Sunday, 15 June 2025
ค้นหา พบ 48807 ที่เกี่ยวข้อง

สบส. นำทีมเครือข่ายประชาสัมพันธ์ดูงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพภาคประชาชน

เมื่อวันที่ (25 ก.พ. 68) ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปลายบาง จังหวัดนนทบุรี และ Chersery Home กรุงเทพมหานคร นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานนำเครือข่ายประชาสัมพันธ์ศึกษาดูงานการคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพภาคประชาชน ทั้งนี้ มีเครือข่ายประชาสัมพันธ์กรม สบส. จำนวน 9 เครือข่ายเข้าร่วมศึกษาดูงานฯ ประกอบไปด้วยเครือข่ายประชาสัมพันธ์ภายในกรมฯ จำนวน 4 เครือข่าย และเครือข่ายสื่อมวลชน จำนวน 5 เครือข่าย ประกอบด้วย 1) สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นางสาวชุติพันธ์ุ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (สวทท.) มอบหมายให้ นางสาวจินตนา ชูชาติ , นางสาวสุพิชญาณ์ สุธาคำ กรรมการ/ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสวัสดิการฯ เป็นผู้แทน 2) สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย 3) สำนักพัฒนาการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ 4) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และ 5) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในการสื่อสารภารกิจกรม สบส. ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและเลือกใช้บริการสุขภาพได้อย่างถูกต้อง

จัดแถลงข่าวการจัดงาน Thailand Summer Festival 2025 ภายใต้แนวคิด '7 Months 7 Wonders'

🗓️ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568
⏰ เวลา 10.00 น.
📍 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงาน Thailand Summer Festival 2025 ภายใต้แนวคิด “7 Months 7 Wonders” โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมแถลงข่าวฯ และมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ผู้บริหารระดับสูงและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานฯ

⭐️ รัฐบาล โดยคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน  ร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไทยมุ่งสู่การเป็น World Class Event Hub โดยจะพลิกโฉมประเทศไทยด้วยการนำนวัตกรรมและความสร้างสรรค์มาต่อยอดวิถีประเพณี วัฒนธรรมซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เสริมจุดแข็ง สร้างเสน่ห์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางมาเยือน

✨ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้ประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของพวกเราชาวไทย 

ในปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมบูรณาการกับ 28 หน่วยงานในการส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ โดยจัดงาน "เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์" ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด "สงกรานต์บ้านฉัน สีสันแบบไทย สุขไกลทั่วโลก Once in a Lifetime : Experience Songkran in Thailand" เพื่อส่งเสริมประเพณีไทย นำเสนอความงดงามของวัฒนธรรมไทยและต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สงกรานต์ และร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้อย่างยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน

✨ นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานสงกรานต์ในพื้นที่ 17 จังหวัด และ 4 จุด ในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 5 เมืองอัตลักษณ์ 12 เมืองน่าเที่ยว และ 4 จุดหมายหลักในกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นการจัดงานตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ด้วยบรรยากาศแบบดั้งเดิมที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน พร้อมมาตรการดูแลด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

✨ นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรมพร้อมด้วย 28 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันกำหนด 17 มาตรการรณรงค์การจัดงานและการร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ใน 4 มิติ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดงานประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2568 ทั้งมิติวัฒนธรรม มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงวัฒนธรรม คาดหวังผลในการส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ในปีนี้ ให้คนไทยทั่วโลกภาคภูมิใจและร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ พร้อมยกระดับประเพณีสงกรานต์สู่ World Event เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา

💐 สุดท้าย นางสาวสุดาวรรณ ฝากถึงพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวว่าประเพณีสงกรานต์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่มีความหมายมากกว่าการเล่นน้ำ แต่เป็นเทศกาลแห่งความรัก ความกตัญญู และความอบอุ่นของครอบครัว ซึ่งควรค่าแก่การส่งต่อไปสู่สายตาชาวโลก "สงกรานต์ไทยคือมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดให้คนรุ่นหลัง เราต้องการให้สงกรานต์เป็นเทศกาลที่ทุกคนต้องมาเยือน อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต" 

🎶 นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้จัดทำบทเพลงสงกรานต์ 20 ภาษา สื่อสารไปทั่วโลก และขอความร่วมมือสถานทูตไทยในต่างประเทศช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมประเพณีสงกรานต์ในต่างประเทศ เช่น เผยแพร่องค์ความรู้และร่วมจัดประเพณีสงกรานต์กับชุมชนไทยในต่างประเทศ ร่วมทำคลิปอวยพร ส่งความสุข ความปรารถนาดี และร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย ประเพณีสงกรานต์มีคุณค่าทั้งต่อครอบครัว ชุมชน และสังคม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังเป็นช่วงวันครอบครัว ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๔ เมษายน ของทุกปี ประกอบกับประเพณีสงกรานต์ มีคุณค่าต่อครอบครัว ทำให้เกิดความรักความผูกพันในครอบครัว เช่น สมาชิกในครอบครัวมาทำบุญร่วมกัน ลูกหลานมารดน้ำขอพรจากพ่อแม่ เพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ จึงขอเชิญชวนชาวไทย และครอบครัวไทย ร่วมกันสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทยกันทั่วประเทศ

💜 กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชวนทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อมกับสงกรานต์ 2568 ซึ่งจะเป็นเทศกาลที่มอบประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่ทั้งคนไทยและชาวโลก

📈🍲 สวธ. เดินหน้าสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ 🥗🥘

🗓️ วันพุธที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
🕰️ เวลา ๑๓.๐๐ น.
📍 ณ ห้องศรีวราแกรนด์บอลรูม
ชั้น ๒ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

🎀 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best
Local Food) “รสชาติ...ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยมี นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (ผู้แทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) คณะผู้บริหาร ข้าราชการจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ กว่า ๓๐๐ คน เข้าร่วมพิธี

🎙️✨ นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวว่า “อาหาร” เป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สะท้อนแนวคิด (concept) วิถีชีวิต(lifestyle) ประวัติศาสตร์ (history) ภูมิปัญญา (remedy) ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การประกอบอาหาร การปรุงรสอาหาร วิธีการรับประทาน ข้อกำหนดและข้อห้ามเกี่ยวกับอาหารที่แตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ (interaction) กับต่างประเทศ

🍛✨ นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวอีกว่า ปี ๒๕๖๘ นี้ เป็นปีที่ ๓ ในการขับเคลื่อนการยกระดับอาหารถิ่นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงวัฒนธรรม และนอกเหนือจากการค้นหาเมนูอาหาร “รสชาติ...ที่หายไป” แล้ว ยังมุ่งพัฒนาเมนูอาหารถิ่นสู่การจัดสำรับเครื่องดื่มพื้นบ้าน (assortment of traditional cuisine and beverages) ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เกิดการอนุรักษ์และเผยแพร่องค์ความรู้และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอาหารของประเทศ ตลอดจนการนำเสนอเมนูอาหารที่สร้างสรรค์สู่สากล

📝👥 สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ ห้องศรีวราแกรนด์บอลรูม ชั้น ๒ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้ร่วมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ กรมการแพทย์แผนไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง (strengthening) ให้กับชุมชน มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (creative economy) อย่างมีส่วนร่วมทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ อันจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (Thailand Creative Culture Agency : THACCA) ได้อย่างมีศักยภาพ

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ 2 องค์กรด้านการวิจัยระดับประเทศ ขับเคลื่อนงานวิจัยสมุนไพรไทยการแพทย์แผนไทย สู่มาตรฐานสากล

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล เน้นการพัฒนาแนวทางวิจัยทางคลินิก(Clinical Research) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมงานวิจัยในระดับนานาชาติ การวิจัยเชิงระบบและการวิจัย R2R (Routine to Research) ชู ยุทธศาสตร์ “3 สร้าง”ปูทางสู่การขยายมูลค่าตลาดเศรษฐกิจสมุนไพร 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2570 เพื่อให้การพัฒนาสมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย ให้ก้าวไกลระดับโลก 

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล โดยเน้นการพัฒนาแนวทางวิจัยทางคลินิก (Clinical Research) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมงานวิจัยในระดับนานาชาติ การวิจัยเชิงระบบและการวิจัย R2R (Routine to Research) ระหว่าง 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดยมี ผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงานร่วมลงนาม ประกอบด้วย นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(สกสว.) และ นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานวิจัยให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของประเทศในอนาคต

ความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ '3 สร้าง' ของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้แก่ 1.สร้างความร่วมมือ กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการพัฒนางานวิจัยสมุนไพรไทย 2.สร้างความเชื่อมั่น ด้วยการพัฒนามาตรฐานงานวิจัยให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล 3. สร้างมาตรฐานและยกระดับ เพื่อให้สมุนไพรไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลก และเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาสมุนไพรไทย ให้ก้าวไกลระดับโลก ด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการแพทย์แผนไทย แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ปูทางสู่การขยายมูลค่าตลาดเศรษฐกิจสมุนไพร 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2570 อันจะนำไปสู่ระบบสุขภาพที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต“

ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและ พัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการใช้ประโยชน์ในระบบสุขภาพ โดยคาดว่าจะเพิ่มงบประมาณ สำหรับยาสมุนไพร 1,000 ล้านบาท พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกองทุนวิจัยและกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสมุนไพรและการแพทย์สุขภาพในเอเชีย และส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยสมุนไพรที่มีคุณภาพและปลอดภัย

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ความร่วมมือนี้ จะเสริมศักยภาพการวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืนโดยเน้นการวิจัยทางคลินิกและพัฒนาเทคโนโลยีที่นำไปใช้ได้จริง รวมถึงสร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้มาตรฐาน สวรส. พร้อมสนับสนุนกรอบการวิจัยและแนวทางที่ชัดเจน โดยจะตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรและการแพทย์แผนไทยให้ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและสากล เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและระบบสุขภาพของประเทศ

ด้านนายแพทย์สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกดำเนินการจัดทำ “Guideline for Herbal Medicine Research” เพื่อพัฒนากรอบการวิจัยทางคลินิกสำหรับสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างมาตรฐานการวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ยังสนับสนุนการวิจัยและทดลองทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิผลและความปลอดภัยของสมุนไพรไทย            

พร้อมพัฒนามาตรฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ทั้งนี้ สถาบันฯ ยังมุ่งส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพคุณภาพสูง เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาที่มีมาตรฐานสร้างความเชื่อมั่นในการใช้สมุนไพร และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาด้วยแนวทางสุขภาพแบบองค์รวม

‘จอร์จ เยโอ’ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ เคยกล่าวในที่งานประชุมหัวข้อ China in Europe’s Future and Europe in China’s

‘จอร์จ เยโอ’ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ เคยกล่าวในที่งานประชุมหัวข้อ China in Europe’s Future and Europe in China’s เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 2023 ไว้ว่า ..

“รู้กันว่า พวกอเมริกัน ไม่ชอบคนจีนและชาวมุสลิม แต่ไม่รู้ทำไม พวกเขากลับรักชาวจีนมุสลิม เสียอย่างนั้น”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top