(11 มิ.ย. 68) เวลา 11.05 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และวางมาตรการช่วยเหลือประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, บุรีรัมย์, สระแก้ว, จันทบุรี และตราด ณ ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
สำหรับจ.สุรินทร์ มีพื้นที่ชายแดนยาว 125 กิโลเมตร ครอบคลุม 4 อำเภอ ได้แก่ บัวเชด สังขะ กาบเชิง และพนมดงรัก มีจุดผ่านแดนถาวร 1 แห่ง คือ ช่องจอม และช่องทางธรรมชาติ 54 ช่อง โดยพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ ได้แก่ บริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาเมือนโต๊จ
จากการประเมิน หากเกิดเหตุสู้รบ อาจส่งผลกระทบต่อ 287 หมู่บ้าน ใน 22 ตำบล 4 อำเภอ มีประชาชนกว่า 144,000 คนอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ปัจจุบันมีหลุมหลบภัย 224 แห่ง แต่บางส่วนชำรุดและไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงเร่งซ่อมแซมและจัดสร้างเพิ่มเติม พร้อมขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนร่วมบริจาควัสดุจำเป็น เช่น ท่อกลม กระสอบทราย และปูน โดยสามารถนำส่งได้ที่ที่ว่าการอำเภอทั้ง 4 แห่ง หรือในหมู่บ้านเป้าหมาย
ด้านแผนอพยพ จังหวัดสุรินทร์ได้เตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว 65 แห่ง ในโรงเรียน วัด เทศบาล และ อบต. สำหรับรองรับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งมีจำนวนรวม 746 ราย ใน 4 อำเภอ พร้อมเตรียมย้ายโรงพยาบาลพนมดงรัก และโรงพยาบาลกาบเชิง เป็นโรงพยาบาลสนามหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
ในส่วนของงบประมาณ สามารถใช้งบ อปท. และเงินทดรองราชการช่วยเหลือได้ทันที แบ่งเป็นงบเชิงป้องกัน 10 ล้านบาท และกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน 20 ล้านบาท สำหรับใช้ในด้านอาหาร วัสดุอุปกรณ์ ค่าเจ้าหน้าที่ และค่าดำเนินการอื่น หากไม่เพียงพอจะของบสนับสนุนเพิ่มเติมจากส่วนกลางต่อไป