Sunday, 11 May 2025
WORLD

'อินโดฯ' สั่งบล็อก X.com ของ 'อีลอน' หลังเข้าใจผิด คิดว่า X เป็น 'เว็บโป๊'

คลั่ง X จนเป็นเหตุ ถึงขนาดที่ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง SpaceX ได้ตัดสินใจเปลี่ยนโลโก้ และ รีแบรนด์แพลตฟอร์มโซเชียลชื่อดังอย่าง Twitter ด้วยตัวอักษร X พร้อมเปิดเว็บไซต์ X.com เพื่อเป็นช่องทางเข้าถึงบัญชี Twitter ด้วย

แต่ทว่า วันนี้ กระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศของอินโดนีเซีย มีคำสั่งให้บล็อกเว็บไซต์ X.com ของอีลอน มัสก์ เสียแล้ว เนื่องจากพบว่า เว็บไซต์ที่มีตัวอักษร X มักถูกใช้ในการเผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร และ การเล่นพนันผิดกฎหมายในอินโดนีเซีย

อีกทั้งตอนนี้รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายปราบปรามเว็บไซท์ที่เผยแพร่หนังโป๊ และ เว็บพนันอย่างหนัก ทำให้ X.com ของอีลอน มัสก์ ติดร่างแหไปด้วย เพราะในระบบตรวจจับของทางการอินโดนีเซียยังเข้าใจว่า X.com คือ 'เว็บโป๊'

ดังนั้น การบล็อก X.com ของรัฐบาลอินโดนีเซีย จะส่งผลให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในประเทศราว 24 ล้านบัญชี จากประชากรชาวอินโดนีเซียทั้งหมดกว่า 270 ล้านคน ไม่สามารถใช้ Twitter ได้

ทั้งนี้ อุซมาน กันซอง อธิบดีกรมสารสนเทศและการสื่อสารสาธารณะ กล่าวว่าทางรัฐบาลได้ติดต่อทาง X.com และตัวแทนของทาง Twitter เพื่อออกหนังสือชี้แจงถึงกิจการ และเนื้อหาที่จะเผยแพร่บนเว็บไซต์ เพื่อพิจารณาปลดล็อกต่อไป

ฉะนั้น เรื่องนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งความยุ่งยากที่ผู้บริหาร Twitter ต้องจัดการ และสร้างความเข้าใจในตัวตน และ โลโก้ใหม่ล่าสุดแทนสัญลักษณ์นกสีฟ้า แต่ยังไม่อาจหยุดยั้งความหลงใหลในตัวอักษร X ของอีลอน มัสก์ ได้

หากย้อนกลับไปในปี 1999 ที่เป็นยุคที่เรียกว่า dot-com generation ธุรกิจในโลกอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู อีลอน มัสก์ และเพื่อนๆ ได้แก่ แฮริส ฟริคเกอร์, คริสโตเฟอร์ เพยน์ และ เอ็ด โฮ ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ที่ชื่อว่า X.com ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยตั้งใจให้เป็นธนาคารออนไลน์เต็มรูปแบบ ที่จะรวมบริการฝาก-ถอน เงินกู้ สินเชื่อ ประกันภัย ไว้ในที่เดียวกัน แม้จะมีหลายคนติงว่า ตัวอักษร X มักถูกโยงให้นึกถึงคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ แต่อีลอน มัสก์ ชอบชื่อนี้มาก และยืนยันที่จะเปิดโดเมน ด้วยชื่อนี้ให้ได้

และต่อมา X.com ได้ควบรวมกิจการกับ Confinity Inc. บริษัทซอฟต์แวร์ด้านธุรกรรมการเงิน และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Paypal ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ในเวลาต่อมา จนมาในปี 2017 อีลอน มัสก์ ยอมควักกระเป๋าซื้อโดเมน X.com คืนมาจาก Paypal ซึ่งเขาได้โพสต์ความรู้สึกผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาในตอนนั้นว่า ยังไม่มีแผนว่าจะเอาโดเมน X.com มาทำอะไร แต่ชื่อโดเมนนี้มีคุณค่าทางจิตใจกับสำหรับเขา

่มาวันนี้ อีลอน มัสก์ มีแผนสำหรับ X.com ที่จะคืนชีพด้วยการนำมาสวมแทนแบรนด์ Twitter เสียเลย และขั้นต่อไป อีลอน มัสก์ ตั้งใจที่จะต่อยอดให้ Twitter เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มโซเชียล โดยเปลี่ยนให้เป็นแอปพลิเคชันที่ทำได้ทุกอย่าง อาทิ บริการชำระเงิน และ ธนาคารดิจิทัล

แต่ปัญหาคือ ภาพจำของคนทั่วไปกับตัวอักษร X ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมักถูกใช้ในเว็บไซต์ลามกอนาจาร หรือมีเนื้อหาต้องห้าม ผิดกฎหมาย หรือแม้กระทั่งการดูหมิ่นศาสนา ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงในอินโดนีเซีย ประเทศที่มีชุมชนชาวมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก

จึงเป็นเหตุให้ X.com ขออีลอน มัสก์ ถูกเบรกอย่างกะทันหันในอินโดนีเซีย และมีแนวโน้มที่จะถูกจับตาเป็นพิเศษ ถึงเนื้อหาที่เผยแพร่ใน Twitter หลังจากที่สวมแบรนด์ X อีกด้วย

ดังนั้น ความท้าทายของอีลอน มัสก์ จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ Twitter เป็น X อย่างเดียว แต่จำเป็นต้องรีแบรนด์ ภาพลักษณ์ของตัวอักษร X ในสายตาชาวโลกด้วย

‘ฮุนเซน’ ประกาศลาออก ส่งไม้ต่อให้ลูกชาย หลังนั่งผู้นำประเทศกัมพูชานานเกือบ 40 ปี

‘ฮุนเซน’ ผู้นำประเทศกัมพูชา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังปกครองคนเดียวเป็นระยะเวลานานเกือบ 40 ปี ส่งไม้ต่อให้บุตรชายขึ้นตำแหน่งแทน หลังพรรคประชาชนกัมพูชา ชนะแบบแลนด์สไลด์

(26 ก.ค.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันพุธที่ 25 กรกฏาคมที่ผ่านมา ว่า จะไม่ดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ หลังพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ‘ชนะแบบแลนด์สไลด์’ ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ด้วยจำนวน 120 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนอีก 5 ที่เหลือเป็นของพรรคฟุนซินเปก

ทั้งนี้ ผู้นำกัมพูชา วัย 70 ปี กล่าวว่า พล.อ.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโต วัย 45 ปี ซึ่งได้รับเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสมัยแรก จะเป็นผู้นำการจัดตั้งรัฐบาล และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยในระหว่างนี้ สมเด็จฮุน เซน จะยังคงรักษาการในตำแหน่งผู้นำรัฐบาล

จับตา 'สี จิ้นผิง' สั่งกองทัพจีนเตรียมพร้อมรบตะวันตก ชี้!! ไม่ถึงขั้นสงครามครั้งที่ 3 แต่ปะทุจากพิกัดเฉพาะจุด 

(26 ก.ค. 66) ตามรายงานของเกียวโดนิวส์ สื่อมวลชนญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.66) ได้เผยว่า ก่อนหน้านี้ หากยังพอจำกันได้ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน เคยบอกกับบรรดาผู้นำกองทัพระหว่างการประชุมหนึ่งเมื่อปี 2020 ด้วยการผงาดขึ้นมาของจีนและการเสื่อมถอยของตะวันตก ปักกิ่งจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามระหว่าง 2 ฝ่าย

โดยคำกล่าวนั้น อ้างอิงเอกสารจากการประชุมระหว่าง สี กับ คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สื่อมวลชนญี่ปุ่นอ้างว่า สี ได้ประกาศกับที่ประชุมว่า “ตะวันออกกำลังผงาด และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย”

ท่ามกลางดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปนี้ สี คาดการณ์ว่าความขัดแย้งระดับท้องถิ่นจะปะทุขึ้นและลุกลามบานปลาย อย่างไรก็ตาม ในการสันนิษฐานครั้งนั้นเขาตัดความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งที่ 3 ทั้งนี้ไม่ชัดเจนว่าในตอนนั้น สี มองว่าความขัดแย้งจะมีต้นกำเนิดที่ใด แต่สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ เชื่อว่าผู้นำจีนมองไต้หวัน ในฐานะล่อแหลมที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด

รายงานข่าวระบุว่า เอกสารเหล่านี้ผ่านการเรียบเรียงหลังการประชุมเมื่อปี 2020 และส่งไปยังบรรดาผู้บัญชาการทหารจีนและพวกเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว รัสเซีย ได้สู้รบกับสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เรียกว่า “กลไกทางทหารตะวันตกทั้งมวล” ในยูเครนไปแล้ว ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน ทวีความร้อนแรงมาถึงจุดเดือด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา พูดซ้ำๆ ว่าเขาจะปกป้องเกาะแห่งนี้ ที่จีนกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนด้วยกำลังทหาร

การประชุมของสี และคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เกิดขึ้นก่อนหน้ารัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนราวปีเศษๆ และในตอนนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ง่วนอยู่กับการทำสงครามการค้ากับปักกิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจยังไม่ถึงจุดต่ำสุดเหมือนเช่นปัจจุบันภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน
.
โดยไม่คำนึงถึงเรื่องดังกล่าว รายงานข่าวระบุว่า สี เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่กองทัพจีนต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่จะระเบิดขึ้นและปฏิกิริยาลูกโซ่ของมัน และสั่งให้พวกผู้บัญชาการกองทัพ "เตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่องสำหรับปกป้องอธิปไตยของจีนและผลประโยชน์แห่งชาติ"

คำสั่งของสี เกิดขึ้นระหว่างการประชุมลับ แต่บ่อยครั้งที่ผู้นำจีนมักพูดแบบเดียวกันต่อที่สาธารณะ เขาเคยออกคำสั่งให้ทหาร “ฝึกฝนเสริมความเข้มแข็งอย่างครอบคลุม เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม" ระหว่างการเดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว และในเดือนเมษายน เขาบอกกับกำลังพลให้มุ่งเน้นการฝึกฝนไปที่ “การสู้รบจริง” ในการปกป้อง “อธิปไตยเหนือเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเลของจีน”

ผู้โดยสารหญิงนั่งฉี่ในห้องโดยสารสายการบินสหรัฐฯ หลังพนักงานต้อนรับไม่อนุญาตให้เธอใช้ห้องน้ำ

(26 ก.ค. 66) นิวยอร์กโพสต์ รายงาน ผู้หญิงคนหนึ่งถูกบันทึกภาพขณะกำลังนั่งฉี่ตรงหัวมุมหนึ่งของห้องโดยสารของเครื่องบินสปิริต แอร์ไลน์ส สายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติสหรัฐฯ ระหว่างนั้นก็ส่งเสียงคร่ำครวญอ้างว่าพวกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่อนุญาตให้เธอใช้ห้องน้ำ ในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ตามรายงานของเว็บไซต์ airlive.net 

"ฉันอยากปัสสาวะมา 2 ชั่วโมงแล้ว แต่คุณเอาแต่บอกฉันว่าไม่สามารถฉี่ได้ คุณปิดประตู" ผู้หญิงรายดังกล่าวโวยวายใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พร้อม ๆ กับนั่งยอง ๆ ปลดทุกข์บนพื้นห้องโดยสาร

จากนั้นได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรายหนึ่งพูดกับผู้โดยสารหญิงรายนี้ว่า "พูดทักทาย กล้องหน่อย" กระตุ้นให้เธอตอบโต้ว่า "เครื่องบินจอดแล้ว ฉันอั้นฉี่ไม่ไหว" และบอกว่าพวกพนักงานต้อนรับลูกเรือต้องโทษตัวเองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "พวกคุณจะทำอะไรก็ตามใจ พวกคุณสามารถส่งหมายจับ หรือจะให้ดี ก็จับฉันเลย" ผู้โดยสารหญิงพูดประชด

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพูดเหน็บแนมกลับ แนะนำให้ผู้โดยสารรายนี้ดื่มน้ำมากๆ "เพราะว่ากลิ่นฉี่ของคุณน่าสะอิดสะเอียนมาก" พร้อมสะบัดมือใกล้ ๆ จมูก ทำท่าเหม็นกลิ่น

ในช่วงท้ายของคลิปวิดีโอสั้นๆ ซึ่งโพสต์เมื่อวันศุกร์ (21 ก.ค.) พบเห็นผู้หญิงดังกล่าวลุกขึ้นและดึงกางเกงกลับเข้าที่ ก่อนเดินออกไป ในขณะที่พบเห็นผู้โดยสารหลายคนเดินออกไปทางประตูเครื่องบิน

ทั้งนี้ ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนเที่ยวบินไหน และอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น โดยทาง airlive.net พยายามติดต่อสอบถามไปยังสายการบินสปิริต แอร์ไลน์ส แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้โดยสารรายหนึ่งเลือกฉี่บนพื้นของเครื่องบิน หลังจากอั้นไม่ไหว โดยในปี 2018 ผู้โดยสารรายหนึ่งบนเที่ยวบินของสายการบินวิซซ์ แอร์ เข้าไปปลดทุกข์ในห้องครัวของเครื่องบิน หลังได้รับแจ้งว่าไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้ ในระหว่างที่เครื่องบินกำลังเติมเชื้อเพลิง

'สี จิ้นผิง' เซ็นปลด 'ฉิน กัง' พ้น รมต.ต่างประเทศ  พร้อมตั้ง 'หวัง อี้' คืนตำแหน่ง พาน กงเซิ่งนั่งผู้ว่าแบงก์ฯ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติระดับสูงของจีน ได้ลงคะแนนเสียงแต่งตั้งหวังอี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และพานกงเซิ่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน

มติที่ได้รับการรับรอง ณ การประชุมครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 14 ระบุว่าฉินกังถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ส่วนอี้กังถูกปลดจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อบังคับใช้มติดังกล่าว

จ้าวเล่อจี้ ประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเปิดการประชุมเมื่อเช้าวันอังคาร (25 ก.ค.)

มีการพิจารณาร่างกฎหมายอาชญากรรม (Criminal Law) ฉบับแก้ไข ณ ที่ประชุมครั้งนี้ด้วย

ร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขดังกล่าวมุ่งเน้นการดำเนินการตามหลักการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และนโยบายเกี่ยวกับการต่อสู้การทุจริตและการคุ้มครองผู้ประกอบการเอกชนอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย

ขณะเดียวกันร่างกฎหมายฯ ฉบับแก้ไขนี้ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับอาชญากรรมด้านการเสนอสินบน รวมถึงการทุจริตที่กระทำการโดยบุคลากรผู้ประกอบการเอกชน

เมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร (25 ก.ค.) จ้าวเป็นประธานการประชุมสภาคณะประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ ก่อนปิดการประชุมครั้งนี้

อนึ่ง การประชุมแบบปิดครั้งนี้ ซึ่งเข้าร่วมโดยสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ จำนวน 169 คน ได้อนุมัติการแต่งตั้งและการปลดบุคลากรข้างต้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้ามีข่าวว่านาย ฉิน กัง วัย 57 ปี อดีตที่ปรึกษาของสีจิ้นผิงและเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศจีนเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ฉินได้หายตัวอย่างปริศนาไปจากสาธารณะนับจากวันที่ 25 มิ.ย. ระหว่างนี้ยังมีการมอบหมายให้ นาย หวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 11-14 ก.ค. ที่ผ่านมา (แทนที่จะเป็นฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน) ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา อาทิ ฉินกังป่วยหนัก และข่าวลือเรื่องอื้อฉาวชู้สาวกับนักข่าวพิธีกรรายการโทรทัศน์คนดังคือนางฟู่เสี่ยวเถียน

‘อินเดีย’ เตรียมส่ง ‘ดาวเทียมสิงคโปร์’ ทะยานสู่ห้วงอวกาศ เพื่อใช้สนับสนุนการถ่ายภาพดาวเทียมของหน่วยงานรัฐฯ

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, นิวเดลี รายงานว่า องค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย หรือ ‘ISRO’ ประกาศแผนการส่งจรวดปล่อยดาวเทียมพีเอสแอลวี-ซี 56 (PSLV-C56) ซึ่งบรรทุกดาวเทียมดีเอส-เอสเออาร์ (DS-SAR) ของสิงคโปร์ พร้อมดาวเทียมอีก 6 ดวง ขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 30 ก.ค. นี้

แถลงการณ์จากองค์การฯ เผยกำหนดการปล่อยจรวดตอน 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากฐานปล่อยจรวดแห่งที่ 1 ของศูนย์อวกาศสาธิต ดาวัน ในเมืองศรีหริโกฎา โดยบริษัท นิวสเปซ อินเดีย จำกัด (Newspace India) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดสำนักอวกาศของอินเดีย เป็นผู้จัดซื้อจรวดดังกล่าว

องค์การฯ กล่าวว่าดาวเทียมดีเอส-เอสเออาร์ จะถูกใช้สนับสนุนการถ่ายภาพดาวเทียมของหน่วยงานต่างๆ ภายในรัฐบาลสิงคโปร์ โดยบริษัท เอสที เอ็นจิเนียริง (ST Engineering) ของสิงคโปร์ จะใช้ดาวเทียมสำหรับการถ่ายภาพหลายรูปแบบและตอบสนองไว รวมถึงบริการเชิงพื้นที่สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์

อนึ่ง ดาวเทียมที่ปล่อยอีกหกดวง ได้แก่ วีลอกซ์-เอเอ็ม (VELOX-AM) อาร์เคด (ARCADE) สคูบ-2 (SCOOB-II) นูลิออน (NuLIoN) กาลาสเซีย-2 (Galassia-2) และโออาร์บี-12 สไตรเดอร์ (ORB-12 Strider)

‘เกาหลีใต้’ เผชิญวิกฤต ‘สังคมผู้สูงอายุ’ เพิ่มจำนวนต่อเนื่อง หลังยอดแรงงานสูงวัยพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2023

(25 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, โซล รายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งเกาหลีใต้ รายงานว่า อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานของผู้สูงอายุเกาหลีใต้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ท่ามกลางภาวะประชากรสูงอายุในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานระบุว่าจำนวนประชากรผู้มีอายุ 55-79 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปีก่อน อยู่ที่ 15,481,000 คนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 34.1 ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยร้อยละ 60.2 ของผู้มีอายุ 55-79 ปี ทำงานเชิงเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.8 จุด

อัตราการมีส่วนร่วมดังกล่าว ครอบคลุมผู้สูงอายุที่มีงานทำและผู้สูงอายุที่กำลังหางานทำ โดยจำนวนผู้สูงอายุที่มีงานทำในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 9,120,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 349,000 คน ส่วนอัตราการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 0.8 จุด จนแตะระดับสูงใหม่ที่ร้อยละ 58.9

ทั้งนี้ ร้อยละ 68.5 ของประชากรสูงอายุคาดหวังจะทำงานต่อไป เพื่อหาค่าครองชีพและความสุขจากการทำงาน

รายงานระบุว่าผู้รับเงินบำนาญของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 50.3 ของผู้สูงอายุทั้งหมดในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.9 จุด โดยเฉลี่ยผู้สูงอายุเพศชายรับเงินบำนาญ 980,000 วอน (ราว 26,494 บาท) ต่อเดือน ขณะผู้สูงอายุเพศหญิงรับเงินบำนาญ 500,000 วอน (ราว 13,517 บาท) ต่อเดือน

ที่มา : Xinhua

‘พรรค JRP’ ญี่ปุ่น ลงดาบนักการเมืองสาวในสังกัด หลังโพสต์ภาพเซ็กซี่ ขายภาพโป๊เปลือยในสื่อออนไลน์

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อญี่ปุ่นได้รายงานเรื่องราวสุดอื้อฉาวของ ‘เอริกะ ซาโต้’ นักการเมืองท้องถิ่นสาววัย 37 ปี ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมาชิกสภาเมืองอาเงโอะ ในจังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น

โดย ซาโต้ เป็นอดีตสมาชิกวงไอดอลและเป็นนางแบบแนวเซ็กซี่ ต่อมาในปี 2562 เธอได้ลงสมัครสภาเมืองอาเงโอะ ในนามพรรคปกป้องประชาชนจากเอ็นเอชเค และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยแรก จากนั้นเธอได้ลาออกจากพรรคและย้ายมาอยู่กับพรรค JRP เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

หลังจากเข้าสู่เส้นทางการเมือง ซาโต้ มีทวิตเตอร์ทางการในนามสมาชิกสภาเมือง และเธอยังมีทวิตเตอร์อีกแอ็กเคานต์ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 8,000 คน โดยเธอมักโพสต์รูปภาพสุดเซ็กซี่ เปิดเผยเรือนร่างอย่างชัดเจน นอกจากนี้มีการซื้อขายภาพลับให้กับแฟนคลับอีกด้วย

สำหรับเรื่องนี้ ซาโต้ ให้สัมภาษณ์กับทางบุนชุนว่า เธอขายภาพส่วนตัวให้แฟน ๆ จริง โดยขายในราคาไม่ได้สูงนัก เริ่มต้นเพียง 1,000 เยน หรือราว ๆ 240 บาท แต่เมื่อพรรคทราบเรื่อง ทางพรรคได้สั่งห้ามเธอแล้ว เธอจึงขายภาพลับให้กับแฟน ๆ ได้เพียง 3 คนเท่านั้น

ต่อมา ซาโต้ ได้ประกาศขอโทษทางทวิตเตอร์ โดยเธอน้อมรับคำวิจารณ์และจะปรับปรุงตัว อย่างไรก็ตาม ในสองวันถัดมา ทางพรรค JRP ได้ประกาศว่าจะไม่สนับสนุนเธอลงเลือกตั้งสมัยหน้า ซึ่งหลายคนคาดว่านี่ถือเป็นการกดดันให้เธอลาออกจากพรรคไปเอง

'คนร้าย' ผวา!! รีบคืนมือถือสาวบราซิลหลังปล้นได้แป๊บเดียว เหตุ!! เห็นรูป 'จิน BTS ในชุดทหาร' และคิดว่าเป็นแฟน

เมื่อไม่นานมานี้ สื่อฝั่งบราซิลได้รายงานเรื่องราวของสาววัย 21 ปีที่เจอเหตุการณ์สุดระทึก เผยว่า เธอคนนี้เป็นแฟนคลับของศิลปินวง BTS หรือที่หลายคนรู้จักกันในนามอาร์มี่ โดยวันเกิดเหตุนั้นเธอกำลังยืนรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ก่อนจะถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ด้วยการกระชากมือถือของเธอไป ซึ่งภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เธอเลือกใช้นั้นเป็นรูปถ่ายของ ‘จิน BTS’ ในชุดทหารที่เป็นเครื่องแบบใส่ตอนเข้ากรมของเกาหลีใต้

หญิงสาวรายดังกล่าวเผยอีกว่า หลังจากที่คนร้ายได้คว้าโทรศัพท์มือถือของเธอไป เขาก็ทำการกดดูหน้าจอพร้อมกับมีท่าทีที่ไม่เหมือนเดิม เมื่อเห็นรูปของซอกจินสวมชุดทหารจากโทรศัพท์ ซึ่งดูเหมือนเขาจะคิดเองแล้วว่าทหารในรูปนั้นคงเป็นแฟนของหญิงสาวรายนี้ ก็เลยคืนโทรศัพท์มือถือให้แล้วรีบวิ่งหนีไป

หลังจากที่อาร์มี่สาวรอดพ้นจากการปล้นชิงทรัพย์มาได้อย่างปลอดภัย เรื่องราวของเธอก็ถูกเปิดเผยจนกลายเป็นกระแสฮือฮาขึ้นมาในหมู่แฟนคลับ K-pop โดยชาวเน็ตหลายต่อหลายคนพากันคอมเมนต์ถึงเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น “จินได้ช่วยชีวิตไว้”, “BTS จะช่วยอาร์มี่เสมอ”, “น่าทึ่งมาก”, “ฉันจะตั้งรูปทหารเป็นภาพพื้นหลังของโทรศัพท์ตอนไปต่างประเทศ”, และ “โอ้..แค่รูปถ่ายของเขาก็สามารถช่วยชีวิตคนได้” เป็นต้น

วาทะสั้นๆ แต่สั่นสะเทือนหัวใจคนรักชาติ

วาทะสั้นๆ แต่สั่นสะเทือนหัวใจคนรักชาติ

ขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนทะลุ 4 หมื่นคน ในวันที่เปิดบริการ ครบ 100 วัน

(24 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งเริ่มต้นบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนอย่างเมื่อเดือนเมษายน ได้ขนส่งผู้โดยสาร 41,735 คน เมื่อนับถึงวันเสาร์ (22 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นวันที่เปิดบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนครบ 100 วัน

รายงานระบุว่าทางรถไฟจีน-ลาว วิ่งจากนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านภูเขาและหุบเขาจนถึงนครหลวงเวียงจันทน์ของลาวด้วยระยะเวลา 10 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนับรวมเวลาที่ใช้ในพิธีการศุลกากร

จุดผ่านแดนตำบลโม๋ฮัน ณ ชายแดนจีนที่ติดกับลาว ระบุว่ามีการเดินรถไฟ 200 เที่ยว ซึ่งขนส่งผู้โดยสารจาก 49 ประเทศและภูมิภาค จำนวน 41,735 คน โดยจำนวนผู้โดยสารขาเข้าอยู่ที่ 22,066 คน ซึ่งมากกว่าผู้โดยสารขาออกราวร้อยละ 12.2 และร้อยละ 54 เป็นนักท่องเที่ยว

เทรนด์คนจีนยุคใหม่ 'ขอกลับมารับจ้างเป็นลูกให้พ่อแม่เลี้ยง' หลัง 'หมดไฟ-งานหายาก-ตกงาน-เบื่อแก่งแย่ง-แข่งขันสูง'

(24 ก.ค.66) เพจ 'Reporter Journey' ได้โพสต์บทความเกี่ยวกับคนจีนยุคนี้ที่เริ่มขอเป็น 'ลูกฟูลไทม์' กันมากขึ้น หลังจากหมดไฟทำงาน งานหายาก ตกงาน เบื่อแก่งแย่งแข่งขัน กลับมาอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงดีกว่า ไว้ว่า..

ในสภาวะที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และจากอัตรการฟื้นตัวที่ชะลอตัว และยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศโดยเฉพาะความแข็งแกร่งของสถาบันการเงิน ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ต้นทุนการใช้ชีวิตที่มากกว่ารายได้ และปัญหาที่ประชาชนเริ่มไร้ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งซุกเอาไว้ใต้พรมและเริ่มที่จะกลบเอาไว้ไว้ไหวอีกต่อไป

สิ่งเหล่านี้กำลังบั่นทอนคุณภาพสังคมจีนที่หลายฝ่ายเคยเชื่อมั่นว่าจะเป็นเครื่องยนต์สำรองที่จะขับเคลื่อนโลก ในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็สุดท้ายก็ไม่สามารถเดินเครื่องช่วยพยุงใครได้ เพราะลำพังแค่พยุงตัวเองก็ลำบากแล้ว

การที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างหนักส่งผลทำให้เปิดปัญหาในเชิงสังคมตามมาโดยเฉพาะการว่างงานที่สูงมากขึ้นในกลุ่มผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 20 - 30 ปี ยิ่งกดดันให้คนในช่วงอายุนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเริ่มกัดกินความรู้สึกอยากต่อสู้จนเริ่มหมดไฟ และพร้อมหันหลังให้กับสนามแข่งขัน

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในจีนตอนนี้ กำลังเข้าสู่เทรนด์ของ 'การกลับไปเป็นลูกอีกครั้งแบบฟูลไทม์' หรือ 'รับจ้างเป็นลูกให้พ่อแม่เลี้ยง' ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ไม่มีงานประจํา และอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในสังคมจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่านี่คือสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากต่ออนาคตของประเทศ จากการที่ผู้ใหญ่ได้สร้างสังคมที่กำลังไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตของคนยุคนี้

การเป็นลูกฟูลไทม์ ที่พ่อแม่จ่ายจะเงินให้เพื่อแลกกับการทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ในบางกรณีอาจเรียนต่อหรือพยายามหางานทําไปพรางๆ แต่พ่อแม่ยังคงต้องเลี้ยงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้งานที่ต้องการทำ

ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เกิดขึ้นกับผู้ที่ไร้การศึกษา หรือชีวิตไม่มีทางเลือกเพราะเรียนมาไม่สูง แต่เกิดกับผู้ที่มีการศึกษาที่ดี ซึ่งลูกฟูลไทม์บางคนกล่าวว่า พวกเขาเบื่อกับสภาพแวดล้อมการทํางานที่มีการแข่งขัน ชั่วโมงการทํางานที่ยาวนาน และค่าครองชีพที่สูงในเมืองใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการที่ชัดเจนกว่าคือ พวกเขาไม่สามารถหางานที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ ดังนั้นจึงเลือกเส้นทางชีวิตคือหันหลังกลับบ้านเพื่อไปอาศัย “เกาะพ่อแม่กิน”

แต่แทนที่พ่อแม่จะไล่ให้กลับไปหางานทำโดยเฉพาะคนในอายุวัยทำงาน 20 - 30 ปี แต่กลายเป็นว่า พ่อแม่ของพวกเขายินดีที่จะให้ลูกกลับมาอยู่บ้าน เพื่อได้ได้ใช้เวลากับลูก ผู้ปกครองบางคนยังให้เงินเป็นค่าครองชีพ ซึ่งบางครั้งสูงถึงหลายพันหยวนต่อเดือนโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนชีวิตอะไรเลย

ชีวิตประจำวันของลูกฟูลไทม์คือ การทําอาหาร ช้อปปิ้ง หรือการพาพ่อแม่ไปพบแพทย์หากพวกเขาไม่สบาย และวางแผนการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์

ในขณะที่โพสต์โซเชียลมีเดียบางโพสต์ของลูกฟูลไทม์ได้เล่าชีวิตของพวกเขาที่แสนสบายคือ พวกเขามีความสุขที่ได้ออกจากวงจรชีวิตการทำงานแบบหนูแฮมสเตอร์วิ่งในวงล้อ แต่หลายคนก็พูดถึงความวิตกกังวลและแรงกดดันจากพ่อแม่ หรือญาติของในการหางานที่เหมาะสมและแต่งงาน

คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่และผู้ปกครองมองว่า การเลือกเป็นลูกฟูลไทม์คือวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวระหว่างหางาน และเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น

ทั้งนี้ ประเทศจีนนับว่าเป็นชาติที่มีการแข่งขันสูงในแทบทุกด้าน ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่า 1,400 ล้านคน และส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ทำให้ผู้คนต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อยกระดับชีวิตของตัวเองและครอบครัวให้สูงขึ้นนับตั้งแต่วัยเรียนที่ต้องสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศให้ได้ การได้ทำงานในบริษัทหรือองค์กรที่มีชื่อเสียง ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน รวมทั้งการสร้างฐานะเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน

ความเหนื่อยหน่ายที่ทําให้ผู้ใหญ่วัยทํางานอยากกลายเป็นลูกฟูลไทม์นั้นไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจากความสมดุลระหว่างชีวิตและการทํางานที่ไม่ดีของจีน วัฒนธรรมการทํางานในประเทศมักถูกเรียกว่า '996' ซึ่งผู้คนคิดว่าเป็นเรื่องปกติในการทํางาน 9.00 - 21.00 น. 6 วันต่อสัปดาห์

คำสอนที่ผู้ใหญ่สอนกันต่อๆ มาว่า จะต้องเรียนให้สูงทํางานให้หนัก ให้พวกเขาทุ่มเทให้มากแล้วจะได้ผลตอบแทนความพยายามที่คุ้มค่า ตอนนี้คนส่วนใหญ่รู้สึกเหนื่อนจนอยากพ่ายแพ้และหันหลังให้กับการแข่งขัน

อีกทั้งมากกว่า 1 ใน 5 ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 16 - 24 ปีว่างงานในประเทศจีน และอัตราการว่างงานของเยาวชนได้แตะระดับสูงสุดใหม่ ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่จากฐานข้อมูลของรัฐบาลจีน ซึ่งอยู่ที่ 21.3% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 ตัวเลขนี้ไม่ได้รวมถึงตลาดแรงงานในชนบท

อีกทั้งในปีนี้จะมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาอีกเกือบ 12 ล้านคนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งนั่นจะเป็นเหมือนกับสึมามิแรงงานลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาท่ามกลางปัญหาเดิมที่ยังไม่อาจแก้ไขได้

ความสิ้นหวังยังลามไปถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วย จนบางคนตั้งใจทำข้อสอบผิดๆ ให้สอบตก เพื่อจะได้ศึกษาจบช้าลง

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมออนไลน์จีนเต็มไปด้วยภาพถ่ายวันรับปริญญาที่แปลกผิดปกติ ซึ่งสะท้อนถึงความท้อแท้สิ้นหวังของเด็กจบใหม่ บางรูปเป็นภาพคนรุ่นใหม่ 'นอนราบ' ในชุดรับปริญญา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีชอร์ก รูปอื่น ๆ เป็นภาพนักศึกษาจบใหม่ถือใบปริญญาเหนือถังขยะ เหมือนจะสื่อว่า จะโยนปริญญาทิ้งลงถังขยะ

ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลจีนเองก็รับรู้ แต่การแก้ไขปัญหานั้นอาจจะดูไม่ตรงจุด เพราะในเดือนพฤษภาคม สี จิ้นผิง ผู้นําจีนได้ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรียกร้องให้คนหนุ่มสาว 'กินความขมขื่น' ซึ่งเป็นสํานวนภาษาจีนกลางที่หมายถึงการอดทนต่อความยากลําบาก ไปทำงานที่ตัวเองไม่ชอบไปก่อนเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า ต่อให้รายได้จะต่ำว่าวุฒิการศึกษาก็ต้องฝืน ๆ ทำไปก่อน

ในขณะที่จีนกําลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว เกือบ 1 ใน 3 ของประชากรหรือ 400 ล้านคนจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไปภายในปี 2035

หลายคนที่ถึงวัยเกษียณมีลูกเพียงคนเดียวซึ่งหมายความว่า คู่สมรสจะต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุถึง 4 คน

สําหรับการเป็นลูกเต็มเวลาอาจเป็นเพียงการจัดการชีวิตแบบชั่วคราว แต่เป็นการซื้อเวลาสําหรับประเทศจีน สถานการณ์นี้จะไม่ดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต เมื่อพ่อแม่ของพวกเขามีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้อายุ 80 ปีและอาจต้องการการดูแลเต็มเวลาจริงๆ ปัญหานี้จะย้อนกลับมาที่คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าจะต้องพบในไม่ช้า

พรรคฝ่ายค้านสเปนได้เสียงอันดับ 1 ส่อตั้งรัฐบาลไม่ได้ หลังคะแนนเสียงไม่เด็ดขาด

(24 ก.ค. 66) การเลือกตั้งสเปนไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก พรรคฝ่ายขวาได้ที่นั่งไม่มากพอขับนายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชส พ้นจากอำนาจ ต้องหาทางจับมือพรรคเล็กตั้งรัฐบาลผสม ถ้าไม่ได้จริง ๆ อาจต้องเลือกตั้งใหม่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน การเลือกตั้งสเปนเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) นับคะแนนครบถ้วน 100% แล้วเมื่อเวลา 1.30 น. วันจันทร์ (24 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พรรคประชาชน (PP) แนวกลางขวา ได้ ส.ส. 136 คน จาก ส.ส. ในสภา 350 คน พรรคสังคมนิยม (PSOE) ของนายกรัฐมนตรีซานเชส ได้ ส.ส. 122 คน ซึ่งทั้งสองพรรคไม่มีใครทำได้ถึง 176 คนเพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่พรรคสังคมนิยมทำผลงานได้ดีเกินคาด ขณะที่พรรค PP ไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาดตามที่ประเมินกันไว้ แถมยังสร้างดรามาเรื่องการนับคะแนน

พรรคการเมืองที่มีแนวโน้มถูกดึงมาร่วมรัฐบาลมากที่สุด ได้แก่ พรรคขวาจัด Vox ได้ สส. 33 คน และพรรคซ้ายจัด Sumar สส. 31 คน

ผลการเลือกตั้งทำให้ซานเชสไม่ถึงกับหมดสิทธิเป็นนายกฯ เสียทีเดียว อาจเป็นผู้ตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ทั้งยังเป็นการทำลายโอกาสพรรคการเมืองฝ่ายขวาเข้ามาเป็นรัฐบาลยุโรปอีกหนึ่งประเทศ หลังจากโพลหลายสำนักระบุว่า สเปนจะได้รัฐบาลผสมฝ่ายขวาระหว่างพรรค PP กับ Vox

ตอนนี้สองพรรคใหญ่ต้องเจรจาทำข้อตกลงตั้งรัฐบาลผสม แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจตั้งไม่ได้จนต้องเลือกตั้งใหม่

บริษัทที่ปรึกษา Teneo มั่นใจว่าซานเชสจะเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาลได้มากกว่าอัลเบอร์โต นุญเญซ เฟย์โฆโอ หัวหน้าพรรค PP โดยมองว่ามีโอกาส 45% ที่ซานเชสจะจับมือกับพรรคซ้ายจัด Sumar และพรรคเล็กอีกจำนวนหนึ่ง แต่มองว่าโอกาสที่สเปนต้องจัดเลือกตั้งใหม่ก็มี 45% เช่นกัน

การเลือกตั้งที่ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาดนี้ส่งผลต่อสถานะการเป็นประธานสภาสหภาพยุโรปของสเปนในปัจจุบันและสร้างความหวั่นไหวให้ตลาด

ถัดจากนี้กษัตริย์เฟลิเป ที่ 6 จะทรงเชิญเฟย์ฆิโอ ผู้นำพรรคที่ได้เสียงเป็นอันดับหนึ่ง ให้รวบรวมเสียงเป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2558 มาริโอ ราฮอย ผู้นำพรรค PP ปฏิเสธไม่เป็นนายกฯ เพราะรวบรวมเสียงได้ไม่มากพอ

สำหรับครั้งนี้ถ้าเฟย์ฆิโอทำไม่ได้ กษัตริย์อาจทรงขอให้ซานเชสตั้งรัฐบาล กฎหมายไม่ได้กำหนดเส้นตายว่าต้องตั้งรัฐบาลได้เมื่อใด แต่ถ้าไม่มีใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ภายในสองเดือนนับจากการลงมติเลือกนายกฯ ครั้งแรกก็ต้องจัดเลือกตั้งใหม่

'นางแบบไต้หวัน' ปั้นคอนเทนต์สยิว เติมกำลังใจให้นักรบยูเครน ร่วมเพศทัพอาสา ถ่ายทุกท่วงท่าปลุกใจทหารกล้าให้ฮึกเหิม

สร้างความฮือฮา กลางสนามรบกันเลยทีเดียว เมื่อ 'ฟ่าน เพ่ยกุง' นางแบบสาว ไต้หวัน-อเมริกัน วัย 33 ปี ยอมลงทุน เปลื้องผ้า สร้างคอนเทนต์เซ็กซี่ โพสต์ท่ายั่วยวน ในชุดทหาร กับขีปนาวุธ และ อาวุธสงครามลงในโซเชียลและ OnlyFans แพลตฟอร์มสำหรับผู้ใหญ่เพื่อระดมทุนและส่งกำลังใจให้กับกองทัพยูเครน โดยเธอได้ให้นิยามคอนเทนต์ในครั้งนี้ว่า เป็นการกลั่นกำลังใจจากเต้าเพื่อทหารยูเครนและบรรดาอาสาสมัครในการต่อต้านปูติน

ฟ่าน เพ่ยกุง นางแบบสาวเจ้าของไอเดียสุดสยิวกิ้วคนนี้มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา จากสาวไต้หวันสัญชาติอเมริกันในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ที่สามารถคว้ามงกุฎนางงาม Miss Taiwanese American Princess เวทีประกวดสาวงามของชุมชนชาวไต้หวันในสหรัฐอเมริกา ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีใน ลอสแอนเจลิส ได้สำเร็จ ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนางแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลและเป็นศิลปิน 

อีกทั้งยังมีข้อมูลระบุว่า เธอเคยเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเยล หนึ่งในสถาบันไอวี่ ลีกของสหรัฐฯ และยังได้คะแนนอันดับต้นๆ จากการแข่งขัน NASA Hackathon อีกด้วย แต่มาเอาดี จริงจังในการทำคอนเทนต์เซ็กซี่ใน OnlyFans 

แต่เมื่อราวๆ เดือนพฤศจิกายน 2565 ฟ่าน เดินทางมายังยูเครนในฐานะอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงคราม และได้มาประจำที่ศูนย์อาสาสมัครในเมืองลวิว ทางตะวันตกของยูเครน ซึ่งถือว่าห่างไกลจากสมรภูมิรบแถวหน้า เธอจึงได้รับหน้าที่ทำงานพื้นๆ ซึ่งไม่ต่างที่เธอเคยทำตอนอยู่ในสหรัฐอเมริกา 

เพื่อต้องการแสวงหาความท้าทายกว่านี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฟ่านตัดสินใจย้ายไปประจำอยู่ในเมืองคาห์คีฟ ทางฝั่งตะวันออกที่เป็นศูนย์กลางการสู้รบระหว่างทหารทั้งสองฝั่ง ซึ่งเธอเห็นว่าสามารถช่วยสนับสนุนกองทหารยูเครนได้โดยตรงมากกว่า 

และนั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างคอนเทนต์เซ็กซี่กลางสนามรบ โดยหวังใจว่าจะเป็นการปลุกจิตใจทหารกล้าชาวยูเครนให้ฮึกเหิมมากขึ้น และยังมีโอกาสได้พบกับทหารหนุ่มๆ จากทั่วโลก ที่อาสามาช่วยรบในยูเครน 

ซึ่ง ฟ่าน เพ่ยกุง ก็เล่าผ่านสื่อสหรัฐฯ อย่างเปิดเผยว่า เธอมีความสัมพันธ์กับอาสาสมัครในกองทัพยูเครนหลายคน ตั้งแต่ ทหารอาสาจากอังกฤษ เจ้าหน้าที่ควบคุมโดรนชาวยูเครน ช่างไฟ และ เจ้าหน้าที่ไอที อีก 2 คน เป็นต้น 

และเธอได้โพสต์ภาพถ่ายสุดเซ็กซี่ กับอาวุธในสนามรบลงในช่องทาง OnlyFans ให้กองทหาร และ อาสาสมัครของยูเครนชมฟรี และเปิดรับบริจาคจากผู้ที่เข้าชมคอนเทนต์ของเธอเพื่อระดมเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือชาวยูเครน ที่ทำให้สื่อหลายสำนักสนใจไอเดียสุดแหวกแนวของฟ่านเป็นจำนวนมาก 

แต่ถึงกระนั้น ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ที่เธอจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน ทั้งจากกลุ่มชาวอาสาสมัครคนอื่น และ ผู้คนในโลกโซเซียล ที่มองว่าภาพ และเนื้อหาของเธอเข้าข่ายอนาจาร และไม่เหมาะสม เพราะที่นั่นคือสนามรบจริง มีทหารมากมายเสียชีวิตจริงๆ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ชวนหดหู่ และเศร้าใจมากกว่าจะนำมาใช้ในเนื้อหาเชิงอีโรติก

แต่สำหรับฟ่าน เธอยังพอใจ และ มีความสุขในสิ่งที่เธอทำ โดยเชื่อว่า เนื้อหาของเธอ ช่วยเยียวยาจิตใจนักรบแถวหน้าที่ต้องไปสละชีพเพื่อชาติได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้คลายเครียด สร้างความกระชุ่มกระชวย ซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชายชาติทหารเหมือนกัน 

ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าเห็นสมควรอย่างไร ใครถนัดช่วยสนับสนุนแบบไหน ทางยูเครนก็ไม่ขัดข้อง ขออย่าทำทหารวอกแวกเวลาออกสนามรบจริงเป็นใช้ได้  

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

สุดล้ำ!! ‘จีน’ ลุยส่ง ‘ดาวเทียม’ สู่ห้วงอวกาศจำนวน 4 ดวง ใช้รับข้อมูล-บริการเชิงพาณิชย์-การสื่อสารผ่านดาวเทียม

(24 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) จีนปล่อยจรวดขนส่งลองมาร์ช-2ดี (Long March-2D) พร้อมส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรที่กำหนด จำนวน 4 ดวง

รายงานระบุว่าจรวดขนส่งลองมาร์ช-2ดี ทะยานออกจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมไท่หยวน มณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน ตอน 10.50 น. ตามเวลาปักกิ่ง

ดาวเทียมสามดวงจะถูกใช้รับข้อมูลการสำรวจระยะไกลและให้บริการสำรวจระยะไกลเชิงพาณิชย์ ส่วนดาวเทียมอีกดวงหนึ่งจะใช้ตรวจสอบเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม

อนึ่ง การส่งดาวเทียมดังกล่าวนับเป็นภารกิจครั้งที่ 479 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top