Sunday, 11 May 2025
WORLD

‘ไบเดน’ สั่งคุมเข้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีมะกันในแดนมังกร หวังสกัดขีดความสามารถจีน หวั่น!! กระทบความมั่นคงสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ออกคำสั่งของฝ่ายผู้บริหารมุ่งจำกัดการลงทุนของชาวอเมริกันในเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีความละเอียดอ่อนในจีน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าอาจทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกต้องเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น

การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นที่คาดการณ์กันมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยพุ่งเป้าไปที่เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีหลัก

ไบเดนระบุในจดหมายที่ส่งถึงผู้นำสภาคองเกรสในคำสั่งของฝ่ายบริหารว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการเปิดการลงทุนเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจของเรา และมันมอบผลประโยชน์มากมายให้กับสหรัฐฯ

“อย่างไรก็ตาม การลงทุนบางอย่างของสหรัฐฯ อาจเร่งและเพิ่มความสำเร็จของการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความละเอียดอ่อน และการผลิตในประเทศที่พัฒนามันขึ้นมา เพื่อต่อต้านขีดความสามารถของสหรัฐและพันธมิตร” ไบเดนระบุ

ตามรายละเอียดที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลังสหรัฐ คำสั่งผู้บริหารดังกล่าวจะห้ามไม่ให้เอกชนรายใหม่ เงินร่วมทุน และการลงทุนร่วมในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัมบางประเภทในจีน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า โครงการลงทุนนอกประเทศจะต้องเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญในชุดเครื่องมือด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ สิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือแนวทางที่แคบแต่รอบคอบ ในขณะที่เรากำลังพยายามป้องกันไม่ให้จีนดั๊บและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุด เพื่อส่งเสริมความทันสมัยทางทหารและบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาในรายละเอียดของข้อกำหนดเพื่อการแจ้งเตือนสำหรับการลงทุนของสหรัฐในบริษัทของจีนที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ทีมีขั้นไม่สูงนัก รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับเอไอบางประเภท แต่คาดว่าจะมีข้อยกเว้นสำหรับการลงทุนในสหรัฐบางอย่าง ในหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสาธารณะและการโอนจากบริษัทแม่ในสหรัฐไปยังบริษัทย่อย

FBI ปลิดชีพ ‘ชายในมลรัฐยูทาห์’ ที่โพสต์ขู่ฆ่า ‘โจ ไบเดน’ ก่อนหน้าผู้นำสหรัฐฯ จะเยือนมลรัฐนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

แม้สหรัฐอเมริกาจะไม่มี ม.112 แต่ FBI ก็ได้ยิง Craig Robertson ชายผู้ที่โพสต์คำข่มขู่ต่อประธานาธิบดี Joe Biden และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ทางออนไลน์อย่างรุนแรง จนเสียชีวิต

(10 ส.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก 'ดร.โญ มีเรื่องเล่า' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

Craig Robertson ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการบุกของ FBI เมื่อวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2023

โดยเจ้าหน้าที่พยายามออกหมายจับ Craig Robertson ที่บ้านของเขาในมลรัฐยูทาห์ ก่อนหน้าที่นาย Biden วางแผนจะเยือนมลรัฐนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

การร้องเรียนทางอาญากล่าวว่า Robertson โพสต์คำขู่บน Facebook ต่อนาย Biden และอัยการที่ดำเนินคดีอาญากับ Donald Trump

ทั้งนี้ Robertson ได้โพสต์บน Facebook ระบุ... "ฉันได้ยินว่า Biden กำลังจะมาที่ยูทาห์ ฉันขุดชุด ghillie เก่าๆ (ชุดพรางสำหรับพลซุ่มยิง) ของฉันออกมา แล้วจะปัดฝุ่นออกจากปืนไรเฟิลซุ่มยิง M24 ของฉันด้วย"

เกี่ยวกับสาเหตุการยิง ทาง FBI ได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม โดยการจู่โจมเพื่อจับกุม Craig Robertson เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นในเมืองโพรโวทางตอนใต้ของนครซอลต์เลคซิตีไปประมาณ 65 กม.

‘จีน’ เตรียมเผยโฉม ‘แผนที่ธรณีวิทยาดวงจันทร์’ ฉบับมาตราส่วน 1:2.5 ล้าน ละเอียดสูงที่สุดในโลก

(10 ส.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิจัยของจีนเปิดเผยแผนการเผยแพร่แผนที่ทางธรณีวิทยาของดวงจันทร์เต็มดวง ฉบับออนไลน์ ซึ่งจะมีความละเอียดสูงสุดในโลกภายในปีนี้ หลังจากสร้างแผนที่ทางธรณีวิทยาของดวงจันทร์ มาตราส่วน 1:2,500,000 เสร็จสิ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022

หลิวเจี้ยนจง นักวิจัยจากสถาบันธรณีเคมี สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ซึ่งเป็นบรรณาธิการบริหารประจำการเผยแพร่แผนที่ดวงจันทร์ฉบับนี้ กล่าวว่าแผนที่ดวงจันทร์ฉบับใหม่จะมอบข้อมูลอันมีนัยสำคัญต่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์บนดวงจันทร์ การวางแผนสำรวจ การคัดเลือกพื้นที่ลงจอดในอนาคต ฯลฯ แผนที่ดวงจันทร์เต็มดวงเกิดจากการศึกษา ระยะ 10 ปี ของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซานตง สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และสถาบันอื่น ๆ โดยแผนที่นี้รวบรวมลักษณะทางธรณีวิทยาของหินบนดวงจันทร์ 17 ประเภท นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบและการกระจายตัวของวัตถุบนพื้นผิวดวงจันทร์ การสร้างแผนที่นี้อ้างอิงข้อมูลจากโครงการสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ (Chang'e) ของจีน กอปรกับข้อมูลการสำรวจดวงจันทร์และผลการวิจัยอื่น ๆ จากทั่วโลก โดยหลิวเสริมว่ามีการผลิตดวงจันทร์จำลองทรงกลมแสดงข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ออกแบบตามแผนที่นี้จำนวนมากแล้ว

อนึ่ง คณะนักวิจัยของจีนเปิดเผยแผนการข้างต้นที่งานเทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งกุ้ยโจว ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดลงในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน พร้อมเสริมว่ามีการสร้างแผนที่ทางธรณีวิทยาของดวงจันทร์ มาตราส่วน 1:1,000,000 ในปัจจุบัน

‘วิลลาวิเซนซิโอ’ ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน.เอกวาดอร์ ถูกลอบยิงดับ ขณะลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 66 นายเฟร์นานโด วิลลาวิเซนซิโอ สมาชิกสภาแห่งชาติและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตระหว่างไปร่วมงานที่จัดขึ้นในเมืองตอนเหนือของกรุงกีโต เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น

ทีมงานหาเสียงของนายวิลลาวิเซนซิโอให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่า นายวิลลาวิเซนซิโอกำลังก้าวเข้าไปในรถ เมื่อชายคนหนึ่งรุดขึ้นมาข้างหน้าและจ่อยิงเข้าที่ศีรษะของเขา โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า นายวิลลาวิเซนซิโอถูกยิงถึง 3 ครั้ง

ขณะที่อัยการสูงสุดของเอกวาดอร์ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า ผู้ต้องสงสัยถูกยิงและยังยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนที่มือปืนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ

ประธานาธิบดีกิเยร์โม ลาสโซ ของเอกวาดอร์ ซึ่งไม่ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งในครั้งนี้ให้คำมั่นว่า อาญชากรจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษ โดยเขาแสดงความโกรธเคืองและตกใจกับเหตุสังหารดังกล่าว และว่าอาชญากรมาไกลเกินไปแล้ว แต่น้ำหนักของกฎหมายจะต้องกดทับพวกเขา

ทั้งนี้ อาชญากรรมที่รุนแรงมากขึ้นในเอกวาดอร์เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับแรงหนุนจากแก๊งค้ายาในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น และเรื่องดังกล่าวได้กลายมาเป็นประเด็นการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ในปีนี้

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายลาสโซได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวในช่วงค่ำคืนใน 3 จังหวัดหลัก หลังมีการสังหารหมู่ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากร

นอกจากเรื่องควาปลอดภัยแล้ว การรณรงค์หาเสียงของนายวิลลาวิเซนซิโอยังเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการทุจริต ซึ่งเป็นหัวข้อที่เขาให้ความสำคัญขณะที่ทำงานเป็นนักข่าวมาก่อนหน้านี้ รวมถึงการลดการทำลายสิ่งแวดล้อม

นายวิลลาวิเซนซิโอเป็น 1 ใน 8 ผู้สมัครในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์รอบแรก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้นำในการเลือกตั้งดังกล่าว

การสังหารนายวิลลาวิเซนซิโอเกิดขึ้นหลังจากการสังหารนายออกัสติน อินทริอาโก นายกเทศมนตรีเมือง Manta ในเดือนกรกฎาคม และการสังหารนายโอมาร์ เมเนนเดซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในเมือง Puerto López ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นายออตโต ซอนเนนโฮลซ์เนอร์ อดีตรองประธานาธิบดีและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ได้แสดงความเสียใจและความเป็นหนึ่งเดียวกับครอบครัวของนายวิลลาวิเซนซิโอ ซึ่งมีบุตรถึง 5 คน

ขณะที่ลุยซา กอนซาเลส ผู้ที่คาดว่าจะมีคะแนนนำในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ก็แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับครอบครัวของนายวิลลาวิเซนซิโอ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า การกระทำอันเลวทรามนี้จะต้องไม่ถูกปล่อยให้ไม่ได้รับโทษ

ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคมนี้

'เหงียน' คิดใหญ่!! มุ่งสู่ 'ประเทศ ศก.ดิจิทัล-หลุดรายได้ปานกลาง' พา 'เวียดนาม' เป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2045 

รัฐบาลเวียดนาม เดินหน้า Road Map ยกระดับประเทศกำลังพัฒนารายได้ปานกลาง สู่ประเทศรายได้สูงที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล ตั้งเป้าในการเป็นสังคมดิจิทัล 100% ภายในปี 2030 ที่จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ Start-ups และผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีใหม่ และจะช่วยการยกระดับรายได้ประชาชนในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมดิจิทัลของเวียดนาม เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2020 ที่จะผลักดันภาคเศรษฐกิจดิจิทัลให้โตขึ้นจากเดิม 14% ของ GDP ให้ได้ถึง 20% ของ GDP ภายในปี 2025 โดยเชื่อว่า หากรัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างประเทศที่ขับเคลื่อนโดยเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จะสามารถพาเวียดนามขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้สูงในอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า

ตัวเลขเหล่านี้ รัฐบาลเวียดนาม อ้างอิงจากการคาดการณ์ของ World Bank ที่กล่าวว่า หากภาคธุรกิจดิจิทัลโตได้ถึง 10% ในแต่ละปี ตั้งแต่ปีนี้ (2021) จะสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2045 ซึ่งเกือบเท่ากับ GDP ของเวียดนามในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเวียดนามจึงตัดสินใจปูพรมมุ่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัลรุ่นใหม่ สร้างศูนย์ฝึกอบรม Start-ups ในหลายเมือง อาทิ ฮานอย, ดานัง, โฮจิมินห์ ซิตี้ อัดฉีดงบประมาณเพื่อการศึกษา พัฒนา นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ ให้ได้ 1% ของ GDP

จึงเกิดปรากฏการณ์ธุรกิจดิจิทัลบูมอย่างมากในเวียดนาม จากตัวเลขผู้ประกอบการธุรกิจในเวียดนามตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา พบว่ามี Start-ups หน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และมีบริษัทด้านธุรกิจ IT ทั้งฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และ สร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัลเกือบ 14,000 บริษัท จากเดิมที่หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ในเวียดนามแทบไม่มีธุรกิจประเภทนี้เลยในประเทศ

และตอนนี้เวียดนามกำลังเป็นประเทศที่น่าจับตาที่ดึงดูดนักลงทุนด้านธุรกิจดิจิทัลจากทั่วโลก โดยล่าสุดเวียดนามขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่มีการตกลงทำสัญญาในธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในอาเซียน และมีธุรกิจที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ หรือที่เรียกว่า 'ยูนิคอร์น' ถึง 4 บริษัท ได้แก่ VNG, VNPay, MoMo และ Sky Mavis

ถึงแม้รัฐบาลเวียดนามจะทุ่มเทอย่างเต็มที่สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล แต่ก็ยังมีอุปสรรคบางประการที่อาจทำให้เวียดนามไปไม่ถึงเป้า และยังเป็นจุดที่นักลงทุนกังวล คือ การปรับกรอบข้อกฎหมายใหม่ให้เข้ากับธุรกิจในยุคดิจิทัล เช่น การจัดเก็บภาษี การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การป้องกันฐานข้อมูลสำคัญ หรือการเข้าแทรกแซงของภาครัฐ อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในประเทศที่มีทักษะในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในระดับสูง ที่จะรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบของประเทศ

แต่ก็นับว่าเวียดนามเป็นเสือซุ่มที่น่าจับตาในอาเซียน ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไกล และตั้งเป้าไว้สูงของรัฐบาลเวียดนามนั้น ทำให้ไทยเราต้องเร่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หากไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

‘วัยรุ่นเกาหลีใต้’ ลั่นเป็นเสียงเดียวกัน “อยากย้ายไปอยู่ประเทศอื่น” ส่วนข้อดีที่ทำให้คนต่างชาติอยากมาอยู่ที่นี่ เพราะ ‘กระแสของเกาหลี’

เมื่อไม่นานนี้ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘amiskarn’ โพสต์คลิปวิดีโอของช่องยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีใต้ท่านหนึ่ง โดยเนื้อหาในคลิปเป็นการสัมภาษณ์วัยรุ่นชาวเกาหลีใต้ และเผยให้เห็นถึงมุมมอง รวมถึงทัศนคติที่คนรุ่นใหม่มีต่อประเทศเกาหลีใต้ อันเป็นบ้านเกิดของตน

โดยในคลิป พิธีกรได้ถามกับวัยรุ่นชาวเกาหลีใต้ 2 คนว่า คุณคิดว่าคนวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้ชอบการใช้ชีวิตที่เกาหลีกันไหม? 

เด็กวัยรุ่นทั้ง 2 คนตอบว่า “ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าไม่ชอบนะคะ”

เมื่อพิธีกรถามว่า ทำไม? พวกเธอตอบว่า “อย่างแรกคือ การศึกษาที่บังคับให้เด็กเกาหลีใต้ทุกคนเรียนหนักมาก การสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั้งการทำงานก็มีความยากลำบาก และคิดว่าเป็นเพราะระบบมีความไม่ถูกต้อง”

เมื่อถามว่า ในอนาคตยังอยากอาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้หรือไม่ หรืออยากย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ และเพราะอะไร?

พวกเธอต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากย้ายไปอยู่ที่ประเทศอื่น เพราะไม่เห็นด้วยที่มีเพียงแค่คนเรียนจบจากมหาวิทยาลัยดังๆ เท่านั้น ถึงจะสามารถได้ทุกอย่างในเกาหลี หรือมีสิทธิมากกว่าคนอื่น”

เมื่อถามว่า พวกเธอต้องการย้ายไปที่ประเทศไหน? พวกเธอตอบว่า “ประเทศไหนก็ได้”

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของเพื่อนคนอื่นๆ ที่โรงเรียน ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้

พวกเธอตอบว่า “มีเพื่อนๆ หลายคนเลย ที่บอกว่าอยากแต่งงานกับชาวต่างชาติ เพราะว่าสามารถขอสัญชาติตามสามีได้ และจะได้ย้ายไปอยู่ที่นั่นได้”

เมื่อถามว่า คุณคิดเห็นอย่างไร ถึงกรณีที่มีผู้คนมากมายอยากมีอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ และคุณคิดว่าข้อดีของประเทศเกาหลีใต้คืออะไร? พวกเธอดูมีความไม่มั่นใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “คิดว่าอาจเป็นเพียงเพราะกระแสของเกาหลี”

แจ็กพอต ‘เมกะ มิลเลียนส์’ แตก!! กว่า 5.52 หมื่นล้านบาท ผู้ซื้อรางวัลจากรัฐฟลอริดาดวงเฮง รับทรัพย์ก้อนโตไปครอง

(9 ส.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพี รายงานว่า รางวัลแจ็กพอตใหญ่ ของ ‘เมกะ มิลเลียนส์’ มูลค่า 1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.52 หมื่นล้านบาท มีผู้ถูกรางวัลดังกล่าวแล้ว เป็นผู้ที่ซื้อลอตเตอรี่ดังกล่าวที่รัฐฟลอริดา ตัวเลขที่ออกคือ 13, 19, 20, 32, 33 และเลขเมก้า คือ 14 ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยผู้ถูกรางวัล หลังจากออกรางวัลยืดเยื้อมานานเกือบ 4 เดือนโดยไม่มีผู้ถูกรางวัลเลย

สำหรับผู้ถูกรางวัล สามารถเลือกรับเงินเป็นรายปี รวมมูลค่า 1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี หรือจะเลือกรับเงินก้อนทีเดียว เป็นเงิน 783.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ รางวัลแจ็กพอตครั้งนี้ ถือเป็นรางวัลแจ็กพอตที่มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา โดยรางวัลแจ็กพอตของเมกะ มิลเลียนส์ครั้งล่าสุด แตกไปเมื่อเดือนเมษายน ที่นิวยอร์ก มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

‘จีน’ ออกกฎใหม่!! ตัดอินเทอร์เน็ตเยาวชนช่วงกลางคืน หวังลดการเสพติดหน้าจอ - เข้าถึงข้อมูลไร้ประโยชน์

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบล็อกดิสชื่อ ‘Blockพูดได้byข้าวน้อยฯ’ ได้โพสต์บทความเกี่ยวกับมาตการของรัฐบาลจีนที่ใช้ดูแลเด็กและเยาวชนภายในประเทศ โดยระบุว่า…

เป็นที่ทราบกันดีว่า สองสามปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับปัญหาการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ในอินเทอร์เน็ตของเด็กและวัยรุ่นเป็นอย่างมาก

มีการปราบปรามผู้ผลิตสื่อบันเทิงทางอินเทอร์เน็ต ที่รัฐบาลจีนมองว่าส่งเสริมทัศนคติที่ผิดสำหรับเด็กและเยาวชน รวมทั้งมีการออกกฎหมายจำกัดเวลาเล่นเกมออนไลน์ของเด็กและวัยรุ่นจีนลงเหลือเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์

เกมออนไลน์ใหม่ ๆ ในจีน ก็ถูกชะลอการพิจารณาจากทางการ จนทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยงข้องกับวงการเกมตกลงไปตาม ๆ กัน

ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศกฎใหม่ ที่ถูกผลักดันโดย Cyberspace Administration of China ให้มีการบังคับเกี่ยวกับเวลาการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือของเด็กและวัยรุ่นจีน

โดยกฎที่ออกมามีเนื้อหาโดยสรุปคร่าว ๆ ได้ว่า...รัฐบาลจะทำการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนมือถือของเด็กและวัยรุ่นจีนที่มีอายุตั้งแต่ 6-18 ปี ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. ถึง 6.00 น. ของทุกคืน ซึ่งการบังคับใช้ในแต่ละช่วงอายุ จะมีจำนวนชั่วโมงการตัดเน็ตมือถือที่ไม่เท่ากัน เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 8 ขวบ จะถูกตัดเน็ตมือถือ 40 นาที ต่อคืน ส่วนเด็กที่มีอายุระหว่าง 16 - 17 ปี จะถูกตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนมือถือนานถึง 2 ชั่วโมงต่อคืน...

กฎการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตสำหรับเด็กและเยาวชน ที่ทางการจีนได้ประกาศออกมาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นกฎการควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่อาจกล่าวได้ว่า เข้มงวดที่สุดในโลกเลยทีเดียว

จีนเผยแพร่สารคดี ความพร้อมบุกโจมตีไต้หวัน ส่วนทหารประกาศกร้าว!! “พร้อมสละชีพ”

(9 ส.ค. 66) จีนเผยแพร่สารคดีใหม่ เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมของกองทัพในการโจมตีไต้หวัน ในนั้นเป็นภาพที่บรรดากำลังพลประกาศกร้าวว่าพร้อมเสียสละชีพตนเองถ้าจำเป็น ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ปักกิ่งเดินหน้าใช้โวหารดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ กับเกาะปกครองตนเองแห่งนี้

‘ไล่ล่าความฝัน’ เป็นซีรีย์ 8 ตอน ที่ออกอากาศโดยซีซีทีวี สื่อมวลชนแห่งรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในวาระครบรอบ 96 ปี ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) โดยในสารคดีดังกล่าวมีภาพของการซ้อมรบทางทหารและข้อความจากบรรดาทหารหลายสิบนาย ซึ่งหลายคนแสดงถึงความตั้งใจพลีชีพตนเอง ในความเป็นไปได้ที่จะลงมือโจมตีไต้หวัน

จีน อ้างว่าไต้หวัน เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และจำเป็นต้องรวมชาติ ผ่านการใช้กำลัง ถ้ามีความจำเป็น

สำนักข่าวเอพี ระบุว่าบ่อยครั้งที่สื่อมวลชนแห่งรัฐและกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่เนื้อหาโฆษณาชวนเชื่อและคลิปวิดีโอการซ้อมรบทางทหาร พวกมันถูกใช้โหมกระพือความรักชาติในบรรดาชาวจีนและแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในกองทัพในการจัดการไต้หวัน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทเปกับสหรัฐฯ ทั้งนี้แม้อเมริกาไม่รับรองไต้หวันในฐานะประเทศอธิปไตยหนึ่งๆ แต่พวกเขาประกาศว่าจะช่วยเกาะแห่งนี้ปกป้องตนเอง ในกรณีที่ถูกรุกราน

เมื่อเดือนที่แล้ว ทำเนียบขาวแถลงจัดแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ไต้หวัน มูลค่า 345 ล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวที่พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นการถอดบทเรียนจากความช่วยเหลือด้านการทหารที่สหรัฐฯมอบให้แก่ยูเครน และก็เป็นไปตามคาดที่มันเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากจีน

ในสารคดี ‘ไล่ล่าความฝัน’ ยังมีภาพของเหตุการณ์อื่นๆ ในนั้นรวมถึงการซ้อมรบที่มีชื่อว่า ‘ดาบประสาน’ (Joint Sword) ซึ่งเป็นการจำลองการโจมตีที่แม่นยำใส่ไต้หวัน โดยการซ้อมรบดังกล่าวเกิดขึ้นรอบๆเกาะไต้หวันในเดือนเมษายน ตามหลังประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน เดินทางเยือนสหรัฐฯ

บางส่วนของสารคดีชุดใหม่นี้ มีคำพูดของบรรดากำลังพลของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนจากหน่วยต่างๆ ที่ประกาศกร้าวว่าพร้อมสละชีพตนเอง ในความเป็นไปได้ที่จะลงมือโจมตีไต้หวัน

“ถ้าสงครามระเบิดขึ้นและสภาพแวดล้อมยุ่งยากเกินไปที่จะปลดชนวนทุ่นะเบิดในทะเลระหว่างสู้รบจริง เราจะใช้ร่างกายของเรา เคลียร์เส้นทางที่ปลอดภัยแก่กองกำลังยกพลขึ้นบกของเรา” เจ้า เฝิง กำลังพลจากหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนกล่าว

หลี่ เผิง นักบินจากฝูงบินหนึ่งของกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน กล่าวว่าเครื่องบินของเขาจะสาดขีปนาวุธพุ่งเข้าหาศัตรูจนกระทั่งลูกสุดท้าย “ถ้าในการสู้รบจริง ผมจะใช้กระสุนทั้งหมดที่มี”

ในสารคดีดังกล่าวยังปรากฏภาพของซานตง หนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำขอจีน กำลังล่องแปรขบวนร่วมกับเรือรบอื่นๆหลายลำ

กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินซานตง ไปยังช่องแคบไต้หวัน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อข่มขวัญไต้หวัน นอกจากนี้แล้วฝูงบินของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ยังข้ามเส้นกลางของช่องแคบ ซึ่งใช้แบ่งเขตอย่างไม่เป็นทางการระหว่างจีนและไต้หวัน บ่อยครั้งขึ้นในช่วง 2 ปีหลังสุด โดยส่วนหนึ่งเป็นการตอบโต้การติดต่อประสานงานระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ซึ่งโหมกระพือความไม่พอใจแก่ปักกิ่ง

‘SBU’ จับกุมหญิงยูเครน ฐานเป็นสปายส่งข้อมูลให้รัสเซีย พร้อมวางแผนลอบสังหาร ‘เซเลนสกี’ จ่อโดนโทษจำคุก 12 ปี

(8 ส.ค. 66) สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ‘หน่วยงานความมั่นคงยูเครน’ (SBU) กล่าวว่า ได้ทำการจับกุมตัวหญิงชาวยูเครนคนหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าเธอเป็นหน่วยสอดแนมรัสเซียและมีส่วนร่วมในการวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดี ‘โวโลดีมีร์ เซเลนสกี’ ของยูเครน ขณะลงเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยในช่วงที่ผ่านมา

SBU ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า ผู้หญิงคนนี้ถูกจับได้คาหนังคาเขา ขณะที่เธอพยายามส่งข่าวกรองไปยังรัสเซีย โดยหน่วยงานกล่าวว่า เธอได้พยายามรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับการเดินทางของเซเลนสกี ก่อนที่เขาจะไปเยือนมิโคลายิฟ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งประสบอุทกภัยในเดือนมิถุนายน

SBU ยังเผยแพร่ภาพเบลอของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในห้องครัว โดยเจ้าหน้าที่ SBU ที่สวมหน้ากาก โดยผู้ต้องหารายนี้อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ชื่อ ‘โอชาคิฟ’ (Ochakiv) ซึ่งเซเลนสกีเคยเดินทางไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งเธอทำงานอยู่ในร้านค้าที่ฐานทัพทหารในเมืองดังกล่าว

ด้านเซเลนสกียืนยันว่า เขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับการจับกุมครั้งนี้ โดยกล่าวว่าหัวหน้า SBU ได้แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการต่อสู้กับกลุ่มกบฏ

ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ผ่านมา เซเลนสกีเดินทางไปยังเมืองมิโคลายิฟในเดือนมิถุนายน เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดจากเหตุเขื่อนแตกในคอฟคา และในเดือนกรกฎาคมหลังจากที่รัสเซียถล่มโจมตีเมืองดังกล่าว

SBU กล่าวว่า หน่วยงานรับรู้แผนการลอบสังหารล่วงหน้า ก่อนที่เซเลนสกีจะเดินทางไปยังมิโคลายิฟ จึงได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม และกล่าวหาว่ารัสเซียวางแผนโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในภูมิภาคมิโคลายิฟ ขณะที่ผู้ต้องหาพยายามที่จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งของระบบไฟฟ้าและคลังกระสุนของยูเครน ซึ่งอาจตกเป็นเป้าหมายของกองทัพรัสเซีย

อย่างไรก็ดี เป็นที่เข้าใจกันว่า SBU ไม่ได้จับกุมผู้ต้องหาในช่วงเวลาที่เซเลนสกีเยือนมิโคลายิฟ และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการโจมตีประธานาธิบดียูเครนแทน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเธอต่อหลังจากนั้น และพบแผนการต่างๆ ของผู้ต้องหาเพิ่มเติม รวมถึงการมอบหมายที่ได้รับจากรัสเซีย

ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าเธอจะถูกตั้งข้อหาเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายอาวุธและกองทหารยูเครนโดยไม่ได้รับอนุญาต และหากมีการตัดสินว่ามีความผิดจริง เธออาจรับโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี

ทั้งนี้ ยูเครนมักกล่าวโทษประชาชนในท้องถิ่นที่สนับสนุนรัสเซียว่าเป็น ‘ไส้ศึก’ ส่งข้อมูลไปช่วยเหลือกองทัพมอสโก

จับตา Money Game ใหญ่ที่สุดในโลก หลังกลุ่ม Hedge Fund แทงสวน ‘ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์’

(8 ส.ค.66) เพจ 'ทันโลกกับ Trader KP' โพสต์ข้อความว่า จับตา Money Game ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ เมื่อเหล่า Hedge Fund ทั่วโลกอย่าง Bill Ackman กำลัง Short พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ในขณะที่เหล่านักลงทุนรายใหญ่อย่าง Warren Buffett กำลังเข้าซื้อมากที่สุดในประวัติศาสตร์

แล้วฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ ?!?

ทั้งนี้ ทางเพจได้โพสต์กราฟตัวเลขการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล พร้อมระบุว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณ Money Game ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากพิจารณาจากกราฟในภาพ จะพบแรงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากฝั่งนักลงทุน ผู้บริหารกองทุน กำลังเพิ่มปริมาณสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะตอนนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับในอดีต โดยเฉพาะในฝั่งของนักลงทุนที่มองว่าการถือพันธบัตรมีความเสี่ยงน้อย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น

จุดนี้ทำให้แม้แต่นักลงทุนชื่อดังอย่าง Warren Buffett ก็ได้ออกมาเผยว่า เขาและ Berkshire Hathaway เพิ่งซื้อตั๋วเงินคลัง (T-Bill) สหรัฐฯ ไป 10,000 ล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และซื้อเพิ่มไปอีก 10,000 ล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ และมีแผนจะซื้อเพิ่มอีกในสัปดาห์หน้า 

แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อหันไปดูการซื้อขายของฝั่ง Hedge Fund ทั่วโลก จะพบว่า นักลงทุนกลุ่มนี้กำลังทำในแบบตรงข้ามกับกองทุนและนักลงทุนอย่างชัดเจน เพราะพวกเขากำลังขายหรือเก็งกำไรในขาลง (Short Sell) ตัวพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในระดับที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน

เช่น ทาง Bill Ackman หนึ่งในนักลงทุนชื่อดัง ซึ่งได้เปิดเผยว่า เขากำลัง Short พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี อยู่เป็นจำนวนมาก นั่นหมายความว่า ทางนักลงทุนกลุ่มนี้ คาดในไม่ช้าจะหมดยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูผลลัพธ์ของเกมนี้กันต่อไป เพราะครั้งนี้ปู่ Warren ซื้อพันธบัตรระยะสั้น 3-6 เดือน อาจทำเพียงเพื่อให้เป็นข่าวพาดหัวว่าปู่เข้าซื้อพันธบัตรจำนวนมหาศาล ซึ่งมีการคาดเดาว่ามีใครขอให้ช่วยหรือไม่ เนื่องจากโดยธรรมชาติของปู่ Warren มักจะซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวกว่านั้น

ร้านจัดพิธีศพใน ‘เอลซัลวาดอร์’ ปิ้งไอเดียทำ ‘โลงศพบาร์บี้’ สุดปัง!! ขายดีจนต้องผลิตเพิ่ม แถมมีคนสั่งซื้อไว้ล่วงหน้า

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า กระแส ‘บาร์บี้ฟีเวอร์’ ของภาพยนตร์เรื่องดัง ‘บาร์บี้’ 
ผลงานกำกับของ ‘เกรตา เกอร์วิก’ ผู้กำกับชาวอเมริกันวัย 39 ปี ที่นั่งแท่นผู้กำกับหญิงเจ้าของผลงานทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 34,700 ล้านบาท ทำให้โลกเต็มไปด้วยสีชมพู แม้แต่โลกแห่งความตาย ที่มีเจ้าของร้านจัดพิธีศพในสาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ ทำโลงศพบาร์บี้สีชมพู ภายในบุด้วยผ้ารูปตุ๊กตาบาร์บี้ ออกมาให้เลือกซื้อ

‘ไอแซค วิลเลกาส’ เจ้าของร้านอัลฟา แอนด์ โอเมกา ฟิวเนอรัล โฮม ร้านรับจัดพิธีศพในเมืองอาวาชาปัง เล่าว่า ที่จริงร้านของตนเริ่มทำโลงศพสีชมพูออกขายก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้จะเปิดตัวฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อเดือนกรกฎาคม แต่หลังจากเห็นความสำเร็จของกระแสบาร์บี้ฟีเวอร์ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา วิลเลกาสจึงตัดสินใจทำโลงศพสีชมพู ภายในบุผ้ารูปภาพตุ๊กตาบาร์บี้ และประดับด้วยดาวสีขาวดวงเล็กๆ

“ตอนนั้นผมบอกเลยว่า เราต้องกระโจนตามเทรนด์แล้วมันก็ประสบความสำเร็จ” วิลเลกาสเล่าว่า ทางร้านได้ทำโปรโมชั่นโลงศพบาร์บี้ ซึ่งขายได้แล้ว 10 โลง แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้ง 10 คนที่สั่งซื้อ ได้ถูกฝังอยู่ในโลงศพบาร์บี้แล้ว เนื่องจากมีคนมากมายในเอลซัลวาดอร์ที่จ่ายเงินซื้อแพคเกตทำพิธีศพไว้ล่วงหน้า

เจ้าของร้านอัลฟา แอนด์ โอเมกา ฟิวเนอรัล โฮม เล่าว่า ก่อนหน้านี้ โลงศพในเอลซัลวาดอร์จะมีสีดำ สีน้ำตาล สีขาว สีเทาตามประเพณีนิยม แต่ย้อนไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว วิลเลกาสเคยขายโลงศพสีชมพูโลงแรกให้ครอบครัวหนึ่งที่ต้องการให้ญาติซึ่งเป็นคนนิสัยร่าเริง มีความสุขถูกฝังในโลงศพสีสันสดใส

วิลเลกาสบอกว่า ทุกวันนี้ที่ร้านของตนยังทำโลงศพสีทึมๆ ออกขาย แต่ผลิตโลงศพสีชมพูมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีผู้คนมาถามหามากขึ้น

ที้งนี้ กระแสบาร์บี้ฟีเวอร์ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ร้อนแรงถึงขนาดมีทาโก้สีชมพู ขนมอบสีชมพู สายการบินพาณิชย์ที่มีโลโก้ตุ๊กตาบาร์บี้ แม้แต่โฆษณาทางการเมือง และการประท้วงก็มีการใช้ธีมบาร์บี้ด้วย

ญี่ปุ่นเล็งทิ้ง 'น้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์' จากโรงไฟฟ้า ลงสู่ทะเล แม้จะมีกระแสต้าน จากประเทศเพื่อนบ้าน-ชาวประมงท้องถิ่น

โตเกียว, 7 ส.ค. (ซินหัว) -- วันจันทร์ (7 ส.ค.) เกียวโด นิวส์ สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่น รายงานว่าญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่ทะเลในช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายน

รายงานระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับวันเวลาที่แน่ชัดของการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงสู่มหาสมุทร หลังจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางเยือนสหรัฐฯ  โดยมีการคาดการณ์ช่วงเวลาไว้ระหว่างปลายเดือนสิงหาคมและครึ่งแรกของเดือนกันยายน

อนึ่ง ญี่ปุ่นได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายในการปล่อยน้ำเสียฯ นับตั้งแต่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุในรายงานฉบับสุดท้ายเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมว่าแผนการปล่อนน้ำเสียดังกล่าว "เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ตกลงกันไว้"

แม้มีการคัดค้านรุนแรงจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศเกาะแปซิฟิก รวมถึงจากชาวประมงท้องถิ่น ซึ่งกังวลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสาธารณสุข แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงผลักดันการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิที่ตามมาในเดือนมีนาคม 2011

กลุ่มรัฐประหารไนเจอร์ 'ปิดน่านฟ้า-ขอแรงหนุน Wagner' เตรียมรับมือกองกำลังทหารจากแอฟริกาตะวันตก

สถานการณ์ภายในประเทศไนเจอร์ยังคงน่าเป็นห่วง หลังเกิดเหตุรัฐประหารยึดอำนาจประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด บาซูม เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 และได้ก่อตั้งรัฐบาลทหาร ภายใต้ชื่อกลุ่มว่าสภาพิทักษ์มาตุภูมิแห่งชาติ - National Council for the Safeguard of the Homeland (CNSP) โดยมีนายพล อามาดู อับรามาเน ชีอานี เป็นผู้นำสูงสุด

ล่าสุด กลุ่มชาติพันธมิตรแห่งแอฟริกาตะวันตก ภายใต้ชื่อกลุ่มว่า Economic Community of West African States (ECOWAS) ตัดสินใจยื่นคำขาดที่จะใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงกิจการภายในของไนเจอร์ หากผู้นำทหารไม่ยอมปล่อยตัว และ คืนอำนาจให้ ประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด บาซูม ภายในวันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม

แต่ทว่า คณะรัฐบาลทหารไนเจอร์ไม่นำพาคำขู่จากพันธมิตร ECOWAS ได้สั่งปิดน่านฟ้าทั่วประเทศ หลังถึงกำหนดเส้นตายของ ECOWAS โดยโฆษกของกองทัพไนเจอร์ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่ามีข้อมูลยืนยันแล้วว่า มีกองกำลังต่างชาติในแอฟริกากลางได้เตรียมพลล่วงหน้าเพื่อบุกโจมตี แทรกแซงกิจการของไนเจอร์ แต่กองทัพไนเจอร์ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ในประเด็นนี้ กล่าวเพียงว่าพร้อมรับมือ และ ป้องกันดินแดนอยางเต็มที่ อันเป็นเหตุที่ต้องปิดน่านฟ้า และได้ขอแรงสนับสนุนจากประชาชนในประเทศ

เมื่อเป็นเช่นนี้ สื่อตะวันตกจึงจับตามองไปที่ความเคลื่อนไหวของกองกำลัง ECOWAS ว่าจะมีการยกระดับอย่างไรในการกดดันรัฐบาลทหารไนเจอร์หลังจากพ้นกำหนดเส้นตายที่ทางกลุ่มได้เคยประกาศไว้

ด้านนาย อับเดล ฟาตู มูซาห์ กรรมาธิการด้านการเมือง สันติภาพ และความมั่นคง ได้กล่าวว่า "องค์ประกอบทั้งหมดในการเข้าแทรกแซงสถานการณ์ที่ไนเจอร์ รวมถึงทรัพยากรที่ต้องใช้ แผนการ และ เงื่อนไขเวลา ทางกลุ่มได้พิจารณาไว้หมดแล้ว แต่เรายังต้องการใช้วิธีทางการทูต ส่งสาส์นถึงคณะรัฐบาลทหารที่ไนเจอร์ว่าเรายังให้โอกาสพวกเขาได้แก้ไขในสิ่งที่ได้ทำลงไป"

ECOWAS หรือ กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐอาฟริกาตะวันตก ประกอบด้วยชาติสมาชิกถึง 15 ประเทศ กินพื้นที่รวมกันกว่า 5 ล้านตารางกิโลเมตร และประชากรมากกว่า 387 ล้านคน และเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรเสาหลักของทวีปแอฟริกา

แต่ด้วยคลื่นกระแสการรัฐประหารของหลายชาติสมาชิกในกลุ่ม เริ่มต้นตั้งแต่การรัฐประหารในมาลี และ กีนี ในปี 2021 ที่บูร์กินา ฟาโซ ในปี 2022 และล่าสุดที่ไนเจอร์ในปีนี้ ทำให้ทั้ง 4 ชาติถูกคว่ำบาตร และระงับสถานะความเป็นสมาชิก ECOWAS ซึ่งส่งผลต่อความเป็นเอกภาพและความมั่นคงในกลุ่มเศรษฐกิจแห่งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้านนาย มูฮัมมาดู บูฮารี ประธานาธิบดีของไนจีเรีย ประเทศที่ถือเป็นพี่ใหญ่ที่สุดใน ECOWAS ได้ตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงไนเจอร์ แต่ทั้งนี้นโยบายการแทรกแซงการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านของผู้นำไนจีเรีย ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาสูงด้วยเหตุว่าไนจีเรียไม่ควรเข้าไปวุ่นวายในกิจการภายในของประเทศอื่น

ด้าน มาลี และ บูร์กีนา ฟาโซ ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของรัฐบาลทหาร รวมถึง แอลจีเรีย ออกมาคัดค้านการแทรกแซงไนเจอร์ด้วยกำลังทหาร เพราะนั่นหมายถึงการประกาศสงครามที่จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นไปอีก

ส่วนชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป ได้ออกมาประณามกลุ่มก่อการรัฐประหารที่ไนเจอร์ และประกาศพร้อมที่จะสนับสนุนกลุ่ม ECOWAS การใช้กำลังกดดันรัฐบาลทหารไนเจอร์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด เพื่อคืนอำนาจให้กับประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด บาซูม และปกป้องระบอบประชาธิปไตยของไนเจอร์

ในขณะเดียวกัน ด้านผู้นำทหารของไนเจอร์ก็ได้เตรียมแผนสอง หากกองกำลังของ ECOWAS บุกเข้าโจมตีไนเจอร์จริง ด้วยการขอกำลังเสริมจากกลุ่ม Wagner กองกำลังทหารรับจ้างของรัสเซีย เพื่อเสริมทัพรับมือกองทัพต่างชาติไว้แล้วเช่นกัน

เรียกได้ว่าสถานการณ์ที่ไนเจอร์ในวันนี้ กำลังเดินหน้าเข้าตามสูตรสงครามตัวแทนระหว่าง 2 ขั้วอำนาจโลก ที่อาจทำให้ไนเจอร์กลายเป็นยูเครนแห่งแอฟริกาตะวันตกก็เป็นได้ 

‘ญี่ปุ่น’ จัดพิธีรำลึก 78 ปี สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมา พร้อมสนับสนุนให้โลกปราศจากภัยคุกคาม-อาวุธนิวเคลียร์

(6 ส.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ได้จัดพิธีครบรอบ 78 ปี เหตุการณ์ที่สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมา ซึ่งเป็นการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกของโลก โดยนายคาซึมิ มัตสึอิ นายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมาได้กล่าววิงวอนให้มีการยกเลิกการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวโจมตีภัยคุกคามจากรัสเซียถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์

‘ระฆังสันติภาพ’ ถูกตีในพิธีที่ถูกจัดขึ้น ณ สวนสันติภาพ เมืองฮิโรชิมา เมื่อเวลา 08.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่มีการทิ้งระเบิดปรมาณูชื่อ ‘ลิตเติ้ลบอย’ ที่ฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1.4 แสนราย โดยในพิธีรำลึกดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมถึง 5 หมื่นราย หลายคนเป็นผู้รอดชีวิต ครอบครัวของเหยื่อ และผู้แทนต่างชาติจาก 111 ประเทศ ต่างมารวมตัวกัน เพื่อสวดมนต์ไว้อาลัยแก่ทุกชีวิตที่ดับสูญไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ประเทศรัสเซียและเบลารุสไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันเนื่องจากวิกฤตสงครามในประเทศยูเครน นายกรัฐมนตรีคิชิดะของญี่ปุ่นซึ่งครอบครัวของเขามาจากเมืองฮิโรชิมา ขึ้นกล่าวในพิธีว่า “ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเดียวที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณูในช่วงสงคราม ประเทศญี่ปุ่นจะยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เกิดโลกที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์”

คิชิดะกล่าวอีกว่า ถึงกระนั้นก็ตามเส้นทางข้างหน้าที่จะนำไปสู่จุดนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความแตกแยกที่มากขึ้นในหมู่ประชาคมโลก เกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากรัสเซีย ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่มีความสำคัญมากยิ่งกว่าคือ การทำให้แรงผลักดันของโลกนำไปสู่โลกที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และการทำลายล้างจากอาวุธนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากินั้นจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำ

ขณะที่นายมัตสึอิ นายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมา ขึ้นกล่าวในพิธีว่า “ผู้นำประเทศทั่วโลกต้องยอมรับกับความจริงที่ว่า ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ในขณะนี้ ที่ถูกพูดถึงโดยผู้กำหนดนโยบายบางคนนั้น เผยให้เห็นความโง่เขลาของทฤษฎีการป้องปรามทางนิวเคลียร์”

ด้านนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกถ้อยแถลงเนื่องในโอกาสครบรอบ 78 ปีเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา เรียกร้องให้ประชาคมโลกส่งเสียงออกมาเป็นหนึ่งเดียวกันท่ามกลางภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากบางประเทศในโลก ว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้

หลังจากการทิ้งระเบิดที่เมืองฮิโรชิมาเพียง 3 วัน สหรัฐก็ได้ทำการทิ้งระเบิดปรมาณูชื่อ แฟตแมน ที่เมืองนางาซากิ ในวันที่ 9 สิงหาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7.4 หมื่นราย ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 สิงหาคม 1945


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top