Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49183 ที่เกี่ยวข้อง

ซีแอตเติลอลหม่าน ตู้แช่เก็บสต็อควัคซีน Covid-19 เสียกลางดึก! ต้องเกณฑ์คนอเมริกันมาเข้าคิวฉีดวัคซีนด่วนตอนเที่ยงคืน ขณะที่ประชาชนฝ่าลมหนาวออกจากบ้านเข้าคิวฉีดหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

งานเข้าโรงพยาบาลในซีแอตเติล เมื่อมีข่าวด่วนแจ้งเข้ามาว่าตู้แช่วัคซีนมาเสียเอาตอนกลางดึกของคืนวันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตู้แช่ที่เก็บสต็อควัคซีน Covid-19 ของ Moderna มากถึง 1,650 โดส

หลังจากที่รับแจ้ง เวลาเริ่มนับถอยหลังทันที เนื่องจากวัคซีนของ Modern ต้องเก็บในตู้เย็นอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิไม่ถึง วัคซีนก็จะเสีย เมื่อคำนวนเวลาแล้ว ก็ประเมินได้ว่าจะสามารถคงความเย็นได้ถึงแค่ตี 5 ของเช้าวันศุกร์

บริษัทตู้แช่ Kaiser Permanente จึงต้องรีบกระจายวัคซีนทั้งหมดไปยังศูนย์การแพทย์ในเมืองซีแอตเติล 2 แห่ง ได้แก่ UW Medical Center วิทยาเขต Northwest และ Montlake กับ Swedish Medical Center ซึ่งก็สร้างความโกลาหลไปทั้งโรงพยาบาล ที่ต้องเกณฑ์แพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ภัย ตำรวจดับเพลิง อาสาสมัคร กระจายข่าวทั้งทางทวิตเตอร์ และโทรศัพท์ตามกลุ่มเป้าหมายที่กำลังรอรับวัคซีน ให้มาเข้าคิวฉีดวัคซีนกันตอนเที่ยงคืน

ซึ่งชาวซีแอตเติลก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีคนติดต่อเข้ามาจองคิวหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และรีบออกจากบ้านมาต่อคิวฉีดวัคซีนทั้งชุดนอน แม้อากาศจะหนาวจัด

นับเป็นแผนการฉีดวัคซีนที่แปลกประหลาดที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยเห็น ซึ่งทางบริษัทตู้แช่ก็ไม่ได้อธิบายสาเหตุที่ตู้แช่มาขัดข้องอย่างกระทันหันนั้นเกิดจากอะไร แต่ขออย่าให้เกิดบ่อยก็แล้วกัน

และก็ถือเป็นกรณีศึกษา หากเกิดเหตุฉุกเฉินลักษณะนี้ในอนาคต และไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที ก็อาจหมายถึงความเสียหายของวัคซีนมูลค่ามหาศาลได้


อ้างอิง

https://www.seattletimes.com/seattle-news/health/late-night-freezer-failure-in-seattle-sends-hundreds-scrambling-to-get-a-fast-expiring-covid-19-vaccine/

https://www.q13fox.com/news/seattle-hospitals-rush-out-covid-19-vaccines-overnight-after-freezer-failure

https://www.dailymail.co.uk/news/article-9202437/Hundreds-rush-Washington-state-clinic-overnight-vaccines-freezer-broke.html

‘วอร์รูมรัฐบาล’ ถกรับมือซักฟอกนัดแรกพรุ่งนี้! ‘ชาญกฤช เดชวิทักษ์’ เก็งข้อสอบฝ่ายค้าน คาดพุ่งเป้าปมเศรษฐกิจ จากผลพวงวิกฤติโควิด-19

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในทีมวอร์รูมรัฐบาลว่า ตนได้ตอบรับเข้าร่วมเป็นทีมงานแล้ว ซึ่งทราบว่าคณะทำงานชุดนี้จะทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน โดยมีทั้งการเก็งข้อสอบว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นใดบ้าง และควรหาข้อมูลมาชี้แจงตอบโต้อย่างไร เพื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงได้ทันท่วงที

โดยคณะทำงานชุดดังกล่าวจะประชุมหารือและแบ่งหน้าที่ร่วมกันในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าตนน่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจรุนแรง รวมถึงมาตรการที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือประชาชนที่เห็นผลเป็นรูปธรรม

รมว.แรงงาน เผย รัฐบาลเร่งช่วยลูกจ้างแมรีกอท บางปูทุกมิติ ล่าสุด บริษัทฯ โอนเงินชดเชยและช่วยพิเศษรวมกว่า 470 ล้านบาท ให้ครบทุกคนแล้ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการการจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินช่วยเหลือพิเศษกรณี บริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ยุติการดำเนินกิจการที่สาขาบางปู และย้ายไปสาขาพระนครศรีอยุธยา รัฐบาลเร่งติดตามช่วยเหลือแรงงานทุกมิติ ล่าสุด บริษัทโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของชื่อลูกจ้างทุกคนเรียบร้อยแล้ว รวมมูลค่ากว่า 470 ล้านบาท

นายสุชาติ ยังกล่าวอีกว่า จากการติดตามการจ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมาย และเงินช่วยเหลือพิเศษล่าสุดได้รับแจ้งจากนางสาวกรรณิกา ฯ รองหัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์ ของบริษัท แมรีกอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่บริษัทได้มอบหมายให้ดำเนินการ ในวันที่ 30 ม.ค.64 ว่าบริษัทได้จ่ายเงินค่าชดเชยตามกฎหมายและเงินช่วยเหลือพิเศษ โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของชื่อลูกจ้างทุกคนเรียบร้อยแล้ว รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 470,628,497 บาท และขณะนี้ลูกจ้างสามารถถอนเงินดังกล่าวได้แล้ว

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของนางสาวโสภา เกียรตินิรชา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พบว่า นายจ้างยืนยันว่าไม่ได้เลิกจ้างลูกจ้างแต่ขอความร่วมมือให้ลูกจ้างทั้งหมดย้ายไปปฏิบัติงานที่สำนักงานแห่งใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากบริษัทสาขาบางปูได้รับผลกระทบมียอดสั่งซื้อสินค้าลดลง จึงต้องปรับแผนธุรกิจไปยุบรวมกับสำนักงานที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีลูกจ้างที่ประสงค์จะย้ายไปทำงานที่ใหม่จำนวน 101 คน

สำหรับลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะย้ายไปจำนวน 1,610 คน บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เงินโบนัสประจำปี ค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี และเงินช่วยเหลือพิเศษนอกเหนือกฎหมาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 470 ล้านบาท ในส่วนของกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการ จะเข้าไปตรวจสอบเพื่อจ่ายเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการเตรียมตำแหน่งงานว่างรอบรับกว่า 1,000 อัตรา

นอกจากนี้ ฝ่ายบุคคลของบริษัทแจ้งว่า มีสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการลักษณะเดียวกันแสดงความประสงค์ที่จะรับลูกจ้างของบริษัทแมรีกอทฯ ด้วย เนื่องจากลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือในการผลิตจิวเวลรี่

ขณะที่ลูกจ้างที่ไม่ประสงค์จะย้ายไปทำงานที่ใหม่ กล่าวว่า ทำงานกับบริษัทแห่งนี้มานานหลายปี และมีแผนอยู่แล้วที่จะขอเกษียณที่นี่ ซึ่งเป็นช่วงพอดีที่บริษัทมีแผนย้ายไปประกอบกิจการที่แห่งใหม่ สิ่งที่บริษัทให้มาถือว่าคุ้มค่ามากพอแล้ว เพราะเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและคิดว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ดำเนินชีวิตต่อที่บ้านเกิด และลูกจ้างบางส่วนที่ไม่ประสงค์ย้ายไปที่แห่งใหม่ บริษัทยังได้ฝึกอบรมอาชีพให้เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในการประกอบอาชีพต่อไป

‘บิ๊กตู่’ ยึดหลักการกระจายวัคซีนโควิด-19 อย่างเป็นธรรมให้ทุกกลุ่ม แบ่งฉีดเป็น 3 ระยะ ตามมาตรฐานสากล คาดจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ วอนคนไทยตั้งการ์ดสูง ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบแนวทางเกี่ยวกับการบริหารวัคซีนโควิด-19 ให้ยึดหลักกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ บริหารแผนการฉีดวัคซีน

โดยกระทรวงสาธารณสุข จะติดตามประเมินผลการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนั้นนายกฯมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการแผนปฏิบัติงานในทุกมิติ ทั้งรายละเอียด การขนย้าย การขนส่งและการจัดเก็บวัคซีนเพื่อรักษาประสิทธิภาพวัคซีน โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแต่ละกลุ่ม และเร่งประชาสัมพันธ์ สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่

"นายกฯวอนให้คนไทย ตั้งการ์ดสูง และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่ไปในสถานที่เสี่ยงและสถานที่แออัด"

นายอนุชา กล่าวว่า "ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.ได้การรายงานลำดับกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด ดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ผู้มีโรคประจำตัว 6 โรคกำหนด คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย"

"ระยะที่ 2 ช่วงที่มีวัคซีนเพิ่มขึ้น ขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยกำหนดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่นอกเหนือจากด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสซื้อโควิด 19 ผู้ประกอบอาชีพที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก และผู้เกี่ยวข้องกับการเดินทางระหว่างประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณเพียงพอ"

"เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด 19 ภายในประเทศ โดยกลุ่มที่ก้าวหน้ามากที่สุดมี 3 ชนิด คือ ชนิด mRNA โดยศูนย์วิจัยวัคซีนแห่งจุฬาลงกรณ์ ชนิด Protein subunit (Plant-based) ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชนิด DNA โดยบริษัทไบโอเนท เอเชีย อยู่ระหว่างการแสวงหาความร่วมมือ หรือพัฒนาศักยภาพการขยายขนาดการผลิต เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับทดสอบในอาสาสมัคร"

“ไพบูลย์” เผย กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ พิจารณาเนื้อหาเสร็จแล้ว รอโหวตบางประเด็น 4 ก.พ. นี้ ยันเดินหน้าไม่ถอนญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนก็ไม่ติดใจ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) รัฐสภา กล่าวว่า กมธ.ฯ พิจารณาเนื้อหาทั้งฉบับเสร็จแล้ว และในวันที่ 4 ก.พ. จะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง รวมถึงการลงมติในประเด็นที่รอพิจารณา ได้แก่ มาตรา 256 ว่าด้วยมติของสมาชิกรัฐสภา ในชั้นรับหลักการ ที่มีผู้สงวนความเห็น ใน 3 ประเด็น คือ ใช้เสียง 3 ใน 5 , ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และใช้เสียง 2 ใน 3

นอกจากนั้นยังมีประเด็นว่าด้วยการส่งทำประชามติ ในมาตรา 256(8) ตามร่างของส.ส.รัฐบาล ที่ระบุให้นำไปทำประชามติ หากเนื้อหาแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด2 พระมหากษัตริย์ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรืออำนาจหน้าที่ศาลหรือองค์กรอิสระหรือเรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้

นายไพบูลย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 9 ก.พ. เพื่อพิจารณาญัตติขอให้รัฐสภามีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 210(2) ของรัฐธรรมนูญ ที่ตนและนายสมชายแสวงการ ส.ว.เป็นผู้เสนอนั้น ว่ายังไม่มีบุคคลใดขอให้ตนถอนญัตติดังกล่าวและเชื่อว่ารัฐสภาจะพิจารณาในรายละเอียดและลงมติตัดสิน

ซึ่งตนไม่ติดใจในผลการลงมติ หากเสียงข้างมากเห็นว่าไม่ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากมติรัฐสภาไม่ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้ส.ว. ไม่สบายใจ และส่งผลต่อการลงมติในวาระสองและวาระสามได้

"ผมยืนยันว่าญัตติดังกล่าวไม่มีผลกระทบให้รัฐสภายุติการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การลงมติจะอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐสภา แต่ผมมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอำนาจที่รัฐสภาต้องดำเนินการ

และการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราของรัฐสภานั้นจะทำให้เวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลามากเหมือนกับการให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ดำเนินการ เชื่อว่าจะใช้เวลาเกือบ 2 ปี เพราะหลังจากมีส.ส.ร. ต้องทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องทำประชามติ และเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านแล้วต้องออกกฎหมายลูก ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ จะไม่ทันใช้ในการเลือกตั้งรอบที่จะมาถึงแน่นอน" นายไพบูลย์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top