Saturday, 14 June 2025
ค้นหา พบ 48779 ที่เกี่ยวข้อง

กัมพูชาดันซีรีส์ ‘ลูกชายใต้คืนวันเพ็ญ’ เล่าชีวิตของ ‘ฮุน เซน-ภรรยา’ แทนละครไทย

(13 มิ.ย. 68) กระทรวงข่าวสารกัมพูชาออกคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องในประเทศยุติการออกอากาศละคร ภาพยนตร์ และเพลงไทยทุกประเภททันที เป็นหนึ่งในมาตรการตอบโต้ฝั่งไทย หลังไทยยังไม่เปิดด่านชายแดน โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ 6 ข้อที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาเสนอไว้ อาทิ แบนสินค้าไทย ดึงแรงงานกลับ และหนุนสินค้าเกษตรกัมพูชาแทน

ล่าสุด สถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา (TVK) เตรียมออกอากาศซีรีส์ 'ลูกชายใต้คืนวันเพ็ญ' แทนละครไทย โดยซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของสมเด็จฯ 'ฮุน เซน' และภรรยา 'บุนรานี' โดยมีเป้าหมายสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวกัมพูชา

จากข้อมูลในเว็บไซต์กระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ระบุว่า “ลูกชายใต้คืนวันเพ็ญ” ถ่ายทอดชีวิตสมเด็จฯ ฮุน เซน ในช่วงเริ่มสร้างครอบครัว ท่ามกลางยุควิกฤติของประเทศ เมื่อสูญเสียลูกชายคนหนึ่ง ทำให้ตัดสินใจลุกขึ้นมากอบกู้ชาติ จนนำไปสู่การปลดแอกกัมพูชาได้สำเร็จเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2522

‘ดร.หิมาลัย’ นำ พพ. แจงแนวทาง 'โครงการฝายธงน้อย' มุ่งบริหารจัดการน้ำพร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน

พพ. ชี้แจงแนวทาง 'โครงการฝายธงน้อย' แก่จังหวัดน่าน เดินหน้าเพื่อชุมชน เสริมแผนจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม ลดผลกระทบอุทกภัยด้วยพลังงานสะอาด

(13 มิ.ย. 68) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน จัดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินโครงการฝายธงน้อย และแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในเขตจังหวัดน่าน ณ ห้องประชุมพระเจ้า สุริยพงษ์ ผริตเดช ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดน่าน โดยมี ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุม และ นายนันทนิษฎ์ วงศ์วัฒนา รองอธิบดี พพ. เป็นผู้นำเสนอข้อมูลต่อผู้บริหารจังหวัดน่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน, สมาชิกวุฒิสภา, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน, หน่วยงานราชการในพื้นที่, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ผู้นำชุมชน และผู้แทนภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ดร.หิมาลัย กล่าวว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ “เพื่ออธิบายอย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน และรับฟังทุกข้อกังวลและทำความเข้าใจร่วมกัน” เพื่อให้การพัฒนาโครงการฝายธงน้อยและการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง นอกจากการให้ข้อมูลหรือการชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว ยังได้เสนอแนวทางบริหารจัดการน้ำเชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงจากอุทกภัย ควบคู่ไปกับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มพลังงานสะอาดเข้าสู่ระบบ แต่ยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว ผ่านการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนในด้านอาชีพ การศึกษา และสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า

โดยได้จัดทำแผนบรรเทาทุกข์โครงการแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

แผนระยะสั้น (พ.ศ. 2568–2570) ประกอบด้วยการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำหอยโข่ง การระบายน้ำผ่านทางผ่านปลา และการขุดลอกตะกอนดินทรายในลำน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เหนือฝาย ลดความเสี่ยงต่อปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะสามารถช่วยระบายน้ำในช่วงที่น้ำหลากได้ถึง 50 ลบ.ม /วินาที ปัจจุบันอยู่ระหว่างการของบประมาณโครงการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท 

แผนระยะยาว (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2570 เป็นต้นไป) ประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารระบายน้ำฉุกเฉิน จำนวน 2 ช่อง พร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอขอรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2569 โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยมีเป้าหมายในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดประมาณ 11.10 ล้านหน่วยต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 6,438 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และมีความสามารถในการช่วยระบายในช่วงน้ำหลากได้ถึง 220 ลบ.ม/วินาที  พร้อมทั้งสามารถจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย

หลังการประชุม คณะผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่จริงบริเวณฝายธงน้อย เพื่อสำรวจและศึกษาภูมิประเทศโดยรอบพร้อมรับฟังข้อมูลในพื้นที่อย่างรอบด้าน นำไปสู่การปรับแนวทางดำเนินโครงการให้เหมาะสมกับสภาพจริงและความต้องการของชุมชน

พพ. ยืนยันเดินหน้าโครงการฝายธงน้อยและโรงไฟฟ้าพลังน้ำอย่างโปร่งใส โดยเปิดรับฟังทุกความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน พร้อมย้ำว่าจากข้อมูลทางวิชาการ ฝายธงน้อยไม่ใช่สาเหตุของน้ำท่วมในเทศบาลเมืองน่าน แต่ก็ยังคงร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อวางแนวทางป้องกันและบรรเทาผลกระทบอย่างรอบด้าน

นักวิชาการแฉ สหรัฐฯ สั่งอพยพคนก่อนอิสราเอลถล่ม เชื่อรู้แผนซัดอิหร่าน แถมให้ไฟเขียวโจมตีฐานนิวเคลียร์

(13 มิ.ย. 68) จากเหตุการณ์อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านอย่างหนัก ใช้เครื่องบินรบกว่า 200 ลำถล่มเป้าหมายกว่า 100 จุด โดยมุ่งทำลายโครงสร้างนิวเคลียร์และสังหารผู้นำทางทหารระดับสูงของอิหร่าน ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า ปฏิบัติการครั้งนี้แน่นอนว่า อิสราเอลประสานงานกับสหรัฐฯ ล่วงหน้า

ดร.เกร็ก ไซมอนส์ (Dr. Greg Simons) นักวิชาการด้านสื่อจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแดฟโฟดิล ของบังคลาเทศ ชี้ว่าการที่สหรัฐฯ สั่งอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตจากอิรักและอ่าวเปอร์เซียก่อนการโจมตี แสดงให้เห็นว่าวอชิงตันรับรู้และอาจให้ไฟเขียวต่อแผนการดังกล่าว แม้สหรัฐฯ จะออกมาปฏิเสธแล้วก็ตาม

นักวิชาการยังระบุอีกว่า อิสราเอลต้องการสกัดความพยายามเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในก่อนหน้านี้ โดยที่สหรัฐฯ ยังอยากหันไปโฟกัสกับจีน แต่กลับถูกพันธมิตรอย่างอิสราเอลและยูเครนดึงกลับสู่ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

สำหรับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ดร.ไซมอนส์มองว่า เขา “ทำสงครามเพื่อหนีคดี” เพราะหากสันติภาพเกิดขึ้น โอกาสที่เขาจะถูกจับกุมในคดีทุจริตทางการเมืองย่อมเพิ่มขึ้น ทั้งยังวิจารณ์สหรัฐฯ ว่าให้การสนับสนุนอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยกล่าวว่า “อิสราเอลจุดไฟที่ดับเองไม่ได้ แล้วหวังให้วอชิงตันช่วยจ่ายค่าเสียหายแทน”

‘ผู้นำอิหร่าน’ ส่งสัญญาณเอาคืนอิสราเอล ลั่น ระบอบไซออนิสต์ต้องได้รับผลกรรมที่ก่อ

10 คำถามและคำตอบจาก Tehran Times กรณีอิสราเอลโจมตีอิหร่าน

การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย รวมถึงนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ ผู้บัญชาการทหาร และพลเรือน ขณะที่เตหะรานประกาศตอบโต้และทั่วโลกเฝ้าจับตาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป Tehran Times จะตอบ 10 คำถามที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้:

1. การโจมตีมุ่งเป้าไปที่พื้นที่อยู่อาศัยและสถานที่พลเรือนหรือไม่? 
ใช่ รายงานและภาพถ่ายยืนยันว่าอาคารอพาร์ตเมนต์และอาคารที่ไม่ใช่ที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในกรุงเตหะรานถูกโจมตี

2. มีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีหรือไม่? 
ใช่ มีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ผู้เสียชีวิตมีทั้งผู้หญิงและเด็ก 

3. นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชาวอิหร่านคนใดที่ถูกฆ่าตายในการโจมตีครั้งนี้? 
จากแหล่งข่าวระบุว่า นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อย่างน้อย 6 รายถูกสังหาร รวมถึง Abdolhamid Minouchehr, Ahmadreza Zolfaghari, Seyed Amirhossein Feqhi, Motlabizadeh, Mohammad Mehdi Tehranchi และ Fereydoun Abbasi

4. สหรัฐฯ รู้ล่วงหน้าเรื่องการโจมตีของอิสราเอลหรือไม่? 
ใช่ จากคำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์เอง สหรัฐฯ ได้ทราบเรื่องนี้ก่อนแล้ว 

5. สหรัฐฯ มีส่วนร่วมหรือให้ความช่วยเหลือในการโจมตีของอิสราเอลหรือไม่? 
แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าให้ความร่วมมือกับอิสราเอล แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเกี่ยวข้อง เช่น เครื่องบินเติมน้ำมันของสหรัฐฯ ปฏิบัติการใกล้อิหร่าน 24 ชั่วโมงก่อนการโจมตี รวมถึงรายงานที่ไม่เป็นทางการที่บ่งชี้ว่า สหรัฐฯ และอิสราเอลมีการประสานงานกัน 

6. ผู้นำกองทัพอิหร่านคนใดที่เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้? 
จนถึงขณะนี้ อิหร่านได้ยืนยันการเสียชีวิตของพลเอก โมฮัมหมัด บาเกรี (เสนาธิการกองทัพอิหร่าน) พลเอก ฮอสเซน ซาลามี (ผู้บัญชาการ IRGC) และพลเอก โกลามาลี ราชิด (ผู้บัญชาการกองบัญชาการคาตัม อัล-อันบียา) 

7.อิหร่านจะตอบโต้อิสราเอลหรือไม่? 
สัญญาณทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงการตอบโต้ที่รุนแรง โดย อายาตอลเลาะห์ เซย์เยด อาลี คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เตือนว่า “ระบอบไซออนิสต์ควรได้รับการลงโทษที่รุนแรง มืออันทรงพลังของกองกำลังติดอาวุธของอิหร่านจะไม่ปล่อยให้พวกเขาลอยนวลไป หากพระเจ้าประสงค์ ผู้บัญชาการและนักวิทยาศาสตร์ของเราหลายคนเสียชีวิตในการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้สืบทอดตำแหน่งของพวกเขาจะดำเนินภารกิจต่อไป ด้วยการก่ออาชญากรรมนี้ ระบอบไซออนิสต์ได้กำหนดชะตากรรมอันขมขื่นของตนเองไว้แล้ว—และจะต้องชดใช้ราคาที่ต้องจ่าย” 

8. การโจมตีครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านกับสหรัฐฯ อย่างไร? 
ไม่นานหลังจากการโจมตี ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้อิหร่านกลับมาเจรจาอีกครั้ง อิหร่านยังไม่ได้ออกคำตอบอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การโจมตีครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้การเจรจารอบที่ 6 ที่จะถึงนี้ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด 

9. อิสราเอลใช้อาวุธอะไรในการโจมตีครั้งนี้? 
รายงานระบุว่าอิสราเอลยิงขีปนาวุธจากเครื่องบินขับไล่โจมตีสเตลท์ F-35 เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีการกล่าวอ้างที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าฝูงโดรนอาจถูกใช้เพื่อโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ 

10. บริเวณใดของอิหร่านที่ตกเป็นเป้าหมาย? 
การโจมตีที่ได้รับการยืนยันว่า เกิดขึ้นที่ กรุงเตหะราน, ตาบริซ, อิสฟาฮาน, ฮาเมดาน, อาห์วาซ, คอร์รามาบัด, เคอร์มันชาห์ และกัสร์-เอ ชิริน

ผู้นำอิหร่านประณามอิสราเอล ‘อาชญากรอำมหิต’ ลั่นจะต้องชดใช้ด้วยชะตากรรมอันขมขื่น

(13 มิ.ย. 68) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แถลงผ่านสำนักข่าว IRNA ว่าอิสราเอลจะต้องเผชิญกับ “บทลงโทษอย่างรุนแรง” หลังปฏิบัติการโจมตีหลายจุดในอิหร่าน รวมถึงเป้าหมายทางทหารและนิวเคลียร์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์เสียชีวิต

“ลัทธิไซออนิสต์เปิดเผยธาตุแท้ที่ชั่วร้าย ด้วยการโจมตีแม้แต่พื้นที่พักอาศัยของประชาชน” คาเมเนอีกล่าว พร้อมระบุว่าการกระทำครั้งนี้จะนำอิสราเอลไปสู่ “ชะตากรรมที่ขมขื่นและเจ็บปวด”

สำหรับคำแถลงดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่พุ่งสูง หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีในเชิงรุก ขณะที่ชาติตะวันตกและประชาคมโลกจับตามาตรการตอบโต้จากอิหร่านอย่างใกล้ชิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top