Friday, 13 June 2025
ค้นหา พบ 48771 ที่เกี่ยวข้อง

พปชร.เชื่อมั่นแพทยสภาคงมติตามเดิม รักเกียรติภูมิ ความตรงไปตรงมา ถือหลักการ มาตรฐานวิชาชีพ และประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มากกว่าประโยชน์ของคนบางคน วอน ปชช.ประณามการเมืองแทรกแซง องค์กรวิชาชีพ

(12 มิ.ย.68) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า “วันนี้ (12 มิ.ย. 68) แพทยสภาจะมีการลงมติผลการสอบสวนจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยให้ลงโทษแพทย์ 3 ราย ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริงและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ได้วีโต้ผลการพิจารณาและส่งมาให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง ตาม ม.25 พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 วรรคสี่  และแพทยสภาได้พิจารณาและอนุญาตให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะสภานายกพิเศษเข้าร่วมประชุมได้15นาทีในวันนี้นั้น

ในส่วนตัวเชื่อมั่นว่า มติที่ประชุมใหญ่ คงเป็นไปตามเดิม เพราะข้อโต้แย้งของ รมว.ในฐานะสภานายกพิเศษ ไม่มีเหตุผลหรือสาระสำคัญที่จะทำให้มติแพทยสภาเปลี่ยนไป  เหตุผลส่วนใหญ่แย้งเป็นเหตุผลทางธุรการซึ่งกรณีดังกล่าวทางแพทยสภาได้ส่งข้อมูลตอบกลับไปยังสภานายกพิเศษเรียบร้อยแล้ว แม้ว่า นายสมศักดิ์ฯจะขอใช้อำนาจตาม มาตรา 24 เพื่อขอเข้าร่วมประชุมในวันนี้ก็ตาม  ยังเชื่อมั่นว่า มติที่ประชุมใหญ่คงไปตามแนวทางเดิม  ทั้งนี้ เนื่องจาก มาตรา 14 พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ระบุ คณะกรรมการแพทยสภาประกอบด้วย  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมอนามัย เจ้ากรมแพทย์ทหารบก เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ นายแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกอีกจำนวนเท่ากับจำนวน

กรรมการโดยตำแหน่งใน ขณะเลือกตั้งแต่ละวาระ และให้เลขาธิการเป็นกรรมการ  ซึ่งในมาตรา 14 บอกไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการแพทยสภาประกอบด้วยใครบ้าง  และที่สำคัญคือไม่มี รมว. เป็นคณะกรรมการแต่อย่างใด  ดังนั้น  ท่านไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนหรือออกเสียงเพราะท่านไม่ได้เป็นคณะกรรมการ   

และในกรณีที่ท่าน รมว.เข้าร่วมประชุมและชี้แจงในครั้งนี้  ทางแพทย์และพี่น้องประชาชนเข้าใจดีว่าท่านมีวัตถุประสงค์อะไร  และไม่เคยมีรัฐมนตรีท่านใดมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน ส่วนข้ออ้างว่าจะไปอธิบายสาเหตุที่วีโต้มติแพทยสภานั้น อันนี้ทางแพทยสภา เห็นหนังสือของท่านและเข้าใจดีอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นการผิดมารยาทอย่างมากเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซงองค์กรวิชาชีพเช่นนี้ มาก่อน“

พล.ต.ท.ปิยะฯกล่าว “หากแพทยสภายืนยันตามผลการพิจารณาเดิม ก็จะส่งผลในการพิจารณาของ ปปช. และศาลฯ ในวันที่ 13 หรือ 23 มิถุนายนที่จะถึงนี้อย่างแน่นอนเพราะ หากมติแพทยสภามีผลครบถ้วนตามกฏหมาย แสดงให้เห็นว่า การออกมาจากเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อทำการตรวจรักษามีลักษณะ“ป่วยทิพย์” หรือเป็นไปโดยทุจริต และมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากออกมาตรวจรักษาจำนวน 180 วัน ไม่มีการป่วยจริงในภาวะวิกฤต ที่อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้  กรณีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีเหตุจำเป็นจะต้องสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร  กลับไปรับโทษตามกฎหมายตามกำหนดเสียก่อน     

ดังนั้น การอ้างว่าถูกควบคุมตัว หรือรับโทษมาแล้ว 180 วัน หรือ 1 ใน 3 ของโทษที่เหลือนั้น หากไม่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นไปโดยผิดขั้นตอนและระเบียบกฎหมาย  จะส่งผลให้นายทักษิณฯขาดคุณสมบัติหรือเป็นเหตุให้ไม่สามารถขอพระราชทานอภัยโทษในโทษที่เหลือ 1 ปีนั้นได้  เมื่อนายทักษิณฯขาดคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษ  การขอพระราชทานอภัยโทษจึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนบัญญัติของกฎหมาย จึงจำเป็นต้องกลับไปรับโทษที่เหลือ 1 ปีตามเดิม

นอกจากนี้ ผู้ป่วยภาวะวิกฤติ ที่จะอันตรายถึงแก่ชีวิต ต่อมาเมื่อภาวะวิกฤติที่จะอันตรายถึงแก่ชีวิตหมดไป  ก็ถือว่า ความจำเป็นที่จะต้องพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำก็จะหมดไปด้วย เป็นหน้าที่ราชทัณฑ์จะต้องตรวจสอบและนำตัวผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นกลับไปยัง โรงพยาบาลในเรือนจำหรือเข้าควบคุมในเรือนจำตามแต่อาการที่ปรากฎ ไม่ใช่ปล่อยให้พักอยู่ รพ. ภายนอกเรือนจำจนหายปกติ แข็งแรง ตีกอล์ฟ เต้นระบำ นวดหน้า ขึ้นเวทีปราศรัย ด่าใครต่อใครได้

อีกประการหนึ่ง กระบวนการการตรวจรักษาภายนอกเรือนจำ กรณีนี้ เป็นการควบคุม ตัวตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การออกไปรับการตรวจรักษาภายนอกเรือนจำ จะขออนุญาตศาลฯก่อน หากเป็นกรณีเร่งด่วนไม่สามารถขออนุญาตศาลเพื่อส่งตัว มาทำการตรวจรักษาภายนอกเรือนจำได้ในทันที ก็ต้องรายงานเพื่อขออนุญาตศาลฯส่งตัวไปตรวจรักษาเพื่อทุเลาโดยเร็วที่สุด ซึ่งในกรณีนี้  ก็ไม่มีการขออนุญาตต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามกฏหมายแต่อย่างใด  

จากกระบวนการการสอบสวนของแพทยสภา ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ทำให้เห็นว่า นายทักษิณฯ ไม่ได้ป่วยเป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย หรือเจ็บป่วยในภาวะวิกฤติที่อันอาจจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต เอกสารการตรวจทางการแพทย์ มีเหตุและข้อควรสงสัยว่า ไม่ตรงความจริง  จึงได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ลงโทษดังกล่าว“

พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าว “แม้จะมีการพยายามอ้างกฏหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของราชทัณฑ์ หรือกฎหมายของหน่วยงานอื่น ซึ่งเป็นอนุกฏหมาย ไม่อาจมาหักล้างหรือ เทียบเท่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่ออกโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้  อีกทั้งการปฏิบัติตามกฏหมายย่อย ก็ยังปฏิบัติได้ไม่ครบถ้วน แสดงถึงข้อพิรุธที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะ เป็นการส่งตัวคนไข้ออกจากเรือนจำโดยแพทย์ผู้รับผิดชอบยังไม่ได้ทำการตรวจคนไข้โดยตรง เพียงแค่สอบถามอาการจากพยาบาลเวรทางโทรศัพท์ เท่านั้น ตลอดจนหลักฐานทางเวชระเบียนพยาบาลที่ปรากฎในคอมพิวเตอร์ และรายการจ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ได้มีรายละเอียดยืนยันการผ่าตัดใหญ่จากเจ็บป่วยร้ายแรง ที่ต้องรับการตรวจรักษาภาวะวิกฤตินานถึง 180 วัน หากกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ มีอำนาจเหนือศาล คำพิพากษาของศาลจะศักดิ์สิทธิ์ลงโทษผู้กระทำผิดตามโทษานุโทษได้อย่างไร เพราะเมื่อถึงขั้นการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษากลับมาการเบี่ยงเบนไปเช่นนี้ ระบบนิติรัฐของประเทศก็จะสูญเสียไป“

ปธน.อีแจมยอง เดินเกมสันติปิดลำโพงโจมตีเปียงยาง ส่งสัญญาณฟื้นสัมพันธ์สองเกาหลี

(12 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ นายอี แจมยอง มีคำสั่งให้กองทัพปิดลำโพงยักษ์ที่เคยเปิดเพลง K-Pop ข่าวสาร และข้อความโฆษณาชวนเชื่อต่อเกาหลีเหนือมาเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการลดความตึงเครียดและฟื้นฟูความเชื่อมั่นระหว่างสองประเทศ

ก่อนหน้านี้ อดีตผู้นำเกาหลีใต้ นายยุน ซอกยอล ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง มีนโยบายตอบโต้เกาหลีเหนือด้วยการใช้เสียงเพลงและใบปลิวโจมตีผู้นำคิม จองอึน ส่งผลให้เกาหลีเหนือส่งลูกโป่งบรรจุขยะกลับมาเป็นการตอบโต้เช่นกัน

รัฐบาลอีแจมยองยังได้ขอให้นักเคลื่อนไหวงดปล่อยลูกโป่งโปรยใบปลิว ขณะเดียวกันเตือนว่าอาจใช้กฎหมายความปลอดภัยสาธารณะควบคุมการเคลื่อนไหวดังกล่าว หากส่งผลกระทบต่อความมั่นคงบริเวณชายแดน

ล่าสุดเกาหลีเหนือก็ได้ปิดลำโพงของตนลงเช่นกันในวันพฤหัสบดี ทำให้ฝ่ายเกาหลีใต้มองว่านี่อาจเป็นสัญญาณของการยุติสงครามเสียงชั่วคราว ขณะที่ประชาชนชายแดนต่างหวังว่าชีวิตจะกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

แม้ยังไม่มีท่าทีตอบรับอย่างเป็นทางการจากเปียงยาง แต่นักวิเคราะห์มองว่าการเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลใหม่เกาหลีใต้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทลายกำแพงความขัดแย้งที่สะสมมายาวนานในคาบสมุทรเกาหลี

ตำรวจภูธรภาค 2 เกาะติดสถานการณ์ไทย – กัมพูชา 'ผบช.ภ.2' ประชุมเข้มกำชับซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ดูแลประชาชน 3 จังหวัดชายแดน

เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 2 (ศปก.ภ.2) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เป็นประธานการประชุมติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา โดยมี พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2 ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ผบก.ภ.จว.ตราด ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ผบก.สส.ภ.2 ผบก.อก.ภ.2 และผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 2 มีพื้นที่ติดต่อชายแดนประเทศกัมพูชา 3 จังหวัด คือ จันทบุรี ตราด และสระแก้ว จึงได้เน้นย้ำการเฝ้าระวังเชิงรุก บูรณาการข้อมูล และเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ตำรวจภาค 2 ประชุมเกาะติดสถานการณ์ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

ผบช.ภ.2 กล่าวด้วยว่า ให้ฝ่ายอำนวยการเตรียมความพร้อมตรวจสอบอัตรากำลัง เกาะติดข่าวสารประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เตรียมสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง กำชับตรวจสอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งาน จัดเตรียมกำลังพลพร้อมปฏิบัติทุกด้าน ให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดอย่างเคร่งครัด พร้อมจัดทำข้อมูลบุคคลเข้า-ออก ประเทศ ให้สอดคล้องตามมาตรการและแผนยุทธการของกองทัพ สำหรับให้หน่วยพื้นที่ สภ. ที่ติดแนวชายแดน เตรียมพร้อมซักซ้อมแผนเผชิญเหตุทุกสถานการณ์ เน้นการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

นครพนม: ทหารไทย-ลาว เปิดการลาดตระเวน ร่วมทางน้ำ เพื่อสะกัดกั้นกระทำผิดกฏหมายตามแนวลำน้ำโขง

เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.68) เวลา 09.30 น. ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 พลเรือตรีณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่นาโขง, เป็นประธานเปิดการลาดตระเวน ร่วมกันทางน้ำ ไทย-ลาว โดยมี พันเอกบุนเลิด  บุบผาวัน หัวหน้าการทหารกองบัญชาการทหาร แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (หน.การทหาร กบช. ข.คำม่วน สปป.ลาว) และคณะ ฝ่ายทหารไทย โดยมี  พันเอกศิวดล  ยาคล้าย ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการส่วนอำนวยการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคง ประกอบไปด้วย หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และ ฝ่ายปกครอง  ร่วมพิธีการลาดตระเวนร่วมไทย- ลาว เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือ จากชุดประสานงานประจำพื้นที่ของทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งได้ร่วมกันวางแผนและกรอบแนวทางตามลำดับขั้น โดยในวันนี้จะเป็นการลาดตระเวน ร่วมไทย-ลาว จังหวัดนครพนม-แขวงคำม่วน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการสกัดกั้นและการกระทำผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนร่วมกัน ตลอดจนสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นระหว่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่สันติภาพและ  ความเจริญรุ่งเรืองทั้ง 2 ประเทศในระยะยาว  ซึ่งวันนี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้จัดตั้งการลาดตระเวนทางน้ำร่วมกัน จุดประสงค์เพื่อสะกัดกั้นกรั่นกรองอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศทำงานร่วมกัน มีการพัฒนาชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพบปะแลกเปลี่ยนสร้างความสนิทสนมระหว่างไทย-ลาว ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ร่วมกัน 

โดยในวันนี้ในช่วงก่อนลาดลาดตระเวน ทางน้ำ ฝ่ายไทย-ลาว ทางด้านพลโท ณรงค์  สวนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  (ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.) พร้อมคณะได้ร่วมในการลาดตระเวน ร่วมทางน้ำ เพื่อสกัดกั้นกระทำผิดกฎหมายตามแนวลำน้ำโขงในครั้งนี้ ซึ่งท่านเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี มาก่อนและในวันนี้ทางด้านศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนครพนม 

พลโท ณรงค์  สวนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  (ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว ภายหลังจากการลาดลาดตระเวน ทางน้ำร่วมไทย-ลาว ว่า จังหวัดนครพนม เป็นพื้นที่ดูแลของ นรข. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือตามแนวชายแดนของทั้ง สองประเทศ  ซึ่งผลการปฏิบัติการในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกส่วนมีความเข้าใจถึงภัยคุกคามภายนอกมีหลายปัจจัย ในฐานะกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จึงได้ลงพื้นที่ เพื่อทำงานร่วมกันในพื้นที่   

พลเรือตรีณรงค์  เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่นาโขงกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็น การลาดตระเวนทางน้ำร่วมกัน 3 เดือนต่อครั้ง และจัดการประชุมพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร 6 เดือนต่อครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ทั้งเห็นควร ประสานงานร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเครือข่ายเป้าหมายยาเสพติด อย่างต่อเนื่อง

‘อาโออิ’ เปิดใจลูกถูกล้อเลียนเพราะอดีตในวงการ AV ยอมรับเจ็บปวด!!..วอนสังคมหยุดตัดสินลูกจากอดีตของแม่

(12 มิ.ย. 68) อดีตนักแสดงหนังผู้ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่น 'โซระ อาโออิ' วัย 44 ปี เปิดเผยว่าลูกชายฝาแฝดของเธอเคยถูกเพื่อนล้อและกลั่นแกล้งในโรงเรียน เนื่องจากอดีตของเธอในวงการ AV แม้เธอจะออกจากวงการมานานหลายปีแล้วก็ตาม

โซระ อาโออิ (Sora Aoi) ซึ่งเคยแสดงในหนัง AV กว่า 600 เรื่องระหว่างปี 2002-2011 และกลายเป็นไอดอลระดับตำนานของวงการ ได้แต่งงานในปี 2018 กับศิลปินซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน โดยทั้งคู่ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด พร้อมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์สกินแคร์และแบรนด์ความงามอื่น ๆ ในปัจจุบัน

แม้จะหันหลังให้กับวงการมานาน แต่ลูกของเธอยังคงถูกบูลลี่ เช่นคำพูดว่า “แม่แกเคยเล่นหนังโป๊ น่าสงสารจัง” หรือ “ลูกของคนแบบนั้นไม่มีทางมีความสุขได้” ซึ่งโซระยืนยันว่า “ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินว่าลูกฉันควรน่าสงสารหรือไม่”

เธอกล่าวว่าตนเองยอมรับอดีตได้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ลูกเข้าใจว่าแม่รักพวกเขามากเพียงใด พร้อมชี้ให้เห็นถึงอคติที่ผู้หญิงในวงการหนังผู้ใหญ่ต้องเผชิญ แม้จะพ้นจากวงการแล้วก็ตาม และหวังว่าสังคมจะเปิดใจมากขึ้นในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top