Wednesday, 14 May 2025
ค้นหา พบ 48047 ที่เกี่ยวข้อง

ถกงานเขียน 'อกาธา คริสตี' ที่ควรต้องถูกปรับใหม่ หลังหลายประโยคดูเชยๆ และดูหมิ่นเหยียดหยาม

ไม่นานมานี้ เพิ่งมีการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนว่า หนังสือเด็ก ‘Charlie and the Chocolate Factory’ (ชื่อเล่มภาษาไทย: โรงงานช็อกโกแลตมหัศจรรย์, สำนักพิมพ์ผีเสื้อ) ของโรอัลด์ ดาห์ล ควรได้รับการแก้ไขเพื่อผู้อ่านวัยเยาว์ยุคปัจจุบันหรือไม่ เพื่อลบล้างหรือลดทอนคำและถ้อยความที่ตอนนี้ถูกมองว่ารุนแรงหรือก้าวร้าวเกินไป ส่วนใหญ่เกี่ยวกับคำซึ่งแสดงการเหยียดผิว การด้อยค่าดูแคลน และการพรรณนาถึงความรุนแรง แต่ทว่าสำนักพิมพ์ควร หรือได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงวรรณกรรมคลาสสิกหรือไม่ นี่ยังคงเป็นคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีคำตอบที่น่าเชื่อถือได้

ตอนนี้การถกเถียงที่คล้ายกันกำลังปะทุขึ้นอีกครั้งกับผลงานของอกาธา คริสตี-ราชินีแห่งอาชญากรรม นักเขียนอังกฤษมีผลงานนวนิยายตีพิมพ์จำนวน 66 เล่มตลอดช่วงชีวิตของเธอ และเป็นผู้ชุบชีวิตนักสืบชื่อดังอย่าง มิสมาร์เปิล และเฮอร์คูล ปัวโรต์ เธอเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมมากที่สุดมานานหลายทศวรรษ หนังสือของเธอได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า 100 ภาษา และหลายเล่มได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ จะว่าเธอเป็นนักเขียนเหยียดเชื้อชาติ-สีผิวคงไม่ได้ เพราะเธอใช้ชีวิตและเขียนหนังสือในช่วงเวลาที่ผู้คนจำนวนมากมีมุมมองต่อโลกแปลกปลอมภายนอกแตกต่างจากผู้คนในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้เธอมักจะใช้ตัวละครคลิเช คร่ำครึ และจมอยู่กับอคติในยุคสมัยของเธอ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนังสือของคริสตีถูกปรับเปลี่ยนภาษา ด้วยเหตุผลของ “ความถูกต้องทางการเมือง” นวนิยายระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ‘Ten Little Niggers‘ ซึ่งมีชื่อมาจากเพลงกล่องเด็กโบราณ และเป็นคำปกติทั่วไปในปี 1939 แต่กลับกลายเป็นชื่อน่ารังเกียจสำหรับผู้อ่านในอีกไม่กี่ปีต่อมา เมื่อตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาปี 1940 จึงมีการเปลี่ยนชื่อปกเป็น ‘And Then There Were None’ ซึ่งเป็นห้าคำสุดท้ายของบทเพลง

‘รัฐบาล’ ชวนร่วมงาน ‘ใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ หนุน ยกระดับพิพิธภัณฑ์ - ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทั่วประเทศ

(29 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 21 – 25 เมษายน 2566 รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและเอกชนกว่า 30 หน่วยงาน ได้ร่วมกันจัดงาน ‘ใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ ที่บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี รวมถึงสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ และร่วมฉลองเนื่องในวาระครบรอบวันคล้ายวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 241 ปี พร้อมจัดกิจกรรมและจำหน่ายสินค้าวัฒนธรรมไทย 76 จังหวัด ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรม ทั้งนี้ มีรูปแบบงานและกิจกรรม 8 ส่วนหลัก ได้แก่

1.) พิธีทางศาสนา ประกอบด้วย วันที่ 20 เมษายน 2566 พิธีบวงสรวงเทพยดา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ และ วันที่ 21 เมษายน 2566 พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช และพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 99 รูป ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ และพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง

2.) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และโรงละครแห่งชาติ ประกอบด้วย พิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ ประดิษฐานภาพพระบรมฉายาลักษณ์และเครื่องราชสักการะ 10 รัชกาล การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ชมพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน (Night Museum), การสาธิตอาหารไทยโบราณ ในรูปแบบตลาดย้อนยุค, การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม 76 จังหวัด ผลิตภัณฑ์ Cultural Product of Thailand (CPOT) ของดี 50 เขต กทม. และจุดถ่ายภาพย้อนยุคบริการประชาชน

3.) สวนสันติชัยปราการ ประกอบด้วย การแสดงมัลติมีเดีย ‘ใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์’ จัดแสดงอุโมงค์ไฟเรืองแสง ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2566 นิทรรศการสวนแสงจัดแสดงพระราชประวัติ 10 รัชกาล จัดฉายหนังกลางแปลง และการแสดงวงดุริยางค์จากเครือข่ายเยาวชนไทย

4.) หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ประกอบด้วย การประกวดภาพถ่ายกิจกรรมงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ สาธิต และจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย และกิจกรรมชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร

เตือนภัย มิจฉาชีพสร้างเพจกรมการขนส่งทางบกปลอม หลอกเหยื่อโอนเงินค่าต่อและทำใบอนุญาตขับขี่

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย มิจฉาชีพสร้างเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ของกรมการขนส่งทางบกปลอม แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินค่าทำใบอนุญาตขับขี่ และต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ ดังนี้

ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบการรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายรายถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าทำใบอนุญาตขับขี่ใหม่ และค่าต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ที่สิ้นสุดการอนุญาตแล้ว ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ที่มิจฉาชีพสร้างปลอมขึ้นมาเพื่อให้คล้ายคลึงกับเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ของกรมการขนส่งทางบกจริง โดยเพจปลอมดังกล่าวใช้บัญชีชื่อว่า “กรมการขนส่ง” ภายในเพจได้ใช้รูปภาพ และตราสัญลักษณ์ของกรมการขนส่งทางบก นำรูปภาพ และคัดลอกเนื้อหาจากเพจกรมการขนส่งทางบกจริงมาใช้หลอกลวงประชาชน โดยมีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปแอดไลน์ปลอมติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง อ้างว่าสามารถต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ได้ทันที ไม่ต้องรอคิวนาน นอกจากนี้ยังตั้งรูปภาพโปรไฟล์เป็นรูปของผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย กระทั่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดต่อไปทางไลน์กรมการขนส่งปลอมแล้ว มิจฉาชีพจะให้ส่งข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น ภาพถ่ายบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่าย และหลอกให้ชำระค่าบริการ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ หรือแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ มาหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

นักโบราณคดีจีน’ พบ ‘6 หลุมศพ’ จากสมัยราชวงศ์ถัง ซุกกลางกำแพงเมืองโบราณ เชื่อมลำดับเวลาระหว่างสองยุค

(29 มี.ค. 66) เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, เจิ้งโจว รายงานว่า คณะนักโบราณคดีในมณฑลเหอหนานทางตอนกลางของจีนได้ค้นพบหลุมศพจากยุคราชวงศ์ถัง (ปี 618-907) จำนวน 6 หลุม ซึ่งตั้งอยู่ ณ ความลึกแตกต่างกันระหว่างกำแพงเมืองโบราณที่ฝังอยู่ใต้ดิน โดยการค้นพบนี้เกื้อหนุนการศึกษาซากโบราณหลากวัฒนธรรมในแอ่งแม่น้ำเหลืองของจีน

‘เย่ว์หงปิน’ นักวิจัยประจำสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์แห่งชาติจีน และผู้อำนวยการสถาบันวัตถุทางวัฒนธรรมและโบราณคดีซางชิว ระบุว่า หลุมศพทั้ง 6 หลุม ตั้งอยู่บริเวณซากซ่งกั๋วกู่เฉิง หรือซากเมืองหลวงโบราณของแคว้นซ่งในยุคชุนชิวหรือยุควสันตสารท (770-476 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

หลุมศพเหล่านี้ตั้งอยู่ ณ จุดตัดของกำแพงทิศใต้ของเมืองหลวงโบราณแห่งแคว้นซ่ง และกำแพงทิศตะวันตกของเมืองโบราณซุยหยางแห่งราชวงศ์ถัง โดยกำแพงทิศตะวันตกของเมืองโบราณซุยหยางแห่งราชวงศ์ถังนั้น ซ้อนทับอยู่บนกำแพงทิศใต้ของเมืองหลวงโบราณแห่งแคว้นซ่ง

คณะนักโบราณคดีขุดพบเหรียญทองแดง กระจกทองแดง ไหดินเผา และแผ่นจารึกบนหลุมศพที่ระบุวันเวลาอย่างแม่นยำ ซึ่งถือเป็นการค้นพบอันมีนัยสำคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็นหลักฐานแสดงลำดับเวลาของการเลิกใช้และก่อสร้างสองกำแพงเมืองที่มาจากต่างยุคสมัย

สถาบันฯ ระบุว่า มีการค้นพบกลุ่มซากเมืองโบราณจากยุคชุนชิวจนถึงยุคราชวงศ์หมิง (ปี 1368-1644) บริเวณซากซ่งกั๋วกู่เฉิง โดยลำดับชั้นทางวัฒนธรรมจากต่างยุคสมัยนี้ เกิดขึ้นจากการทับถมของดินตะกอนและการยกตัวของฐานราก อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทิศทางการไหลของแม่น้ำเหลืองในอดีตกาล


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/348054_20230329

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เยือนพิษณุโลก ชวนผู้ประกอบการไมซ์สมัคร Thai MICE Connect แพลตฟอร์มรวมบริการไมซ์ เชื่อมโยง Buyer-Seller ครบจบในที่เดียว

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 


คุณสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ 


สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ที่จังหวัดพิษณุโลก ศูนย์กลางของภาคเหนือตอนล่าง เป็นเมืองไมซ์ซิตี้ที่มีทั้งสถานที่โรงแรม ที่พัก และสถานที่จัดงานมากมาย สามารถรองรับได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีสถานที่จัดงานพิเศษที่อิงกับประวัติศาสตร์เมืองเก่าสมัยพระนเรศวร ศิลปวัฒนธรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย และพิษณุโลกยังเป็นแหล่งเพาะปลูกด้านการเกษตรและสมุนไพรที่สำคัญแบบทันสมัยและครบวงจรของประเทศไทยอีกด้วย ที่นี่จึงมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างยอดเยี่ยม” คุณสุวัชชัยกล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top