'ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด' สตรีผู้ตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์' | Contributor EP.1
ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด สตรีผู้ถูกนิยามว่า 'โง่' และ 'บ้า' เพียงเพราะตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์ จนสื่อออสเตรเลีย เอาไปตีข่าวครึกโครม
.

ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด สตรีผู้ถูกนิยามว่า 'โง่' และ 'บ้า' เพียงเพราะตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์ จนสื่อออสเตรเลีย เอาไปตีข่าวครึกโครม
.
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี ถอดรหัส ‘อุดมการณ์’ การเมืองไทยแบบ ‘ชัดสุดขั้ว’ ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ดำรงไว้ซึ่งแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย
.
.
เมื่อไม่นานมานี้ มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ได้ทำการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “เสือร้องไห้” (ฮารีมาอู เมอนางิส) โดยอ้างเป็นมรดกทางภูมิปัญญา และกระทรวงวัฒนธรรมของชาวมาเลย์ รวมถึงชาวมาเลย์ไม่เห็นด้วย เพราะรู้ว่าเมนูนี้มีต้นกำเนิดในไทยมากกว่า
ล่าสุดจึงมีการชะลอรับรองคำขอจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสาเหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
Cr. FB Ball Sathapat
@Cake_journey
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า ‘American Rescue Plan’ ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ ในระหว่างการประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยมาตรการดังกล่าวประกอบไปด้วย:
• ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์
• เพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์
• เพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ และให้ขยายโครงการช่วยเหลือไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.
• ให้เงินช่วยเหลือรัฐต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่น จำนวน 3.50 แสนล้านดอลลาร์
• ให้เงินช่วยเหลือโรงเรียนและสถาบันการศึกษา จำนวน 1.70 แสนล้านดอลลาร์
• ให้เงินสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
• ให้เงินช่วยเหลือในโครงการวัคซีนแห่งชาติภายใต้ความร่วมมือกับรัฐและองค์กรต่างๆ วงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์
นายไบเดนกล่าวว่า "การผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี"
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในสภาผู้แทนราษฎร แต่นายไบเดนอาจต้องใช้ความพยายามในการผลักดันให้ผ่านการรับรองในวุฒิสภา เนื่องจากขณะนี้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนเสียงเท่ากันที่ 50 - 50 และการผ่านมาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างต่ำ 60 เสียง ทำให้นายไบเดนจำเป็นต้องพึ่งพาสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 10 เสียงในการผ่านมาตรการดังกล่าว
ช่วงฤดูกาลเช่นนี้ และอากาศแบบนี้ หากนับก่อนช่วงโควิด-19 ระบาด คนไทยมักจะฝันถึงแผนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก โดยจากสถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) รายงานว่ามีคนไทยเดินทางไปญี่ปุ่นเดือนเมษายนมากที่สุดถึง 1.48 แสนคน
ทว่าฝันนี้คงล่าช้าไปอีกยาวนาน หลังล่าสุด นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ สุงะ ของญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศ ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นทุกคนเดินทางเข้าประเทศ ไม่เว้นแม้แต่นักธุรกิจหรือนักเรียนจากไต้หวันและประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมทั้งไทย ที่ได้รับการยกเว้นก่อนหน้านี้
สำหรับมาตรการนี้จะบังคับใช้จนถึงวันที่ 7 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดของประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นๆ ที่พบ Covid-19 ระบาดหนัก