Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49200 ที่เกี่ยวข้อง

รัสเซียเผยได้อาวุธนาโตถล่มเคียฟ หลังอดีตทหารยูเครนแปรพักตร์มอบให้

(4 ก.ค. 68) ทหารรัสเซียเปิดเผยว่า กลุ่มทหารยูเครนที่ผ่านการฝึกจากประเทศสมาชิกนาโต และได้แปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายรัสเซีย ได้นำอาวุธจากนาโตที่ยึดมาได้ส่งมอบให้กองกำลังรัสเซียใช้ต่อสู้ในสมรภูมิ

โดยอาวุธที่ส่งมอบให้หน่วยอาสาสมัคร 'Martyn Pushkar' ได้แก่ ปืนไรเฟิล M4 และ UAR-15 ปืนกล FN MAG เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. พร้อมกระสุน โดยใช้ในการสู้รบในพื้นที่หมู่บ้านโคมาร์ แคว้นโดเนตสค์ ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นแนวหน้าในการยึดคืนดินแดน

อดีตทหารยูเครนในหน่วยมาร์ติน ปุชการ์ (Martyn Pushkar) ระบุว่า อาวุธนาโตเหล่านี้มีความคุ้นเคยเพราะเคยฝึกในโปแลนด์ จึงใช้งานได้ดีกว่าปืน AK ของรัสเซีย แม้ปืนรัสเซียจะทนทานกว่า แต่อาวุธนาโตสะดวกต่อการใช้งานตามประสบการณ์ฝึก

ทั้งนี้ Martyn Pushkar เป็นกลุ่มอาสาสมัครที่ตั้งขึ้นโดยอดีตทหารยูเครนจากแคว้นซาโปริชเชีย ซึ่งแปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายรัสเซีย โดยกลุ่มนี้จะร่วมต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย และได้อ้างว่าต้องการปลดปล่อยดินแดนจากรัฐบาลยูเครน พร้อมช่วยรัสเซียยึดพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศกลับคืนมา

‘ซานตง’ เรือบรรทุกเครื่องบินจีน เยือนฮ่องกง ประชาชนคึกคัก!! แห่ชมแน่นอ่าววิกตอเรีย

(4 ก.ค. 68) เรือบรรทุกเครื่องบิน 'ซานตง' ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่จีนสร้างขึ้นเอง ได้เดินทางเข้าสู่น่านน้ำฮ่องกงเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เคียงข้างด้วยเรือรบกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) อีก 3 ลำ รวมถึงเรือพิฆาตติดขีปนาวุธ

การเยือนครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังฮ่องกงฉลองครบรอบ 28 ปี การส่งมอบจากอังกฤษคืนสู่จีน และถือเป็นหนึ่งในการแสดงแสนยานุภาพทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดของจีนในฮ่องกงตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เรือลำแรกของจีน 'เหลียวหนิง' เคยมาเยือนในปี 2017

สำหรับข้อมูลของเรือซานตง มีความยาว 315 เมตร น้ำหนักกว่า 70,000 ตัน จอดเทียบท่าบริเวณตะวันตกของอ่าววิกตอเรีย พร้อมเครื่องบินขับไล่ J-15 และเฮลิคอปเตอร์ Z-18 อยู่บนดาดฟ้า ขณะที่เรือรบลำอื่น ๆ จอดที่ฐานทัพเรือบนเกาะสโตนคัตเตอร์

ฮ่องกงมีประวัติการต้อนรับเรือรบจากหลายประเทศมายาวนาน แม้หลังปี 1997 จีนยังอนุญาตให้เรือของกองทัพสหรัฐฯ มาเยือนได้เป็นระยะ แต่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้การเยือนเหล่านี้ค่อย ๆ ลดลงและถูกระงับในที่สุด

จอห์น ลี (John Lee) ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง กล่าวต้อนรับกองเรือจีน พร้อมเปิดให้ประชาชนจองตั๋วเข้าชม ซึ่งถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว ประชาชนจำนวนมากมารอชมตามแนวชายฝั่ง บางรายเดินทางไกลจากต่างเมืองเพื่อเห็นเรือรบจีนกับตาตนเอง โดยระบุว่าการพัฒนาด้านกองทัพของจีนนั้น “น่าทึ่ง และไม่ใช่ทุกประเทศที่จะทำได้เช่นนี้”

‘ข้อตกลงอับราฮัม’ สันติภาพเพื่อชาวอิสราเอล แต่กลับสร้างความเจ็บปวดให้ชาวปาเลสไตน์

หลังจากสงคราม 12 วันระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ด้วยความบอบช้ำทั้งสองฝ่าย โดยอิหร่านได้เปรียบอยู่บ้าง และน่าจะสามารถยืนระยะต่อได้อีกพักหนึ่ง หากสงครามไม่ถูกแทรกแซงโดยชาติมหาอำนาจ สำหรับอิสราเอลที่บอบช้ำจากสงครามในครั้งนี้ ซึ่งถือว่า มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก่อร่างสร้างประเทศเป็นต้นมา โดยอิสราเอลได้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ป้ายแสดงผู้นำสหรัฐฯ อิสราเอล และอาหรับหลายชาติตาม 'ข้อตกลงอับราฮัม' อย่างแพร่หลาย

'ข้อตกลงอับราฮัม' เป็นชุดสนธิสัญญาที่มุ่งไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) บาห์เรน ซูดาน และโมร็อกโก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ในยุคประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรก ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2020 โดยในช่วงเวลาสั้น ๆ ห้าเดือน รัฐอาหรับทั้งสี่แห่งนี้ได้ร่วมกับอียิปต์และจอร์แดนในการทำข้อตกลงสันติภาพกับอิสราเอล ข้อตกลงดังกล่าวเรียกว่า 'ข้อตกลงอับราฮัม' เพื่อเป็นเกียรติแก่อับราฮัม ผู้นำของทั้งศาสนายิว คริสต์ และอิสลาม

คำประกาศ 'ข้อตกลงอับราฮัม' มีความดังนี้:
“ข้าพเจ้าผู้ลงนามด้านล่างตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาและเสริมสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางและทั่วโลกโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและการอยู่ร่วมกันซึ่งกันและกัน รวมถึงการเคารพศักดิ์ศรีและเสรีภาพของมนุษย์ รวมทั้งเสรีภาพทางศาสนาด้วย เราส่งเสริมความพยายามในการส่งเสริมการสนทนาข้ามศาสนาและข้ามวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งสันติภาพระหว่างศาสนาอับราฮัมทั้งสามศาสนาและมนุษยชาติทั้งหมด

เราเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาคือความร่วมมือและการเจรจา และการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างรัฐต่าง ๆ จะส่งเสริมผลประโยชน์ของสันติภาพที่ยั่งยืนในตะวันออกกลางและทั่วโลก

เราแสวงหาความอดทนและความเคารพต่อทุกคนเพื่อให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่มีศักดิ์ศรีและความหวัง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเชื้อชาติ ความเชื่อ หรือชาติพันธุ์ใดก็ตาม

​เราสนับสนุนวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การแพทย์ และการพาณิชย์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่มวลมนุษย์ เพิ่มศักยภาพของมนุษย์ และทำให้ประเทศต่างๆ ใกล้กันมากขึ้น

เรามุ่งมั่นที่จะยุติการรุนแรงและความขัดแย้งเพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนมีอนาคตที่ดีกว่า ​เราแสวงหาวิสัยทัศน์แห่งสันติภาพ ความปลอดภัย และความเจริญรุ่งเรืองในตะวันออกกลางและทั่วโลก ​ด้วยจิตวิญญาณนี้ เรายินดีต้อนรับและให้กำลังใจกับความคืบหน้าที่เกิดขึ้นแล้วในการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและเพื่อนบ้านในภูมิภาค ภายใต้หลักการของข้อตกลงอับราฮัม เราได้รับกำลังใจจากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ฉันมิตรดังกล่าวโดยยึดตามผลประโยชน์ร่วมกันและความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่ออนาคตที่ดีกว่า”

'ข้อตกลงอับราฮัม' ซึ่งลงนามที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2020 ในช่วงการบริหารชุดแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในด้านการทูตตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และโมร็อกโกในเวลาต่อมาไม่นาน อิสราเอลยังได้ริเริ่มกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ปกติกับซูดาน แต่ไม่ได้นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ปกติเนื่องจากความขัดแย้งภายในประเทศของซูดาน เริ่มต้นจากข้อตกลงอิสราเอล-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนสิงหาคม 2020 โดยที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิสราเอลไม่เคยมีการสู้รบกันมาก่อนเลย แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็มีส่วนร่วมในการคว่ำบาตรต่ออิสราเอลของสันนิบาตอาหรับ ซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อตั้งอิสราเอลในปี 1948 ข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลจากผลประโยชน์ร่วมกันเกี่ยวกับภัยคุกคามจากอิหร่านและความร่วมมืออย่างเงียบ ๆ และเป็นความลับมานานหลายปีแล้ว

อิสราเอลได้เปิดสำนักงานการทูตระหว่างประเทศในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2015 โดย โยสซี โคเฮน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลได้แอบเดินทางอย่างลับ ๆ ไปที่นั่นหลายครั้ง และรัฐบาลทั้งสองก็ร่วมมือกันต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา ทั้งสองประเทศมีความสนใจในการเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจและร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น อิสราเอลตกลงที่จะระงับแผนการผนวก/การใช้อำนาจอธิปไตยในเขตเวสต์แบงก์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง ข้อตกลงดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ทางการทูตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือระดับรากหญ้าระหว่างประชาชนในทั้งสองประเทศด้วย นับตั้งแต่มีการลงนามข้อตกลงในเดือนกันยายน มีชาวอิสราเอล 130,000 คนเดินทางไปเยือนดูไบ และการค้าระหว่างอิสราเอลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีมูลค่าถึง 1 พันล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในความเคลื่อนไหวที่หลายคนมองว่า มีความเกี่ยวข้องกับข้อตกลงอับราฮัมคือ การที่สหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะขายเครื่องบินขับไล่แบบ F-35 ให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิสราเอลกังวลว่า เครื่องบินเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้คุกคามอิสราเอลในอนาคต เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอิสราเอลได้หารือกันในประเด็นนี้ และดูเหมือนว่า จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการทำให้แน่ใจว่า อิสราเอลสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อิสราเอลและบาห์เรนประกาศข้อตกลงที่คล้ายกันในเดือนกันยายน 2020 ทั้งสองประเทศได้ลงนามในปฏิญญาสันติภาพ โดยตกลงที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต เจรจาสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ และไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศก็เริ่มทำงานร่วมกันในรายละเอียดว่าทั้งสองประเทศจะให้ความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างไร คล้ายกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความร่วมมืออย่างเงียบ ๆ มานานระหว่างอิสราเอลและบาห์เรน กษัตริย์บาห์เรนประณามการคว่ำบาตรอิสราเอลของสันนิบาตอาหรับในปี 2017 ในปี 2020 บาห์เรนเป็นเจ้าภาพการประชุม "สันติภาพสู่ความเจริญรุ่งเรือง" ซึ่งนำโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และถูกคว่ำบาตรโดยผู้นำปาเลสไตน์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรนประกาศว่า พวกเขาจะร่วมมือกับอิสราเอลเพื่อนำเสนอแนวร่วมหนึ่งเดียวกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลของระบอบอิหร่าน

อิสราเอลและซูดานลงนามข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ในเดือนตุลาคม 2020 ข้อตกลงนี้มีความซับซ้อนมากกว่าข้อตกลงอื่นๆ เนื่องจากรัฐบาลของซูดานกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านโดยมีเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะต้องมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีปัญหาบางประการในการปฏิบัติตามข้อตกลงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ กล่าวคือ ซูดานจะต้องยกเลิกกฎหมายในประเทศที่ห้ามมีความสัมพันธ์กับอิสราเอลเสียก่อน นอกจากนี้ ความก้าวหน้ายังล่าช้าลงเนื่องมาจากการคัดค้านจากกลุ่มต่างๆ ในซูดานและการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลที่ไม่มั่นคง

อิสราเอลและโมร็อกโกประกาศข้อตกลงการสร้างความสัมพันธ์ปกติในเดือนธันวาคม 2020 โมร็อกโกมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเปิดเผย ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาวยิวในโมร็อกโก ซึ่งหลายคนหนีออกจากประเทศไปยังอิสราเอล รัฐบาลโมร็อกโกได้พยายามรักษาประวัติศาสตร์ของชาวยิวและต้อนรับชาวยิวโมร็อกโกที่มาเยือนประเทศนี้ สหรัฐฯ ยอมรับการอ้างสิทธิ์ของโมร็อกโกในดินแดนที่เป็นข้อพิพาทในซาฮาราตะวันตก เพื่อเป็นแรงจูงใจให้รัฐบาลโมร็อกโกฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอล การตัดสินใจครั้งนี้เป็นที่ถกเถียงกัน และยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้จุดยืนเดียวกันนี้หรือไม่

โดยทั้งนี้ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ในประเทศอาหรับที่ได้ลงนามข้อตกลงการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอล ประชาชนส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงลบต่อ 'ข้อตกลงอับราฮัม' ในเดือนพฤศจิกายน 2022 ผู้ตอบแบบสอบถามชาวซาอุดีอาระเบีย 76% กล่าวว่า พวกเขามีมุมมองเชิงลบต่อข้อตกลงอับราฮัม ตามการสำรวจที่ดำเนินการโดยสถาบันวอชิงตันเพื่อการกำหนดนโยบายตะวันออกใกล้ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายนถึง 6 ธันวาคม 2023 ผู้เข้าร่วมการสำรวจชาวซาอุดีอาระเบีย 96% เชื่อว่า ชาติอาหรับควรตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอล และชาวซาอุดีอาระเบียเพียง 16% เท่านั้นที่กล่าวว่า ฮามาสควรยอมรับแนวทางสองรัฐ

ผู้นำปาเลสไตน์ได้ประณามข้อตกลงอับราฮัมอย่างรุนแรง ทางการปาเลสไตน์กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอิสราเอลเป็นการทรยศโดยสิ้นเชิง และโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฮามาสตอบสนองตามที่คาดไว้ โดยกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าว “เป็นไปตามแนวทางของพวกไซออนิสต์” และรัฐอาหรับควรจะดำเนินการต่อต้านการทำให้ปกติต่อไป คำกล่าวเหล่านี้ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ในโลกอาหรับ รวมถึงการสัมภาษณ์ที่ยาวนานโดยอดีตเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐอเมริกา เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อสาธารณชนอย่างรุนแรง และไม่เคยมีมาก่อนต่อผู้นำปาเลสไตน์ จากการสำรวจของศูนย์นโยบายและการวิจัยปาเลสไตน์พบว่า ชาวปาเลสไตน์ร้อยละ 80 ได้บรรยายความรู้สึกของตนต่อ “ข้อตกลงอับราฮัม” ว่า “เป็นการทรยศ การทอดทิ้ง และการดูหมิ่น” ซ่ง เดนนิส รอสส์ อดีตทูตสันติภาพของสหรัฐฯ ประจำตะวันออกกลาง ได้บอกเอาไว้ว่า การเคลื่อนไหวของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ "ควรจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังชาวปาเลสไตน์ด้วยว่า คนอื่นจะไม่รอพวกเขา" เพื่อสร้างสันติภาพกับอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้วิเคราะห์ และประเมินว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาโดยตลอดก็คือ “หากไม่มีความมุ่งมั่นที่มีความน่าเชื่อถือต่อความเป็นรัฐของปาเลสไตน์แล้ว (ซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งที่ “ข้อตกลงอับราฮัม” พยายามหลีกเลี่ยง) การสร้างความปกติจากพื้นฐานที่เป็นอยู่อาจกลายเป็นภารกิจที่ยากจะเข้าใจและสำเร็จลุล่วงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้จะมีการทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่เคยเสร็จสมบูรณ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว”

'พงศ์กวิน' รมว.แรงงานใหม่ มอบ 5 นโยบาย ลั่น จะพยายามเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้ถึง 650 บาท

'พงศ์กวิน' รมว.แรงงานป้ายแดง เข้าทำงานวันแรก มอบ 5 นโยบาย ส่วนเรื่องเพิ่มค่าแรง ลั่นจะพยายามให้ถึง 650 บาท พร้อมเดินหน้าเพิ่มทักษะยกระดับสู่แรงงานมีฝีมือ

(4 ก.ค. 68) เมื่อเวลา 08.19 น. ที่กระทรวงแรงงาน นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงานคนใหม่ เดินทางเข้ามาทำงานที่กระทรวงเป็นวันแรก เดินทางเข้าห้องทำงานบริเวณชั้น 6 โดยมีพระภิกษุสงฆ์ 2 รูปทำพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงาน ในเวลา 09.19 น. ประกอบด้วย พระพุทธสุทธิธรรมบพิตร พระพุทธชินราช ศาลพ่อปู่ชัยมงคล ศาลท้าวมหาพรหมเทวฤทธิ์ ศาลพ่อปู่ชินพรหมมา และสักการะพระพุทธรูปประจำห้องปฏิบัติราชการ

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมายังกระทรวงแรงงานเพื่อมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจนายพงศ์กวิน พร้อมให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า มาให้กำลังใจ รมว.แรงงาน เนื่องจากตนเป็นรองนายกที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงานด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกันถึงแนวทางการขับเคลื่อนกระทรวงแรงงาน ซึ่งจะช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจรวมถึงการช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน ให้มีสภาพการทำงานที่ดี มีค่าแรงที่ดี กระตุ้นเศรษฐกิจได้

ถามถึงนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570  นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องมีการดูรายละเอียดและพิจารณาอีกครั้ง ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงและภาคส่วนต่าง ๆ จากที่ได้มีการหาเสียงเพิ่มค่าแรง จะสามารถเพิ่มได้อย่างไร แค่ไหน เพิ่มแล้วต้องไม่กระทบกับผู้ประกอบการมากเกินไป ถ้าสามารถเพิ่มได้ก็จะทำให้แรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยแล้วจะทำให้ผู้ประกอบการขายของได้ ธุรกิจก็เติบโต ต้องดูในภาพรวม ต้องดูข้อมูลให้ครบถ้วน

ฝึกอบรมทักษะAI ลดหย่อนภาษี
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายพงศ์กวิน ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานภายใต้แนวคิด กระทรวงแรงงาน เพื่อโอกาส แรงงานไทยว่า  ฝากนโยบาย 5 ข้อ

คือ 1. พัฒนาศักยภาพ AI เพื่อยกระดับแรงงานไทย ต้องเร่งพัฒนาหลักสูตรใช้งาน AI ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและการบริการในปัจจุบันไปจนถึงอนาคตและต้องดำเนินการเชิงรุกให้แรงงานเข้าสู่กระบวนการพัฒนาฝีมือด้าน AI

ซึ่งหลักสูตรการอบรมที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินการเองยังไม่เพียงพอต่อการยกระดับฝีมือแรงงานด้าน AI รวมถึงด้านอื่น ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการ แต่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีเครื่องมือสำคัญคือพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานพ.ศ. 2545 ที่ส่งเสริมให้ภาคเอกชนพัฒนาฝีมือแรงงานของตัวเอง โดยให้นำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ หากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานปรับปรุงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อผลักดันให้เอกชนพัฒนาทักษะที่มือด้าน AI เพิ่มมากขึ้นน่าจะเป็นช่องทางทำให้ยกระดับแรงงานฝีมือด้าน AI ให้เกิดผลได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นครับ

2. การคุ้มครองแรงงานอย่างเท่าเทียม ครอบคลุมแรงงานนอกระบบจำนวนกว่า 21 ล้านคน จึงขอให้มีการเร่งผลักดันกฎหมายแรงงานยุคใหม่ให้ครอบคลุมแรงงานนอกและขอให้มีการศึกษาวิจัยรูปแบบการทำงานในปัจจุบัน แนวโน้มความต้องการประกอบอาชีพและลักษณะงานที่คนรุ่นใหม่และเยาวชนที่เข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงหรือบัญญัติกฎหมายแรงงานเพิ่มเติมให้มีความทันสมัยรับรองแรงงานที่มีรูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม

ยกระดับ 1.8 ล้านคน รับค่าแรงเกิน 400 บาท 
3. “Learn to Earn” สนับสนุนและส่งเสริมเยาวชนอายุ 15 – 18 ปี ซึ่งกฎหมายอนุญาตให้ทำงานได้ สามารถทำงานที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจ และต้องไม่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเยาวชน เรื่องนี้ไม่ได้หมายถึงเด็กเยาวชนที่มีฐานะยากจน จึงควรช่วยกันปรับเจตคติของสังคมให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ทำไมเราต้องส่งเสริมการทำงานของคนรุ่นใหม่  

4. สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยการยกระดับรายได้ให้แก่แรงงานไทย  ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมประมาณ 24 ล้านคน แม้ในช่วงนี้ได้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำแล้วถึง 2 รอบ ทำให้แรงงานในพื้นที่และบางสาขาอาชีพได้รับค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาทแต่ยังมีผู้ประกันตนอีก 2.3 ล้านคน ซึ่งเป็นแรงงานไทย 1.8 ล้านคนที่ได้รับค่าจ้างยังไม่ถึงวันละ 400 บาท สะท้อนให้เห็นว่าแรงงาน 90% มีรายได้เกินรายได้เกิน 400 บาทต่อวันแล้ว

สำหรับกลุ่มที่เหลือจำเป็นจะต้องเร่งยกระดับรายได้ของแรงงานกลุ่มนี้โดยด่วน ไม่ว่าจะเป็นการอัปสกิล รีสกิล เพื่อให้แรงงานกลุ่มนี้มีทักษะฝีมือแรงงาน ที่จะเข้าสู่ระบบค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ทำให้ได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นเกินกว่าวันละ 400 บาท

และ 5. การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ไม่ให้เกิดปัญหาแย่งอาชีพคนไทย ปัญหาอาชญากรรม  

พยายามเพิ่มค่าแรงให้ถึง 650 บาท
ก่อนเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามถึงเรื่องนโยบายเรือธงของรัฐบาล เกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ นายพงศ์กวิน กล่าวว่า  กระทรวงแรงงานได้มีการพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วยการอัปสกิล รีสกิล โดยส่วนใหญ่ก็จะมีรายได้ที่สูงกว่า 400 บาทต่อวัน ซึ่งเหลือกลุ่มเป้าหมายตอนนี้ประมาณ 2.3 แสนคนที่จำเป็นที่จะต้องอัปสกิล รีสกิล เพื่อให้มีรายได้ที่สูงกว่า 400 บาทขึ้นไป ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลมามีผู้ประกันตนราว 24 ล้านคน ในจำนวนนี้มีอยู่ 2.3 ล้านที่ได้รับต่ำกว่า 400 บาท  ขณะที่ค่าแรงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 618 บาทต่อวันต่อคน ถือว่าค่อนข้างสูง

“สิ่งที่จะทำคือยกระดับค่าแรงขึ้นไปอีก จะพยายามทำให้ได้ถึงประมาณ 650 บาทต่อวัน แต่ไม่ใช่การยกระดับด้วยอัตราการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะต้องพัฒนาฝีมือของแรงงาน ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมที่เขาจะได้รับนะครับ ถ้าเกิดสมมติว่าเขามีทักษะที่มากขึ้น รับประกันได้ว่าไม่มีนายจ้างคนไหนที่จะปฏิเสธเรื่องการให้ค่าแรงที่สูงขึ้น” นายพงศ์กวินกล่าว 

เมื่อถามกรณีแรงงานกัมพูชา  นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ภาพที่เห็นรายงานเดินทางออกนอกประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องปกติ ส่วนใหญ่เป็น One Day Passport หรือไปเช้าเย็นกลับ ทำให้ดูเหมือนมีคนออกนอกประเทศไทย  แต่ตัวเลขแรงงานต่างด้าวที่กลับออกไปจริงมีประมาณ 20,000 คน จากจำนวนแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยกว่า 500,000 คน เพราะฉะนั้นส่วนที่กลับไปถือว่าไม่มาก ก็ต้องมีการหาแรงงานสัญชาติอื่นเข้ามาทดแทน

การันตีตัวเองมีความสามารถเพียงพอ
เมื่อถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ในฐานะรัฐมนตรีหน้าใหม่ อีกทั้งยังมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ตนเคยบริหารงานในบริษัทของคุณพ่อ และบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มาแล้ว รวมถึง เป็นสส. ในสมัยปี 2562 อยู่ 4 ปี ได้เห็นและเรียนรู้งานทางด้านนิติบัญญัติ หลังจากนั้นก็ได้มาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อยู่ 2 ปี  

“ผมมีความรู้ ทั้งทางด้านนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาว่าจะทำงานได้ไหม ผมสามารถการันตีตัวเองได้ว่า ผมมีความสามารถมากพอ" นายพงศ์กวินกล่าว

เมื่อถามถึงการสานต่อหรือรื้องานของรมว.แรงงานคนเก่าที่มาจากพรรคภูมิใจไทย(ภท.) หรือไม่อย่างไร นายพงศ์กวิน กล่าวว่า แต่ละพรรคการเมืองต่างก็มีนโยบายของตนเอง แต่นโยบายไหนที่ทำไว้ดีก็สานต่อแน่นอน ส่วนที่คิดว่าสามารถทำให้ดีขึ้น ก็พร้อมที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น

‘รัสเซีย’ เซ็นรับรอง ‘ตาลีบัน’ อย่างเป็นทางการ ชาติแรกของโลกที่ยอมรับรัฐบาลอัฟกันฯ ยุคใหม่

(4 ก.ค. 68) รัฐบาลรัสเซียประกาศรับรอง 'รัฐอิสลามอัฟกานิสถาน' ที่นำโดยกลุ่มตาลีบันอย่างเป็นทางการ กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ให้การยอมรับ หลังจากนายดมิทรี จิร์นอฟ (Dmitry Zhirnov) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอัฟกานิสถาน เข้าพบนายอาเมียร์ ข่าน มุตตากี (Amir Khan Muttaqi) รัฐมนตรีต่างประเทศอัฟกานิสถาน ณ กรุงคาบูล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ทางการอัฟกานิสถานระบุว่านี่คือ “ยุคใหม่ของความสัมพันธ์เชิงบวกและเคารพซึ่งกันและกัน” และเป็นตัวอย่างที่นานาประเทศควรศึกษา โดยรัสเซียแถลงว่าการรับรองครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พลังงาน การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐานระหว่างสองประเทศ พร้อมยืนยันจะร่วมมือกับรัฐบาลคาบูลต่อไปในการต่อต้านการก่อการร้ายและยาเสพติด

รัสเซียเคยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่ปิดสถานทูตในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2021 และยังเคยลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจฉบับแรกกับรัฐบาลตาลีบันในปี 2022 ซึ่งครอบคลุมการส่งออกน้ำมัน แก๊ส และข้าวสาลี อีกทั้งได้ถอดชื่อกลุ่มตาลีบันออกจากบัญชีกลุ่มก่อการร้ายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อปูทางสู่ความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบ

แม้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน แต่รัฐบาลตาลีบันยังคงถูกประณามจากนานาชาติ โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิสตรี เช่น ห้ามผู้หญิงเรียนหนังสือระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย จำกัดการเดินทางโดยไม่มีผู้ชาย และบังคับแต่งกายตามกฎศาสนา จนถูกยูเอ็นระบุว่าเข้าข่าย “การแบ่งแยกทางเพศ”

ปัจจุบัน จีน ยูเออี อุซเบกิสถาน และปากีสถานได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำกรุงคาบูลแล้ว แต่ยังไม่มีประเทศใดนอกจากรัสเซียที่ประกาศรับรองรัฐบาลตาลีบันอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันกลับมามีอำนาจในปี 2021


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top