Saturday, 18 May 2024
WORLD

เกาะศึกชิงดำ!! รถไฟฟ้าอีวีโปรเจกต์ X จากซัพพลายเออร์ไอโฟน 'ไทย' ลุ้น!! ชน 'อินเดีย' เบียดขึ้นแท่นปั้น EV 3 ที่นั่งป้อน 3 ประเทศ

(30 ต.ค. 66) เพจ 'BTimes' เผยว่า ฟ็อกซ์คอนน์จ่อผลิตรถอีวีขนาดเล็กส่งขายอินเดีย ญี่ปุ่น ไทย ปีละ 100,000 คัน ลุ้นตั้งโรงงานผลิตในไทย

เอ็มไอเอช คอนซอร์เตียม (MIH Consortium) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฟ็อกซ์คอนน์ ซัพพลายเออร์รายยักษ์ใหญ่ผลิตไอโฟนจากไต้หวัน เปิดเผยว่า เตรียมผลิตและขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีขนาดเล็กใน 3 ประเทศของเอเชีย ได้แก่ อินเดีย, ญี่ปุ่น และไทย ด้วยเป้าหมายการขายปีละ 100,000 คันในตลาดทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว

นายแจ็ค เฉิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เอ็มไอเอช คอนซอร์เตียม กล่าวว่ารถอีวีขนาดเล็กอยู่ในโครงการชื่อว่า 'โปรเจกต์เอ็กซ์' โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 3 ที่นั่ง แบตเตอรี่ไฟฟ้าสามารถเปลี่ยนสลับได้ ที่สำคัญ มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 2 ถึงระดับ 4 ซึ่งขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้งานของผู้ขับรถ สำหรับที่นั่งในรถอีวีขนาดเล็กรุ่นนี้ สามารถปรับเปลี่ยนได้เป็นทั้ง 2 ที่นั่ง และ 3 ที่นั่ง 

เฉิง กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสรุปที่ตั้งฐานการผลิตรถอีวีขนาดเล็ก ซึ่งมีเพียง 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย เนื่องจากฟ็อกซ์คอนน์มีโรงงานอยู่แล้ว หรืออินเดีย เนื่องจากเอ็มไอเอช คอนซอร์เตียม มีหุ้นส่วนธุรกิจอยู่ในประเทศแล้ว 

ตั้งเป้าหมายผลิตปีละ 100,000 คัน เพื่อจำหน่ายในประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และไทย โดยจะเริ่มเข้าสู่ตลาดใน 3 ประเทศนี้ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป แบ่งเป็น 50% หรือ 50,000 คัน ขายในอินเดีย ในไทยขาย 20-30% หรือ 20,000-30,000 คัน และในญี่ปุ่นอยู่ที่ 20% หรือราว 20,000 คัน 

เอ็มไอเอช คอนซอร์เตียม จะให้ใบอนุญาตเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของรถอีวีขนาด 3 ที่นั่งนี้กับบริษัทเอ็ม โมบิลิตี้ ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพในเครือกลุ่มบริษัทมหินทราในอินเดีย ดังนั้น บริษัทเอ็ม โมบิลิตี้ จะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถอีวีขนาดเล็กในทั้ง 3 ประเทศด้วย 

ทั้งนี้ ราคาของรถอีวีโปรเจกต์เอ็กซ์ ซึ่งมี 3 ที่นั่งนี้ ยังไม่ได้กำหนดชัดเจนออกมา แต่เป็นไปได้ที่จะมีราคาถึงคันละ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 740,000 บาท 

‘เกาหลีใต้’ ร่วมไว้อาลัย ครบรอบ 1 ปี ‘โศกนาฏกรรมอิแทวอน’ ด้านห้าง-ร้าน ‘งดจัดฮาโลวีน’ เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ล่วงลับ

(29 ต.ค. 66) เทศกาลฮาโลวีนในเกาหลีใต้ปีนี้ เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ในวันครบรอบ 1 ปีโศกนาฏกรรมอิแทวอน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 160 รายเมื่อปีที่ผ่านมา โดยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร บาร์ รวมถึงสวนสนุกหลายๆ แห่งในเกาหลีใต้ เลี่ยงกิจกรรมในเทศกาลดังกล่าวในปีนี้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเหยื่อของโศกนาฏกรรมดังกล่าว

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้คนเพียงไม่กี่คนที่สวมใส่คอสตูมฮาโลวีนในย่านอิแทวอน ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวยอดนิยมในเทศกาลฮาโลวีนในปีก่อนๆ ขณะที่ผู้คนจำนวนมากพากันไปวางดอกไม้ไว้อาลัย และแปะโพสต์อิทที่มีข้อความแสดงความเสียใจบนกำแพงที่ถูกจัดไว้ รวมถึงจุดธูปหน้ารูปถ่ายของเหยื่อ

ขณะที่ในย่านฮงแด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในกรุงโซล ก็มีผู้คนไม่มากนักเช่นกันที่สวมคอสตูมฮาโลวีน แต่ไม่มีรายงานเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยใดๆ ทั่วเกาหลีใต้ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม

ทางการเกาหลีใต้ได้ระดมกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน และเจ้าหน้าที่อื่นๆ นับพันคนลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม เพื่อควบคุมฝูงชนและดูแลความปลอดภัยของผู้คนที่มาเดินอยู่บนท้องถนนในย่านอิแทวอน และย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่สำคัญๆ อีก 15 แห่งในกรุงโซล

โศกนาฏกรรมอิแทวอนสร้างความโศกเศร้าทั่วประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี นอกจากนี้ประชาชนยังโกรธแค้นที่รัฐบาลเพิกเฉยต่อประเด็นด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบต่างๆ แม้จะมีบทเรียนมาแล้วจากเหตุเรือเฟอร์รีเซวอลในปี 2557 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 304 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่ไปทัศนศึกษา

‘โฮ เซฮุน’ นายกเทศมนตรีกรุงโซล ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง ด้วยการแบกรับความโศกเศร้าและความรับผิดชอบอันหนักหน่วงต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น วิธีเอาชนะความเจ็บปวดและความโศกเศร้าจากเหตุการณ์ดังกล่าว คือการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

ตำรวจประกาศผลการสอบสวนถึงเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า กำลังมีการดำเนินคดีอาญา ซึ่งรวมถึงการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาและประมาทเลินเล่อต่อเจ้าหน้าที่ 23 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมอยู่ด้วย

ในเดือนกุมภาพันธ์ รัฐสภาที่ฝ่ายค้านเป็นผู้ควบคุมได้ลงมติถอดถอนนายลี ซังมิน รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยเกาหลีใต้จากเหตุการณ์ที่อิแทวอน แต่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ก็กลับคำสั่งถอดถอนนายลีดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม

ครอบครัวของเหยื่อและผู้สนับสนุนเรียกร้องให้ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ ออกมาขอโทษอย่างจริงใจมากขึ้น และให้ยอมรับกระบวนการสอบสวนที่เป็นอิสระ โดยมีการออกแถลงการณ์ว่า ทัศนคติของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลได้สร้างบาดแผลที่ลึกและเจ็บปวดมากขึ้นให้กับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาต้องการทราบมีเพียงสาเหตุว่าอะไรทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในวันที่ 29 ตุลาคม 2022 ขณะที่ผู้คนอีกหลายพันคนต้องใช้ชีวิตกับบาดแผลในจิตใจ

ครอบครัวของผู้สูญเสียจะจัดพิธีไว้อาลัยอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์นี้ โดยมีการเชิญประธานาธิบดียุนให้เข้าร่วมงานด้วย แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้นำเกาหลีใต้ตัดสินใจที่จะไม่ไปร่วมงานดังกล่าว เพราะกลัวว่าคู่แข่งทางการเมืองจะนำประเด็นนี้ไปขยายผลทางการเมือง

‘เทียนจิน’ ไม่ธรรมดา!! ได้รับรองจาก ‘กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด’ หลังอวดโฉม ‘นาข้าว’ ผสมผสานศิลปะ 3 มิติใหญ่ที่สุดในโลก

(29 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, เทียนจิน รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ แปลงเพาะปลูกข้าว ขนาดรวม 50,798.390 ตารางเมตร ในเขตหนิงเหอ เทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน ได้รับการรับรองจากกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส (Guinness World Records) ให้เป็นนาข้าวที่มีศิลปะ 3 มิติ ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

รายงานระบุว่าศิลปะสามมิติบนนาข้าวนี้เริ่มต้นเพาะปลูกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 ภายใต้หัวข้อ “ฉลองการเก็บเกี่ยว ส่งเสริมความสามัคคีและความสวยงาม” โดยมีการนำเสนอองค์ประกอบต่างๆ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำ กวางหมีลู่ และรวงข้าว

นายริยาด มันซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ ประจำสหประชาชาติ (UN) ได้กล่าวเรียกร้องให้มีการหยุดยิง

เมื่อไม่นานนี้ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ได้มีการลงมติที่เป็นไปได้ ต่อข้อเรียกร้องให้ ‘หยุดยิงทันที’ ในตะวันออกกลางถูกเลื่อนออกไป เมื่อวันพฤหัสบดี Agencia Brasil รายงาน ร่างดังกล่าวจะกลับมาหารือกันอีกครั้งในวันศุกร์ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มอิสลามิสต์ฮามาส ซึ่งควบคุมภูมิภาคฉนวนกาซา
.
หลังจากการหยุดชะงักหลายครั้งในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเทศต่างๆ ที่สนับสนุนการยุติสงครามในตะวันออกกลาง เรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินของสมัชชาใหญ่ เพื่อพยายามบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
.
แม้ว่าในประเทศต่างๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง เช่น สหรัฐอเมริกา หรือรัสเซีย มีอำนาจในการยับยั้งมติต่างๆ ได้ แต่ในสมัชชาใหญ่ การลงคะแนนเสียงข้างมากก็เพียงพอแล้วสำหรับข้อความที่จะได้รับการอนุมัติ
.
นายริยาด มันซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ ประจำสหประชาชาติ (UN) ได้กล่าวเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที เขาพูดถึงชาวปาเลสไตน์มากกว่า 7,000 คนที่ถูกสังหารนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และตั้งคำถามถึงความแตกต่างในการรักษาที่มอบให้กับเหยื่อชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์
.
“เหตุใดการเสียชีวิตของชาวอิสราเอลจึงเจ็บปวดมาก แต่ชาวปาเลสไตน์อย่างพวกเรากลับดูเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย? อะไรคือปัญหา? เรามีความเชื่อที่ผิดหรือ? หรือผิดที่สีผิว? หรือผิดที่สัญชาติ? หรือผิดที่ที่มาของเรา? ตัวแทนของประเทศต่างๆ จะอธิบายได้อย่างไร ว่าการเสียชีวิตของชาวอิสราเอลนับพันนั้นช่างน่าสยดสยองเพียงใด และไม่รู้สึกแบบเดียวกันกับการตายของชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งพันคนที่กำลังจะเสียชีวิตในเวลานี้ทุกวัน”
.
ที่มา : 
https://en.mercopress.com/2023/10/27/un-general-assembly-evaluating-ceasefire-in-middle-east-war
.
https://www.facebook.com/100063765184493/posts/pfbid023pBjYkRYBJ7Fr8Wt8KKdxAhSAFEJVkP5Qqzw3TVuisms9NsVhFsruvtyj1Dh5CaSl/?mibextid=Nif5oz
.
Click on Clear >> 
.
------------------------------------------------
.
ติดตามผลงานอื่นๆ ของ THE STATES TIMES ได้ที่
TikTok > https://www.tiktok.com/@thestatestimes
.
#THESTATESTIMES
#World
#NewsFeed
#UN
#ปาเลสไตน์
#อิสราเอล
#สงคราม

‘ไบเดน’ กร้าว!! ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มซีเรีย ‘จำเป็น-สมน้ำสมเนื้อ’ เพื่อตอบโต้หลังกำลังพลสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยโดรน-จรวดหลายครั้ง

(29 ต.ค. 66) ‘ประธานาธิบดีโจ ไบเดน’ ยืนยันว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ถล่มภาคตะวันออกของซีเรียในสัปดาห์นี้มีความชอบธรรมทางกฎหมาย ระบุปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการตอบโต้ที่เหมาะสมต่อเหตุใช้โดรนและจรวดเล่นงานกำลังพลสหรัฐฯ รอบแล้วรอบเล่าในภูมิภาคแถบนี้

ในหนังสือที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) ที่ผ่านมา ทางทำเนียบขาวระบุว่า ปฏิบัติการทางอากาศเป็นไปตามกรอบอำนาจทำสงครามของประธานาธิบดี และมีขึ้นตามหลังเหตุโจมตีกำลังพลและที่ตั้งทางทหารของสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเดือนที่ผ่านมา

“ตามคำสั่งของผม ในค่ำคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2023 กองกำลังสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมาย เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ทางภาคตะวันออกของซีเรีย” ไบเดนกล่าว พร้อมระบุว่า โกดังทั้งหลายที่ถูกโจมตีนี้ถูกใช้งานโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

“การโจมตีมีเจตนาเพื่อตั้งมั่นป้องกันตนเองและดำเนินการในแนวทางที่จำกัดความเสี่ยงของสถานการณ์ลุกลามบานปลาย และหลีกเลี่ยงไม่ให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต” หนังสือระบุ พร้อมบอกว่าปฏิบัติการนี้ “เป็นสิ่งจำเป็นและสมน้ำสมเนื้อ”

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวครั้งแรกเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) โดยบอกว่ามันเป็นภารกิจป้องกันตนเองและมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเพื่อปกป้องและคุ้มกันบุคลากรของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรีย

ทั้งนี้ ทาง ‘พลจัตวา แพท ไรเดอร์’ แห่งกองทัพอากาศ บอกในเวลาต่อมา ว่า เครื่องบินรบของอเมริกาโจมตีโกดังเก็บอาวุธและกระสุน ใกล้เมืองอัล-บูคามาล ตามแนวชายแดน พร้อมอ้างว่าโกดังทั้ง 2 ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘จอห์น เคอร์บี’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เน้นว่า พวกเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างประเมินปฏฺิบัติการ และเตือนว่ากองกำลังอเมริกาจะไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมในการป้องกันตนเอง

ฐานทัพต่างๆ ของสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียถูกโจมตีมาแล้วอย่างน้อย 16 รอบ นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา จากข้อมูลของกองบัญชาการสหรัฐฯ มีทหารหลายนายได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังมีพนักงานสัญญาจ้างที่เป็นพลเรือนรายหนึ่งเสียชีวิต สืบเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว ระหว่างที่ถูกโจมตี

ปัจจุบันมีทหารสหรัฐฯ ราว 1,000 นาย ประจำการอยู่ในซีเรีย ยึดครองบ่อน้ำมันสำคัญๆ และทางข้ามแม่น้ำยูเฟรทีสหลายแห่ง ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มติดอาวุธที่นำโดยพวกเคิร์ด แม้ว่ารัฐบาลในดามัสกัส ส่งเสียงประท้วงซ้ำๆ ว่า การปรากฏตัวของทหารสหรัฐฯ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

เหตุโจมตีด้วยจรวดและโดรนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์เป็นไปอย่างดุเดือด เข่นฆ่าชีวิตในทั้ง 2 ฟากฝั่งแล้วมากกว่า 9,000 ราย

วอชิงตันตอบสนองสถานการณ์ความตึงเครียดที่พุ่งสูง ด้วยการประจำการทหารอย่างมีนัยสำคัญ ในนั้นรวมถึงกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี 2 กอง ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่นเดียวกับเรือยกพลขึ้นบกจู่โจม ที่บรรทุกกำลังพล 2,000 นาย ใกล้กับชายฝั่งอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังมีทหารสหรัฐฯ อื่นๆ อีก 900 นาย ถูกส่งเข้าไปประจำการในจุดต่างๆ ที่ไม่มีการเปิดเผยในตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่อเมริกาอ้างว่าความเคลื่อนไหวนี้มีเจตนาเสริมการป้องกันกองกำลังของตนเองในภูมิภาค และป้องปรามไม่ให้ตัวละครภายนอกเข้าเกี่ยวพันในสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส

‘แมทธิว เพอร์รี่’ ดาราดังจากซีรีส์ ‘เฟรนส์’ เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี หลังถูกพบร่างในอ่างน้ำที่บ้านพัก ในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ

(29 ต.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แมทธิว เพอร์รี่ หนึ่งในดารานักแสดงจากซีรีส์ชื่อดัง ‘เฟรนส์’ (Friends) ถูกพบเสียชีวิตในบ้านพัก เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะมีอายุได้ 54 ปี

โดยแหล่งข่าวด้านกฎหมาย เปิดเผยกับลอสแอนเจลิสไทม์สว่า เพอร์รี่ ถูกพบอยู่ในอ่างน้ำร้อน ภายในบ้านพักที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และผู้ที่พบร่างของเพอร์รี่ ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้

ทั้งนี้ แอลเอไทม์ส และทีเอ็มซี เป็นสองสื่อแรกที่รายงานข่าวเรื่องดังกล่าว ซึ่งอ้างจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร

ทั้งนี้ เพอร์รี่ เป็นที่รู้จักจากการแสดงในบทบาท ‘แชนด์เลอร์ บิง’ ผู้ชาญฉลาดในซีรีส์ชื่อดัง ‘เฟรนส์’ ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ที่ฉายนานถึง 10 ซีซั่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1994-2004

ข่าวระบุว่า เพอร์รี่ ต่อสู้กับภาวะติดยาแก้ปวดและติดแอลกอฮอล์มานานหลายปี โดยต้องเข้าร่วมในคลินิกฟื้นฟูหลายครั้ง

นอกจากนี้ ในการพบกันอีกครั้งของกลุ่มนักแสดง ‘เฟรนส์’ ครั้งล่าสุด เพอร์รี่ได้ยอมรับกับเพื่อนนักแสดงด้วยกันเป็นครั้งแรกว่า ระหว่างการถ่ายทำเฟรนส์นั้น เขามีอาการวิตกรุนแรงทุกคืน

อย่างไรก็ตาม ทีเอ็มซีรายงานว่า ในที่เกิดเหตุที่พบเพอร์รี่เสียชีวิต ไม่พบยาเสพติดอยู่แต่อย่างใด

นอกเหนือจากซีรีส์ ‘เฟรนส์’ แล้ว เพอร์รี่ยังแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘Fools Rush In’ และ ‘The Whole Nine Yards’ อีกด้วย

อุตสาหกรรมการบิน ‘อิหร่าน’ ก้าวหน้า แม้ถูกคว่ำบาตร สามารถซ่อมบำรุงเครื่องบินได้เอง โดยผู้เชี่ยวชาญในประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนแห่งอิหร่าน เปิดเผยว่า แม้จะมีการคว่ำบาตร แต่อุตสาหกรรมการบินของประเทศก็มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากและการซ่อมบำรุงเครื่องบินที่มีอยู่ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้โดยผู้เชี่ยวชาญในประเทศ ปัจจุบันไม่มีการส่งเครื่องบินของอิหร่านไปซ่อมในต่างประเทศ การดำเนินการที่เรียกว่า กระบวนการซ่อมแซมชิ้นส่วนของเครื่องบินที่ต้องซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูสภาพสำหรับการบินในช่วงสองปีที่ผ่านมา 

เครื่องยนต์เครื่องบิน 31 เครื่องได้รับการซ่อมแซมโดยบริษัทดาเนชบุนยอน โดยวิศวกรอากาศยานผู้เชี่ยวชาญชาวอิหร่าน จนเครื่องบินแบบ ATR จำนวน 3 ลำ และเครื่องบิน A 319 จำนวน 1 ลำ สามารถกลับคืนสู่วงจรการบินปฏิบัติงานได้แล้ว

Mohammad Mohammadi Bakhsh ผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนแห่งอิหร่าน

โดยเฉลี่ยแล้วการซ่อมเครื่องยนต์เครื่องบินในอิหร่านจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ในขณะที่การส่งเครื่องยนต์ไปซ่อมในต่างประเทศจะใช้เวลามากกว่าสองเดือน ตามที่ผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนแห่งอิหร่านระบุว่า 

ในช่วง 20 เดือนที่ผ่าน มีการนำเข้าเครื่องบิน 60 ลำ เข้ามาในประเทศ จนถึงขณะนี้มีการใช้งานไปแล้ว 30 ลำ เน้นว่า ไม่ว่าจะมีการคว่ำบาตรอย่างไรก็ตาม เราต้องพอเพียงและสร้างศักยภาพความสามารถให้กับตนเอง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้กับอุตสาหกรรมการบินของอิหร่าน วันนี้เรายืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง และสำหรับประเทศที่เป็นมิตรบางประเทศที่เราได้ซ่อมเครื่องบินของพวกเขาในประเทศของเราเองหรือแม้แต่เป็นประเทศที่ใหญ่ๆก็ตาม จึงทำให้เรามีความหวัง ผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนแห่งอิหร่านยังชี้ให้เห็นว่า ก่อนหน้านี้เราประสบปัญหาร้ายแรงในด้านน้ำมันหล่อลื่นหรือน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องบิน บริษัทที่มีชื่อเสียงของโลกไม่ยอมขายน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องบินให้กับอิหร่าน แต่ด้วยความร่วมมือของบริษัทดาเนชบุนยอน ในช่วงเวลาอันสั้นเราไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดหาสำหรับความต้องการของเราเพียงเท่านั้น แต่เรากลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องบินอีกด้วย

'หวังอี้' เยือนวอชิงตัน ส่งสารผู้นำจีนถึง 'ไบเดน' ตอกย้ำ 3 พันธกิจ 'เคารพ-สันติ-ร่วมมือกัน'

(28 ต.ค.66) สำนักข่าวซินหัว เผย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้พบปะกับ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.)

หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้ถ่ายทอดคำทักทายของสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ต่อไบเดนเป็นลำดับแรก

หวัง ระบุเพิ่มเติมว่าการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของเขาในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายสื่อสารกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการตามความเข้าใจร่วมกันที่สำคัญซึ่งบรรลุโดยประธานาธิบดีของสองประเทศ อีกทั้งสานต่อการดำเนินการจากการประชุมสุดยอดที่บาหลีระหว่างสีจิ้นผิงและไบเดนสู่การประชุมสุดยอดที่ซานฟรานซิสโก เพื่อป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีเสื่อมถอยอีกต่อไป และนำพาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับสู่เส้นทางการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมั่นคงในเร็ววัน

หวัง กล่าวว่า หลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ (China-U.S. joint communiqués) 3 ฉบับ เป็นรากฐานทางการเมืองที่สำคัญที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งต้องยึดมั่นโดยปราศจากการแทรกแซง

หวัง กล่าวว่า จีนใส่ใจกับความหวังของสหรัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพและปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน พร้อมเสริมว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อโลก ต่อประวัติศาสตร์ และต่อประชาชน และผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มั่นคงและแข็งแรง โดยสอดคล้องกับหลักการ 3 ประการที่นำเสนอโดยสีจิ้นผิง ได้แก่ การเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

หวังชี้ว่าประเด็นดังกล่าวไม่เพียงเป็นผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของสองประเทศและประชาชนของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นปณิธานร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศด้วย

ด้าน ไบเดน ได้ส่งมอบคำทักทายไปยังประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

ไบเดน กล่าวอย่างชัดเจนว่าเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน พร้อมแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ ยินดีรักษาการติดต่อสื่อสารกับจีนเพื่อร่วมกันจัดการกับความท้าทายระดับโลก

อนึ่ง หวังได้หารือกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ สองครั้ง และจัดการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์กับเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตัน ดี.ซี.

‘จีน’ เดินหน้าขุด ‘หลุมยักษ์’ ลึกกว่า 10,000 เมตร ในซินเจียง หลังตั้งเป้ามุ่งสำรวจ ‘ใต้โลก’ ล่าสุดขุดได้ถึง 8,000 เมตรแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) บ่อน้ำมันทาริม สังกัดบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติจีน (CNPC) ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดในการขุดเจาะหลุมลึกสำหรับการสำรวจทางวิทยาศาสตร์แห่งแรกของจีน ที่จะมีความลึกกว่า 10,000 เมตร บริเวณแอ่งทาริม เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

หวังชุนเซิง ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่มีส่วนร่วมในการสำรวจ ระบุว่า ปัจจุบันงานขุดเจาะได้ขุดลึกลงไปถึงระดับ 8,000 เมตรแล้ว โดยอยู่ที่ความลึก 8,056 เมตร ซึ่งหลังจากผ่านระดับ 8,000 เมตรไปแล้ว เครื่องจักรจะต้องเผชิญสารพัดความท้าทาย อาทิ อุณหภูมิที่มากกว่า 155 องศาเซลเซียส และความดันที่มากกว่าความดันบรรยากาศ 1,100 เท่า

อนึ่ง หลุมเจาะนี้มีความลึกออกแบบ 11,100 เมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของทากลิมากัน ทะเลทรายขนาดใหญ่ที่สุดของจีน

รายงานระบุว่า ชุดอุปกรณ์ อาทิ หัวเจาะและท่อเจาะ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 2,000 ตัน จะทำการเจาะลึกลงไปในพื้นโลกจนทะลุผ่านชั้นหินภาคพื้นทวีปมากกว่า 10 ชั้น อาทิ ชั้นหินครีเทเชียส ในระหว่างกระบวนการขุดเจาะ

ทั้งนี้ แอ่งทาริมจัดเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยากที่สุดสำหรับการสำรวจเนื่องจากสภาพแวดล้อมพื้นดินอันทุรกันดารและสภาพแวดล้อมใต้ดินที่ซับซ้อน

‘มือปืนกราดยิง’ 18 ศพ ในรัฐเมน เสียชีวิตลงแล้ว หลังถูกพบศพอยู่ใกล้แม่น้ำ คาด!! ลั่นไกปลิดชีวิตตัวเอง

(28 ต.ค.66) เอพี รายงานกรมตำรวจรัฐเมน สหรัฐอเมริกา แถลงข่าวพบศพ นายโรเบิร์ต คาร์ด ทหารกองหนุนสหรัฐฯ วัย 40 ปี มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงในเมืองลูอิสตัน รัฐเมนทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 13 คนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม โดยพบศพอยู่ใกล้แม่น้ำในรัฐเมนเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม

ไมค์ เซาส์ชัค ผู้บัญชาการด้านความปลอดภัยรัฐเมน แถลงว่าพบศพของคาร์ดอยู่แม่น้ำแอนโดรสก็อกกิน แถวลิสบอน ฟอลส์ ในรัฐเมนเมื่อเวลา 19.45 น. มีบาดแผลที่เชื่อว่าเป็นการยิงปลิดชีวิตตัวเอง แต่ปฏิเสธที่จะให้ที่อยู่เฉพาะเจาะจง

อย่างไรก็ตาม เอพีอ้างได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยนามเล่าว่า พบศพของโรเบิร์ต คาร์ดที่โรงงานรีไซเคิล ซึ่งโรเบิร์ต คาร์ด เพิ่งทำงานอยู่

‘แก๊งเพื่อนมัธยม’ ช่วยกันดูแล-คอยให้ตังค์ ‘ชายพิการ’ มาตลอด 18 ปี พร้อมสัญญาจะไม่ทิ้งไปไหน จนชาวเน็ตซึ้งใจ บอก!! ญาติยังไม่ทำเท่านี้

เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.66) เว็บไซต์ jeenthainews.com ได้รายงานเรื่องราวดีๆ น่าประทับใจระหว่างเพื่อนว่า…

ว่ากันว่าเพื่อนแท้หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แต่เป็นโชคดีของชายพิการคนหนึ่งที่ได้เจอ ‘เหล่าเพื่อนแท้’ ที่ไม่เคยทิ้งเขาไป และยังคอยดูแลช่วยเหลือมาตลอด 18 ปี

ย้อนไปเมื่อปี 1995 หลังจากเรียนจบโรงเรียนมัธยมในเมืองฉางเต๋อ มณฑลหูหนาน ชายจีนนาม สยงเฉียนจิ้น ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ สมองของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในอาการโคม่านานถึง 58 วัน ทำให้ร่างกายพิการตลอดชีวิตไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ รวมถึงความจำเสื่อม บางส่วน แต่โชคดีที่สยงยังคงจำเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและชื่อของพวกเขาได้

หลังออกจากโรงพยาบาลเขาใช้ชีวิตกับแม่เพียงสองคน โดยมีแค่เงินบำนาญของแม่เลี้ยงชีพ เมื่อได้ทราบเรื่อง เพื่อนในชั้นเรียนทั้ง 49 คนรวมตัวกันช่วยบริจาคเงินให้เขา 12,000 หยวน (ราว 60,000 บาท) ทุกปี รวมถึงคอยซื้อของใช้จำเป็น ไปเยี่ยมเยียน และเชิญเขามาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ

สยง บอกว่า ตนรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุย แบ่งปันเรื่องราวในวันวานกับเพื่อนสมัยเรียน และได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา เขายังพูดต่อว่าหากไม่มีเพื่อนคอยอยู่ด้วย ตนคงจะจบชีวิตไปแล้ว พร้อมขอบคุณเพื่อนที่คอยช่วยเหลือมาตลอด และเขาอยากจะรักษา มิตรภาพนี้ไว้ตลอดไป ส่วนเพื่อนๆ ก็สัญญาว่าจะดูแลเขาไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน

ชาวเน็ตต่างรู้สึกประทับใจในมิตรภาพของสยงและเพื่อน บางคนบอกว่าขนาดญาติพี่น้อง ยังทำให้ได้ไม่เท่านี้เลย

‘อิหร่าน’ ส่งออกอาหาร-สินค้าทางการเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ยก ‘อิรัก-อัฟกัน-UAE-รัสเซีย-ปากีฯ’ คู่ค้าด้านอาหารที่สำคัญ

สภาอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการพาณิชย์ของอิหร่าน ประกาศว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีปฏิทินอิหร่าน 1402 (21 มีนาคม - 22 กันยายน 2566) มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง และอาหารมากกว่า 3.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าราว 2,428 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ไซยิดรูฮุลลอฮ์ ลาตีฟี โฆษกคณะกรรมการพัฒนาการค้า Khaneh Sanat กล่าวว่า ร้อยละ 94 ของน้ำหนัก และร้อยละ 84 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศได้ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมี อิรัก อัฟกานิสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย และปากีสถาน เป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารที่สำคัญที่สุดของอิหร่าน 

ลาตีฟี กล่าวด้วยว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมที่มีมูลค่า 345 ล้านดอลลาร์ มะเขือเทศ มูลค่า 159 ล้านดอลลาร์ และผลิตภัณฑ์ประมงที่มีมูลค่ามากกว่า 140 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกอื่น ๆ ของอิหร่านในภาคส่วนนี้ ได้แก่ ถั่วพิสตาชิโอ, แตงโม, ไข่ไก่, หญ้าฝรั่ง, อินทผาลัม, ลูกเกด, มะเขือเทศเข้มข้น, มันฝรั่ง, แอปเปิ้ล และลูกพีช เป็นต้น

โดย ลาตีฟี ได้เน้นย้ำว่า การส่งออกมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นแรงผลักดันและกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบรรดาผู้กำหนดนโยบายและบรรดาผู้ผลิตควรคำนึงถึงคุณภาพ ความต่อเนื่องของอุปทาน, ราคาที่สามารถแข่งขันได้ ตลอดจนรสนิยม และความยืดหยุ่นของตลาดเป้าหมาย การจัดระเบียบองค์กรต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และการใช้วิทยาการความรู้ที่ทันสมัย, บรรจุภัณฑ์, การขนส่งที่เหมาะสม และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับการพัฒนาของตลาดประเทศเพื่อนบ้าน และเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดที่ห่างไกล หากดำเนินงานในลักษณะนี้ก็จะสามารถทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เหมาะสมได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

‘เสียวหมี่’ เปิดตัว ‘HyperOS’ เป็นระบบปฏิบัติการของตัวเอง เผยข้อดี ‘ลื่นไหล-เสถียร’ มากขึ้น!! พร้อมใช้งาน 31 ต.ค. นี้

(27 ต.ค. 66) สำนักข่าวCNBC รายงานว่า เสียวหมี่ ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติจีน เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ เรียกว่า 'HyperOS' และพร้อมให้ลูกค้าใช้งาน 31 ต.ค. นี้ เมื่อโทรศัพท์ อุปกรณ์สวมใส่ เช่น นาฬิกา และโทรทัศน์รุ่นล่าสุดของเสียวหมี่เริ่มจำหน่ายในจีน

เสียวหมี่ ระบุว่า ระบบ HyperOS สร้างโดยลีนุกซ์ และระบบเสียวหมี่ลีลาที่พัฒนาเอง ซึ่งระบบนี้ทำให้ความลื่นไหลของภาพมีความเสถียรมากขึ้น และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับระบบแอนดรอยด์

เสี่ยวหมี่ ยังเผยเกี่ยวกับความเร็วของระบบประมวลผล ความปลอดภัยของระบบ HyperOS และบอกแนวทางการใช้ระบบในสมาร์ตโฟน รถยนต์ และแล็ปท็อป ซึ่งสามารถแชร์คอนเทนต์และเข้าถึงกล้องของผู้อื่นในระบบใหม่ได้อย่างง่ายดาย

ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เสียวหมี่ได้พัฒนาธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วนสร้างรายได้ประมาณ 22% ของรายได้ทั้งหมดในบริษัทในไตรมาสสอง เป็นรองรายได้จากสมาร์ตโฟนที่มีสัดส่วน 37% และเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) บริษัทได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน 3,999 หยวน หรือราว 19,900 บาท,เครื่องซักผ้าราคา 1,999 หยวน หรือประมาณ 9,900 บาท, และตู้เย็น 2,999 หยวน ราว 14,800 บาท และมีแอปพลิเคชันให้ลูกค้าควบคุมการตั้งค่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเสียวหมี่ได้

ด้าน 'เหลย จุน' ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เสียวหมี่ เผยผ่านโซเชียลมีเดียจีนเมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) ว่าบริษัทเตรียมเปิดตัวรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ด้วย แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งต่างพยายามสร้างความจงรักภักดีในตัวแบรนด์ หรือสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าด้วยการมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง เช่น ระบบ iOS ของแอปเปิ้ล และแอนดรอยด์ของกูเกิล

ด้านหัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนได้พัฒนาระบบปฏิบัติการเป็นของตนเองเช่นกัน เรียกว่า HarmonyOS เพื่อแทนที่แอนดรอยด์ และบริษัทได้ปรับระบบให้เข้ากับสมาร์ตโฟน แล็ปท็อป แท็บเล็ต และชุดโทรทัศน์ ทั้งยังจำหน่ายซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของพาร์ตเนอร์ด้วย

‘อิสราเอล’ ส่งหน่วยรบภาคพื้นดิน พร้อมด้วยโดรน-เครื่องบินขับไล่ บุกโจมตีตอนกลางของฉนวนกาซา สังหาร ผบ.ระดับสูงฮามาสดับ

(27 ต.ค. 66) สำนักข่าวบีบีซีและเอเอฟพีรายงานว่า ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอล สนับสนุนด้วยเครื่องบินขับไล่และโดรนหลายลำ ได้บุกเข้าไปโจมตีในพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ซึ่งโจมตีถูกเป้าหมายของฮามาสหลายสิบแห่ง

“ในส่วนหนึ่งของปฏิบัติการดังกล่าว เครื่องบินขับไล่และโดรนของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ดีไอเอฟ) ได้โจมตีหลายเป้าหมายในพื้นที่ชูจาอียาและที่อื่นๆ ในฉนวนกาซา” แถลงการณ์ของไอดีเอฟระบุ และกล่าวว่า เป้าหมายเหล่านั้นรวมถึงฐานยิงจรวดต่อต้านรถถัง กองบัญชาการและศูนย์ควบคุมทางทหารตลอดจนนักรบฮามาส โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ทหารอิสราเอลได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่มีกำลังพลคนใดได้รับบาดเจ็บ

ก่อนหน้านั้น ไอดีเอฟแถลงอ้างว่า เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอิสราเอลได้สังหาร ‘ชาดี บารุด’ รองหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกลุ่มฮามาส ที่มีส่วนร่วมกับ ‘ยาห์ยา ซินวาร์’ หัวกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ในการวางแผนบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ ไอดีเอฟยังเผยแพร่คลิปวิดีโอโจมตีทางอากาศที่อ้างว่าได้สังหารนายบารุดเป็นการยืนยันอีกด้วย

หลายรัฐในสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง ‘บ.เมตา แพลตฟอร์มส อิงก์’ ชี้!! ปลูกฝังเยาวชนเสพติดโซเชียล เพื่อเพิ่มกำไรให้องค์กร

(27 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.) ร็อบ บอนตา อัยการสูงสุดประจำรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ได้ร่วมเป็นผู้นำแนวร่วมที่ประกอบด้วยอัยการสูงสุดระดับรัฐ 33 คน ยื่นฟ้องดำเนินคดีของรัฐบาลกลางต่อเมตา แพลตฟอร์มส อิงก์ (Meta Platforms Inc.) และบริษัทในเครือ โดยระบุว่าบริษัทฯ ออกแบบและปรับใช้รูปแบบบริการที่เป็นอันตรายบนอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นเสพติดจนได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ

บอนตาระบุผ่านแถลงการณ์ว่าคดีดังกล่าวถูกยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นของสหรัฐฯ สำหรับเขตทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอัยการกำลังสืบหาการใช้คำสั่งห้ามและการช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อจัดการกับการประพฤติโดยมิชอบของเมตา

อัยการสูงสุดระดับรัฐ 8 คนได้ประกาศยื่นฟ้องเมตา เมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.) ในแต่ละศาลรัฐของตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว

อนึ่ง การร้องเรียนของรัฐบาลกลางและรัฐเป็นผลมาจากการสอบสวนทั่วประเทศที่บอนตาประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2021

บอนตาระบุว่าการสอบสวนได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งสรุปได้ว่าเมตา ทำร้ายเด็กและวัยรุ่นด้วยการปลูกฝังการเสพติดเพื่อเพิ่มผลกำไรขององค์กร

ในคดีความข้างต้น เมตาถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางและรัฐ โดยคำร้องเรียนของรัฐบาลกลางระบุว่าการประพฤติมิชอบของเมตา อาทิ การสร้างโมเดลธุรกิจที่เน้นให้ผู้ใช้วัยรุ่นใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การใช้รูปแบบแพลตฟอร์มที่เป็นอันตรายและชักจูงทางจิตวิทยา ขณะที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของรูปแบบเหล่านี้ รวมถึงการเผยแพร่รายงานที่มุ่งแสดงอัตราความเสียหายต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระดับต่ำอย่างไม่ถูกต้อง

บอนตาระบุว่าแม้จะมีหลักฐานมากมายว่าแพลตฟอร์มของเมตาเชื่อมโยงกับอันตรายต่อผู้ใช้หนุ่มสาว แต่เมตากลับปฏิเสธที่จะจัดการกับอันตรายเหล่านั้น และยังคงปกปิดและมองข้ามผลกระทบด้านลบของแพลตฟอร์มต่อไป

อนึ่ง ส่วนหนึ่งของรัฐ 33 แห่งที่ร่วมยื่นฟ้องร้องเมตา ได้แก่ แอริโซนา แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ จอร์เจีย ฮาวาย ไอดาโฮ และอิลลินอยส์ ขณะรัฐฟลอริดากำลังยื่นฟ้องร้องต่อศาลชั้นต้นของสหรัฐฯ ประจำเขตตอนกลางของฟลอริดา

ส่วนโคลัมเบีย แมสซาชูเซตส์ มิสซิสซิปปี นิวแฮมป์เชียร์ โอกลาโฮมา เทนเนสซี ยูทาห์ และเวอร์มอนต์ ได้ดำเนินการยื่นฟ้องที่เกี่ยวข้องในศาลระดับรัฐด้วยเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top