Saturday, 14 June 2025
ค้นหา พบ 48779 ที่เกี่ยวข้อง

‘ราเมช วิศวกุมาร’ รอดปาฏิหาริย์!!..หลังถูกแรงระเบิดดีดตัว ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากเหตุ Boeing 787 ตกที่อินเดีย

(13 มิ.ย. 68) ราเมช วิศวกุมาร (Ramesh Vishwaskumar) ชายวัย 40 ปี สัญชาติอังกฤษเชื้อสายอินเดีย คือผู้โดยสารเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกของเที่ยวบิน AI171 ของสายการบิน Air India เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เขานั่งที่นั่ง 11A ริมหน้าต่างในห้องโดยสารด้านหน้า กำลังเดินทางร่วมกับพี่ชายที่ยังคงสูญหาย เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเครื่องบินเทคออฟจากเมืองอาห์มดาบาด ประเทศอินเดีย มุ่งหน้าสู่สนามบินลอนดอนแกตวิค ประเทศอังกฤษ

เที่ยวบินดังกล่าวใช้เครื่อง Boeing 787-8 Dreamliner ซึ่งเพิ่งทะยานขึ้นไปได้เพียง 625 ฟุต ก่อนที่นักบินจะประกาศ 'เครื่องยนต์ขัดข้อง' เครื่องบินตกลงบริเวณหอพักแพทย์ของ BJ Medical College และเกิดการระเบิดและไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 242 ราย เสียชีวิตถึง 241 ราย เหลือเพียง ราเมช วิศวกุมาร ที่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์

ตามรายงานเบื้องต้น เขาอาจถูกแรงระเบิดดีดตัวออกมาจากตัวเครื่องหรือได้รับการปกป้องจากแรงกระแทกหลัก ทำให้รอดพ้นจากเปลวไฟและซากระเบิดที่ตามมา ราเมช เล่าว่าได้ยิน 'เสียงระเบิดดังสนั่น' หลังเครื่องขึ้นไม่กี่วินาที ก่อนที่ไฟและควันจะพวยพุ่งไปทั่วห้องโดยสาร เขาหนีออกมาได้ทางรอยแตกที่ลำตัวเครื่อง ก่อนที่เปลวเพลิงจะลามถึงบริเวณนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบตัวเขาในสภาพบาดเจ็บและมึนงง แต่ยังคงมีสติ

ขณะนี้ ราเมชเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในเมืองอาห์มดาบาด โดยอยู่ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แพทย์ระบุว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้และอาการช็อก แต่ยังมีสติสัมปชัญญะชัดเจน คาดว่าทางการอินเดีย รวมถึงเจ้าหน้าที่จาก NTSB และสายการบิน Air India จะเข้าสอบปากคำเขาในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากคำให้การของเขาอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาช่วงเวลา 30–40 วินาทีก่อนเกิดเหตุ

การที่ราเมชรอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งใหญ่เช่นนี้ ถือว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การบิน สถิติเก่าระบุว่าผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งคนจากเหตุการณ์ลักษณะนี้มีน้อยมาก เช่น เที่ยวบิน BA548 ปี 1972, เที่ยวบิน 255 ปี 1987 และเที่ยวบิน Yemenia 626 ในปี 2009 การรอดชีวิตของเขาจึงกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทั้งโลกจับตามอง และเป็นอีกหน้าหนึ่งในโศกนาฏกรรมการบินที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

'สหพันธ์กุนขแมร์' สั่งแบนนักมวยไทย ประกาศห้ามขึ้นชกในกัมพูชา เริ่มมีผลวันนี้

(13 มิ.ย. 68) กระทรวงสารสนเทศของกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่า สหพันธ์มวยกุนขแมร์ (Khmer Kun Boxing Federation) ได้ออกประกาศสำคัญแจ้งไปยังสถานีโทรทัศน์ สโมสร และพันธมิตรผู้จัดแข่งขันในประเทศกัมพูชา ให้ยุติการจัดคู่แข่งขันระหว่างนักมวยไทย (ทั้งชายและหญิง) ในรายการกุนขแมร์ที่จัดขึ้นในประเทศกัมพูชา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

แถลงการณ์ของสหพันธ์ฯ ระบุว่า “มติดังกล่าวเป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อระงับการจัดคู่แข่งขันทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนักมวยไทยในทุกรายการแข่งขันภายใต้การกำกับดูแลของสหพันธ์ฯ ในกัมพูชา โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักกีฬา คณะกรรมการจัดงาน ผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน และประชาชนทั่วไป โปรดปฏิบัติตามด้วยความรับผิดชอบอย่างสูงยิ่ง”

โดยการประกาศครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งคาดว่าการตัดสินใจของสหพันธ์กุนขแมร์ที่จะหยุดนำนักมวยไทยเข้าร่วมแข่งขันในประเทศตนเองนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักมวยไทยหลายคนที่เคยเดินทางไปชกและสร้างชื่อเสียงในสังเวียนกัมพูชา รวมถึงอาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการมวยในภูมิภาคนี้

‘เนทันยาฮู’ ขอบคุณทรัมป์หนุนอิสราเอล ย้ำชัดโลกต้องไม่ปล่อยให้อิหร่านมีนิวเคลียร์

(13 มิ.ย. 68) นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แถลงผ่านวิดีโอขอบคุณ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สำหรับจุดยืนที่ชัดเจนและสนับสนุนอิสราเอลมาโดยตลอด โดยเฉพาะการยืนกรานไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

เนทันยาฮู กล่าวว่า “ผมขอบคุณเขาสำหรับการสนับสนุนอันแน่วแน่ตลอดช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี” พร้อมย้ำว่าทรัมป์คือผู้นำที่แสดงจุดยืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าโลกไม่ควรปล่อยให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ได้

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังกล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดว่า แม้จะมี 'วันที่ยากลำบาก' รออยู่ แต่ก็ยังมี 'วันที่ยิ่งใหญ่' ที่กำลังจะมาถึง โดยสิ่งที่อิสราเอลทำในวันนี้จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็น “การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว ระหว่างแสงสว่างและความมืด”

เนทันยาฮูยังส่งสารไปยังชาวอิหร่านโดยตรงว่า “ระบอบอิหร่านคือภัยคุกคามต่ออารยธรรม ไม่ใช่แค่อิสราเอล พวกเขาหนุนหลังการก่อการร้าย ข่มเหงประชาชนของตนเอง และมุ่งมั่นครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ เราไม่อาจยืนดูอยู่เฉยได้”

ทั้งนี้ คำแถลงดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ทั่วโลกจับตาการเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่ผู้นำอิสราเอลยังคงเดินหน้าสื่อสารผ่านเวทีระหว่างประเทศถึงภัยคุกคามจากเตหะราน และความจำเป็นในการดำรงจุดยืนร่วมกันกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา

‘ถนอม’ ยก ‘พีระพันธุ์’ นักการเมืองที่ควรอนุรักษ์ ชี้รทสช.วุ่น เหตุคนกลุ่มหนึ่งพลาดเงินหนุนกลุ่มทุนพลังงาน

นายถนอม อ่อนเกตพล ผู้จัดรายการ 'ฟังชัด ๆ ถนอมจัดให้' โพสต์เฟซบุ๊กถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน รวมถึงความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ...

'พีระพันธุ์' นักการเมืองที่ไม่น่ารัก แต่ควรอนุรักษ์

ข่าว สส.พรรค รทสช.เคลื่อนไหวปลดคุณพีระพันธุ์ ออกจากหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีพลังงาน เสมือนหนึ่งว่า คุณพีระพันธุ์เป็นคนไม่ดี เป็นอันตรายต่อประเทศประชาชนที่ต้องกำจัดให้พ้นไปจากวิถีการเมืองน้ำเน่า

'พีระพันธุ์' ที่ผมรู้จักเป็นคนอย่างไร 

1.คุณพ่อเป็นทหารเคยดูแลพลังงานของประเทศ อยากเป็นนักบินแต่มีปัญหาเรื่องสายตาจึงมาเรียนนิติศาสตร์เป็นผู้พิพากษา เหล่านี้ อาจจะหล่อหลอมให้คุณพีระพันธุ์เป็นคนที่มีทั้งระเบียบ วินัย และเคร่งครัดในกฎระเบียบ ตรงไปตรงมา ค่อนข้างจะขวานผ่าซาก 

2.คุณพีระพันธุ์ เป็นกรรมาธิการงบประมาณที่ทหารทุกเหล่าทัพต้องระมัดระวังในการชี้แจง เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องกองทัพจริงคนหนึ่ง   

3.ครอบครัวคุณพีระพันธุ์ เป็นครอบครัวที่มีเงิน มีทรัพย์สินมั่งคั่งมากพอที่จะเลี้ยงดู สส.ในสังกัดให้พอใจอยู่ด้วยได้ แต่ไม่ทำ

4. คุณพีระพันธุ์ มีความเป็นตัวตนแบบเฉพาะตัวที่มีจุดยืนและเป้าหมายในการทำงานการเมืองในรูปแบบที่ตนเองต้องการตามอุดมการณ์คิดของตัวเอง จึงมาร่วมมือกับลุงตู่ สร้างพรรคในอุดมการณ์ 

ด้วยคุณสมบัติ 4 ข้อดังกล่าว จึงทำให้นักการเมืองจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วมสังกัด อาศัยบารมีลุงตู่และคุณพีระพันธุ์เข้าสภากันหลายคน 

โดยจำนวนหนึ่งคาดหวังจะได้รับการสนับสนุนเงินจากทุนพลังงาน แต่พอถึงเวลาไม่ได้มีเงินจากทุนพลังงานทั้งช่วงเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง จึงทำให้นักการเมืองกลุ่มหนึ่งผิดหวัง  

ต่อเมื่อมีคนบางคนตั้งโต๊ะเป็นเจ้ามือคอยดูแล และมีกลุ่มทุนพลังงานเดิมจะเข้ามาหนุนในนามพรรคการเมืองใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา จึงพากันเอาใจออกห่าง 

ปัญหาของคุณพีระพันธุ์เวลานี้ คือ 
1. ไม่เอาใจทุนพลังงาน ซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาล 
2. ไม่เอาใจเลี้ยงดู สส. เหมือนเจ้ามือบางคน 
3. ขออะไรส่วนตัวก็ไม่ได้  

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นอุปสรรคในการทำงานการเมืองของนักการเมืองบางคน 
จึงหาทางออกจากพรรค 

ตรงกันข้ามกับคุณชัชวาล คงอุดม หรือ 'ชัช เตาปูน' และลูกชาย ชื่นชอม คงอุดม คนที่มีความมั่งคั่งเหลือพอที่จะให้การช่วยเหลือคน โดยไม่ต้องขอใครกิน ยังให้การสนับสนุนคุณพีระพันธุ์อย่างเต็มที่ 

คุณชัชวาล เล่าให้คุณต้นทางท็อบนิวส์ฟังว่า....ตอนคุณพีระพันธุ์สู้คดีค่าโง่โฮปเวลที่ศาลปกครองตัดสินแล้วให้ การรถไฟ กระทรวงคมนาคม ชดใช้ค่าโง่กว่า 2 หมื่นล้านพร้อมดอกเบี้ยในสมัยลุงตู่ มีคนเสนอให้คุณพีระพันธุ์ 1 หมื่นล้าน ให้หยุดทำเรื่องนี้ แต่คุณพีระพันธุ์ไม่หยุด สู้คดีจนชนะคนไทยไม่ต้องจ่ายค่าโง่ที่นักการเมืองคนหนึ่งก่อไว้แม้แต่บาทเดียว 

นักการเมืองแบบนี้ ถ้าคนไทยไม่อนุรักษ์พีระพันธุ์ไว้ แล้วเราจะให้มีนักการเมืองพันธุ์ไหนมาบริหารประเทศ 

ผมไม่ได้รู้จักคุณพีระพันธุ์ส่วนตัว แต่ผมแน่ใจว่า ... 

ถ้าผมจะไปขอผลประโยชน์สนับสนุนส่วนตัวจากคุณพีระพันธุ์บ้างก็คงไม่ได้ และบอกเลยว่าอย่าแม้จะคิด แต่ถ้าเป็นประโยชน์เพื่อชาวบ้าน ผมแน่ใจว่า คุณพีระพันธุ์ ไม่ละเลย อย่างเช่น 'ชุดสุดซอย' ที่นำโดยคุณโอ๋ ฐิติภัสร์ 

ถ้าพีระพันธุ์ไม่ใช่ของแท้ ลุงตู่คงไม่เอามาเป็นที่ปรึกษาและมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีใกล้ชิดติดตัว ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน    

ดังนั้น สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ประสงค์จะให้ใครเห็นด้วย ไม่ประสงค์จะยกย่องใครและทับถมใครเป็นการส่วนตัว แต่หากผมไม่ปกป้องคนที่ทำประโยชน์ส่วนรวมให้ประเทศชาติแล้ว แล้วเราจะปกป้องประเทศชาติไปทำไม ปล่อยให้เขมรมันยึดไปเลย 

และถ้าเราไม่ปกป้องนักการเมืองดี ๆ ไว้ แล้วเราจะมีคนดีๆที่ไหนเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อประชาชน และถ้าเราไม่รักษานักการเมืองดี ๆ ไว้ ก็เท่ากับเราทำลายคนดี ๆ และทำลายตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

'รักชนก-สหัสวัต' หอบหลักฐานร้อง ป.ป.ช. ฟัน 'สุชาติ' ปม ‘ประกันสังคม ’ซื้อตึกแพงเกินจริง

‘รักชนก-สหัสวัต’ ยื่นคำร้อง ‘ป.ป.ช.’ สอบ ‘สุชาติ’ พ่วงปลัดแรงงาน ปมซื้อตึกสกายไนน์แพงเกินจริง 2 เท่า ฟาด ‘นายกฯ’ ตั้งใครเป็น รมต. ควรเกรงใจประชาชน-ผู้ประกันตนด้วย

(13 มิ.ย.68) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน พร้อมด้วย นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อคราวดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เมื่อคราวดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) อนุมัติเงินกองทุนประกันสังคมลงทุนในกองทรัสต์ เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพรม์ แอสเซท (Prime Asset Private Equity Trust) กรณีโครงการอาคาร Cas Centre หรืออาคารสกายไนน์ (SKYY9 Centre)

และนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อดีตปลัดกระทรวงแรงงานช่วงปี 2564 – 2567 ที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) โดยตำแหน่ง ได้กระทำความผิดตามมาตรา 172 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

โดยนายสหัสวัต กล่าวว่า หลายเดือนที่ผ่านมาพวกตนติดตามการดำเนินงานของ สปส. พบปัญหาทุจริตหลายอย่าง เรื่องหนึ่งที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจคือการซื้อตึกสกายไนน์ เห็นผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ออกมาแล้วยืนยันว่ามีความผิดปกติ วันนี้จึงมายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อยื่นสอบนายสุชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในขณะนั้น รวมถึงองคาพยพทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตึกนี้ เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกันตนจำนวนมาก เงินซื้อตึกมาจากเงินที่ผู้ประกันตนทำงานและส่งเงินสมทบเข้ามาแต่กลับถูกนำไปใช้อย่างไม่สมเหตุสมผล วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยขอฝากคำถามถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่า จะตั้งคนแบบนี้ ที่มีคดีอยู่ใน ป.ป.ช. ทั้งคดีทุจริตและคดีค้ามนุษย์ เรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการที่ส่งแรงงานไทยไปเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในต่างประเทศ ให้เป็นรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ ตอนนี้ประชาชนจับตาดูอยู่ว่าโผ ครม. จะไปในทิศทางไหน

ด้านนางสาวรักชนก กล่าวยืนยันว่า มูลค่าที่แท้จริงของตึกสกายไนน์กับราคาที่ สปส. ซื้อนั้นไม่สอดคล้องกัน หลังจากพวกตนออกมาพูดก็ถูกสุชาติฟ้อง อย่างไรก็ตามยืนยันมาตลอดว่า ทุกอย่างที่พูดไม่ได้ต้องการโจมตีใคร แต่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกันตน โดยหลังจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการสอบฯ ผลออกมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า มูลค่าของตึกอยู่ที่ประมาณ 3,000-3,200 ล้านบาท แต่ประกันสังคมกลับทุ่มเงินซื้อสูงถึง 7,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แล้ว ตนหวังอย่างยิ่งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว นำคนผิดมาลงโทษ

ทั้งนี้ อาคารสกายไนน์เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2540 ก่อนหยุดชะงักและถูกทิ้งร้างมานานหลายปี จนกระทั่งปี 2559 มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทบริษัท AGRE101 จำกัด ปัจจุบันคือ บริษัท ไพรม์ ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด เริ่มปรับปรุงอาคารแต่ยังคงไม่สมบูรณ์และไม่มีการใช้งานที่ชัดเจน สำหรับประเด็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งคือเรื่องของมูลค่าอาคาร ในปี 2565 บริษัทที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประเมินอยู่ที่ 7,300 – 8,000 ล้านบาท แต่สมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กลับประเมินมูลค่าอาคารดังกล่าวไว้เพียง 3,400 – 3,800 ล้านบาท แตกต่างจากราคาที่สำนักงานประกันสังคมเข้าลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

โดยช่วงเดือนมีนาคมปี 2566 สำนักงานประกันสังคมได้เข้าลงทุนในกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพรม์ แอสเซท ซึ่งกองทรัสต์นี้ได้เข้าซื้อบริษัท AGRE101 จำกัด ที่ถือครองอาคารสกายไนน์ในราคา 6,900 ล้านบาท สูงกว่าราคาประเมินที่แท้จริงอย่างมาก การจัดซื้ออาคารดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่อาคารยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไม่มีผู้เช่าหรือรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ ขัดต่อเป้าหมายที่ต้องการจะสร้างรายได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังขาดการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน (ROI) และการประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน

การดำเนินการดังกล่าวของสำนักงานประกันสังคม ส่งผลให้บริษัท ไพรม์ ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ได้รับเงินจากการขายอาคารมูลค่า 6,900 ล้านบาท อาจมีการทุจริตเกิดขึ้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ภายในกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมของเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และกองทุนประกันสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ประกันตน เนื่องจากเป็นการจัดซื้อที่ไม่โปร่งใสและไม่คุ้มค่าในการลงทุน ส่งผลให้เงินจากกองทุนประกันสังคมที่มีไว้เพื่อดูแลสุขภาพและสวัสดิการของผู้ประกันตนถูกใช้ไปในโครงการที่ไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนได้

การนำเงินกองทุนประกันสังคมไปลงทุนดังกล่าว มี นายบุญสงค์ เลขาธิการ สปส. ขณะนั้น เป็นผู้ลงนาม โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีการตรวจสอบสัญญาการก่อตั้งทรัสต์ ไม่ได้สอบทานความถูกต้องของการประเมินทรัพย์สินและตรวจสอบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนแต่ประการใด อาจมีการทุจริตเพื่อหาส่วนต่างของมูลค่าที่สูงเกินความเป็นจริง ทำให้กองทุนประกันสังคมได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจากผลการอนุมัติดังกล่าว

ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชากระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม รับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานในกระทรวงแรงงานให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา กลับปล่อยปละละเลยให้มีการลงทุนซื้ออาคารดังกล่าวที่อาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น เป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 มาตรา 20 ประกอบมาตรา 35 พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 เช่นเดียวกับ บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงานในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชารองจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปล่อยปละละเลยให้มีการลงทุนซื้ออาคารดังกล่าวที่อาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น เป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 ประกอบ พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 28 (1) และมาตรา 30 ว่านายสุชาติ, นายบุญชอบ และ นายบุญสงค์ ได้ดำเนินการ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการ ให้เกิดผลเสียต่อกองทุนประกันสังคม ตลอดจนไต่สวนหาข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจ นายสุชาติ, นายบุญชอบ และนายบุญสงค์ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย ด้วยหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top