Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49027 ที่เกี่ยวข้อง

1 ปีกับโควิด-19 มีเหล่านักรบเสื้อกาวน์มากมาย และนี่คือ ‘5 แนวรบหมอสู้โควิด’ ที่คนไทยทั้งประเทศสุดคุ้นเคย!!

เป็นเวลากว่า 1 ปีมาแล้ว ที่โควิด-19 เข้ามาในประเทศไทยแล้วไม่ยอมจากไปไหนเสียที โดยเรื่องหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือการมีคุณหมอออกมาแถลงสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงอีกหลาย ๆ ท่านที่ออกไปสู้รบกับเจ้าเชื้อไวรัสชนิดนี้ ในบรรดาคุณหมอเหล่านี้ มี 5 นักรบเสื้อกาวน์ ที่เรามักจะได้เจอกันอยู่บ่อย ๆ ถึงตรงนี้ คงไม่มีคำไหนจะเอ่ยได้ดีเท่า ’ขอบคุณ’

ขอบคุณคุณหมอทั้ง 5 และมากไปกว่านั้น ขอบคุณ ‘เหล่าคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน’ ที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอเป็นกำลังใจให้เหล่าคุณหมอ สู้ต่อไป แล้วพวกเราจะตอบแทนด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีเช่นกัน!!

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้ พิษโควิด ส่งผลกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 64 จะติดลบถึง 10% ขณะที่คาดการณ์ระดับแย่สุด ภาพรวมตลาดอาจลดลงถึง 20% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย ถึงทิศทางการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี 2564 ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่า หากไวรัสโควิดยังแพร่ระบาดยืดเยื้อ จะส่งผลถึงการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้ลดลงถึง 10,000 หน่วย เหลือเพียง 79,000 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าเดิมที่คาดว่าทั้งจะมีที่อยู่อาศัยเปิดตัว 89,000 หน่วย

“มีความเป็นไปได้ว่าปี 64 จะติดลบถึง 10% ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะปีนี้กำลังซื้อที่อั้นอยู่อาจมีไม่มากเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบในแง่ของรายได้ต่อเนื่องมานาน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ได้รับผลกระทบรุนแรง”

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้ประเมินผลผ่านการจำลองหลายสถานการณ์ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงภาพรวมแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับดีที่สุด คือ ตลาดจะโต 5-10% ระดับกลาง ตลาดทรงตัวบวกลบไม่เกิน 0.5 % และระดับแย่ที่สุด ติดลบ 10 % เท่ากับปี 2563 เท่ากับภาพรวมตลาดทั่วประเทศลดลงถึง 20% ซึ่งรุนแรงพอควร เพราะต่ำสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

“ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ย้อน”เสรีพิศุทธ์”สมัยรับราชการก็มีบ่อน แต่จัดการได้เด็ดขาดสักครึ่งที่นายกฯ กำลังทำหรือไม่ ยันรัฐบาลจัดการเด็ดขาดแน่ ไม่เว้นแม้มีจนท.เกี่ยวข้อง แจงข้อเสนอ”กรณ์”ทำบ่อนถูกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีเข้ารัฐ ต้องรับฟังทุกฝ่าย

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี กล่าวถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่ง

เพราะปราบบ่อนกระจอกยังไม่ได้ ว่าหลายคนที่นำคำพูดของนายกฯไปบิดเบือน ที่นายกฯบอกว่าไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ 100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่มีใครที่จะทำได้สำเร็จด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ถ้าทุกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ หากจะให้สำเร็จทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เช่นเดียวกับการทำงานให้กับประเทศ ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ประเทศจึงจะเดินหน้าไปได้ บ่อนการพนันก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าปราบไม่ได้ แต่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือด้วย เพื่อให้สิ่งเหล่านี้หมดไปอย่างแท้จริง

และอยากจะย้อนความจำว่าในสมัยที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังรับราชการอยู่ก็มีบ่อนผิดกฎหมายให้ตำรวจไล่จับกันมาตลอด เมื่อจับเสร็จสักพักคนก็แอบไปเล่นกันอีก ก็เป็นแบบนี้เช่นกันไม่ใช่หรือ อย่าทำเหมือนความจำสั้น เรื่องบ่อนนายกฯ กำชับสั่งการอย่างเด็ดขาดแล้วว่า หากมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ต้องลงโทษเด็ดขาด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดด้วย ถามว่าก่อนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะตำหนิหรือออกมาไล่นายกฯควรย้อนไปดูผลงานตัวเองในอดีตด้วยว่า เคยทำได้สำเร็จหรือกล้าลงโทษเด็ดขาดได้สักครึ่งหนึ่งอย่างที่นายกฯ ทำหรือไม่ ไม่ใช่พ่นน้ำลายไปวันๆ

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เสนอให้รัฐบาลเปิดบ่อนถูกต้องตามกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน แล้วนำภาษีมาเข้ารัฐนั้น การเสนอให้มีบ่อนถูกต้องตามกฎหมายมีการพูดคุยกันมาในทุกยุคทุกสมัย ทุกรัฐบาล มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

คนที่เห็นด้วยบอกว่าหากมีบ่อนถูกกฎหมายจะสามารถเก็บภาษีเพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศได้จำนวนมาก แก้ปัญหาส่วยต่างๆ ได้ ที่สำคัญ บ่อนกาสิโนแต่ละประเทศป้องกันไม่ให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าไปเล่น ไม่ใช่ว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าไปเล่นได้ และทุกประเทศรอบๆ เมืองไทยมีบ่อนถูกต้องตามกฎหมายกันหมดแล้ว มีคนไทยเดินทางไปเล่นจำนวนมาก เงินไหลออกนอกประเทศ จึงสมควรที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะที่คนที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผิดศีลธรรม ไม่ควรมี อาจจะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมาย ก็ต้องฟังเสียงทุกฝ่าย ทุกอย่างอยู่ที่สังคมว่าจะเอาอย่างไร ทุกปัญหา ทุกข้อเสนอแนะ รัฐบาลพร้อมรับฟัง วันนี้พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาให้กับประเทศสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง ส่วนบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง จึงจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นขอให้มองด้วยใจที่เป็นธรรมและขอให้มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เคาะจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท เพื่อใช้ในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว พร้อมบังคับซื้อประกันภัยรองรับกรณีเจ็บป่วย-อุบัติเหตุ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการจัดเก็บและการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท

เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำเรื่องนี้ประกาศลงในราชกิจกานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะมีการประกาศใช้โดยกำหนดค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขต่างๆ โดยจากนี้จะประสานทำตามขั้นตอนให้เสร็จในขณะที่ตอนนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพราะถ้าใช้ตอนที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาคงจะยุ่ง ซึ่งข้อดีของการจัดทำเรื่องนี้ จะสามารถดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรณีที่เขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

ส่วนวงเงินที่จัดเก็บมาแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำเงินไปซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อดูแลเขา ซึ่งเงินที่จะเอาไปซื้อประกันนั้นอาจจัดเก็บที่ประมาณ 34 บาท โดยจากนี้จะไปหารือกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกครั้ง”

สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยนำมาสมทบในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยจะจัดเก็บรูปแบบออนไลน์

เบื้องต้นในปี 64 นี้ หากเริ่มต้นเก็บคนละ 300 บาท ตามประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 10 ล้านคน จะทำให้กองทุนมีเงินถึง 3,000 ล้านบาท

15 มกราคม พ.ศ. 2551 บันทึกสำคัญหน้าทีวีไทย เมื่อ ‘ไอทีวี’ ถูกยุติออกอากาศ เป็นที่มาการเปลี่ยนผ่านสู่สถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ ‘ไทยพีบีเอส’

วันนี้เมื่อ 13 ปีก่อน ถือเป็นอีกหนึ่งบทหน้าบันทึกของวงการโทรทัศน์เมืองไทย เมื่อสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ถูกยุติออกอากาศ พร้อมเปลี่ยนผ่านไปสู่สถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ที่มีชื่อว่า สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

 

กล่าวถึงสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ.2535 โดยการเรียกร้องของประชาชนในยุคนั้น ที่ต้องการสื่อที่นำเสนอข่าวได้โดย ‘อิสระ’ กระทั่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้เปิดการให้สัมปทานช่องใหม่ โดยต้องมีสัดส่วนรายการข่าวและสาระ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และรายการบันเทิง ไม่เกินร้อยละ 30

 

สถานีโทรทัศน์ไอทีวี เริ่มออกอากาศ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 เริ่มด้วยรายการข่าวภาคค่ำ โดยสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับสื่อโทรทัศน์ไทย ด้านการนำเสนอข่าวที่มีความตรงไปตรงมา รวดเร็วฉับไว วิเคราะห์ลึก แต่ต่อมาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ปี พ.ศ. 2540 ได้มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนการแก้ไขสัมปทาน รวมทั้งสัดส่วนของรายการแต่เดิมที่ตกลงกับสปน.

 

ด้วยประเด็นนี้เอง จึงนำมาซึ่งการถูกฟ้องร้อง ผลพวงจากคดี เป็นเหตุให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ต้องจ่ายค่าสัมปทานเท่าเดิมที่ตัวเลข 1,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมกับถูกปรับย้อนหลังอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อเวลาผ่าน ทางสถานีไม่สามารถจ่ายเงินดังกล่าวได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ยกเลิกสัญญาสัมปทานสถานี รวมระยะเวลาการออกอากาศทั้งสิ้น 10 ปี 8 เดือน 6 วัน 5 ชั่วโมง

 

ผลจากการยกเลิกสัมปทาน ทำให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ถูกโอนย้ายไปสังกัดกรมประชาสัมพันธ์นับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2550 กระทั่งสถานีเดิมถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ‘ทีวีสาธารณะ’ โดยในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 สถานีโทรทัศน์ไอทีวีเดิม ก็ได้ถูกเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นทีวีสาธารณะเต็มตัว พร้อมกับชื่อใหม่ว่า สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS-Thai Public Broadcasting Service) และทำการออกอากาศต่อเนื่องจนถึงวันนี้ 13 ปีมาแล้ว

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top