Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทย โอกาสและความท้าทายของ SME

เอกสาร World Bank Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ได้ทำการสรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยฉบับเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2025 คาดว่าจะเติบโต 2.6% โดยได้รับแรงหนุนจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การส่งออกที่ฟื้นตัว และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ภาค SME ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ 

โดยหัวข้อหลักๆ ในเอกสารฉบับนี้ประกอบไปด้วยหัวข้อดังต่อไปนี้ค่ะ 

เรื่อง : อรวดี ศิริผดุงธรรม, IP

รมว.ต่างประเทศสหรัฐอ่อนซ้อม แก้ปัญหาอุยกูร์ไม่ได้ สะท้อนอาเซียนเมินสหรัฐฯ หันหา 'จีน-รัสเซีย' มากขึ้น

(28 ก.พ. 68) การส่งตัวชาวมุสลิมอุยกูร์จากไทยกลับสู่จีน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐคนใหม่ 'มาร์โก รูบิโอ' ยังอ่อนประสบการณ์ สะท้อนถึงความล้มเหลวในความพยายามของ มาร์โค รูบิโอ ที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับไทย

ย้อนไปเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ระหว่างการให้การต่อสภาคองเกรสก่อนเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รูบิโอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการล็อบบี้รัฐบาลไทยไม่ให้ส่งตัวอุยกูร์กลับจีน โดยระบุว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด” อย่างไรก็ตาม เพียงหนึ่งเดือนหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลไทยก็ตัดสินใจดำเนินการสวนทางกับความพยายามของวอชิงตัน

รูบิโอออกแถลงการณ์ทันทีหลังการส่งตัวเกิดขึ้น โดยระบุว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน” พร้อมเตือนว่าไทยอาจละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติ เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยตรวจสอบว่าจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่

ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติตะวันตกแสดงความไม่พอใจ สถานเอกอัครราชทูตจีนในไทยออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยยืนยันว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนนั้นเป็นไปตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมชี้ว่า “บุคคลบางส่วนที่ถูกส่งกลับมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย”

ข้อกล่าวหาที่ว่ากลุ่มอุยกูร์บางส่วน มีความเกี่ยวข้องกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ (ETIM) ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายไม่ได้กล่าวหาแบบไร้หลักฐาน เพราะตามรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนเคยเตือนว่าชาวอุยกูร์ที่หลบหนีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเป้าหมายจะนำแนวคิดญิฮาดกลับไปยังจีน โดยมีบางส่วนเดินทางไปเข้าร่วมรบในซีเรียกับกลุ่ม Turkistan Islamic Party (TIP)

นอกจากรอยเตอร์ ช่วงที่ผ่านมามีสื่อตะวันตกเริ่มให้ความสนใจกับประเด็นนี้มากขึ้น เช่น The Economist รายงานว่า “Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government” และ The Telegraph พาดหัวข่าวว่า “Uyghur fighters in Syria vow to come for China next” ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของรัฐบาลจีนที่เพิ่มขึ้น

เหตุการณ์ล่าสุดนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าไทยเอนเอียงไปทางจีนมากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ ในขณะที่สหรัฐฯ และสหประชาชาติแสดงความ 'เสียใจ' ต่อการกระทำของไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตชี้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับดุลอำนาจระหว่างไทย-จีน-สหรัฐฯ

เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ในวันเดียวกับที่ไทยส่งตัวอุยกูร์ให้จีน ทางรัสเซียได้ส่ง เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งทั้งอินโดฯ และมาเลเซีย กำลังพยายามเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม  BRICS อย่างชัดเจนตลอดช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่าทั้งรัสเซีย-จีน ต่างกำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคงต้องจับตากันว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่นำโดยรัฐมนตรีใหม่ถอดด้านอย่าง มาร์โก รูบิโอ จะแก้เกมนี้เช่นไร

‘พีทีที สเตชั่น’ ร่วมโครงการ 'หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน' พร้อมผ่านการรับรองระดับสีเงิน 105 ปั๊ม มากที่สุดในประเทศ

พีทีที สเตชั่น ทุกสถานีทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ 'หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน' ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นโครงการเสริมจากมาตรการทางกฎหมาย ผ่านการรับรองระดับสีเงิน 105 สถานี ถือเป็นแบรนด์สถานีบริการที่ได้รับการรับรองระดับสีเงินจำนวนมากที่สุด และมี พีทีที สเตชั่น ที่ผ่านการรับรองหัวจ่ายมาตรฐานแล้ว 2,167 สถานี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการและรออนุมัติ พิสูจน์ความมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสูงสุดให้กับผู้บริโภค

(28 ก.พ. 68) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า โครงการ 'หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน' เป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง กรมการค้าภายใน ร่วมกับ บริษัทผู้ค้าน้ำมันทั้ง 10 บริษัท โดยให้สถานีที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องส่งรายงานผลการทดสอบน้ำมันของตน ให้กับกรมการค้าภายใน เดือนละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน  และหลังจากนั้นให้ส่งรายงานผลการทดสอบน้ำมันให้กรมเดือนละครั้ง ทุกเดือน หากสถานีใดดำเนินการได้ถูกต้อง ครบถ้วน จะได้การยกระดับป้ายสัญลักษณ์เป็นสีเงิน (Silver) และหากปฏิบัติตามเงื่อนไขถูกต้องจนครบ 2 ปี จะได้รับการยกระดับป้ายสัญลักษณ์เป็นสีทอง (Gold) ตามลำดับ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่ใช้บริการจากสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศว่าจะได้ปริมาณถูกต้องครบถ้วนอย่างแน่นอน ปัจจุบันนี้มีสถานีที่สมัครและเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 6,793 สถานี และได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 5,788 สถานี และมีสถานีที่ได้รับป้ายสีเงินแล้วทั้งสิ้น 211 สถานี   

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า การเข้าร่วม 'โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน' ของกรมการค้าภายใน สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานและความตั้งใจของ OR ที่ให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานการให้บริการของ พีทีที สเตชั่น มาอย่างต่อเนื่องให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างที่สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของ OR ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด และตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่าจะได้รับปริมาณน้ำมันเป็นไปตามมาตรฐานทุกหัวจ่ายตามที่กรมการค้าภายในกำหนด โดยปัจจุบัน สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทุกแห่งทั่วประเทศจำนวน 2,340 สถานี ได้สมัครเข้าร่วมโครงการครบถ้วนทั้งหมด 100% แล้ว โดยมีสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ได้รับการอนุมัติให้ผ่านการรับรองแล้ว 2,167 สถานี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการและรออนุมัติ และยังมีสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ได้รับการรับรองระดับสีเงิน ซึ่งเป็นสถานีบริการที่รักษามาตรฐานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน จำนวน 105 แห่ง จากจำนวนสถานีบริการทุกแบรนด์ที่ได้รับการรับรองระดับเงินทั้งหมดทั่วประเทศ จำนวน 211 แห่ง ซึ่งถือเป็นแบรนด์สถานีบริการน้ำมันที่ได้รับมาตรฐานในระดับนี้จำนวนมากที่สุดในประเทศ และอยู่ระหว่างการมุ่งสู่การรับรองระดับสูงสุดคือระดับสีทองที่ต้องรักษามาตรฐานต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี อีกด้วย 

ทั้งนี้ OR มีหน่วยงานตรวจสอบมาตรฐานการให้บริการของสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ (Mobile Unit) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับทั้งสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานสูงสุด และที่ผ่านมา OR ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และนำส่งรายงานการตรวจสอบให้กองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นประจำทุกเดือน และหากพบว่ามีค่าที่ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดจะปิดการจำหน่ายหัวจ่ายนั้น ๆ ทันที และประสานงานแจ้งเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ และให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ก่อนที่จะเปิดจำหน่ายอีกครั้ง

‘ภูมิธรรม’ ตอกสหรัฐ-ชาติตะวันตก เคยเสนออุยกูร์ลี้ภัย แต่ถูกเมิน เพราะคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศตัวเอง ยันไทยไม่มีทางเลือก-ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ วอนสื่อไทยบางราย อย่าโหมจนเป็นเรื่อง ไม่กังวลเรื่องก่อการร้าย

(28 ก.พ. 68) ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีข้อกังวล จะมีเหตุก่อการร้าย หลังจากส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ว่า หากเราส่งชาวอุยกูร์แล้วได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต ก็เป็นเรื่องที่จะต้องขบคิดกัน แต่การดำเนินการครั้งนี้ เรามีหนังสือที่เป็นทางการจากจีนที่ควรแก่การเชื่อถือ ในขณะเดียวกันจีนมีสิทธิที่จะขอตัวชาวอุยกูร์ ที่ถูกควบคุมตัวในประเทศไทยมานานกว่า 11 ปี เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเหตุเพราะเรา แก้ไขปัญหาที่ผ่านมาไม่ได้ ขณะเดียวกันเรื่องการส่งตัวไปประเทศที่ 3 เราดำเนินการมา 11 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ส่งไปตุรกีกว่าร้อยคนเราประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครตอบรับเลย และตนก็ได้บอกกับชาติตะวันตกแล้วว่าหากเขารับไป ก็ไม่มีปัญหา แต่เขาก็ไม่รับ เพราะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเขา ดังนั้นเมื่อทางการจีนยืนยันว่าทั้งหมดเป็นพลเรือนของจีนที่มีเชื้อสายอุยกูร์ มีที่อยู่ชัดเจน จึงอยากขอตัวกลับไป เราจึงดำเนินการตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ชี้แจงกับประเทศตะวันตกหลายชาติ เช่น สหรัฐ ก็ได้พูดคุยกับตน ซึ่งก็ได้ย้ำไปว่า เราจะทำภายใต้อธิปไตยและกฎหมายของไทย คำนึงถึงหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องนี้ รวมถึงคำนึงถึงกฎหมายที่จะไม่ส่งคนไปเสียชีวิต เรามีสถานะอยู่แค่นี้กักตัวเอาไว้ก็ทำผิดกฎหมาย เราไม่มีทางเลือก และชัดเจนว่าเราไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ เพียงแต่ต้องดำรงประเทศให้มีความถูกต้องและเหมาะสม เพราะการที่เราขังชาวอุยกูร์ ก็ถูกร้องเรียนมาตลอดว่าเป็นการทรมาน ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 2565 ดังนั้น การส่งอุยกูร์กลับไปจีน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด อีกทั้งรัฐบาลก็จะติดตามเรื่องของความปลอดภัยเป็นระยะ

นายภูมิธรรม ยังขอวิงวอนให้สื่อไทยและสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อในประเทศไทยบางราย ที่นำเสนอเหมือนอยากให้ประเด็นไม่จบ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศเลย อยากให้คำนึงถึงประเทศไทยด้วย ยืนยันรัฐบาลไทยมีความปรารถนาดี เพื่อไม่ให้ไทยถูกกล่าวหาและปฏิเสธจากทุกฝ่าย เราไม่ได้มีเจตนาร้าย หรือโหดเหี้ยม อำมหิต ที่จะส่งคนไปตาย เพียงแต่ต้องการแก้ไขปัญหาภายในประเทศของเรา เพื่อไม่ต้องมารับภาระ และจากการติดตามตอนนี้ไม่มีอะไรน่ากังวลสิ่ง แต่หลังจากนี้ก็ต้องติดตามและพิจารณาเป็นระยะ พร้อมยืนยันว่าไทยมีเจตนารมณ์ชัดเจนว่าการส่งอุยกร์กลับจีน ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง และมองว่าไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้เป็นเรื่อง

เมื่อถามว่าในด้านการข่าว มีการเคลื่อนไหวในเรื่องการก่อความไม่สงบหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากให้ช่วยกัน เราไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่ได้มีการละเมิดใคร หากส่งเขาไปเสียชีวิตอาจต้องกังวล แต่ปัจจุบันนี้เขายังอยู่ดี แต่หากมีปัญหาหลังจากนี้ ก็เป็นเรื่องของคนที่ผิดจากสิ่งที่ควรจะเป็น

สมาคมอุยกูร์ในสหรัฐฯ บุกสถานทูตไทย จี้ไทยรับผิดชอบ ส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน

(28 ก.พ.68) สมาคมอุยกูร์ในสหรัฐอเมริกา (Uyghur American Association) ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมประณามการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีนโดยรัฐบาลไทย โดยระบุว่า "พวกเรายืนหยัดหน้าสถานทูตไทยในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อประท้วงการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประวัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์ ขณะนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงถูกจับกุม ทรมาน และอาจถึงชีวิต"

การประท้วงครั้งนี้มีการมอบพวงหรีดสีดำให้กับสถานทูตไทยเพื่อแสดงความไว้อาลัยและปฏิเสธการกระทำที่ไม่ยุติธรรม โดยสมาคมฯ ขอขอบคุณผู้ร่วมชุมนุมที่ออกมาแสดงพลังและให้การสนับสนุนชาวอุยกูร์ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

ในระหว่างการชุมนุม ผู้ประท้วงได้ชูป้ายข้อความที่รุนแรง รวมถึง “แพทองธาร ชินวัตร มือของเธอเปื้อนเลือดของชาวอุยกูร์” “ประเทศไทยทรยศต่อสิทธิมนุษยชน” “ประเทศไทยสมรู้ร่วมคิดในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวอุยกูร์” และ “ประเทศไทยล้มเหลวในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศในการปกป้องชีวิตมนุษย์”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top