Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

จีนปฏิวัติวงการยา!! ใช้ AI คิดค้นยารักษามะเร็งปอดสูตรใหม่ ชี้ประสิทธิภาพเหนือกว่ายา 'คีทรูดา' ของสหรัฐฯ

(27 ก.พ.68) ซินหัวรายงานว่า ในขณะที่ดีปซีก (DeepSeek) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของจีน ทำให้โลกตะลึงกับนวัตกรรมที่มีราคาน่าเหลือเชื่อ บริษัทไบโอเทคสัญชาติจีนที่ก่อตั้งมาเกือบสิบปีและไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักอย่าง 'อะคีโซ' (Akeso) ได้สั่นสะเทือนวงการเภสัชกรรมด้วยยารักษาโรคมะเร็งปอดตัวใหม่

รายงานระบุว่าไอโวเนสซิแมบ (Ivonescimab) เป็นยาตัวใหม่ของอะคีโซที่ผ่านการทดลองในจีนและมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคีทรูดา (Keytruda) ยารักษาโรคมะเร็งที่พัฒนาโดยเมอร์ค (Merck) และสร้างรายได้แก่บริษัทอเมริกันที่ครองตลาดการรักษาโรคมะเร็งมากกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.4 ล้านล้านบาท)

ข้อมูลทางคลินิกจากการประชุมโรคมะเร็งปอดระดับโลก (World Conference on Lung Cancer) เผยว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาตัวใหม่ของอะคีโซสามารถระงับการเติบโตอีกครั้งของเนื้องอกร้ายได้นาน 11.1 เดือน ซึ่งนานกว่ายาคีทรูดาที่มีระยะการระงับการเติบโตของเนื้องอกร้ายราว 5.8 เดือน

อะคีโซเผยผ่านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ของอะคีโซเกิดจากความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับชีววิทยาของโรคและวิศวกรรมโปรตีน รวมถึงได้รับประโยชน์จากระยะเวลาการพัฒนาอันรวดเร็วและทรัพยากรผู้มีความรู้ความสามารถชั้นนำในจีน

รายงานเสริมว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหรือไบโอเทคของจีนได้เริ่มต้นคิดค้นและพัฒนายาขั้นสูงที่สามารถแข่งขันโดยตรงกับผลิตภัณฑ์ยาจากตะวันตกเพิ่มขึ้น พร้อมกับลงนามข้อตกลงใบอนุญาตหลายฉบับมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐกับเหล่าหุ้นส่วนชาติตะวันตกเพื่อจัดจำหน่ายยาสู่ทั่วโลกด้วย

นทท. ต่างชาติ ฝ่าแนวเขตพื้นที่ฟื้นฟูปะการัง แถมโวยวายหยาบคายใส่เจ้าหน้าที่ไทยที่เข้ามาเตือน

(27 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดำน้ำที่ทะเลกระบี่บริเวณเขตพื้นที่ปิดเพื่อฟื้นฟูปะการัง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 750 เมตร โดยที่ไม่มีเรือไกด์ดูแล

และเมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามและตักเตือน นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับตีมึน พร้อมมีท่าทางและคำพูดที่ไม่น่ารักแสดงต่อเจ้าหน้าที่ไทย แถมยังโวยวายว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาเที่ยวเมืองไทย!

โดยทางเฟซบุ๊กเพจ “ทราย - merman ψ” นักว่ายน้ำและนักอนุรักษ์ทะเลภาคใต้ ได้โพสต์คลิปวิดีโอและให้ข้อมูลว่า

ดูถูกประเทศเรา!! Is this appropriate behavior when visiting Thailand? Ignoring park rangers- disrespecting our people? Absolutely not… someone come collect your disgruntled Italian grandpa because Thailand is NOT your playground. 

ขอบคุณทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ช่วยควบคุม นทท ต่างชาติสองคนนี้... แต่ทำไมเจ้าหน้าที่เราต้องมารับมือกับ นทท คุณภาพต่ำแบบนี้? ไทยกลายเป็นที่ ๆ นทท คิดว่าจ่ายเงินแล้วทำอะไรก็ได้หรอครับ?ทำตามใจไม่ได้จะไม่มาอีกแล้ว!!? #ฟรีวีซ่า

เหตุการณ์: เราได้ตักเตือน นทท. สองคนนี้เรื่องการว่ายน้ำในเขตที่ปิดเพื่อรักษาปะการังเพราะ zone นั้นปะการังตายไปจำนวนมหาศาลจากการฟอกขาวปีที่แล้ว + นทท.ผิดอีกกรณี ที่ว่ายน้ำในพื้นที่แบบเสี่ยงเพราะไม่มีเรือบริษัททัวร์หรือไกด์อยู่ใกล้ๆคอยจับตาดูแล (เขาห่างออกจากหาด 750 เมตร)...

นทท. สองคนนี้ไม่ยอมฟังคำตักเตือนจนทำต่อและฝ่าฝืนคำสั่งรวมถึงใช้ภาษาและแสดงกิริยามารยาทที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดูถูกประเทศไทย นิสัยแปรปรวนที่จาก นทท บุคคลนี้เป็นอันตรายต่อทั้งตัวเขาและเจ้าหน้าที่บนเรือ - เราจึงจำเป็นต้องควบคุมและพากลับฝั่งและไม่อนุญาตให้ว่ายต่อ

สหรัฐประณามไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน แต่ตัวเองก็ไล่ตะเพิดผู้อพยพไม่ต่างกัน

(28 ก.พ. 68) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับไปยังจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้ชาวอุยกูร์ต้องกลับไปเผชิญสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยไม่มีหลักประกันในการได้รับกระบวนการทางกฎหมายที่เหมาะสม พร้อมย้ำว่ากลุ่มชาติพันธุ์นี้เคยถูกกดขี่ ข่มเหง บังคับใช้แรงงาน และทรมานภายใต้การปกครองของจีน

“ในฐานะพันธมิตรที่ยาวนานของไทย เรารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งอาจขัดแย้งกับพันธกรณีของไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน รวมถึงข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลจากการบังคับให้หายสาบสูญ” แถลงการณ์ระบุ

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังชี้ว่า การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนขัดกับแนวทางดั้งเดิมของไทยที่ให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ในภาวะเปราะบาง ทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทย และประเทศอื่น ๆ ที่มีชาวอุยกูร์ลี้ภัยอยู่ หลีกเลี่ยงการส่งพวกเขากลับไปยังจีน

สหรัฐฯ ย้ำข้อกล่าวหาต่อจีนว่า ทางการปักกิ่งภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในซินเจียง พร้อมเรียกร้องให้มีการติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับสวัสดิภาพของผู้ที่ถูกส่งตัวกลับ และให้รัฐบาลไทยแสดงความชัดเจนในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของไทย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านโยบายต่อต้านผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ขัดแย้งต่อหลักสิทธิมนุษยชนเช่นกัน 

เจ้าของเรือทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา อ้างเป็นฝีมือพนักงานชั่วคราว ด้าน ‘กรมเจ้าท่า’ เตรียมล้อมคอกเข้าแจ้งความพร้อมพักใบขับขี่เรือ

กรมเจ้าท่า เร่ง !! ตรวจสอบกรณีเรือภัตตาคารปรากฏคลิปทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่ผู้บริหารเรือรอยัลกาแลคซี่ครูซ แถลงขอโทษพนักงานเทขยะทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา อ้างเป็นพนักงานชั่วคราวทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้ยุติสัญญาจ้างพนักงานรายวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว 

(28 ก.พ. 68) จากกรณีผู้ใช้ Facebook Carla Porter โพสต์คลิปวิดีโอจากเจ้าของคลิป Mean Vanvarang โดยเนื้อหาในคลิปเป็นเรือภัตตาคารชื่อ Royal Galaxy Cruise ได้ทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับเรือฯ ลำดังกล่าว เลขทะเบียน 660001070 ชื่อเรือ รอยัล กาแล็คซี่ ครูซ ประเภทเรือโดยสารและภัตตาคาร มีบริษัท แฮปปี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เทรด จำกัด เป็นเจ้าของเรือ 

นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้สั่งการให้สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ กรมเจ้าท่า รวบรวมข้อมูลดังกล่าว เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเรือและผู้เกี่ยวข้อง ต่อ สน.ปากคลองสาน และได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรือฯ ลำดังกล่าวร่วมกับกรุงเทพมหานคร และตำรวจน้ำ โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่ในลำแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานกรุงเทพ ซึ่งเกิดเหตุเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ช่วงเวลา 19.00 น. เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนตามมาตรา 119 พ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 (ฉบับที่ 14 พ.ศ.2535) ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า จะเร่งตั้งกรรมการและสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของนายเรือเพื่อพิจารณาพักใช้ใบประกาศนียบัตรนายเรือ (ใบขับขี่เรือ) ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ในส่วนมาตรการอื่นๆ กรมเจ้าท่าจะดำเนินการ จัดประชุม สมาคมเรือไทย ผู้ประกอบการเรือโดยสารในลำแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ตระหนักถึงการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมทางน้ำ ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยในการโดยสารทางเรือ และหากประชาชนหรือผู้โดยสารทางเรือพบเห็นเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางน้ำ หรือการทิ้งสิ่งของต่างๆ ลงไปในลำแม่น้ำ ลำคลอง หรือทะเล สามารถโทรแจ้ง สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากที่เห็นคลิปวิดีโอแล้วรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘ทนายวนิดา แซ่ก๊วย’ ได้โพสต์ข้อความว่า พวกเราต้องออกมาเพื่อให้บริษัท Royal Galaxy Cruise  มีการวางโทษหรือคาดโทษให้กับพนักงานกลุ่มนี้โดยนำเงินหักจากเงินเดือนและเพื่อนำเงินเดือนของที่หักมานั้นเพื่อไปเป็นประโยชน์กับสาธารณะในการทำสิ่งแวดล้อมในองค์กรใดองค์กรหนึ่งหรือสภาทนายความที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมได้นะคะเพราะสภาทนายความสำนักงานสิ่งแวดล้อม ทำเพื่อมวลชนและทำเพื่อประชาชนค่ะและให้ช่วยลงข่าวถึงการรับรู้ของประชาชนว่าบริษัท Royal Galaxy Cruise ได้ออกมาขอโทษและทำอะไรที่ดีสำหรับสิ่งแวดล้อมด้วยนะคะช่วยกันแชร์เยอะๆ นะคะเพื่อที่จะให้สังคมประเทศไทยน่าอยู่หากผู้ประกอบการมีการรักษาสิ่งแวดล้อมพวกเรายินดีที่จะสนับสนุนแต่องค์กรใดที่ยังไม่รักษาสิ่งแวดล้อม ต้องออกมาขอโทษและทำในสิ่งดีดีให้กับสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด ทางด้านเรือรอยัล กาแลคซี่ ครูช (Royal Galaxy Cruise) ได้ออกแถลงการณ์ ว่า ในนามของ เรือรอยัลกาแลคซี่ครูซ เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารได้รับทราบและไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องนี้และวางมาตรการแก้ไขทันที

จากการตรวจสอบ พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากพนักงานลูกจ้างชั่วคราว ที่หมุนเวียนกันเข้าทำงาน ยังไม่ได้รับการอบรมเรื่องขั้นตอนการจัดเก็บขยะบนเรือหลังเลิกงาน ได้กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในส่วนพนักงานประจำทุกคนจะได้รับการอบรมเรื่องความสะอาดและกระบวนการกำจัดขยะ อย่างถูกต้องอยู่เสมอมา

มาตรการแก้ไขและป้องกัน

- ยุติสัญญาจ้างพนักงานรายวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- กำชับพนักงานทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความสะอาดและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด
- เพิ่มการตรวจสอบและอบรมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

เราขออภัยอีกครั้ง และขอยืนยันว่าจะปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพการบริการและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และจะไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

‘Amnesty’ ทำตัวเป็นนักบุญ แต่ตรรกะพังยับ ถามกลับหากไม่ส่ง ‘อุยกูร์’ กลับมาตุภูมิ จะให้ส่งไปไหน?

อุยกูร์กำเนิดที่ไหน? และตรรกะบิดเบือนของ Amnesty ที่พยายามเปลี่ยนข้อเท็จจริงให้เป็นอาชญากรรม

ถ้าพูดกันตามประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ชาวอุยกูร์ไม่ใช่ชนเผ่าหลงทาง พวกเขามีบ้าน มีถิ่นกำเนิด และที่สำคัญคือ บ้านของพวกเขาอยู่ในจีน ไม่ใช่อเมริกา ไม่ใช่ยุโรป และไม่ใช่ 'แดนศิวิไลซ์แห่งสิทธิมนุษยชน' ที่พวก NGO ตะวันตกชอบปั้นแต่งขึ้นมา

อุยกูร์: ชาติพันธุ์ที่มีรากฝังแน่นในดินแดนจีน

ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ อุยกูร์เป็นชนเผ่าที่ตั้งรกรากอยู่ในซินเจียงมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดินแดนนี้เป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหม เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างอารยธรรมจีน เปอร์เซีย อาหรับ และยุโรปตะวันออก อุยกูร์มีภาษา วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของตัวเองก็จริง แต่ดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็เป็น ส่วนหนึ่งของจีนมาตลอด ตั้งแต่ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์หยวน ราชวงศ์หมิง มาจนถึงยุคราชวงศ์ชิง

ดังนั้น ถ้าถามว่าอุยกูร์กำเนิดที่ไหน? คำตอบชัดเจน: ที่จีน

Amnesty กับตรรกะบิดเบือนเรื่องการส่งตัวอุยกูร์กลับจีน

เมื่อใดก็ตามที่มีการส่งตัวอุยกูร์กลับจีน Amnesty และ NGO ตะวันตกจะโวยวายทันทีว่ามันคือ 'การละเมิดสิทธิมนุษยชน' หรือแม้กระทั่ง 'การส่งไปตาย' พูดราวกับว่าจีนเป็นแดนมิคสัญญีที่ไม่มีใครควรกลับไปเหยียบอีก แต่ ถ้าชาวอุยกูร์ไม่กลับจีน แล้วจะให้พวกเขาไปไหน?

ไปยุโรป? อย่าหวังเลย ประเทศตะวันตกที่ชอบตะโกนเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่เคยเปิดประตูต้อนรับผู้อพยพอุยกูร์เป็นจำนวนมาก

ไปอเมริกา? เผลอ ๆ จะถูกปฏิเสธตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

หรือ Amnesty อยากให้อุยกูร์ตั้งประเทศใหม่? ถ้าคิดแบบนี้ก็พูดมาตรง ๆ อย่าอ้อมค้อม เพราะนี่คือแนวคิดแบ่งแยกดินแดนโดยตรง

การส่งผู้ร้ายข้ามแดน: หลักการสากลที่ Amnesty แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น

เรื่องที่ตลกร้ายคือ เมื่อเป็นเรื่องของอาชญากรจากประเทศอื่น ประเทศตะวันตกก็รีบส่งตัวกลับประเทศต้นทางทันทีโดยไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเป็นอุยกูร์ Amnesty กลับพยายามทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งที่การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศปฏิบัติตาม

ถ้าไม่ส่งกลับจีน แล้ว Amnesty จะให้ไปไหน? หรือพวกเขาต้องการให้คนเหล่านี้ลอยนวลไปอาศัยอยู่ที่อื่นโดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งที่บางคนอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรง เช่น ETIM (East Turkestan Islamic Movement) ที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้ายจากหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ เอง

วัฒนธรรมอุยกูร์อยู่ในจีน: สัจธรรมที่ Amnesty ไม่อยากรับรู้ อุยกูร์ไม่ใช่ชนเผ่าไร้ราก พวกเขามีดินแดน มีบ้าน และบ้านของพวกเขาก็คือ จีน ศิลปะ อาหาร ดนตรี และการค้าขายของอุยกูร์เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมจีนมาหลายร้อยปี ลองไปเดินตลาดในคัชการ์ (Kashgar) แล้วจะเห็นว่าอุยกูร์ไม่ได้เป็นแค่กลุ่มชนที่แยกตัวจากสังคมจีน แต่พวกเขาคือ หนึ่งในสีสันของอารยธรรมจีน

ถ้าจีนเป็นบ้านของอุยกูร์ แล้วทำไมการส่งตัวกลับถึงเป็นปัญหา? นี่คือคำถามที่ Amnesty ไม่มีวันตอบได้ เพราะพวกเขาไม่ได้สนใจสิทธิมนุษยชนจริง ๆ พวกเขาสนแค่การใช้ 'สิทธิ' เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีจีน

บทสรุป: Amnesty ทำตัวเป็นนักบุญ แต่ตรรกะพังยับ
สุดท้ายแล้ว ประเด็นเรื่องอุยกูร์ไม่ใช่เรื่องของ 'การละเมิดสิทธิ' อย่างที่ Amnesty พยายามยัดเยียดให้โลกเชื่อ แต่เป็นเรื่องของ การบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อแทรกแซงกิจการภายในของจีน

ชาวอุยกูร์เกิดที่จีน โตที่จีน วัฒนธรรมของพวกเขาอยู่ในจีน และเมื่อพวกเขาถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดของพวกเขาเอง Amnesty กลับโวยวายเหมือนเป็นเรื่องผิดมหันต์ เอาให้ชัดก่อนว่าคุณกำลังปกป้องสิทธิมนุษยชน หรือกำลังสร้างความแตกแยกกันแน่?


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top