Friday, 13 June 2025
ค้นหา พบ 48773 ที่เกี่ยวข้อง

เปิดค่าน้ำ-ไฟ ‘รัฐสภา’ แพงลิ่ว แม้ปิดสมัยประชุม เผยงบค่าน้ำ-ไฟ สูงถึงปีละกว่า 174 ล้านบาท

เปิดค่าน้ำ-ไฟ 'รัฐสภา' แพงลิ่วแม้ปิดประชุมสภา ครึ่งแรกปีงบ 2568 ค่าน้ำประปาสูงถึง 5 ล้านบาท ก.พ.มีแค่ 28 วันแต่ค่าน้ำสูง 1 ล้านแซงเดือนอื่น ด้าน สส.ปชน. ชี้งบค่าน้ำ-ไฟสภาตกปีละกว่า 174 ล้านบาท เปิดแอร์หนาวเหน็บเหมือนอยู่ขั้วโลก ปรับอุณหภูมิไม่ได้ ในขณะที่ชาวบ้านต้องสู้ค่าไฟแพง

(12 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงข้อมูลสถิติการใช้น้ำประปา ของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปีงบประมาณ 2568 ซึ่งกำหนดสัดส่วนค่าใช้จ่ายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นร้อยละ 70 และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นร้อยละ 30

โดยรัฐสภาทั้งในส่วนของสำนักเลขาธิการสภาฯ และ สำนักเลขาธิการวุฒิสภา มียอดใบแจ้งหนี้น้ำประปาตั้งแต่เดือน ต.ค.67-เม.ย. 68 รวม 330,395 หน่วย เป็นเงินทั้งสิ้น 5,646,358.97 บาท แบ่งเป็น เดือน ต.ค. 67 มียอดใช้น้ำตามใบแจ้งหนี้ 39,348 หน่วย เป็นเงิน 672,544.73 หน่วย

เดือน พ.ย.67 ยอดใช้น้ำ 35,215 หน่วย เป็นเงิน 601,964.67 บาท เดือน ธ.ค.67 ยอดใช้น้ำ 44,493 หน่วย เป็นเงิน 760,406.93 บาท

เดือน ม.ค.68 ยอดใช้น้ำ 51,208 หน่วย เป็นเงิน 1,033,300.58 บาท เดือน ก.พ. 68 ยอดใช้น้ำ 60,473 หน่วย เป็นเงิน 1,033,300.58 บาท เดือน มี.ค.68 ยอดใช้น้ำ 46,817 หน่วย เป็นเงิน 800,094.34 บาท และเดือน เม.ย. 68 ยอดใช้น้ำ 52,841 หน่วย เป็นเงิน 902,967.39 บาท

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าเดือน ก.พ.มี 28 วัน แต่ค่าน้ำประปาของรัฐสภากลับพุ่งสูงถึง 1 ล้านกว่าบาท โดยในส่วนสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายร้อยละ 70 นั้น มียอดการใช้น้ำรวม 231,276.50 หน่วย เป็นเงิน 3,952,451.28 บาท ขณะที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายร้อยละ 30 มียอดใช้น้ำรวม 99,118.50 หน่วย เป็นเงิน 1,693,907.69 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายธัญธร ธนินวัฒนากร สส.กทม.พรรคประชาชน ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขค่าไฟของรัฐสภา ซึ่งตกเดือนละ 12-14 ล้านบาท โดยระบุว่าการใช้ไฟฟ้าของรัฐสภามีปัญหา ตั้งแต่เรื่องแอร์เย็นจัด ปรับไม่ค่อยได้ ในขณะที่คนไทยต้องประหยัดไฟ ปรับแอร์ขึ้นสัก 1 องศา หรือลดเวลาเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะค่าไฟในแต่ละเดือนไม่ต่างจากภาระผูกพันหนักอึ้ง แต่ที่รัฐสภาค่าไฟฟ้ายังคงสูงลิ่ว แม้ในช่วงปิดสมัยประชุม ที่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่การใช้พลังงานลดลง อย่างน้อยควรลดลงจากห้องประชุมและห้องทำงานส่วนตัวส.ส.และส.ว.กว่า 700 ห้องไม่ได้เปิดใช้งานเต็มที่ แต่ตัวเลขกลับแทบไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็นหลายห้องภายในอาคารแอร์หนาวจัดเหมือนอยู่ขั้วโลก ระบบปรับอุณหภูมิใช้งานได้ไม่เต็มที่ หลายจุดควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ หรือถูกล็อกไว้ ค่าไฟยังสูง แม้ไม่มีการประชุมหรือกิจกรรมหลักในบางช่วง

นายธัญธร ยังตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบการบริหารจัดการพลังงานในอาคารรัฐสภาใหม่ ที่มีงบประมาณก่อสร้างกว่า 12,000 ล้านบาท เหตุใดระบบควบคุมอุณหภูมิถึงไม่มีความยืดหยุ่นตามการใช้งานจริง ใครรับผิดชอบเรื่องนี้ และมีการตรวจสอบความคุ้มค่าของการใช้ไฟหรือไม่ การใช้พลังงานในหน่วยงานของรัฐ ควรเป็นต้นแบบของความประหยัด มีประสิทธิภาพ และยึดโยงกับความรับผิดชอบต่อสาธารณะ อาจถึงเวลาแล้วที่ประชาชนควรขอใบเสร็จค่าไฟ พร้อมคำอธิบายสักหน่อยว่า ความเย็นนี้คุ้มกับเงินแค่ไหน

นายธัญธร ยังได้เปิดเผยบิลค่าไฟรัฐสภา โดยรอบบิลเดือน ธ.ค. 67 เป็นเงิน 12,303,509 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 12,135,868.20 ล้านบาท เดือน ม.ค. 68 จำนวน 12,712,231.30 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้า 14,421,496.40 บาท เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ 12,241,878.69 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 14,338,749,51 บาท เดือน มี.ค. 68 14,248,939.14 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 15,859,131,82 บาท และเดือน เม.ย. 68 เป็นเงิน 13,052,279.55 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 14,688,068.97 บาท ทั้งนี้สภาปิดสมัยประชุมเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการจดมิเตอร์ในช่วงปลายเดือนคือวันที่ 30 เม.ย.

ส่วน นายนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม.พรรคประชาชน ระบุว่า ภาพรวมงบประมาณค่าไฟของรัฐสภาอยู่ที่ 160 ล้านบาทต่อปี และในส่วนของค่าน้ำประปาอยู่ที่ปีละประมาณ 14 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านกว่าบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาคารรัฐสภามีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 424,000 ตารางเมตร ซึ่งรองรับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สส. สว. และผู้มาติดต่อราชการได้จำนวน 5,000 คน

สภากาชาดไทย ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ ในโอกาส 3 ปีตั้ง ‘สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด’

สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทย จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ประจำปี 2568 ในโอกาสครบรอบ 3 ปี “เชิดชูเกียรติอาสาสมัครสภากาชาดไทย SPIRIT OF SUCCESS” ซึ่งตรงกับวันที่ 2 มิถุนายนของทุกปี 

เมื่อวันที่ (11 มิ.ย. 68)นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีใน พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครกาชาดผู้ทำคุณประโยชน์ ในโอกาสครบรอบ 3 ปีของการสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 

จากนั้น นางสุนันทา ศรอนุสิน ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทยบรรยายพิเศษถึงความสำเร็จของการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมบทบาทของอาสาสมัครกาชาดให้มีส่วนร่วมในการทำประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวขอบคุณและส่งมอบกำลังใจให้แก่อาสาสมัครกาชาด ชมรมอาสาสมัครกาชาด และภาคีเครือข่าย ที่ร่วมกันปฏิบัติงานมาอย่างเข้มแข็งตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยมีอาสาสมัครกาชาดในระบบอาสาสมัครกาชาดจากทั่วประเทศ จำนวน 134,378 คน และกิจกรรม/โครงการเพื่อประชาชน และกลุ่มเปราะบางบนระบบ จำนวน 41,699 รายการ พร้อมทั้งมอบวิสัยทัศน์แนวทางการทำงาน และประกาศเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครกาชาด ให้อยู่เคียงคู่สภากาชาดไทยสืบไป

โอกาสนี้ นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย ประธานในพิธี ได้กล่าวขอบคุณ และมอบกำลังใจแก่อาสาสมัครกาชาด ที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานอาสาสมัครกาชาดให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

เนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ครบรอบปีที่ 3 โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครกาชาดที่ทุ่มเท มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะดูแลช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและปฏิบัติภารกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ได้ตระหนักถึงความสำคัญยิ่งของอาสาสมัครกาชาด ถือเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ และแสดงความขอบคุณอาสาสมัครสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายที่อุทิศตนทำงานจิตอาสาเพื่อสังคมด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละ

โดยในงานจัดให้มีกิจกรรมจากชมรมอาสายุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด เพื่อเป็นการจัดแสดงผลงานของอาสาสมัครทั่วประเทศ ภายในงานมีผู้เข้ารับการเชิดชูเกียรติ จำนวน 363 คน รวม 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. รางวัลส่งเสริมมาตรฐานชมรมอาสายุวกาชาด
2. รางวัลเชิดชูเกียรติกาชาดหัวใจครู
3. รางวัลวิทยากรแกนนำดีเด่น
4. โล่ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายโครงการอาสาสมัครป้องกันไข้เลือดออกเพื่อชุมชนจังหวัดตราด ด้วยการบริหารระบบอาสาสมัครทางไกล
5.เข็มผู้อำนวยการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด 

โดยงานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ในการสร้างพลังอาสาสมัครให้เป็นกำลังสำคัญของสภากาชาดไทย มุ่งสร้างและพัฒนา 'อาสาสมัคร' ให้เป็น 'อาสาสมัครที่พึ่งพาได้' ของสังคมและประเทศชาติต่อไป

‘ปธน.มาครง’ ของฝรั่งเศส เสนอช่วยปมพิพาทชายแดน ยินดีจัดหาเอกสารให้ ‘ไทย-กัมพูชา’ หากต้องการ

(12 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แสดงความพร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาเอกสารให้แก่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา หากจำเป็น เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ โดยเปิดเผยระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลดังกล่าวเปิดเผยโดยนายฌอง-ฟรองซัวส์ ตัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ระหว่างแถลงข่าวที่สนามบินนานาชาติพนมเปญ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มิถุนายน โดยระบุว่าการพบปะกับผู้นำฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเยือนฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องมหาสมุทร ครั้งที่ 3

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ย้ำจุดยืนของกัมพูชาในการแก้ปัญหาชายแดนกับไทยผ่านแนวทางสันติวิธี โดยเสนอ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ การรักษามิตรภาพกับไทย, การเสนอข้อพิพาทปราสาทและพื้นที่บางส่วนให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ), การร่วมมือผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อรักษาความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน

นายกฯ กัมพูชา ชี้แจงว่า การยกประเด็นข้อพิพาทชายแดนในการหารือกับผู้นำฝรั่งเศสครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อชี้แจงจุดยืนของกัมพูชา ไม่ใช่เพื่อขอการสนับสนุนใดเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาครงได้แสดงความพร้อมในการช่วยเหลือด้านเอกสารหรือข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หากมีความจำเป็น เพื่อส่งเสริมแนวทางแก้ไขอย่างสันติ

ทั้งนี้ การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศที่เมืองนีซของผู้นำกัมพูชา ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเวทีหนึ่งที่กัมพูชาใช้ในการสื่อสารจุดยืนทางการทูตต่อเวทีโลกเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

16 มิถุนายน พ.ศ. 2442 วันเกิด ‘หลวงกลการเจนจิต’ ผู้บุกเบิกวงการหนังไทย สร้างภาพยนตร์ ‘โชคสองชั้น’ เรื่องแรกของสยาม

วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2442 วันเกิดหลวงกลการเจนจิต หรือ เภา วสุวัต หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการภาพยนตร์ไทยยุคแรก ท่านเกิดในครอบครัววสุวัตที่มีบทบาทด้านสิ่งพิมพ์และสื่อ ท่านเริ่มต้นทดลองถ่ายภาพยนตร์เชิงสารคดีเรื่อง 'น้ำท่วมซัวเถา' ในปี พ.ศ. 2465 ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์บันเทิงเต็มตัว

ในปี พ.ศ. 2470 หลวงกลการเจนจิตได้ร่วมสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'โชคสองชั้น' ภาพยนตร์บันเทิงเรื่องแรกที่ทำขึ้นเพื่อการค้า ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นผลงานเรื่องแรกที่สร้างและผลิตทุกขั้นตอนโดยคนสยามเอง เป็นภาพยนตร์เงียบ ถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำขนาด 35 มม. ความยาว 90 นาที ผลิตโดย 'กรุงเทพ ภาพยนตร์ บริษัท' ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น 'ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง' ภายใต้การนำของคุณมานิต วสุวัต พี่ชายของท่าน

'โชคสองชั้น' ได้เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร และประสบความสำเร็จในแง่การเปิดทางให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2475 บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุงได้ผลิตภาพยนตร์เสียงในฟิล์มเรื่องแรกของไทยในชื่อ 'หลงทาง' ซึ่งหลวงกลการเจนจิตก็มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างเช่นกัน

แม้หลวงกลการเจนจิตจะเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2491 แต่ผลงานของท่านยังคงส่งอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์ไทยมาจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นผู้วางรากฐานสำคัญให้กับศิลปะภาพยนตร์ของชาติ และเป็นบุคคลผู้ควรแก่การรำลึกในฐานะผู้บุกเบิกยุคบุกเบิกของจอเงินไทยอย่างแท้จริง

ตม.ดอนเมือง จับกุมชาวจีนตามหมายจับคดีฉ้อโกงกว่า 200 ล้านบาท ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ

เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย. 68) เวลา 05.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.อติศักดิ์ ปัญญา ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปรามชุดที่ 2 ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง กวดขันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงราย ตามที่ได้รับเบาะแสว่าจะมีการเดินทางออกนอกประเทศของผู้ต้องหารายนี้ ด้วยสายการบินไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL100 ปลายทางประเทศสิงคโปร์

จากการวางกำลังตรวจสอบบริเวณโถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบชายชาวจีนต้องสงสัย จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแสดงหลักฐานและตรวจสอบจนแน่ชัดว่าบุคคลดังกล่าวตรงตามหมายจับ ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน

ผู้ต้องหาคือ MR. HUANG (นายหวง) อายุ 39 ปี สัญชาติจีนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงราย ที่ 50/2568 ลงวันที่ 16 พ.ค.68 ในข้อหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”

ในระหว่างการจับกุม ผู้ต้องหาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ตม.ทอ.ดอนเมือง จึงมอบหมายให้ จ.ส.ต.สุวพันธ์ อุตส่าห์ ผบ.หมู่ ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลสิทธิและพฤติการณ์ในการกระทำความผิดให้ผู้ต้องหารับทราบ

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า คดีดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่ผู้เสียหายชาวจีน 2 ราย มอบหมายให้ทนายเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เม.ย.68 ขณะทั้งสองฝ่ายได้พบกันที่อำเภอแม่สาย เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเหรียญดิจิทัล (Bitcoin) และได้มีการโอนเหรียญ Bitcoin จำนวน 2 ครั้ง รวมมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหา แต่ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับเงินตอบแทนใด ๆ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง

หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ ตม.ทอ.ดอนเมือง ได้ประสานส่งตัวผู้ต้องหาให้ สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top