Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49177 ที่เกี่ยวข้อง

ขีปนาวุธอิหร่านถล่มศูนย์วิทย์ฯ อิสราเอลยับ แฉเบื้องลึก!! เป็นสถาบันวิจัยหนุนไซออนิสต์ตั้งแต่ปี 1948

(3 ก.ค. 68) สื่ออิหร่านรายงานว่า ขีปนาวุธของอิหร่านที่ยิงเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้พุ่งเป้าตรงไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์มันน์ (Weizmann Institute of Science) ในเมืองเรโฮโวท ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับกองทัพอิสราเอล และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงทั่วทั้งพื้นที่

สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอลรายงานว่า อลอน เชน (Alon Chen) ประธานสถาบันฯ ยืนยันว่า ขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีด้วยความแม่นยำสูง ซึ่งขัดแย้งกับคำแถลงก่อนหน้าของรัฐบาลอิสราเอลที่อ้างว่าได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยคาดว่าความเสียหายทั้งหมดมีมูลค่าระหว่าง 300-570 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ความเสียหายนี้รวมถึง ห้องแล็บเคมีที่เพิ่งสร้างเสร็จถูกทำลายก่อนเปิดใช้งาน, เพลิงไหม้ในอาคารวิทยาศาสตร์ชีวภาพ, ข้อมูลวิจัยสำคัญสูญหาย และแล็บหัวใจถูกทำลายทั้งหมดหลังดำเนินงานมานานกว่า 22 ปี นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อโครงการวิจัยกว่า 45 กลุ่ม และโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ร่วมอีกจำนวนมาก

แม้สถาบันฯ จะมีภาพลักษณ์เป็นองค์กรวิจัยพลเรือน แต่มีรายงานว่า Weizmann Institute มีความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมอาวุธ เช่น บริษัทเทคโนโลยีด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศระดับนานาชาติ (Elbit Systems) รวมถึงมีบทบาทในงานพัฒนา AI, โดรน และระบบสอดแนมทางทหาร โดยมีประวัติการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธไซออนิสต์ตั้งแต่สงครามในปี 1948

ดิโอโก้ โชต้า นักฟุตบอลดังลิเวอร์พูล ประสบอุบัติทางรถยนต์เสียชีวิต ที่สเปน

(3 ก.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก รายงานไปในทางเดียวกันว่า ดิโอโก้ โชต้า (Diogo Jota) นักฟุตบอลของสโมสรลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต พร้อมกับน้องชายชื่ออังเดร 

สื่อท้องถิ่นประเทศสเปน zamora24horas รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรุนแรงบนถนนสาย A-52 ใกล้เมืองซาโมรา ประเทศสเปน เมื่อเวลาประมาณ 00.40 น. ของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้ชายหนุ่มสองรายวัย 26 และ 28 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยหนึ่งในนั้นคือ ดิโอโก้ โชต้า ดาวเตะลิเวอร์พูล

จากรายงานของศูนย์ฉุกเฉิน 112 ระบุว่า รถยนต์ที่ทั้งสองโดยสารเกิดเสียหลักออกนอกเส้นทาง ก่อนเกิดไฟลุกไหม้ลามไปยังพืชพรรณข้างทาง ทีมดับเพลิงจากเมือง Rionegro del Puente พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินและกู้ภัยรีบเข้าช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารไว้ได้

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และได้ร่วมกับหน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยทีมแพทย์ยืนยันว่าทั้งสองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ สภาจังหวัดซาโมรา และกรมดับเพลิงจังหวัด ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เข้าช่วยเหลือ พร้อมส่งกำลังใจถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลดครั้งนี้

‘กรณ์’ ชี้ ดีลสหรัฐฯ – เวียดนาม ไม่เป็นผลดีกับไทย ส่อเสียเปรียบด้านการแข่งขันแม้เก็บภาษีเท่ากันหรือใกล้เคียง

‘กรณ์ จาติกวณิช’ ไทยส่อเสียเปรียบด้านการแข่งขัน หากสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าไทย 20% เท่ากันหรือใกล้เคียงเวียดนาม 

(3 ก.ค. 68) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij' ระบุว่า ทรัมป์ตกลงดีลกับเวียดนาม มีผลอย่างไรกับไทย? 

เมื่อคืนมีการประกาศข้อตกลงระหว่างอเมริกาและเวียดนาม กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนาม 20% ภาษีนำเข้าสินค้าประเทศอื่นที่ผ่านเวียดนาม 40%

ส่วนภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา 0% และเปิดตลาดทุกประเภทสินค้า (ตามข่าว)
ถ้าของเราเป็นแบบนี้ จะมีสามคำถามสำคัญ

1. หากอัตราภาษีสูงแต่สูงเท่ากัน ในแง่การแข่งขันกับประเทศอื่น ถือว่าไม่ได้เปรียบ/เสียเปรียบหรือไม่?
2. ราคาสินค้าที่อเมริกาจะสูงขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าจากเราน้อยลงหรือไม่?
3. โดยสรุปจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยแค่ไหนอย่างไร?

ในความเห็นผม 

1. อัตราภาษีที่เท่ากัน ทำให้มีผลต่อการแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆที่แข่งกันส่งสินค้าเข้าอเมริกาน้อยลง แต่ไม่ 100% ประเทศที่ราคาสินค้าแพงกว่าเป็นทุนเดิม หรือส่วนกำไรของผู้ผลิตน้อยกว่า จะเสียเปรียบมากกว่า ยกตัวอย่าง หาก margin บริษัทเวียดนาม 10% แต่ของไทย 5% เขาสามารถลดราคา 5% แล้วยังมีกำไร ในขณะที่เราทำไม่ได้ นอกจากนั้น แนวโน้มความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนจะมีผลด้วย ยกตัวอย่าง ช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา เงินบาทเราเทียบกับสกุลเงินเวียดนามนั้นแข็งค่าขึ้น 20%+ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

2. สองเดือนที่ผ่านมา เรายังไม่เห็นผลจาก tariff ต่อราคาสินค้าในอเมริกา สาเหตุเพราะผู้นำเข้าได้มีการตุนสินค้าไว้เยอะก่อนเพิ่มภาษี และเพราะอัตราภาษีชั่วคราวตํ่าพอที่ผู้ส่งออกแบกรับได้โดยยังไม่ส่งต่อ แต่จากนี้ไปผลของภาษีต่อราคาสินค้าจะมากขึ้น ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อผู้บริโภคอเมริกันแน่นอน

3. ผมเคยประเมินแต่แรกว่าหากอเมริกานำเข้าสินค้าจากเราลดลง 10% จะทำให้ GDP ลดลงประมาณ 1% และจะมีผลต่อรายได้ของผู้ส่งออกเราที่ margin ลดลง เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนั้นผลข้างเคียงที่เราเห็นแล้วคือการระบายสินค้าจากจีนมาที่ตลาดเรา นอกจากเพิ่มการนำเข้าให้ไทย (ฉุด GDP ลง) จะทำให้ผู้ประกอบการไทยเดือดร้อนอีกด้วย สุดท้ายคือผลกับการลงทุนประเภท FDI จะลดลง คือการลงทุนแนว re-shoring หรือ friend-shoring จะน้อยลง เพราะทรัมป์สกัดกั้นด้วยภาษี transhipment ที่สูงมาก

โดยรวม ๆ ข่าวจากเวียดนาม (ที่ยอมทรัมป์แล้วทุกอย่าง)ไม่สู้ดีกับไทย เวียดนามเขารู้ตัวมาก่อน มีการประกาศแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจมากมาย เช่นลดขนาดภาคราชการ ลดจำนวนกระทรวงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หันมาเน้นเศรษฐกิจที่อิงกับการพึ่งพากลไกตลาดเสรีมากขึ้น และยกระดับการศึกษาต่อเนื่อง 
ส่วนของเรา…

สุดช็อก!! ผลทดสอบคอนกรีต ‘ตึก สตง.’ ‘ตกเกณฑ์ทั้งระบบ’ ผนังอาคารใช้วัสดุผิดสเปก

(3 ก.ค. 68) ผลทดสอบคอนกรีตอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ล่าสุดถูกเปิดเผยโดย นายชูเลิศ จิตเจือจุน อุปนายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ ระบุว่า “ผลทดสอบตกเกณฑ์ทั้งหมด” โดยเฉพาะส่วนผนังคอนกรีตที่ไม่ผ่านการทดสอบความแข็งแรงตามมาตรฐานกำหนด

จากข้อมูลของสภาวิศวกร เมื่อวันที่ 2 ก.ค. พบว่า อาคารที่ถล่มนั้น ทดสอบกำลังอัดคอนกรีตสเปค 500 ksc. และ 350 ksc. ผลปรากฏว่า ผนังของอาคารไม่ผ่านเกณฑ์เกือบทั้งหมด โดยตัวอย่างในกลุ่มสเปค 500 ksc. ต่ำกว่ามาตรฐานถึง 37.8% และในกลุ่ม 350 ksc. ต่ำเกณฑ์ถึง 60% ส่วนอาคารที่ยังไม่ถล่มก็ยังมีผนังไม่ผ่านเกณฑ์เช่นกันในอัตรา 36.8%

นายชูเลิศชี้ว่า สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ การหาสาเหตุเชิงวิศวกรรมว่าทำไมคอนกรีตผนังจึงตกเกณฑ์ทั้งหมด ทั้งที่ระบุว่าใช้วัสดุมาตรฐาน การหาคำตอบนี้เป็นวิทยาศาสตร์จะช่วยป้องกันเหตุซ้ำรอย และผลักดันมาตรฐานอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ด้านนายกฯ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า การออกแบบและการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีความผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น พร้อมสั่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่สาธารณชนในอนาคต

Foxconn ถอนวิศวกรจีนออกจากอินเดียกว่า 300 คน สะเทือนแผน Apple ขยายฐานผลิต iPhone

(3 ก.ค. 68) Foxconn ผู้ผลิต iPhone รายใหญ่ของ Apple สั่งวิศวกรและเจ้าหน้าที่ชาวจีนกว่า 300 คน ที่ประจำโรงงานในอินเดียเดินทางกลับประเทศ สร้างอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายของ Apple ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังอินเดีย โดยยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลของการถอนตัวครั้งนี้

แหล่งข่าวระบุว่า การถอนทีมงานชาวจีนจะไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้าโดยตรง แต่จะลดประสิทธิภาพการทำงานของสายพานผลิต โดยเฉพาะกระบวนการฝึกอบรมพนักงานท้องถิ่นและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีนมายังอินเดีย ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

สถานการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเตรียมเพิ่มกำลังผลิต iPhone 17 และสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอินเดีย Foxconn ได้แจ้งรัฐบาลอินเดียล่วงหน้าเกี่ยวกับการถอนพนักงาน แต่ไม่ได้เปิดเผยเหตุผล ขณะนี้บริษัทเริ่มปรับเครื่องจักรที่ใช้ซอฟต์แวร์ภาษาจีนให้รองรับพนักงานอินเดีย รวมถึงนำแรงงานจากไต้หวันและเวียดนามมาเสริมกำลัง

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและอินเดีย ซึ่งแม้จะมีการเจรจาระดับสูงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ และอินเดียยังคงจำกัดวีซ่าให้พลเมืองจีน พร้อมแบนแอปพลิเคชันจีนหลายรายการ ขณะเดียวกันจีนยังคงห้ามส่งออกปุ๋ยบางประเภทมายังอินเดีย

ทั้งนี้ Apple มีแผนผลิต iPhone ส่วนใหญ่สำหรับตลาดสหรัฐฯ ในอินเดียภายในปี 2026 ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ แต่การผลิตในสหรัฐฯ ยังมีข้อจำกัดเรื่องค่าแรงสูง และจีนอาจสกัดไม่ให้วิศวกรย้ายฐานไปช่วยผลิตในสหรัฐฯ ได้อีกด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ Apple ต้องพึ่งอินเดียมากขึ้นในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top