Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49200 ที่เกี่ยวข้อง

‘ใบตองแห้ง’ วิเคราะห์จุดยืน ปชน. ต่อกรณีนายกฯ ชั่วคราว ชี้ เป็นการช่วย พท.ใช้ต่อรองพรรคร่วม หาก ‘อิ๊งค์’ ถูกสอย

(4 ก.ค. 68) นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง คอลัมนิสต์การเมือง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข อดีตบรรณาธิการประชาไท กรณีพรรคประชาชนตั้งเงื่อนไขสนับสนุนนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ว่า ถามชูวัสว่า อ่านจุดยืนพรรคประชาชนแล้ว ตีความได้อย่างไรว่า เขาจะโหวตให้อนุทินเป็นนายก ความหมายมันชัดเจนว่า ถ้าแพทองธารโดนสอย แล้วไม่สามารถตั้งนายกใหม่ได้ พรรคประชาชนก็พร้อมจะโหวตให้นายกที่รับเงื่อนไขของพรรคประชาชน เพื่อเป็นนายกชั่วคราวก่อนยุบสภา

มีตรงไหนบอกว่า ต้องเป็นอนุทินเท่านั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยดันชัยเกษม แล้วเสียงไม่พอ ก็เข้าเงื่อนไขนี้ คือมาเจรจากับพรรคประชาชนได้ โหวตให้ เพื่อปูทางแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วนำไปสู่การยุบสภา

เป็นนักวิเคราะห์การเมือง ควรถอยออกมาจากการหน้ามืดตามัวกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ถ้าดูเงื่อนไขที่พรรคระชาชนเสนอ แล้วถอยออกมามองมุมกว้าง เขา 'ปลดล็อก' ให้พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ

เพราะถ้าแพทองธารถูกสอย พรรคร่วมรัฐบาลอาจเล่นตัว ถูกอำนาจอนุรักษ์กดดัน ม็อบกดดัน ไม่โหวตให้ชัยเกษม เพื่อปูทางไปสู่ตู่ หรือนายก ม.5 (ป่านนี้ยังอ่านเกมไม่ออกเหรอ)

ข้อเสนอของพรรคประชาชน มันเป็นเงื่อนไขให้เพื่อไทยเอาไปต่อรอง กับพรรคร่วม กับอำนาจอนุรักษ์ ได้ว่า ถ้าไม่ยอมให้ชัยเกษมเป็นนายกจะรับเงื่อนไขพรรคประชาชนนะ แล้วก็อาจจะตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องพึ่งพรรคประชาชน

ที่จริงยังเป็นเงื่อนไขต่อรองกับอำนาจอนุรักษ์ได้ว่า ถ้าแพทองธารถูกสอย เพื่อไทยจะรับเงื่อนไขพรรคประชาชนเป็นนายกเพื่อยุบสภา คิดผิดคิดใหม่ได้นะ รักษาดีลให้อยู่ต่อดีกว่า

เพื่อไทยได้ประโยชน์เต็มๆ โดยอาจไม่ต้องทำตามข้อเสนอของพรรคประชาชนด้วยซ้ำ แค่เอาข้อเสนอนี้ไปต่อรอง อย่าเล่นกรูนะ อย่าล้มดีล ไม่งั้นจับมือพรรคส้มยุบสภา (เผลอๆพ่อแม้วเอาไปใช้เจรจาแล้วละ)

พรรคส้มได้อะไรเหรอ ไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยก็ขัดขวางความพยายามนำไปสู่ทางตัน ของฝ่ายตรงข้าม แต่พวกแบกกลับมองแต่ว่าพรรคส้มจ้องเล่นเกมการเมืองเกมอำนาจ ทำลายคู่แข่งโดยไม่เลือกวิธีการ เหมือนพรรคตัวเอง ภาษานิยายกำลังภายในเขาเรียกว่า ใช้จิตใจคนต่ำช้าวัดจิตใจวิญญูชน

เม็กซิโกสั่งเบรกแผนสร้างโรงงาน BYD หวั่นเสียข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ แต่บราซิลอ้าแขนรับ

(4 ก.ค. 68) รัฐบาลเม็กซิโกปฏิเสธแผนของ BYD บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนในการตั้งโรงงานในประเทศ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อการเจรจาภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะภายใต้แรงกดดันทางการเมืองจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

แม้ BYD จะยืนยันว่าโรงงานในเม็กซิโกจะผลิตเพื่อขายในละตินอเมริกา ไม่ใช่ตลาดสหรัฐฯ แต่รัฐบาลเม็กซิโกกลับไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งไม่ขายที่ดินของรัฐ ไม่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และออกท่าทีห่างเหินจากธุรกิจจีน เพื่อรักษาผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ และแคนาดา

ในขณะเดียวกัน BYD ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาค โดยเร่งสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในบราซิล ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 20,000 ตำแหน่ง และเดินหน้าส่งมอบรถยนต์ไปยังเม็กซิโกอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่าในปีที่ผ่านมา

แม้จะถูกขวางในเม็กซิโก แต่ BYD ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก โดยพยายามเร่งสร้างฐานการผลิตนอกจีน ท่ามกลางแรงกดดันทั้งจากการเมืองระหว่างประเทศและการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผบช.สตม. ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์ ตม.จว. พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.68) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อม พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 และ พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.4 ได้เดินทางตรวจเยี่ยม ตม.จว.ศรีษะเกษ และ ตม.จว.สุรินทร์ ในพื้นที่ บก.ตม.4 เพื่อมอบนโยบายและติดตามผลการปฏิบัติงานพร้อมสร้างขวัญกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ข้าราชการตำรวจ ตม.ในพื้นที่ ในการนี้ ผบช.สตม. ได้ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และรับฟังบรรยายสรุปจากหัวหน้า ตม.จังหวัด พร้อมทั้งฝ่ายทหารและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้ ผบช.สตม.และคณะจะเดินทางต่อไปยัง ตม.จว.จันทบุรี และ ตม.จว.สระแก้ว เพื่อตรวจเยี่ยม ตม.จว.ชายแดนในพื้นที่ บก.ตม.3 ต่อไป

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานในพื้นที่พรมแดนซึ่งนอกจากความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะในการเข้า-ออกราชอาณาจักรตามกฎหมายและมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติของ สตม.แล้ว ยังจะต้องแสวงหาความร่วมมือและบูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) โดยการตรวจอนุญาตบุคคลผ่านแดน ในกรณีเพื่อการศึกษาหรือเจ็บป่วยที่มีความจำเป็นต้องรักษาพยาบาล ให้พิจารณาดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยธรรมสากล พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

ผบช.สตม. ยืนยันความพร้อมการปฏิบัติงานของด่าน ตม.จังหวัดชายแดน และ สตม. ในภาพรวม โดยช่วงครึ่งปีแรก มค. - มิ.ย.68 สถิติคนต่างด้าวเดินทางเข้าราชอาณาจักรมีจำนวน 23,885,529 ราย สัญชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน และลาว โดย สตม. ได้ดำเนินการมาตรการเข้มงวดคัดกรองคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง มุ่งเน้นความมั่นคงและรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน เฉพาะในห้วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. - พ.ค.) มีการปฏิเสธคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามเข้าราชอาณาจักรจำนวน 25,850 ราย และจับกุมดำเนินคดีคนต่างด้าวที่กระทำความผิดในราชอาณาจักรอีกจำนวน 27,564 ราย        

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า - ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

DSI จับกุมแม่ทีมแชร์ลูกโซ่ ‘แม่มณี’ คาสุวรรณภูมิ เตรียมบินฉลองวันเกิดแต่เจอหมายจับฉ้อโกง

เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.68) เจ้าหน้าที่ DSI ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับกุมนางสาวปานหทัย (หรือนริศรา สงวนนามสกุล) หนึ่งในแม่ทีมแชร์ลูกโซ่ 'แม่มณี' ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อฉลองวันเกิด โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฉ้อโกงประชาชน

คดีนี้เกี่ยวข้องกับการชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนผ่านเฟซบุ๊ก โดยเสนอผลตอบแทนสูงถึง 93% ต่อเดือน หรือมากกว่าร้อยละ 3,000 ต่อปี ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนกว่า 1,100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

หลังจับกุม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และสิทธิตามกฎหมาย พร้อมบันทึกภาพและเสียงตลอดกระบวนการ จากนั้นส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการฝากขังตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ คดีแชร์แม่มณีถือเป็นหนึ่งในคดีฉ้อโกงประชาชนรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีผู้ร่วมกระทำความผิดรวม 31 คน โดยมีนางสาววันทนีย์ หรือ 'แม่มณี' เป็นหัวหน้า เครือข่ายใช้สื่อออนไลน์หลอกลวงประชาชน ด้วยการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กและการไลฟ์สด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการระดมทุน

‘ลิซ่า’ ติดโผ 1 ใน 33 คนมีสไตล์แห่งปี 2025 จาก New York Times ในฐานะแฟชั่นไอคอนระดับโลก

(4 ก.ค.68) ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ 'ลิซ่า BLACKPINK' ศิลปินสาวไทยระดับโลก ติดอันดับ The Most Stylish People of 2025, So Far จาก The New York Times กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนจากเอเชียที่ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลผู้มีสไตล์โดดเด่นแห่งปี

ลิซ่าถูกยกย่องในฐานะแฟชั่นไอคอนที่สะกดสายตาผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะบนเวที บนจอ หรือบนพรมแดง ซึ่งนอกจากการติดโผบุคคลที่มีสไตล์ที่สุดในปีนี้แล้ว ลิซ่ายังถูกกล่าวถึงในพาร์ทของ 'ลาบูบู้' เทรนด์อาร์ตทอยขนนุ่มพาสเทลที่เหล่าคนดังระดับโลกนิยมสะสม สะท้อนรสนิยมแฟชั่นและอิทธิพลของลิซ่าในหลากหลายมิติ

จากทั้งหมด 33 รายชื่อที่ The New York Times คัดเลือก ลิซ่าคือหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นที่สุดของปี 2025 จนถึงตอนนี้ พร้อมสร้างหมุดหมายใหม่ในฐานะตัวแทนเอเชียที่โลกต้องจับตา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top