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว   

ซึ่งตนขอตั้งคำถามนั่นคือ โลกหลังโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ และวิถีการดำเนินชีวิตของคนในเกือบทุกมิติ ถึงเวลาแล้ว ที่คนฝั่งธนฯ จะสามารถทำงานที่บ้านได้ โดยได้รับค่าแรง ค่าจ้างดี ๆ ตนมองว่านี่ถึงเวลาแล้วที่คนเก่ง ๆ ฝั่งธนฯ จะไม่ต้องไปทำงานในฝั่งพระนคร ที่แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน และมีค่าครองชีพสูงเกินไป

Green Area ของฝั่งธน จะต้องมีการพัฒนาให้มากขึ้น คลองต้องสะอาดขึ้น พัฒนาให้มีเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น พื้นที่สีเขียวจะต้องมีการดูแลให้มากขึ้น ใต้สะพานสูง จะถูกนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น (ตอนนี้บางแห่งมีแสงสว่างดีมาก ทำให้คนมาออกกำลังกายตอนกลางคืนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย)

“เด็กๆ ในฝั่งธนฯ จะต้องเติบโตแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติต่อไป” จิ๊บ ศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจ!! นโยบาย ภท. ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม อ้อน!! ขอ ปชช. เชื่อใจ เพราะภูมิใจไทย ‘พูดแล้วทำ’ 

(28 เม.ย.66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้งกทม. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

นโยบายดี ๆ ที่ตอบโจทย์ประชาชนทุกกลุ่ม เพราะพรรคภูมิใจไทยเข้าใจ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาขนในแต่ละพื้นที่คืออะไร ผมและทีมงานจึงพร้อมที่จะผลักดันทุกนโยบายให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด 

ขอให้ประชาชนมั่นใจ เชื่อใจ และเราขอสัญญาว่า ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ 

เลือกพรรคภูมิใจไทย ❎7️⃣ กาเบอร์ 7 #พูดแล้วทำ พร้อมลงมือทำงานทันที

ทั้งนี้ยังได้แนบคลิปวิดีโอที่สะท้อนเสียงจากประชาชนถึงปัญหาที่สังคมไทยกำลังเผชิญและต้องรีบแก้ไข เช่น ปัญหาค้าขายที่ยากลำบาก เนื่องจากประชาชนไม่ควักเงินออกมาใช้จ่ายเนื่องจากต้องประหยัดเงิน ทำให้พ่อค้าแม่ขายมีรายได้น้อยลง ปัญหาเรื่องราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น แม้จะปรับขึ้นเพียง 1-2 บาท แต่ราคาที่ปรับขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับสินค้าทุกชนิดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 และควันจากจราจร ปัญหาเรื่องค่าตั๋วโดยสารรถสาธารณะที่พุ่งสูง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อวันเพิ่มขึ้น ปัญหาแก๊สขึ้นราคา เป็นต้น

นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยได้ชูนโยบายสำคัญๆ ได้แก่ พักหนี้ 3 ปี หยุดต้นปลดดอก ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับดี โดยมองว่า เป็นผลดีต่อผู้หาเช้ากินค่ำ สามารถจัดสรรบริหารรายได้ที่มีอยู่ได้มากยิ่งขึ้น 

ฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป เสียชีวิตรับ 100,000 กู้ได้ 20,000 ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน เป็นนโยบายที่ประชาชนมองว่าเป็นประโยชน์ น่าสนใจ

เมื่อ 'วิโรจน์' อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ขิง 'ชัยวุฒิ' บอก 'กทม.' ไม่ใช่ 'ท้องถิ่น' แต่เป็นการปกครองพิเศษ

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง’66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ดำเนินรายการโดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ซึ่งครั้งนี้จัดดีเบตประชันวิสัยทัศน์และนโยบายแบบสัญจรที่ จ.เชียงใหม่ ตัวแทนทั้ง 7 พรรคการเมืองประกอบด้วย...

1. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
2. นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
3. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
4. นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
5. นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำภาคเหนือ
6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
7. น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย

โดยไฮไลต์เด็ดของดีเบตหนนี้อยู่ที่ 'ชัยวุฒิ' กับ 'วิโรจน์' ซึ่งคุณชัยวุฒิ ได้กล่าวถึงคุณวิโรจน์เกี่ยวกับระบบการปกครองของไทย โดยเฉพาะกับกรุงเทพมหานคร ว่า...

“พอดีคุณวิโรจน์ไม่เข้าใจเพราะไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่การปกครองส่วนภูมิภาค ศักดิ์ศรีเหมือนนายก อบจ. เลือกมาเพื่อบริหารท้องถิ่น ที่เราพูดถึงคือการบริหารราชการระบบส่วนภูมิภาค ที่เคสเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ไง สอบไม่ผ่าน เข้าใจไหม คนละแบบ”

กทม. เผย คนกรุงเทพฯ ใช้สิทธิเลือกตั้ง 66 มากถึง 74.28% ถือเป็นการออกมาใช้สิทธิมากที่สุดในประวัติศาสตร์

(15 พ.ค. 66) ที่ศูนย์การประมวลผลการเลือกตั้ง ส.ส. กรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการ กทม. นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ในฐานะที่กำกับดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แถลงภาพรวมการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อย่างไม่เป็นทางการ ว่า ขณะนี้ได้นับคะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีแบบแบ่งเขตเสร็จครบแล้ว 6,360 หน่วย มีผู้มาใช้สิทธิ 74.28% จากผู้มีสิทธิ 4,479,155 คน บัตรดี 3,191,989 ใบ คิดเป็น 95.58% บัตรเสีย 48,694 ใบ คิดเป็น 1.46% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 98,981 ใบ คิดเป็น 2.96%

ส่วนคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 10 อันดับ ประกอบด้วย 
1.พรรคก้าวไกล 1,596,653 คะแนน คิดเป็น 48.25% 
2.พรรครวมไทยสร้างชาติ 628,938 คะแนน คิดเป็น 19.01% 
3.พรรคเพื่อไทย 598,776 คะแนน คิดเป็น 18.09% 
4.พรรคประชาธิปัตย์ 85,769 คะแนน คิดเป็น 2.59%
5.พรรคไทยสร้างไทย 47,573 คะแนน คิดเป็น 1.44% 
6.พรรคชาติพัฒนากล้า 46,123 คะแนน คิดเป็น 1.39% 
7.พรรคเสรีรวมไทย 42,829 คะแนน คิดเป็น 1.29% 
8.พรรคภูมิใจไทย 28,451 คะแนน คิดเป็น 0.86% 
9.พรรคพลังประชารัฐ 22,033 คะแนน คิดเป็น 0.67% 
10.พรรคไทยภักดี 14,039 คะแนน คิดเป็น 0.42%

ด้านนายสำราญ กล่าวชี้แจงประเด็น ผลเลือกตั้งของเขตเลือกตั้งที่ 20 ลาดกระบัง ผลคะแนนรวมสุดท้ายมีการพลิกจากก่อนหน้านี้ที่คะแนนมา ไม่กี่คะแนน เกิดความเคลือบแคลงขึ้นนั้น ตามระเบียบการเลือกตั้ง ให้ยื่นแบบ ส.ส.5/10 ทักท้วงในการนับคะแนน ผลคะแนน ได้ ยื่นพร้อมหลักฐานประกอบ ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต ซึ่งจะเป็นดุลพินิจในการตัดสินว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องคัดค้าน ถ้ารับก็จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป ถ้าไม่รับก็จะนำรายงานต่อไปยัง กกต. 

นายสำราญ กล่าวต่อว่า ขอบคุณปลัด กทม.และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากรทุกระดับ ที่ให้การสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งกับ กกต.กทม. และ กกต. มาโดยตลอด ขณะเดียวกันขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์

กทม.ปลดล็อก โรงเรียนในสังกัด ให้อิสระทรงผม-ไม่ต้องใส่เครื่องแบบ 1 วัน/สัปดาห์

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2566 กรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกหนังสือถึงโรงเรียนในสังกัดจำนวน 437 แห่ง เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนกำหนดการใส่ ชุดนักเรียน และ ไว้ทรงผม ได้อย่างอิสระ โดยไม่กระทบสิทธิมนุษยชน และริดรอนสิทธิของนักเรียน

กทม. จึงได้มีการออกหนังสือถึงสำนักงานเขต จำนวน 2 ฉบับ ว่าด้วยการอนุโลมให้นักเรียน สามารถไว้ทรงผมได้อย่างอิสระ และแต่งกายมาเรียนด้วยชุดอะไรก็ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 โดย นางวันทรีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร รักษาราชการแทนปลัดกรุงเทพฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้

แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 และ พ.ศ 2566 ประกาศ ณ วันที่ 16 ม.ค. พ.ศ. 2566 เพื่อเป็นการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน จึงให้โรงเรียนจัดทำข้อกำหนดฯ ให้นักเรียนไว้ทรงผมได้อย่างอิสระบนพื้นฐานสุขอนามัยที่ดี สะอาด ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ จากนั้นให้นำไปประชาสัมพนธ์ให้ทราบเป็นการทั่วไปก่อนนำไปประกาศใช้ โดยในกรณีมีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้โรงเรียนรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกครอง เพื่อทำความเช้าใจและตกลงร่วมกัน แต่ห้ามไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน เช่น การตัดผม ทำให้อับอาย ฯ

แนวทางการแต่งกายของนักเรียน
นอกจากนี้ กทม.ยังได้ออกหนังสือแนวทางการแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า กทม.จัดทำข้อกำหนดใหม่ให้แก่โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยอนุญาตให้นักเรียนสามารถแต่งกายชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับจำนวน 1 วันต่อสัปดาห์ หากไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ก็สามารถใส่ชุดนักเรียนได้ตามความประสงค์ของนักเรียน โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ ยึดหลักคำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนาและเพศวิถีตามที่ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 ข้อ 15 กำหนดว่า สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี นักศึกษาวิชาทหาร หรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฏศิลป์ หรือชุดอื่นๆ แทนเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบนี้ในวันใด ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด โดยคำนึงความประหยัดและเหมาะสม เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง

จึงให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครจัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนด จากนั้นให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นการทั่วไปก่อนไปประกาศใช้โดยในกรณีที่มีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ ให้เป็นไปตามความประสงค์ของนักเรียนผู้นั้นที่จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรือชุดอื่นใดที่โรงเรียนกำหนดให้มีไว้อยู่แล้ว แต่ห้ามไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งให้คำนึงถึงอัตลักษณ์ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียน

เปิดเหตุผล ที่ทำให้ 'ญี่ปุ่น-เวียดนาม' ต้องปาดเหงื่อ!!  หลังจีนถ่ายทอดเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงให้ไทย

เมื่อไม่นานมานี้ ช่องยูทูบ BangkokTube Akira ได้แชร์บทวิเคราะห์ช่องยูทูบ ‘Geography Issues’ ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม ที่ได้พาดหัวข่าวเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคายในประเทศไทย เอาไว้ว่า “เหตุใดประเทศจีนจึงจําเป็นต้องมีโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย มูลค่า 67,000 ล้านบาท ในประเทศไทย อันตรายสําหรับเกษตรกรเวียดนาม” โดยระบุว่า…

นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2557 ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ก็แน่นแฟ้นมากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรทางการทหารที่ยาวนานกับสหรัฐอเมริกาก็ตาม โดยเฉพาะในบริบทของจีนที่กําลังเร่งดําเนินโครงการ One Belt One Road สิ่งนี้จะเป็นเส้นทางรถไฟที่สําคัญ เป็นหัวใจสําคัญและเป็นความใฝ่ฝันของจีน เมื่อพิจารณาจาก ‘ทําเลที่ตั้ง’ ของประเทศไทย และตําแหน่งในภูมิภาคปักกิ่ง ซึ่งประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางที่สําคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นส่วนสําคัญในการผลักดันโครงการ One Belt One Road หรือ 1 แถบ 1 เส้นทาง สําหรับประเทศไทยสิ่งนี้จะเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เมื่อรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย เปิดให้บริการด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางระหว่าง 2 เมือง เหลือเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

พัฒนาการเชื่อมต่อโครงข่ายทางรางระหว่างไทย-จีน ผ่านเส้นทางรถไฟเวียงจันทน์-คุนหมิง ซึ่งกรุงเทพมหานครจะเชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่ายระบบรางอันมหึมาของจีน พร้อมกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทย-จีน รวมถึงสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรของประเทศไทยจะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคจีนได้อย่างรวดเร็ว และในทางกลับกันสินค้าจีนก็จะเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

จีนผู้ริเริ่มโครงการรถไฟสายนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางสําคัญของแผนทั้งหมด ความทะเยอทะยานของปักกิ่งสําหรับทางรถไฟสายเอเชีย เชื่อมระหว่างภาคใต้ตอนกลางของอาณาจักรไปยังกัวลาลัมเปอร์และสิงคโปร์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนกําลังค่อยๆยกระดับการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทางบกมากยิ่งขึ้น

หากโครงการนี้สําเร็จ โอกาสนี้จึงเป็นโอกาสครั้งสําคัญของไทยในการดึงดูดนักลงทุนจากจีน และประเทศอื่นๆ ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ สําหรับจีนโครงการนี้จึงเปรียบเสมือนหัวใจสําคัญของโครงการ One Belt One Road ไม่ใช่แค่เพื่อในการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทย-จีนเท่านั้น แต่ด้วยความสําคัญของเครือข่าย จะช่วยในการสื่อสารผ่านพื้นที่ เพื่อสร้างเงื่อนไขที่ดีสําหรับตลาดผู้บริโภค พัฒนาการค้า และการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ยังมีบทบาทที่สําคัญในการส่งเสริมการออกสู่ทะเลตะวันออกผ่านอ่าวไทยและมหาสมุทรอินเดีย เพื่อสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การทหาร และอื่นๆ สําหรับจีน

อีกทั้งโครงการนี้ยังเป็นความเคลื่อนไหวที่สําคัญสําหรับประเทศจีน ในการขยายการแสดงตัวตน
และอิทธิพลของพวกเขา ในภาคสนามเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า การที่จีนถ่ายทอดเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงให้กับประเทศไทย จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อส่วนแบ่งทางการตลาดของ ‘ญี่ปุ่น’ ที่เป็นผู้นําด้านเทคโนโลยี ซึ่งครองเจ้าตลาดในภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน ด้วยความสามารถของประเทศไทย หากรับเอาเทคโนโลยีจากจีน ญี่ปุ่นจะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดที่สําคัญ สิ่งนี้จึงทําให้ญี่ปุ่นอาจเกิดความกังวลได้

นอกจากนี้จีนยังมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะให้บริการเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงแก่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งได้นําไปสู่การแข่งขันโดยตรงกับญี่ปุ่น และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบที่สําคัญต่อโมเดลรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกในอนาคต

หลังจากข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ก็มีชาวเวียดนามเข้ามารับชมนับแสนคน พร้อมแสดงความคิดเห็นทั้งชื่นชมในวิธีคิดของทั้งจีนและไทย รวมถึงมีการมองต่างมุมบ้างในบางความเห็นคละกันไปเป็นจํานวนมาก

‘สสส.จับมือ กทม.- ภาคีเครือข่าย’ ปลูกฝังวินัยจราจร รณรงค์สวมหมวกกันน็อก-ขับขี่ปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุ

‘สสส.สานพลัง กทม.- ภาคีเครือข่าย’ เดินหน้าสร้างการเรียนรู้วินัยจราจร ‘สวมหมวกกันน็อก 100% Save สมอง… ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลใส่หมวกกันน็อก’ ช่วยลดอุบัติเหตุถึง 39% นำร่องในโรงเรียน 8 แห่ง สังกัด กทม.

(29 ส.ค. 66) ที่โรงเรียนวิชากร เขตดินแดง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างกระบวนการเรียนรู้ ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร สู่ความปลอดภัยทางถนน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมีนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ภายในงานมีกิจกรรมสร้างความปลอดภัยโดย ครูตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร และชมมินิคอนเสิร์ตจากวง SPRITE X DON KIDS

นางวันทนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน สาเหตุจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท อยู่ในวัยคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร ดัดแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ การร่วมกันสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน ที่เน้นย้ำไปที่การขับขี่รถจักรยานยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการสวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับ คนซ้อนทุกครั้ง ที่ปลูกฝังให้เกิดความเคยชิน กทม. จะให้ความร่วมมือกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนให้เห็นความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็ก รวมถึงการกระตุ้นให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร

นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. และภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน มีเป้าหมายการทำงานที่มุ่งสนับสนุนแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2565-2570 เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรในปี 2570 เน้นลดการสูญเสียอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ที่มีกลุ่มเด็กเยาวชนที่เป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุพบว่าในกลุ่มที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตมีการบาดเจ็บที่ศีรษะสูง สัมพันธ์กับการไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งหากผู้ขับขี่ทุกคนสวมหมวกนิรภัยจะช่วยลดการเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 39% และช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะและช่วย save สมอง

นางก่องกาญจน์ กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขยายความร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัด กทม. ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ สร้างวินัยจราจร ร่วมกับทีมวิทยากรจากกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ให้ความรู้ และสร้างความตระหนักการใช้ถนนอย่างปลอดภัย กระตุ้นการมีจิตสำนึกถึงอุบัติเหตุทางถนน ที่เริ่มต้นจากการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เมื่อต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ หรือการหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย กับโรงเรียนกรุงเทพมหานคร 8 โรงเรียน ครอบคลุม 6 โซนของกรุงเทพมหานคร พร้อมมอบชุดกระเป๋าการเรียนรู้ให้กับทั้ง 8 โรงเรียน สามารถนำไปจัดกิจกรรมการสอนความปลอดภัยทางถนนได้เอง ประกอบด้วย ชุดเกมช่องทางจราจร ความรู้เครื่องหมายจราจร สื่อความรู้เรื่องการสวมหมวกนิรภัย สื่อให้ความรู้อันตรายที่เกิดจากรถจักรยานยนต์

นายธงชัย โคระทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชากร เขตดินแดง กทม. กล่าวว่า “โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในการป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ โดยรณรงค์ให้มีการสวมหมวกนิรภัยเมื่อต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ทุกครั้ง จัดสถานที่เก็บหมวกนิรภัยไว้ให้ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้นักเรียนเวลาเดินข้ามถนน และกิจกรรมรณรงค์ให้นักเรียนเห็นความสำคัญการสวมหมวกนิรภัย ยินดีให้ความร่วมมือกับ สสส. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และภาคีเครือข่ายเข้ามาทำกิจกรรม ‘โรงเรียน กทม.ปลอดภัย ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลให้ใส่หมวก’ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนใจของนักเรียนในเรื่องความปลอดภัยทางถนนได้มากจากการนำกระบวนการเกมต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น จึงเห็นว่าโครงการนี้ควรมีการขยายไปทำในโรงเรียนทั่วประเทศด้วย”

'ผู้ว่าฯ ชัชชาติ' ชวนผู้ใจบุญแบ่งปันอาหารแก่คนไร้บ้าน ย่านราชดำเนิน พร้อมเล็งปรับพื้นที่ กทม.โซนสะพานวันชาติเป็นบ้านอิ่มใจ-จุดรวมสวัสดิการ

(30 ส.ค. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านบริเวณถนนราชดำเนิน ณ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตพระนคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาคนไร้บ้านเป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีคนไร้บ้านมาอาศัยอยู่บริเวณถนนราชดำเนินค่อนข้างมาก ซึ่งช่วงโควิดระบาดมีคนไร้บ้านประมาณ 1,800 คน เมื่อมิถุนายน 2565 ลดลงเหลือประมาณ 1,200 คน ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณถนนราชดำเนินเป็นหลัก และตรอกสาเก ด้านหลังถนนราชดำเนิน และมีบ้างที่คลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งที่ราชดำเนินค่อนข้างเยอะเพราะมีผู้ใจบุญนำอาหารมาแจก และบางคนก็มีการแจกเงินด้วย 

ขอบคุณผู้ที่นำอาหารมาแจกทุกคน แต่อยากขอความร่วมมืออย่านำมาแจกที่ถนนราชดำเนิน ให้นำไปแจกในจุดกรุงเทพมหานครได้กำหนดไว้ให้ 2 จุดหลัก คือ เวลากลางวันที่บริเวณใต้สะพานพระปิ่นเกล้า เลยโรงละครแห่งชาติ ตรงจุดกลับรถ ซึ่งตรงนั้นจะเป็นจุดสวัสดิการด้วย มีการจัดหางาน ตรวจคัดกรองโรค ซักผ้า เป็นต้น ซึ่งคนไร้บ้านมีสิทธิเหมือนทุกคนในการรับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน มีการช่วยเหลือในการพิสูจน์ตัวตนเพื่อให้สามารถรับสวัสดิการต่าง ๆ ได้ด้วย ส่วนตอนเย็นแจกได้ที่จุดหลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ บริเวณตรอกสาเก 

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาคนไร้บ้านไม่ใช่การนำอาหารมาแจก การแก้ปัญหาคือการให้คนไร้บ้านได้สิทธิ ได้งานที่มีความมั่นคง หลายคนมีความรู้ ต้องหางานให้เพื่อที่จะได้มีรายได้ หากมีหน่วยงานที่ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ ส่วนกรณีมีคนไร้บ้านที่สร้างความกังวลในประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาต้องดูแลให้เรียบร้อยโดยทุกส่วนต้องช่วยกัน ซึ่งการแก้ปัญหาไม่อยากให้เป็นระยะสั้น อยากให้ดูระยะยาว ส่วนกรณีขอทานหลายคนไม่ใช่คนไทย บางคนเช่าบ้านอยู่แต่พาลูกมาขอทานเพราะมีคนให้เงินเยอะ ซึ่งจะมีการเข้าไปดูต่อไป

รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวเสริมว่า ในอนาคตกรุงเทพมหานครจะมีการปรับพื้นที่ของกรุงเทพมหานครบริเวณสะพานวันชาติเป็นบ้านอิ่มใจ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะนำสวัสดิการต่าง ๆ ไปรวมอยู่ตรงนั้น ซึ่งจะมีการร่วมมือกันระหว่างกรุงเทพมหานครและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คาดว่าถ้าทำเป็นระบบขึ้นน่าจะดีขึ้น

นอกจากนี้ มูลนิธิกระจกเงาได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครในการช่วยเหลือคนไร้บ้านทั้งที่จุดสะพานปิ่นเกล้า และเรื่องอื่น ๆ เช่น โครงการจ้างวานข้า ที่เป็นการจ้างงานคนไร้บ้านเพื่อให้มีรายได้ ซึ่งจากเดือนกันยายน 2565 ถึงกรกฎาคม 2566 มีคนเข้าร่วมโครงการจำนวน 60 คน มี 30 คน ที่สามารถเปลี่ยนผ่านไปเป็นคนที่มีบ้าน มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงได้

ทั้งนี้โครงการจ้างวานข้า เป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิกระจกเงาร่วมกันสำนักงานเขตพระนคร ในการจ้างงานคนไร้บ้านให้มีรายได้ เช่น การทำความสะอาด คัดแยกขยะ งานช่างทั่วไป หรือการช่วยงานในมูลนิธิกระจกเงา เป็นต้น ซึ่งในวันนี้มีคนไร้บ้านบางส่วนได้สมัครร่วมโครงการทำงานกวาดกับทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนครด้วย

สำหรับวันนี้ มีนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร และผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผู้อำนวยการเขตพระนคร สำนักพัฒนาสังคม ผู้แทนมูลนิธิกระจกเงา และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top