Sunday, 15 June 2025
ค้นหา พบ 48807 ที่เกี่ยวข้อง

วงดนตรีดังเม็กซิโก ยกเลิกการแสดงด่วน หลังแก๊งค้ายาส่งศีรษะมนุษย์และจดหมายขู่ฆ่า

(28 ก.พ. 68) ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี วงกรูโป ฟีร์เม จากเม็กซิโก ตัดสินใจยกเลิกการแสดงในงานคาร์นิวัลเมืองมาซัตลัน ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 1 มี.ค. 2568 หลังจากได้รับคำขู่ฆ่าสมาชิกวง ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือของแก๊งค้ายาเสพติด

ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น เม็กซิโก วงดนตรีชื่อดังที่มีแนวทางการเล่นดนตรีผสมผสานกับดนตรีพื้นบ้านซิโนโลอา ได้รับข้อความขู่ฆ่าในลักษณะที่ระบุว่า “ถ้าวงกรูโป ฟีร์เม ขึ้นแสดงที่งานคาร์นิวัลมาซัตลัน เราจะฆ่าพวกแกทุกคน” นอกจากนี้ยังพบศีรษะมนุษย์ที่ถูกตัดขาดและถูกทิ้งไว้บนกล่องสีเขียวข้างทางในเมืองติฮัวนาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พร้อมทั้งพบว่าชิ้นส่วนร่างกายถูกเก็บไว้ในตู้แช่เย็น

หลังการค้นพบดังกล่าว ทีมอัยการรัฐบาฮากาลิฟอร์เนียได้เริ่มการสืบสวน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ ศีรษะมนุษย์ถูกพบห่างจากสถานที่จัดงานกว่า 1,600 กิโลเมตรในพื้นที่ทางใต้ของชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก

บริษัท มิวสิค วีไอพี เอนเทอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของวงกรูโป ฟีร์เม ได้ประกาศยกเลิกการแสดงในวันที่ 1 มี.ค. 2568 โดยให้เหตุผลว่าเป็นการคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่าย ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น นักร้องเม็กซิกันอีกสองราย โฮซี กูเอน และฮอร์เก เมดินา ก็ได้ยกเลิกการแสดงในงานคาร์นิวัลเดียวกันโดยไม่มีการระบุเหตุผลเพิ่มเติม

วงกรูโป ฟีร์เม จากเมืองติฮัวนาเริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่ปี 2563 และได้สร้างชื่อจากเพลงฮิตหลายเพลง รวมถึงได้รับรางวัลมากมายจากเวทีลาตินแกรมมี ในปี 2564 พวกเขาชนะรางวัลอัลบั้มเพลงยอดเยี่ยมจากงาน Latin Grammy Award และในปีที่แล้วก็ได้ร่วมงานกับเดมี โลวาโต ในเพลง 'Chula'

การข่มขู่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการข่มขู่ศิลปินจากกลุ่มค้ายาในเม็กซิโก ที่มักจะพยายามขัดขวางการแสดงของศิลปินในประเทศ โดยก่อนหน้านี้หลายศิลปินก็ต้องยกเลิกการแสดงเนื่องจากความรุนแรงจากแก๊งอาชญากรรม

รู้จัก ‘Susi Pudjiastuti’ รัฐมนตรีหญิงแกร่งแห่งอินโดนีเซีย จากนักธุรกิจส่งออกอาหารทะเล สู่มือพิฆาตเรือประมง (ต่างชาติ)

ข่าวในรอบสัปดาห์นี้ที่น่าหงุดหงิดโมโหของประชาชนคนไทยเป็นที่สุดก็คือ ข่าวที่เรือประมงเวียดนามที่รุกล้ำมาลักลอบจับสัตว์น้ำในน่านน้ำไทย แล้วบังอาจขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซ้ำร้ายยังนำเรือพุ่งชนเรือหลวงเทพาเรือรบของกองทัพเรือไทยจนได้รับความเสียหายอีกด้วย ในขณะที่ไม่นานมานี้ ทหารเรือเมียนมาได้มีการใช้อาวุธกับเรือประมงไทยจนมีลูกเรือประมง 1 คนเสียชีวิต และถูกจับกุมอีก 4 คน ซึ่งยังไม่ได้รับการปล่อยตัวจนทุกวันนี้

เพราะความใจดีจนเกินไปของทางการไทยจนทำให้เรือประมงเวียดนาม ซึ่งหลายปีมานี้ย่ามใจลักลอบเข้ามาจับสัตว์น้ำในน่านน้ำไทยอยู่เป็นประจำ และยังทำให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในท้องทะเลไทย โดยความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในท้องทะเลไทยเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ อาทิ การปิดอ่าวไม่จับปลาในฤดูวางไข่ การใช้อุปกรณ์จับปลาที่ไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศ ฯลฯ ในอดีต เมื่อ 4-50 ปีก่อนนั้น เรือประมงไทยมักจะฝ่ายล้ำน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นเมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนามเป็นประจำจนเป็นข่าวปรากฏแทบทุกวัน แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นเรือประมงเวียดนามที่ลักลอบรุกล้ำเข้ามาจับสัตว์น้ำในน่านน้ำไทย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ชวนให้นึกถึงเรื่องราวของ ‘Susi Pudjiastuti’ หรือ ที่ชาวอินโดนีเซีย เรียกเธอว่า ‘ซูซี่’ รัฐมนตรีหญิงซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงกิจการทางทะเลและประมงอินโดนีเซีย ผู้เป็นมือพิฆาตเรือประมง (ต่างชาติ) ประวัติของเธอผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เธอเกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1965 ที่เมือง Pangandaran จังหวัดชวาตะวันตกเป็นลูกสาวของฮัจจีอาหมัด คาร์ลัน และฮัจจาห์ซูวูห์ ลาสมินาห์ เธอเป็นชาวชวาแต่ครอบครัวของเธอเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานในเมือง Pangandaran เป็นรุ่นที่ 5 ธุรกิจของครอบครัวของเธอส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และการทำฟาร์มปศุสัตว์

หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว Susi ได้ไปเรียนต่อมัธยมศึกษาตอนปลายที่ SMA Negeri 1 Yogyakarta แต่เรียนไม่จบเพราะถูกไล่ออกด้วยเธอได้ไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองสนับสนุนการงดออกเสียง (Vote No) เพื่อประท้วงการครอบงำของพรรคกอลการ์ที่ทำให้อินโดนีเซียมีรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งในขณะนั้นเป็นขบวนการที่ถูกห้ามภายใต้ระเบียบใหม่ของประธานาธิบดี Suharto เธอเป็นรัฐมนตรีอินโดนีเซียคนแรกที่ไม่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่หลังจากที่เธอได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว เธอได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย และสำเร็จการศึกษาอย่างเป็นทางการในปี 2018

ในปี 1983 Susi ได้เริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้ประกอบการ โดยเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารทะเลที่ Fish Auction Facility (TPI) ในเมือง Pangandaran จากการเป็นตัวแทนจำหน่าย เธอได้พัฒนาเป็นโรงงานแปรรูปอาหารทะเลในปี 1996 โดยใช้ชื่อว่า PT ASI Pudjiastuti Marine Product ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกุ้งมังกรคุณภาพส่งออกที่บรรจุหีบห่อในชื่อ 'Susi Brand' PT ASI Pudjiastuti Marine Product ซึ่งขยายตัวเติบโตมากขึ้นและเริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียและอเมริกาเหนือ

เมื่อความต้องการอาหารทะเลสดของ PT ASI Pudjiastuti Marine Product เพิ่มมากขึ้นทำให้การขนส่งทางอากาศด้วยความรวดเร็วกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ ในปี 2004 Susi ได้ซื้อเครื่องบินแบบ Cessna 208 Caravan และก่อตั้ง PT ASI Pudjiastuti Aviation โดยได้รับสัญญาณเรียกขานเป็น ‘Susi Air’ และใช้ในการขนส่งอาหารทะเลสดทั่วอินโดนีเซียไปยังกรุงจาการ์ตา รวมถึงไปยังต่างประเทศเช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น

ในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2004 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอาเจะห์และชายฝั่งตะวันตกของสุมาตรา สายการบิน Susi Air ซึ่งในขณะนั้นมีเครื่องบิน Cessna Grand Caravan เพียง 2 ลำเท่านั้นเป็นหนึ่งในสายการบินแรกที่เข้าไปช่วยเหลือ และทำการแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติในพื้นที่ห่างไกล ในช่วงเวลาดังกล่าวสายการบิน Susi Air มักได้รับการเช่าเหมาลำไปอาเจะห์โดย NGO เพื่อปฏิบัติภารกิจบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรม รายได้จากภารกิจของ NGO ในอาเจะห์ทำให้สายการบิน Susi Air สามารถจัดหาเครื่องบินลำใหม่ และขยายฝูงบินไปยังเส้นทางในปาปัวและกาลีมันตันได้ ปัจจุบันสายการบิน Susi Air เป็นผู้ใช้เครื่องบิน Cessna Grand Caravan รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและประมงเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2014 โดยประธานาธิบดี Joko Widodo ในคณะรัฐมนตรีชุดปี 2014–2019 ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง Susi ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของ PT ASI Pudjiastuti Marine Product และ PT ASI Pudjiastuti Aviation เธอเข้ารับช่วงต่อในกระทรวงที่มีความเสี่ยงต่อการถูกยุบเลิก เพราะปัญหาเรือประมงต่างชาติรุกล้ำน่านน้ำอินโดนีเซียที่อยู่รอบเกาะ 17,500 เกาะเป็นประจำ ซึ่งรัฐบาลอินโดนีเซียได้ประมาณการว่าการทำประมงผิดกฎหมายทำให้อินโดนีเซียสูญเสียรายได้กว่า 101 ล้านล้านรูเปียะห์ (7.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง Susi ได้สั่งให้เร่งกวาดล้างจับกุม ยึด และทำลายเรือประมงต่างชาติทิ้งไปหลายร้อยลำ จนทำให้เรือประมงต่างชาตินับหมื่นลำที่แสวงหาประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพส่วนใหญ่ในอินโดนีเซียต้องรีบออกจากน่านน้ำอินโดนีเซีย โดยในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2017 ปริมาณผลผลิตด้านการประมงของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า และในเดือนเมษายน 2018 เธอสั่งสกัดและยึดเรือประมงผิดกฎหมาย Andrey Dolgov ซึ่งเป็นเรือประมงระยะทำการไกล ในช่วงทศวรรษ 2000 และ 2010 เรือลำนี้ซึ่งมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการประมงผิดกฎหมายในวงกว้าง โดยเป็นหนึ่งในเรือที่ Interpol ต้องการมากที่สุด และในที่สุดเรือ Andrey Dolgov ก็ถูก กองทัพเรืออินโดนีเซียยึดและควบคุมในเดือนเมษายน 2018 และในปี 2019 รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งใจที่จะปรับปรุงเรือลำนี้ให้เป็นหนึ่งในเรือปฏิบัติการของกองเรือบังคับใช้กฎหมายด้านการประมงของอินโดนีเซีย

เมื่อ 16 กันยายน 2016 กองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ได้มอบรางวัล Leaders for a Living Planet Award ให้กับ Susi เพื่อเป็นการยกย่องความพยายามของเธอในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและการประมงจากการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคการประมงของอินโดนีเซีย และการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล รวมถึงการปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำอินโดนีเซียอย่างเข้มงวด จากการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology & Evolution พบว่า นโยบายต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายที่เข้มงวดของ Susi ส่งผลให้ “ปริมาณการจับปลาโดยรวมลดลงอย่างน้อย 25% [อาจ] ทำให้ปริมาณการจับปลาอย่างถูกกฎหมายของชาวประมงอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นถึง 14% และมีกำไรเพิ่มขึ้น 12%” 

ฝากให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบภารกิจด้านนี้ทั้งกลาโหม ต่างประเทศ และเกษตรฯ ได้นำผลงานของ ‘Susi Pudjiastuti’ มาเป็นแนวทางในการทำงาน ทั้งนี้จะเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและฝีไม้ลายมือในการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติอย่างเต็มที่เพื่อที่ประชาชนคนไทยจะได้เห็นผลงานด้วยความชื่นชมต่อไป

เปิด 10 อันดับ เมืองที่ชาวต่างชาติ มาเยือนมากที่สุดในโลก ปี 2024

กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ยังยืนหนึ่งด้วยยอดผู้มาเยือนที่ทะลุไปถึง 32.4 ล้านคน ส่วนอันดับอื่น ๆ มีเมืองใดบ้าง ไปส่องกันเลย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีใหญ่ สมโภชศาลพระภูมิ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) เพื่อเป็นขวัญกําลังใจและเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตํารวจ

(27 ก.พ.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีสมโภชศาลพระภูมิ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) โดยมี รอง ผบ.ตร. , จเรตำรวจแห่งชาติ , ผู้ช่วย ผบ.ตร. , คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และ คณะ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ร่วมพิธี ณ สถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) บริเวณลานหอพระนิรันตราย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ และพิธีสักการะศาลพระนารายณ์ 

สํานักงานตํารวจแห่งชาติได้ปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) และทําการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณของสํานักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ข้าราชการตํารวจให้ความเคารพนับถือและศรัทธามาอย่างยาวนาน ได้แก่ ศาลพระชัยมงคล ศาลพระภูมิ ศาลพระวิสุทธิเทพ (ในอนันตะจักรวาฬ ไตรโลกธาตุ) และศาลตายาย มารวมไว้ยังสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) บริเวณลานหอพระนิรันตราย พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ให้มีความเหมาะสม เรียบร้อย สง่างาม รวมถึงสร้างความสะดวกต่อการเข้าสักการะของข้าราชการตํารวจและประชาชนทั่วไป 

สำหรับรูปแบบของศาลใหม่นั้นมีลักษณะเป็นศาลไม้ ทําจากไม้สัก ตั้งบนแท่นปูน ปั้นบัวถอดพิมพ์ โดยศาลพระชัยมงคล ศาลพระภูมิ และศาลพระวิสุทธิเทพ (ในอนันตะจักรวาฬ ไตรโลกธาตุ) มีลักษณะเป็นเรือนไทยแบบเรือนเครื่องสับ ทรงจตุรมุข แท่นปูนทรงทึบ ให้เป็นเสาต้นเดียวตามคติพราหมณ์ ส่วนศาลตายาย เป็นเรือนไทยเครื่องสับทรงผืนผ้า การประดับลวดลายน้อยกว่าศาลเทวดา ส่วนแท่นรับเป็นสี่เสา พื้นตัวเรือนมีสองระดับ คือ ระดับเรือนภายใน สําหรับตั้งรูปตายาย และระดับระเบียงด้านหน้า สําหรบตั้งรูปบริวาร ลักษณะศาลมีพื้นลดระดับนี้ เรียกว่า "เสือหมอบ" เป็นคติการทําศาลตายาย นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ศาลพระนารายณ์ ปางประทับยืนเหนือพญาอนันตนาคราช ลักษณะเป็นองค์สีดําประดิษฐานอยู่กลางสระนํ้าที่รายล้อมไปด้วยตนไม้นานาชนิด

ทั้งนี้ พิธีสมโภชศาลพระภูมิ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) เป็นพิธีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นพิธีมงคลครั้งสำคัญ เพื่อเป็นขวัญกําลังใจและเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตํารวจ และประชาชนที่เข้ามาสักการะด้วยความเคารพศรัทธาสืบไป 

สมุทรปราการ-ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์จัดประชุมขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ณ ศูนย์สุขภาพเวลเนส วีแคร์ 

ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ภายใต้โครงการ 'วัยทำงานมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดีด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต เขตสุขภาพที่ 3 ปี 2568' ณ ศูนย์สุขภาพเวลเนส วีแคร์ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี 

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบาย NCDs Remission ด้วยหลักการแพทย์เวชศาสตร์วิถีชีวิต 6 เสาหลัก (6 Pillars) ซึ่งได้รับมอบหมายจากแพทย์หญิงศรินนา แสงอรุณ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ โดยนางนาฎสินี ชัยแก้ว รักษาการนักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ (ด้านสาธารณสุข) หัวหน้ากลุ่มพัฒนาการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงานและวัยสูงอายุ พร้อมทีมคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต 

ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 37 คน ประกอบด้วยบุคลากรจากทีมคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต ศูนย์อนามัยที่ 3 โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เครือข่ายศูนย์วิชาการ และหน่วยบริการในเขตสุขภาพที่ 3 ได้ร่วมเรียนรู้ผ่านกิจกรรมภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่หลากหลาย ไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้คือหลักสูตร 'Good Health by Yourself' ที่จัดโดยศูนย์สุขภาพเวลเนส วีแคร์ ซึ่งเน้นการสร้างสมดุลสุขภาพทั้งกายและใจ ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติในหลายด้าน ได้แก่ : 

• ด้านโภชนาการ: เรียนรู้หลักการรับประทานอาหารแบบ Plant-Based, Whole Food, Low Fat พร้อมเวิร์กช็อปการทำอาหารสุขภาพและการเลือกซื้อวัตถุดิบที่เหมาะสม (Food Shopping & Cooking Class) 

• ด้านกิจกรรมทางกาย: ฝึกปฏิบัติการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมดุลและความยืดหยุ่น (Functional Balance and Flexibility Exercise) รวมถึงโยคะและไทชิยามเช้า 
• ด้านการผ่อนคลายอารมณ์: เรียนรู้เทคนิคการแพทย์ทางเลือก เช่น ไทชิบำบัด (Tai Chi Therapy), การฝึกสติ (Mindfulness) และการบำบัดด้วยเสียง (Sound Healing) 
• ด้านอื่นๆ: ครอบคลุมการเลี่ยงสารเสพติด การนอนหลับที่มีคุณภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม 

นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย NCDs Remission ด้วยการแพทย์เวชศาสตร์วิถีชีวิตในเขตสุขภาพที่ 3 โดยนายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ สาธารณสุขนิเทศ เขตสุขภาพที่ 3 โครงการนี้มุ่งเน้นให้เกิดการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ และสนับสนุนการดูแลสุขภาพด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพ โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้และทักษะในการดูแลตนเองไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพอย่างแท้จริง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top