Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49200 ที่เกี่ยวข้อง

‘อาร์เอส กรุ๊ป’ ล่าธุรกิจ ‘กัญชง’ ดันส่วนประกอบ ‘แปรรูป’ สร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้เครือธุรกิจ

หลังจากกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อคกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่จัดเป็นยาเสพติดนั้น บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามระดับโลก และ อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมของทุกคน บริษัทในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศความพร้อมจับมือพันธมิตร บริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในหมวดสกินแคร์ เครื่องดื่ม และอาหารเสริม ที่มีสารสกัดจากกัญชง ผ่านทุกช่องทาง ช่วยผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าของบริษัท

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเรื่องของกัญชงนั้น บริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาร์เอส กรุ๊ป มีความสนใจและมีการศึกษาเรื่องของงานวิจัยมาอยู่ตลอด โดยเฉพาะการนำส่วนต่างๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

เช่น ช่อดอกนำไปผลิตยา สารสกัดจากกัญชง ใบนำไปผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง น้ำมันจากเมล็ดกัญชงนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง สารสกัดจาก กัญชงนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เตรียมความพร้อม โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำศึกษาและคิดค้นสูตรเพื่อนำกัญชงมาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ทั้งในส่วนของสกินแคร์ เครื่องดื่ม และอาหารเสริม รวมถึงมีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ โรงสกัด และผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าทางเราและพันธมิตร ได้มีการเตรียมการมานานและมีความพร้อมทั้งการผลิตและการจำหน่ายในทันที

ในขณะที่ อาร์เอส มอลล์ แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมของทุกคน ก็เตรียมรุกตลาดพร้อมต่อยอดการขายอย่างเต็มสูบ ภายใต้กลยุทธ์ดังนี้

บังคับใช้แล้ว! ใช้น้ำมัน - สารสกัดเมล็ดกัญชงในเครื่องสำอางได้ ปลดล็อก"กัญชา" พ้นยาเสพติดใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์

1.) อาร์เอส มอลล์ มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญในการเล่าเรื่องที่แตกต่าง ซึ่งกัญชงมีรายละเอียดและสรรพคุณที่ซับซ้อน จึงสามารถสร้างรูปแบบการนำเสนอได้หลากหลาย อาทิ การไลฟ์สดสาธิตวิธีการใช้ หรือการนำผู้มีประสบการณ์ในการใช้งานจริงมาร่วมให้ความคิดเห็นและแบ่งปันข้อมูล เป็นต้น

2.) จำหน่ายในทุกช่องทาง ทั้งออนแอร์ ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 และพันธมิตรช่องดิจิทัลทีวีจากหลากหลายช่องชั้นนำ และออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ www.rsmall.co.th และ Line @rsmall

3.) อาร์เอส มอลล์ มีทีมเทเลเซลล์ กว่า 500 คน ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพ สามารถนำเสนอสินค้าและให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการใช้ Data and Voice Analytics มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า

“ปัจจุบัน อาร์เอส มอลล์ มีฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 1.6 ล้านราย จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นจำนวนมาก ทำให้ที่ผ่านมา เราได้รับคำถามและความสนใจจากลูกค้าเกี่ยวกับกัญชงจากทุกช่องทางและมีการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์และต่อยอดในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพที่ดี เพียงแต่ยังต้องรอรายละเอียดจากทางภาครัฐในการผลิตและจัดจำหน่ายให้ถูกต้องและปลอดภัย หากมีการปลดล็อกในส่วนนี้ เราก็มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จากกัญชงจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าส่วนใหญ่ของเราอย่างแน่นอน” คุณสุรชัย กล่าว


ที่มา:

https://www.posttoday.com/economy/news/644176

บ่าย 3 เจอกัน!! กลุ่มมวลชนอาสา (WEVO) นัดรวมพล ประนามก่อรัฐประหารพม่า

นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "มวลชนอาสา" หรือ WEVO โพสต์เฟซบุ๊กประกาศด่วน ว่า “ร่อนแถลงประณาม การก่อรัฐประหารในพม่า ย้ำ พลเมืองสมาชิกอาเซียนต้องไม่รับรองการรัฐประหารครั้งนี้”

พร้อมแชร์รูปภาพจากกลุ่มเพื่อเชิญชวนทำกิจกรรมหน้าสถานทูตเมียนมา วันนี้เวลา 15.30 เพื่อประณามและประกาศไม่รับรองการรัฐประหาร และรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หลังจากเกิดเหตุสถานการณ์ทหารประเทศเมียนมา ทำรัฐประหารเมื่อช่วงเช้ามืดพร้อมควบคุมตัวแกนนำรัฐบาลและนักการเมืองหลายคนไว้

สั่งทหารคุมเข้มแนวชายแดน หลังเมียนมารัฐประหาร ป้องกันคนลอบอพยพเข้าไทย

มทภ.3 สั่งทหารเฝ้าตรวจแนวชายแดนเข้ม หลังเมียนมารัฐประหาร ป้องกันคนลอบอพยพเข้าชายแดนไทย เชื่อไม่ถึงขั้นทะลัก ระบุไม่กังวลกองกำลังชนกลุ่มน้อย ขณะที่ด้านฝั่งเมืองกาญจน์ยังสงบ เหตุการณ์ปกติ

พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 (มทภ.3) กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมาว่า ขณะนี้ได้สั่งการใหัติดตามสถานการณ์ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หลังมีข่าวว่านางอองซาน ซูจี แกนนำรัฐบาลถูกควบคุมตัว โดยพล.อ.มิน อ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาได้ออกประกาศแถลงการณ์ยืนยันกองทัพก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจปกครองจากรัฐบาลพลเรือน  ซึ่งทางชายแดนไทย-เมียนมามีกองกำลังทหารไทยตรึงกำลังอยู่แล้ว ในการป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดฎหมายในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หากประชาชนจากเมียนมาทะลักข้ามเขตไทยเข้ามาก็จะถูกควบคุมตัว แต่เบื้องต้นคาดว่า คงไม่ถึงขั้นทะลักข้ามมายังฝั่งไทย โดยตนกำชับทุกหน่วยในพื้นที่ชายแดนให้ดูแลเข้มงวด

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนอาจมีการดำเนินการหลังจากที่ทหารเมียนมายึดอำนาจครั้งนี้ พล.ท. อภิเชษฐ์ กล่าวว่า แม้ว่าที่เมียนมาจะมีการรัฐประหาร แต่ก็คงจะไม่ส่งผลต่อชนกลุ่มน้อยตามชายแดน เพราะที่ผ่านมาก็มีการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายทหาร แต่ชะงักไปในช่วงสถานการณ์โรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19

“ยืนยันว่าไม่ต้องกังวลชาวเมียนมาจะไหลทะลักข้ามมายังฝั่งประเทศไทย เพราะเรามีกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

ทั้งนี้รายข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทยและเมียนมาฝั่งจ.กาญจนบุรียังคงเป็นไปด้วยเรียบร้อยปกติ ในส่วนของทหารทางพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังไม่ได้มีการสั่งการให้เพิ่มเติมกำลังพลบริเวณกองกำลังชายแดนแต่อย่างใด เพราะได้มีการเสริมกำลังไปแล้วตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และมีปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศไทย แต่ก็ได้มีการกำชับให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจุดผ่านแดนต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางธรรมชาติ ที่มีชุดตรวจเฝ้าระวังพิเศษของทหารทำหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดเหตุความวุ่นวายจากฝ่ายที่ต่อต้านการยึดอำนาจจนทำให้คนทะลักชายแดนคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อีกทั้งกองกำลังชนกลุ่มน้อยขณะนี้ก็ยังมีความเรียบร้อย

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เล็งอุ้มแรงงานภาคท่องเที่ยว 4 แสนคน ชงรัฐบาลเสนอช่วยจ่ายเงินเดือน 50% เป็นเวลา 2 เดือน หวังช่วยต่อลมหายใจผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว คาดใช้เงิน 6 พันล้าน ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ให้หารือร่วม ‘คลัง - แรงงาน’ หาข้อสรุป

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน รับข้อเสนอภาคเอกชนท่องเที่ยวที่ขอให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน 50% ของเพดานสูงสุด 15,000 บาท

ซึ่งเป็นระบบร่วมจ่ายหรือ Co-Payment ให้กับบุคลากรในธุรกิจท่องเที่ยวจำนวน 400,000 คนเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งรัฐจะใช้เงินร่วมจ่ายประมาณ 6,000 ล้านบาท ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน เพื่อหาข้อสรุป รวมถึงข้อเรียกร้องอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบ

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางในประเทศ ล่าสุดได้สั่งการให้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และรองผู้ว่า ททท. 8 คน ให้ชะลอการจัดอีเว้นท์เล็ก ๆ และสะสมเงินไปไว้จัดอีเว้นท์ขนาดใหญ่ลงไปในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยให้ทำเป็นปฏิทินในแต่ละเดือนว่าจัดที่ใดบ้าง

ส่วนการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น หากประเทศไทยได้รับวัคซีน 26 ล้านโดสแล้ว จะไปหารือกับนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้พิจารณาฉีดวัคซีนกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูงก่อน

ทั้งผู้ที่มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พนักงานโรงแรม พนักงานร้านอาหาร คนขับรถแท็กซี่ คนขับรถนำเที่ยว หมอนวด พนักงานสปา ให้ได้รับวัคซีนในกลุ่มแรกๆ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ซึ่งคาดว่ามีจำนวน 2.5 ล้านคน ใช้วัคซีน 5 ล้านโดส

คืบหน้า รัฐประหาร เมียนมา หลังกองทัพได้คุมตัว ‘ออง ซาน ซูจี’ที่ ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา และ ‘วิน มิ่นท์’ ประธานาธิบดีเมียนมา ล่าสุด ‘มิน อ่อง หล่าย’ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยึดอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการเบ็ดเสร็จ พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน 1 ปี

หลังจากที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ระบบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา ถูกตัดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางไปยังบ้านของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีประจำภูมิภาคต่าง ๆ  รวมถึงนาง ออง ซาน ซูจี และประธานาธิบดี วินต์ มินต์ พร้อมแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ไปควบคุมตัวไว้

ล่าสุด พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี พร้อมเข้ายึดอำนาจทั้ง ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการทั้งหมด พร้อมแต่งตั้ง พล.อ. มิน ส่วย รองประธานาธิบดี เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

สำหรับปมใหญ่ที่ทำให้กองทัพเมียนมาใช้เป็นมูลเหตุแห่งการยึดอำนาจ มาจากการพบหลักฐานการทุจริตการเลือกตั้ง เช่น ปลอมบัญชีรายชื่อผู้ใช้สิทธิ์ ราว 8.6 ล้านรายชื่อจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 37 ล้านคน และมองว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.พม่า) เอื้อประโยชน์กับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( NLD)

ทั้งนี้ หลังจากพรรค NLD ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว กองทัพเมียนมาและบรรดาพรรคฝ่ายค้านได้ออกมาคัดค้านผลการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง

โดยทางพรรค NLD ภายใต้การนำของนางซู จี ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 8 พ.ย. 2563 อย่างถล่มทลาย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่ 2 ด้วยการคว้าที่นั่งในสภาไปถึง 346 ที่นั่ง แบ่งเป็น สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง 258 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) และสภาชนชาติ หรือสภาสูง 138 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ที่นั่ง) ขณะที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ได้เสียงในสภาล่าง 26 ที่นั่ง และสภาชนชาติ 7 ที่นั่ง (ลดลงจากเดิมสภาละ 4 ที่นั่ง)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top