Sunday, 11 May 2025
WORLD

‘อีลอน มัสก์’ เล็งเปลี่ยนโลโก้ทวิตเตอร์เป็น ‘X’ มุ่งสู่แพล็ตฟอร์มการสื่อสาร-ชำระเงินเต็มรูปแบบ

(24 ก.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อีลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์ และลินดา ยัคคาริโน ซีอีโอคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว ประกาศนำพาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมระดับโลกมุ่งสู่ยุคใหม่ทางธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ

มัสก์และยัคคาริโนต่างประกาศว่า โลโก้นกสีฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของทวิตเตอร์มาอย่างยาวนานจะถูกโละทิ้งเร็ว ๆ นี้ ก่อนรีแบรนด์แพล็ตฟอร์มใหม่ในชื่อ 'X'

ทวิตเตอร์ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2549 และใช้คำว่า 'ทวีต' ตามเสียงนกคุยกัน ได้ใช้การสร้างตราสินค้าเป็นรูปนกมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ภายหลังบริษัทได้ซื้อสัญลักษณ์รูปนกสีฟ้าอ่อนในราคา 15 ดอลลาร์จากเว็บไซต์ออกแบบแห่งหนึ่ง และใช้นกสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้ 'X' จะเป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นธุรกิจรับชำระเงิน, การธนาคาร และการค้าอย่างเต็มรูปแบบ นอกเหนือไปจากการสนทนาและแบ่งปันข้อมูล

ยัคคาริโน อดีตผู้บริหารโฆษณาคนเก่งจากเอ็นบีซี ยูนิเวอร์แซล (NBCUniversal) กล่าวว่า ทวิตเตอร์กำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนและขยายขอบเขต และจะมีการนำ AI เข้ามาขับเคลื่อนเชื่อมโยงในระบบธุรกิจ

"X จะเป็นอนาคตของการสื่อสารไม่จำกัด ทั้งในรูปแบบของเสียง, วิดีโอ, การส่งข้อความ, การชำระเงิน, การธนาคาร รวมไปถึงการสร้างการตลาดระดับโลกสำหรับแนวคิด, สินค้า, บริการ และโอกาส" ยัคคาริโนกล่าวผ่านทวิตเตอร์ และเสริมว่า "การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่มีขีดจำกัด และ 'X' จะเป็นแพลตฟอร์มที่ส่งมอบได้...ทุกอย่าง"

ตั้งแต่อีลอน มัสก์ ซื้อทวิตเตอร์ด้วยมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ธุรกิจโฆษณาของแพลตฟอร์มก็มีแต่ร่วงลงๆ พร้อมด้วยปัญหาด้านการดำเนินงานและบุคลากร เขาจึงต้องผลักดันช่องทางหารายได้ใหม่ให้กับทวิตเตอร์

อีลอน มัสก์ วัย 52 ปีเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการครอบครองทวิตเตอร์ของเขามีจุดประสงค์เพื่อสร้างแอปสำหรับทุกอย่าง ซึ่งอ้างอิงถึงบริษัท X.com ที่เขาก่อตั้งในปี 2542 และกลายมาเป็น PayPal ยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินในปัจจุบัน

นอกจากนี้ มัสก์ยังได้ตั้งชื่อบริษัทแม่ของทวิตเตอร์ใหม่แล้วด้วยว่า 'X Corporation' และกำลังดำเนินการหาสัญลักษณ์ (โลโก้) ให้กับ 'X'

คาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำทวิตเตอร์ก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับการหาโฆษณาและให้บริการแบบไม่คิดเงิน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง 'เธรดส์' ของมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก และการนำเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่าง AI เข้ามาปรับใช้อย่างจริงจัง

‘ซูโจว’ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ หมุดหมายสำคัญอุตสาหกรรมทั่วโลก ผสานจุดเด่น 'ประวัติศาสตร์-วัฒนธรรม-วิทยาศาสตร์

เพจเฟซบุ๊ก ลึกชัดกับผิงผิง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เมืองซูโจว และยกย่องว่าเป็นเมืองแห่ง สวรรค์ในโลก โดยได้ระบุว่า ...

เมืองซูโจว สวรรค์ในโลก

จีนมีสำนวนโบราณที่ว่า 'บนฟ้ามีสวรรค์ ในโลกมีซูโจวและหางโจว' ความหมายคือ เมืองซูโจว (苏州)และหางโจว(杭州)เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่เปรียบเสมือนแดนสวรรค์ของมนุษย์ 

จีนมีเมืองใหญ่พิเศษ 4 แห่ง ที่ใช้คำย่อ 'เป่ยซ่างกว่างเซิน' (北上广深) ได้แก่ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองกว่างโจวและเมืองเซินเจิ้น 

รองลงมาคือเมืองแนวหน้าใหม่ที่มีทั้งหมด 15 เมืองได้แก่ เฉิงตู ฉงชิ่ง หางโจว ซีอาน หวู่ฮั่น ซูโจว เจิ้งโจว หนานจิง เทียนจิน ฉางชา ตงกวน หนิงโป ฝอซาน เหอเฟย์ ชิงเต่า

เมืองซูโจวไม่ใช่เมืองเอกของมณฑลใด แต่สามารถเข้ารายชื่อ '15 เมืองแนวหน้าใหม่' ของจีน เมืองซูโจวมีอะไรบ้าง 

เมืองซูโจวอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซู ภาคตะวันออกของจีน เป็น 'เมืองแห่งความฝัน' สำหรับชาวจีน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์กว่า 2,500 ปี เคยเกิด 'จอหงวน' จำนวน 50 คน ('จอหงวน' สำเนียงกลางว่า จฺวั้ง-ยฺเหวียน สำเนียงแต้จิ๋วว่า จ่อง้วง เป็นตำแหน่งราชบัณฑิตซึ่งได้คะแนนอันดับหนึ่งในการสอบขุนนางของประเทศจีนสมัยที่จีนปกครองโดยกษัตริย์ ในประเทศจีนปัจจุบัน คำนี้ใช้เรียกนักเรียนที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย)

ปัจจุบัน เมืองซูโจวมีสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนจำนวนกว่า 100 คน นับเป็นหนึ่งในแหล่งวัฒนธรรมสำคัญของจีน มีบุคคลชื่อดังจำนวนมาก

งิ้วคุณฉงี่ (昆曲)ของซูโจวได้ชื่อว่าเป็น 'บรรพบุรุษของงิ้วร้อยชนิดในจีน' คุนฉวี่ ผ้าไหมสมัยซ้ง  ขิมโบราณ และสถาปัตยกรรมพื้นเมืองโบราณ เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองซูโจว

เมืองซูโจวอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี ที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดของจีน เป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำของจีน ที่ดินจะปลูกข้าวได้เป็นอย่างดี มีผลิตภัณฑ์อุดมสมบูรณ์ ทำให้เมืองซูโจวได้ชื่อว่า 'คลังธัญญาหารของประเทศ' และ 'เมืองแห่งการพาณิชย์อันดับ 1 ของจีน'  

ปี 2022 ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีของเมืองซูโจวติด 10 อันดับแรกของจีนอย่างต่อเนื่อง จีดีพีของอำเภอต่างๆ ในเมืองซูโจวส่วนใหญ่ติด 100 อันดับแรกของจีน อย่างเช่นอำเภอคุนซาน (昆山) จัดอยู่อันดับ 1 ของอำเภอที่เข้มแข็งของจีนติดต่อกันหลายปีแล้ว  

ในสายตาของผู้คน ซูโจวเป็นเมืองที่มีความอ่อนโยน เขตนี้มีแม่น้ำลำคลองและทะเลสาบจำนวนมาก หมู่บ้านริมน้ำที่สวยงามกระจายไปทั่ว ทำให้กลายเป็น 'เวนิสตะวันออก' และทำให้นิสัยใจคอชาวซูโจวมีความอ่อนโยนเหมือนน้ำใส 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมืองซูโจวในปัจจุบันจัดอยู่อันดับต้นๆ ของเมืองอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของจีน มีโครงการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ใน 500 อันดับแรกของโลกจำนวนมากมาย มีบริษัทเอกชนหลายล้านบริษัท คุณไม่ได้อ่านผิด..หลายล้านบริษัทจริงๆ 

ปัจจุบัน ซูโจวมีเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติจำนวน 14 แห่ง นิคมอุตสาหกรรมซูโจวเป็นผู้นำของนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศจีน ปีนี้ บริษัทแอร์บัสได้มาเปิดศูนย์วิจัยและการผลิตที่จีน ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมซูโจว บริษัทเทคโนโลยีด้านต่างๆ อาทิ  สารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ ยาชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ เป็นต้น อันเป็นองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เมืองซูโจวกำลังกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอุตสาหกรรมทั่วโลก 

นี่คือซูโจวที่ได้รับการขนานนามว่า 'สวรรค์ในโลก' 'เมืองแห่งสวนโบราณ' 'บ้านเกิดของจอหงวน' 'หมู่บ้านของสมาชิกสภาวิทยาศาสตร์' ที่นี่มีหมู่บ้านโจวจวงที่ได้ชื่อว่า 'หมู่บ้านในน้ำที่สวยงามอันดับ 1 ของจีน' มีวัดหานซาน (寒山寺) ที่มีชื่อเสียงในจีน มีคุนซานที่เป็น 'อำเภอเข้มแข็งที่สุดของจีน' เก๋งจีนที่มีประวัติศาสตร์กว่าพันปี ปริมาณผลิตผ้าไหมเป็นอันดับ 1 ของจีน เป็นเมืองแห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นเมือง และมีอาหารโอชาแบบภาคตะวันออกของจีน เมืองซูโจวห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ประมาณ 80 กิโลเมตรเท่านั้น มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ การคมนาคมสะดวกมาก

ขอขอบคุณข้อมูล : เพจเฟซบุ๊ก ลึกชัดกับผิงผิง

วงจรหายนะของ ‘ฝรั่งเศส’ ที่ฉุด ‘เศรษฐกิจ’ ให้ถดถอย หลังตัวจุดชนวน ‘การประท้วง’ ปะทุบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อไม่นานนี้ ผู้ใช้ติ๊กต็อกบัญชี ‘@spacebarmediath’ ซึ่งเป็นช่องที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับข่าวเศรษฐกิจ สำหรับ EP. นี้ จะเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศสที่กําลังเดินวนอยู่ในวงจรหายนะ ยิ่งวนอยู่ในวงจรนี้นานเท่าไร เศรษฐกิจก็ยิ่งถดถอย แล้ววงจรนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ‘คุณทราย-โศธิดา โชติวิจิตร’ พิธีกรดำเนินรายการ ได้ออกมาอธิบายเอาไว้ว่า…

“1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คือ มูลค่าความเสียหายคร่าว ๆ เฉพาะภาคการท่องเที่ยวสําหรับการประท้วงฝรั่งเศสครั้งนี้ เพราะว่านักท่องเที่ยวต้อง ‘ยกเลิก’ ทริปการท่องเที่ยวทั้งหมด เพราะผู้ชุมนุมประท้วงได้ทุบทําลายและปล้นซูเปอร์มาร์เก็ตไปมากกว่า 250 แห่ง เผาธนาคารไป 250 แห่ง ทำลายร้านค้าเล็ก ๆ ไปอีก 250 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ที่ถูกเผาไปรวมกันมากกว่า 5,000 คัน จากความเสียหายเหล่านี้ ทำให้มีตัวเลขที่จะออกมา ‘กดดันเศรษฐกิจ’ คือ ‘ค่าเคลมประกัน’ ที่ตอนนี้ยอดสูงถึง 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการเคลมประกันถึง 5,900 เคส 

จุดที่เป็นตัวกระตุ้นของการประท้วงครั้งนี้ เกิดจากที่ตํารวจไปยิงเด็กวัยรุ่นเสียชีวิตก็จริง แต่ความอัดอั้นทุกข์ทนที่ทําให้คนออกมาเผาบ้านเมืองตัวเองได้ขนาดนี้ มันเกิดจาก ‘ความยากจน’ ต่างหาก ซึ่งในประเทศฝรั่งเศส เด็ก ๆ ไม่มีบ้านอยู่กันมีมากกว่า 3 หมื่นคน และอาศัยอยู่ในสลัมอีกมากกว่า 9 พันคน รวมถึงทุก ๆ ปี จะมีเด็กมากกว่า 140,000 คน ต้องออกจากโรงเรียนเพราะว่า ‘ไม่มีเงิน’ สําหรับอัตราความยากจนของประเทศฝรั่งเศสตอนนี้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มากถึง 15.6% นอกจากนี้ ความรุนแรงที่ตำรวจใช้ในการขับไล่คนไร้บ้านก็ยังถูกพาดหัวข่าวให้เห็นกันอยู่เสมอ

สําหรับตอนนี้ PMI Service Sector ที่ได้แก่ การท่องเที่ยว การขายส่ง แฟชัน ตกลงจาก 52.5 มาอยู่ที่ 48 ซึ่งถือว่าเยอะมาก ตั้งแต่เปิดโควิดเป็นต้นมา และ Service Sector นับเป็นอัตราส่วน 80% ของเศรษฐกิจประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเกิดความเสียหายมากที่สุดในตอนที่มีคนมาชุมนุมประท้วง เพราะว่าคนไม่มาเที่ยว คนไม่ซื้อของหรู ไม่ซื้อหลุยส์ วิตตอง ไม่ไปดินเนอร์หรู ไม่ไปปาร์ตี้บนเรือยอร์ช หรือไม่เช่ารถลีมูซีน

ซึ่งการประท้วงในฝรั่งเศสดูจะบ่อยมากขึ้น เพราะนอกจากครั้งนี้ หากย้อนกลับไปครั้งล่าสุดก็ 3 เดือนที่แล้วนี้เอง และถ้าย้อนกลับไปแค่ประมาณปีกว่า ๆ ก็คือภายในปี 2022 ฝรั่งเศสประท้วงมาแล้ว 4 ครั้ง 

หากมองเป็นภาพวงจร ก็คือ คนจน > โกรธ > ประท้วง > เศรษฐกิจเสียหาย > เงินก็ยิ่งน้อย > คนก็จนลงไปอีก ทีนี้จึงเกิดความรู้สึกโกรธ และก็เกิดการประท้วงวนลูปอยู่อย่างนี้ต่อไป ยิ่งวนเศรษฐกิจก็ยิ่งหดตัว 

ส่วนรัฐบาลฝรั่งเศสเองก็มีปัญหาใน ‘การใช้จ่าย’ คือ ใช้เงินเกินรายได้ และตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา รัฐบาลใช้จ่ายเงินเกินรายได้ไปเยอะมากมาโดยตลอด ส่วนอัตราภาษีตอนนี้ก็อยู่ที่ 45% แล้ว ถ้าจะไปขูดรายได้เพิ่มจากการเก็บภาษีประชาชน ก็คงดูจะทำได้ลําบากยิ่งขึ้น ทำให้ประธานาธิบดี ‘แอมานุแอล มาครง’ จึงต้องไปจีบทั้งจีนและบริดจ์ โดยที่ไม่สนใจการแตกแถวจากสหรัฐอเมริกา

แต่ประเทศฝรั่งเศสที่ปัจจุบันร่ำรวยเป็นอันดับ 7 ของโลกจะเดินออกมาจากวงจรแห่งความหายนะนี้ได้หรือไม่? เราก็คงทำได้แค่เอาใจช่วย

‘สมเด็จฯ ฮุนเซน’ ยิ้มร่า เข้าคูหาเลือกตั้ง แบบไร้คู่แข่ง เตรียมส่งไม้ต่อให้ลูกชายขึ้นแท่นเป็นนายกฯ คนใหม่

(23 ก.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ชาวกัมพูชาเดินทางออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในวันนี้ (23) ในการเลือกตั้งที่ ‘สมเด็จฯ ฮุนเซน’ ผู้นำกัมพูชาที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานใกล้จะคว้าชัยชนะอีกครั้ง ขณะที่เขาพยายามจะรักษามรดกของเขาไว้ด้วยส่งต่อบังเหียนให้ลูกชายคนโต

อดีตทหารเขมรแดงวัย 70 ปี ที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2528 ไม่ได้เผชิญกับการแข่งขันที่แท้จริงใดๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านถูกตัดสิทธิ คู่แข่งหลายคนจำต้องหลบหนี และเสรีภาพในการแสดงออกถูกจำกัด

พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของเขามีแนวโน้มที่จะรักษาที่นั่งทั้งหมด 125 ที่นั่งในสภาล่าง ที่ขยายเวลาการกุมอำนาจออกไปและปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจจากรุ่นสู่รุ่น ที่นักวิจารณ์บางคนเปรียบเทียบกับการเมืองเกาหลีเหนือ

พรรคฝ่ายค้านที่จริงจังเพียงพรรคเดียวถูกตัดสิทธิด้วยเหตุผลด้านเอกสารในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจหากพรรคเล็กๆ อีก 17 พรรค ชนะได้ที่นั่งในสภาฯ

ฮุนเซนเดินทางมายังหน่วยเลือกตั้งชานกรุงพนมเปญ พร้อมภริยา เพื่อลงคะแนนเสียงไม่นานหลังหน่วยเลือกตั้งเปิดในเวลา 7.00 น. ตามการรายงานของนักข่าว

สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ ปฏิเสธที่จะส่งเจ้าหน้าที่ร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง โดยระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขาดเงื่อนไขที่ทำให้การเลือกตั้งมีความเสรีและเป็นธรรม ทำให้มีเพียงเจ้าหน้าที่จากรัสเซีย จีน และกินี-บิสเซา เท่านั้นที่เข้าร่วมสังเกตการณ์

ประชาชนมากกว่า 9.7 ล้านคน ลงทะเบียนเพื่อลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ 7 นับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรกที่สหประชาชาติให้การสนับสนุนเกิดขึ้นในปี 2536 หลังจากประเทศอยู่ภายใต้ความขัดแย้งนานหลายปี ที่รวมถึงยุคของเขมรแดงที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทำให้ประเทศเสียหายยับเยิน

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ความหวังใดๆ ก็ตามที่ประชาคมระหว่างประเทศอาจมีต่อระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคที่สดใสในกัมพูชา ถูกบั่นทอนลงจากการปกครองของฮุนเซน

ฮุนเซนเริ่มมองไปยังอนาคต โดยกล่าวว่าเขาจะส่งมอบให้ลูกชายของเขา ‘ฮุน มาเนต’ นายพลระดับ 4 ดาว ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

“เราใช้สิทธิและความรับผิดชอบของพลเมืองออกมาลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกพรรคที่เรารักให้เป็นผู้นำประเทศ” ฮุน มาเนต วัย 45 ปี กล่าวกับนักข่าวหลังหย่อนบัตรเลือกตั้ง

หลายคนสงสัยว่า ฮุน มาเนต ที่ได้รับการศึกษาจากทั้งในสหรัฐฯ และอังกฤษ จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศหรือไม่ แม้ว่า ฮุนเซน จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาตั้งใจที่จะใช้อิทธิพลอำนาจอยู่ต่อไป แม้ลูกชายของเขาจะเข้าครองอำนาจแล้วก็ตาม

ในขณะที่ฮุน มาเนต ที่นำการเดินขบวนหาเสียงครั้งสุดท้ายของพรรค CPP ในกรุงพนมเปญเมื่อวันศุกร์ บอกกล่าวกับฝูงชนว่าเป็นวันแห่งชัยชนะของประเทศ แต่นักวิจารณ์จะไม่เห็นด้วย และกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ประณามการเลือกตั้งครั้งนี้

ในวันก่อนการเลือกตั้ง แนวร่วม 17 องค์กร ที่รวมถึงเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL) และสหพันธ์สากลเพื่อสิทธิมนุษยชน (FIDH) ระบุว่า การเลือกตั้งมีความน่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง

“การใช้สิทธิเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นบ่งชี้ว่าไม่ปรากฏถึงความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความครอบคลุมในกระบวนการเลือกตั้ง” กลุ่มพันธมิตรระบุในคำแถลงที่ออกในวันเสาร์

ความท้าทายที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวสำหรับพรรค CPP มาจากพรรคแสงเทียน แต่ในเดือน พ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติปฏิเสธที่จะจดทะเบียนพรรค ทำให้พรรคไม่มีสิทธิร่วมลงเลือกตั้ง

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากพรรคแสงเทียนทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดไว้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นปีก่อน โดยได้คะแนนนิยมถึง 22%

ก่อนการเลือกตั้ง พรรคแสงเทียนกล่าวกับเอเอฟพีว่าคำตัดสินเกี่ยวกับการลงทะเบียนดังกล่าวหมายความว่าไม่มีทางที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะเสรีและเป็นธรรม

“ทุกคนรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ” รง ชุน รองหัวหน้าพรรคแสงเทียน กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีบรรยากาศแห่งความสิ้นหวังในหมู่ประชาชนที่มาลงคะแนนเสียงภายใต้การปรากฏตัวของตำรวจตามหน่วยเลือกตั้งในกรุงพนมเปญ

“ผมไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะไม่มีพรรคฝ่ายค้านเหลืออยู่เลย” ชาวกัมพูชาวัย 51 ปี กล่าว

ก่อนการเลือกตั้ง เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดอย่างหนัก โดยหนึ่งในสำนักข่าวอิสระที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศถูกปิดตัวลงในปีนี้

และเมื่อเดือนที่ผ่านมา ฮุนเซนยังสั่งปรับแก้กฎหมายเลือกตั้ง โดยกำหนดห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ความเคลื่อนไหวที่ส่งผลต่อคู่แข่งของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘สม รังสี’ ที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศสเป็นเวลาเกือบทศวรรษเพื่อเลี่ยงความผิดทางอาญาที่เขากล่าวว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง และแกม สุขา หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ที่ถูกกักบริเวณในบ้านพักหลังจากถูกตัดสินจำคุก 27 ปี ฐานกบฏในข้อหาวางแผนกับชาวต่างชาติเพื่อโค่นล้มรัฐบาลฮุนเซน ทั้งนี้ การเลือกตั้งได้ปิดหีบลงคะแนนในเวลา 15.00 น.

‘รถไฟหัวกระสุนฟู่ซิง’ เปิดตัวแล้ว ที่นครฉางชุน ประเทศจีน ออกแบบพิเศษสำหรับ ‘เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19’ โดยเฉพาะ

ยลโฉม ‘รถไฟหัวกระสุนฟู่ซิง’ ขบวนออกแบบพิเศษสำหรับการแข่งขันกีฬาหางโจว เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 19 ซึ่งถูกนำออกจากสายการผลิตอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ค.)

รายงานระบุว่า รถไฟหัวกระสุนฟู่ซิงขบวนนี้ผลิตโดยบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ วีฮิเคิลส์ จำกัด (CRRC Changchun Railway Vehicles) ในนครฉางชุน มณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

(บันทึกภาพวันที่ 21 ก.ค. 2023)
 

ลือสนั่น!! ความสัมพันธ์ ‘เจ้าชายแฮร์รี-เมแกน’ เริ่มสั่นคลอน หลังวงในอ้างทั้งคู่ห่างกันสักพักแล้ว ด้านแฟนคลับออกโรงป้อง

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 66 ‘ดิ อินดิเพนเดนท์’ สื่ออังกฤษ รายงานว่า แฟนๆ ที่ชื่นชมออกมาปกป้อง ‘เจ้าชายแฮร์รี และเมแกน’ ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ท่ามกลางข่าวลือสะพัดว่าทั้งคู่แยกทางกันแล้ว

โดยมีกระแสข่าวว่า หลังจาก ‘Spare’ หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี แห่งราชวงศ์อังกฤษ วางแผง ก็เริ่มมีการคาดเดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายา ที่เข้าพิธีเสกสมรสกันในปี 2018 อาจไม่มั่นคงอย่างที่เคยเป็นมา ตามรายงานของ ‘Entertainment Tonight’ ระบุว่า…

“เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 38 ปี ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อพักผ่อนและใช้เวลาห่างจากพระชายาของพระองค์”

ส่วน ‘RadarOnline’ รายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยอ้างคนวงในบอกว่าทั้งคู่ได้ห่างกันสักพักแล้ว “พวกเขากำลังพยายามทบทวนว่าอะไรที่เป็นปัญหาของพวกเขา” และว่า “เจ้าชายแฮร์รี ไม่เหมาะกับโลกมายาของเมแกน”

ขณะที่มีรายงานว่าเมื่อข้อตกลงมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทำกับ ‘Spotify’ ได้สิ้นสุดลงเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวลือเกิดขึ้นอีกครั้ง บลูมเบิร์กรายงานถึงความยุ่งยากของเมแกนในการเลือกแขกที่จะเชิญมาในรายการ โดยขณะที่เจ้าชายแฮร์รีทรงอยากให้เชิญ โดนัลด์ ทรัมป์, วลาดิมีร์ ปูติน และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มาร่วม แต่ผู้บริหารดูจะไม่กระตือรือร้นกับไอเดียเหล่านี้ของพระองค์

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวอีกรายบอกกับ ‘Page Six’ ว่า “เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ยังคงอยู่ด้วยกันและแต่งงานอย่างมีความสุข”

ด้านแคที นิโคล ผู้เขียนเรื่อง ‘The New Royals’ กล่าวกับ ET ว่า “ประสบการณ์ของฉันกับแฮร์รีและเมแกน เมื่อใดก็ตามที่ฉันอยู่กับพวกเขา ในฐานะคู่รักที่สนิทกันมากๆ ประกายแห่งความมีชีวิตชีวาของพวกเขา ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงเสมอ”

แฟนคลับอีกรายหนึ่งที่สนับสนุนคู่รักต่างฐานันดรคู่นี้ ทวีตว่า “โปรดรู้ไว้ว่าฉันเป็นแฟนตัวยงของเมแกน ตั้งแต่เรื่อง ‘Suit’ และเจ้าชายแฮร์รีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และฉันเข้าร่วมในทวิตเตอร์ เพราะฉันกำลังมองหาวิธีที่จะปกป้องและสนับสนุนพวกเขา เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าพวกเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

รัฐฟลอริด้าประกาศ มหันตภัยจาก 'วัคซีน mRNA' ที่แท้ถูกสร้างมาเป็นอาวุธชีวภาพทำลายชีวิตผู้คน .

(21 ก.ค.66) ผู้ใช้ Blockdit 'ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

รัฐฟลอริด้ามีความกล้าหาญมากที่ออกมาแถลงว่าวัคซีน mRNA ที่ใช้ฉีดแก้โควิด-19 นั้น เป็นอาวุธชีวภาพที่เป็นอันตรายต่อชีวิตผู้ถูกฉีดมากกว่าเป็นคุณและกำลังดำเนินการเพื่อประกาศให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายภายในรัฐ (Florida declare mRNA Covid shots a ‘Bio-Weapon’.  Legislation looking to be passed to make it ILLEGAL to administer any mRNA Covid-19 Vaccine to anybody in the state)

เห็นหรือยังครับ? คำว่า *ทฤษฎีสมคบคิด* (Conspiracy Theory) เป็นวาทกรรมที่ CIA สร้างขึ้นมาเพื่อสกัดมิให้คนเชื่อเมื่อมีคนแฉอาชญากรรมของยิวไซออนิสต์ที่คิดครองโลก 

ข่าวใดก็ตามที่ถูกตราว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด วิญญูชนไทยต้องศึกษาให้ลึกหรือต้องวิจัย แล้วจะเข้าใจความจริงเอง ไม่ต้องรอให้ฝรั่งมาชี้นิ้วว่าควรจะเป็นอย่างไร จักรวรรดิ์นิยมอเมริกานี้เติบโตมาพร้อม ๆ กับนโยบายลดจำนวนประชากรโลก 

ถือว่าทีมผู้บริหารรัฐฟลอริด้ากล้าหาญมากครับ กล้าหาญมากว่าประเทศไทยที่นักการเมืองส่วนใหญ่ถูกล้างสมองด้วยข่าวโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีวิจารณญาณมากพอจะแยกแยะ 

น่าจะเรียกว่าเป็น *ประเทศฟลอริด้า* กันได้แล้วนะครับเพราะนโยบายแตกต่างจากรัฐบาลกลางอย่างสิ้นเชิง เมื่อเปโตรดอลล่าร์ล่มสลายลง ถ้าจะแยกตัวไปเป็นเอกราช ก็ขอให้สำเร็จ

ตอนนี้ เชื่อหรือยังว่าโควิด-19 มาพร้อมๆ กับนโยบายลดจำนวนประชากรโลก? แน่นอนครับ ขอให้ค้นคว้ากันเองและตัดสินใจเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

ระทึก!! เกิดเหตุกราดยิงกลางเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง ดับแล้ว 2 บาดเจ็บอีก 5 ราย!!

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 สำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงในสถานที่ก่อสร้างในเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง นัดเปิดสนามระหว่างทีมชาตินอร์เวย์และนิวซีแลนด์จะเริ่มขึ้นที่สนามอีเดน พาร์ค ในเมืองโอ๊คแลนด์ เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย บาดเจ็บ 5 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ขณะที่ผู้ก่อเหตุถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

นายแอนดรูว์ คอสเตอร์ ผู้บัญชาการตำรวจนิวซีแลนด์ระบุในการแถลงข่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการระบุตัวตนของผู้ก่อเหตุอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเป็นชายวัย 24 ที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้างที่เป็นจุดเกิดเหตุดังกล่าว โดยผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองในการกราดยิงพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปในอาคารจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงชั้นบนของอาคาร มือปืนได้ทำการสาดกระสุนต่อไปก่อนที่จะพบเป็นศพในเวลาต่อมาไม่นาน

ชายคนดังกล่าวต้องโทษกักบริเวณในบ้านพักแต่ได้รับการยกเว้นให้ทำงานในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว นายคอสเตอร์กล่าวว่า “ผู้ก่อเหตุมีประวัติใช้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นหลัก ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเขามีความเสี่ยงที่จะก่ออันตรายในระดับที่มากกว่าที่ระบุในประวัติของเขา”

นายคริส ฮิปกินส์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า เหตุกราดยิงดังกล่าวไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการก่อการร้ายและไม่พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีมูลเหตุจูงใจมาจากการเมืองหรือคตินิยมแต่อย่างใด ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงที่ประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลียร่วมกันเป็นเจ้าภาพจะดำเนินต่อไปตามปกติ

ฮิปกินส์กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชายและหญิงของนิวซีแลนด์ที่ได้เข้าระงับเหตุดังกล่าวอย่างทันท่วงทีเพื่อรักษาชีวิตประชาชน และขอให้สาธารณชนวางใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการกับภัยคุกคามและไม่มีความเสี่ยงใดหลังเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นแล้ว แต่จะเพิ่มกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง

นายเวย์น บราวน์ นายกเทศมนตรีเมืองโอ๊คแลนด์ ให้ข้อมูลว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ทุกคนของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า และสมาชิกทุกคนของทีมฟุตบอลทุกทีมปลอดภัยดี ด้านฟีฟ่าก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตและทางฟีฟ่ากำลังติดต่อกับทางการนิวซีแลนด์

ทีมฟุตบอลหญิงของทีมชาตินิวซีแลนด์ นอร์เวย์ อิตาลี สหรัฐ เวียดนาม และโปรตุเกส กำลังพักอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ขณะเกิดเหตุกราดยิง โดยสถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับโรงแรมของทีมชาตินอร์เวย์ ทำให้นักเตะของทีมหลายคนใช้โซเชียลมีเดียเพื่อรายงานว่าตนเองปลอดภัยดี

‘รถรางอัจฉริยะพลังไฮโดรเจน’ คันแรกของจีน เสร็จแล้ว!! เตรียมส่งออกสู่มาเลเซีย เพิ่มประสิทธิภาพการจราจรข้ามพรมแดน


เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ฉางซา รายงานว่า รถรางอัจฉริยะพลังงานไฮโดรเจนที่พัฒนาโดยบริษัท ซีอาร์อาร์ซี จูโจว อิเล็กทริก โลโคโมทีฟ รีเสิร์ช อินสติทูท จำกัด (CRRC Zhuzhou Electric Locomotive Research Institute Co.) ออกจากสถานที่ผลิต ในเมืองจูโจว มณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน และจะถูกส่งออกสู่มาเลเซียในอีกไม่กี่วันนี้ จากท่าเรือเซี่ยงไฮ้

รถรางอัจฉริยะคันนี้จะถูกนำไปใช้สำหรับบริการขนส่งในพื้นที่เขตเมืองของเมืองกูชิง เมืองเอกของรัฐซาราวักในมาเลเซีย โดยเป็นรถรางที่ใช้ระบบไฟฟ้าพลังงานไฮโดรเจนคันแรก ซึ่งมีจุดแข็งด้านระยะการขับขี่ที่ยาวนานขึ้น ระยะเวลาการเติมเชื้อเพลิงสั้นลง อีกทั้งประหยัดพลังงานและปกป้องสิ่งแวดล้อม

รถรางข้างต้นได้รับการปรับปรุงผ่านการออกแบบอัจฉริยะ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของมาเลเซียในการบรรลุระบบขนส่งสาธารณะอัจฉริยะที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยหลังจากส่งถึงมาเลเซียแล้ว รถรางดังกล่าวจะเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบในเมืองกูชิงเป็นเวลา 3 เดือน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของการใช้งานรถรางอัจฉริยะในมาเลเซียจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองกูชิงอย่างมีประสิทธิภาพ นำพารูปแบบการเดินทางที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และทันสมัยสู่ท้องถิ่น ทั้งช่วยให้การผลิตอัจฉริยะของจีนสามารถส่งมอบบริการแก่กลุ่มประเทศตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
 

‘จีน’ เผชิญสภาพอากาศผันผวน ร้อนทะลุ 52 องศาฯ หลังผ่านอากาศหนาว -50 องศาฯ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

(19 ก.ค. 66) เมืองซานเป่าในเขตปกครองตนเองชนชาติซินเจียงอุยกูร์ผจญอากาศร้อนถึง 52.2 องศาเซลเซียส ทั้งที่เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว เพิ่งต่อสู้กับอุณหภูมิเย็นติดลบ 50 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่เดือนเมษายน หลายประเทศในเอเชียประสบปัญหาอากาศร้อนทำลายสถิติ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการรับมือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศเปิดเผยว่า เป้าหมายของการรักษาภาวะโลกร้อนในระยะยาวให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม

อุณหภูมิที่สูงเป็นเวลานานในจีนได้สร้างความเสียหายการเพาะปลูก และก่อให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดภัยแล้วซ้ำรอยกับปีที่แล้ว ซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี

ที่ผ่านมา จีนเผชิญกับอุณหภูมิที่แปรปรวนอย่างมากในแต่ละฤดูกาล อย่างไรก็ดี ความแปรปรวนนั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเดือนมกราคม อุณหภูมิในเมืองโม่เหอในมณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือ ลดต่ำถึง -53 องศาเซลเซียส ทุบสถิติอากาศหนาวที่สุดของจีน

หลังจากนั้น ฝนตกหนักที่สุดในรอบทศวรรษได้พัดถล่มภาคกลางของจีน ทำลายล้างทุ่งข้าวสาลีในพื้นที่ที่เรียกว่ายุ้งฉางของประเทศ

สหรัฐฯ และจีนกำลังผลักดันความพยายามที่จะต่อสู้กับภาวะโลกร้อนอีกครั้ง โดยนายจอห์น เคอร์รี ทูตพิเศษด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งจะเข้าหารือกับผู้แทนฝ่ายจีนในสัปดาห์นี้

‘นครเซินเจิ้น’ นำร่องใช้ ‘กระเป๋าเงินหยวนดิจิทัล’ ที่แรกในจีน รองรับการชำระเงินรอบด้าน เผย ยอดใช้งานทะลุ 35 ล้านใบแล้ว

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, เซินเจิ้น รายงานว่า มหานครเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นเมืองนำร่องด้านการใช้สกุลเงินดิจิทัลแห่งแรกของจีน มีการเปิดใช้งาน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัลของจีน’ หรือ ‘เงินหยวนดิจิทัล’ (e-CNY) จำนวน 35.94 ล้านใบ เมื่อนับถึงสิ้นเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 7.6 ล้านใบ

ธนาคารประชาชนจีน สาขากลางของเมืองเซินเจิ้น ระบุว่า ปัจจุบันกิจการในเซินเจิ้นมากกว่า 2.1 ล้านราย ได้รองรับการชำระเงินสกุลเหรินหมินปี้ (RMB) แบบดิจิทัล ครอบคลุม 6 ด้านหลัก ได้แก่ การบริโภคประจำวันในห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทางโดยรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน และค่าจอดรถและค่าเชื้อเพลิง

ทั้งนี้ เซินเจิ้นได้ออกแผนงานในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเสนอการร่วมมือกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงทางตอนใต้ของจีน เพื่อดำเนินงานนำร่องการชำระเงินด้วยสกุลเงินเหรินหมินปี้ข้ามพรมแดน ด้านเขตความร่วมมืออุตสาหกรรมการบริการสมัยใหม่เฉียนไห่ เซินเจิ้น-ฮ่องกง จะถูกสร้างเป็นเขตสาธิตการใช้สกุลเงินหยวนดิจิทัลข้ามพรมแดน

ขุนคลังมะกัน 'ติดดิน-ติดใจ' เมนูเห็ดในร้านพื้นเมืองของจีน คนจีนเห็นเป็นปลื้ม แต่สื่อตะวันตกหาว่าทำตัวด้อยค่าสหรัฐฯ

แม้ว่า เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ วัย 76 ปี จะเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนอย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ยังมีกระแสหนึ่งที่โด่งดัง ไม่เลือนหาย นั่นก็คือ รัฐมนตรีคลังหญิงคนนี้ได้ทำให้ เมนูเห็ดเจี้ยนโส่วชิง (见手青) หรือ เห็ดป่ายูนนาน ฮิตไปทั่วบ้าน ทั่วเมือง ลามข้ามทวีปไปสหรัฐอเมริกา จนทำให้หลายคนสนใจว่าเห็ดชนิดนี้ มีความพิเศษอย่างไร

ทำไม เจเน็ต เยลเลน ถึงชอบ และรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษหลังจากได้กินไปแล้ว?

ต้นกระแสเกิดจากบล็อกเกอร์สาวชื่อดังคนหนึ่งใน Weibo บังเอิญไปเจอ เจเน็ต เยลเลน พร้อมชาวคณะ เข้าไปรับประทานอาหารในร้านจีน สไตล์ยูนนานแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ที่ชื่อว่า อี่ จั้ว อี่ ว่าง (一坐一忘) ซึ่งเป็นอาหารจีนมื้อแรกที่ได้เดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งทีเดียว และสั่งอาหารพื้นเมืองยูนนานมาหลายอย่าง

ด้วยความอยากรู้ว่าอาคันตุกะคนสำคัญจากสหรัฐฯ จะสั่งอะไร เธอจึงแอบชำเลืองไปที่โต๊ะ และก็พบว่า เจเน็ต เยลเลน ชอบเมนูผัดเห็ดเจี้ยนโส่วชิงอย่างมาก และได้สั่งมาถึง 4 จาน ทำให้บล็อกเกอร์สาวจีนถึงกับประหลาดใจ

หลังจากที่มีการแชร์เรื่องราว และภาพถ่ายคณะของเจเน็ต เยลเลน ลงในเพจ Weibo ของเธอเพื่อเป็นหลักฐาน ก็มีชาวเน็ตจีนเข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมาก ว่าคณะรัฐมนตรีคลังจากสหรัฐฯ มีความติดดิน เลือกมาลองกินอาหารจีนพื้นเมืองในภัตตาคารระดับกลางๆ ทั่วไป เป็นมื้อแรกตั้งแต่มาเยือนจีน แถมใช้ตะเกียบเก่งเสียด้วย และยังทำให้เมนูเห็ดเจี้ยนโส่วชิง ที่ปกติก็ได้รับความนิยมในจีนอยู่แล้ว ดังยิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับ เจี้ยน โส่ว ชิง เป็นเห็ดป่าชนิดหนึ่ง พบมากในมณฑลยูนนาน เป็นเห็ดขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ มืชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า 'Lanmaoa Asiatica' ผิวด้านนอกเป็นสีแดง ด้านในเป็นสีเหลือง แต่เมื่อใช้มือบีบ หรือ ทุบ เนื้อด้านในจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินคล้ำ ชาวจีนนิยมนำมาปรุงอาหารทั้งแบบสด และ แบบแห้ง

แต่เห็ดชนิดนี้ก็มีอันตรายในตัว เพราะ เจี้ยน โส่ว ชิง มีฤทธิ์คล้ายเห็ดเมา ที่อาจทำให้บางคนที่กินเข้าไป เกิดอาการประสาทหลอนได้ ซึ่งทางสมาคมพฤกษศาสตร์ยูนนาน ก็ได้ขึ้นทะเบียนเห็ดเจี้ยน โส่ว ชิง ในหมวดเห็ดมีพิษเช่นกัน

แต่เห็ดชนิดนี้ ก็ยังเป็นที่นิยม และ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามตลาดสดของจีน โดยทางจีนได้ให้ข้อมูลวิธีการบริโภคเห็ดเจี้ยน โส่ว ชิง อย่างปลอดภัย ตั้งแต่การเตรียมเห็ดเพื่อประกอบอาหาร และการปรุง โดยย้ำว่า เห็ดชนิดนี้ต้องบริโภคแบบปรุงสุกเท่านั้น

และเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่? สำนักข่าว CNN จึงได้ส่งทีมข่าวท้องถิ่นไปที่ร้านอาหาร อี่ จั้ว อี่ ว่าง เพื่อสอบถามถึงเมนูอาหารที่เจเน็ต เยลเลน และ ชาวคณะได้สั่งมารับประทานในวันนั้น และตั้งคำถามว่าได้เตือนให้ทราบถึงอันตรายของเห็ดชนิดนี้หรือไม่ โดยทางเจ้าของร้านกล่าวว่า ไม่ได้แจ้งว่าเห็ดชนิดนี้มีพิษ แต่ยืนยันว่า เมนูเห็ดทั้งหมดที่ขึ้นโต๊ะเสิร์ฟให้กับคณะของรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ปรุงสุกอย่างดีทุกจาน

แต่ก็ไม่วายที่สื่อตะวันตกจะตั้งข้อสงสัยว่า เจเน็ต เยลเลน ดูอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ เมื่อได้เจอหน้า ทักทายกับคณะรัฐมนตรีจีนที่มารับรอง ในขณะที่จับมือ เธอก็ยังคำนับแล้ว คำนับอีก จนมีชาวอเมริกันหลายคนไม่พอใจที่เห็นเจเน็ต เยลเลน แสดงความอ่อนน้อมกับจีนจนเกินงาม จนทำให้ฝ่ายสหรัฐฯ ดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

และสื่อตะวันตกบางสำนัก ยังโทษว่า อาจเป็นเพราะอาหารจานเห็ดยูนนานจะส่งผลต่ออากัปกริยาของรัฐมนตรีคลังหญิง ทำให้ขาดความนิ่ง และสุขุม สมตำแหน่งฐานะตัวแทนชาติมหาอำนาจอย่างที่ควรจะเป็น

แต่ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากเห็ดมีพิษ หรือ คิดไปเอง ก็ต้องยอมรับว่า เจเน็ต เยลเลน ทำให้ เจี้ยนโส่วชิง เห็ดป่ายูนนานชนิดนี้ เป็นที่รู้จัก และโด่งดังอย่างมากทั้งในจีน และต่างประเทศ แม้บริบทที่ถกกันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ตาม

HP แบรนด์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก  เตรียมย้ายกำลังการผลิตคอมฯ บางส่วนออกจากจีนมายังไทย

(18 ก.ค. 66) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง HP ล่าสุดได้เตรียมย้ายกำลังการผลิตสินค้าบางส่วนออกนอกประเทศจีน โดยย้ายมายังประเทศไทย เม็กซิโก เวียดนาม เนื่องจากต้องการให้ห่วงโซ่การผลิตของบริษัทไม่สะดุด

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า HP ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้เตรียมย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย และประเทศเม็กซิโก และบริษัทยังเตรียมขยายกำลังการผลิตในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน รวมถึงทั่วโลกหลังจากนี้

สื่อธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นได้รายงานว่า HP ได้ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการย้ายฐานการผลิตมายัง 2 ประเทศนี้ โดยในประเทศไทย HP เตรียมที่จะผลิต Laptop สำหรับตลาดผู้บริโภค ขณะที่ Laptop ที่จำหน่ายให้กับองค์กรต่าง ๆ จะใช้ฐานการผลิตที่เม็กซิโก นอกจากประเทศไทยแล้ว HP ยังเตรียมย้ายกำลังการผลิตมายังเวียดนามในช่วงปีหน้าด้วย

ในปีที่ผ่านมา HP ได้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปมากถึง 55.2 ล้านเครื่อง และในจำนวนดังกล่าวมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ผลิตนอกประเทศจีนอยู่ราว ๆ 3 ถึง 5 ล้านเครื่อง

สำหรับประเทศไทยนั้นมีซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่หลากหลาย ทำให้ HP ตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานการผลิตอีกแห่ง ขณะที่เม็กซิโกถือเป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญในอเมริกาเหนือ และยังมีข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดสำคัญของ HP เนื่องจากคำสั่งซื้อราวๆ 31% ขณะที่ตลาดในประเทศจีนนั้นมีสัดส่วนไม่ถึง 8% ของยอดขายของบริษัท เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Lenovo รวมถึง Huawei ครองตลาดในประเทศจีนแทบเบ็ดเสร็จ

สาเหตุที่ทำให้ HP ต้องย้ายกำลังการผลิตบางส่วนออกนอกประเทศจีน บริษัทได้ให้เหตุผลเนื่องจากต้องการให้ห่วงโซ่การผลิตสินค้าของบริษัทมีความยืดหยุ่น เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของภาคการผลิต และต้องการที่จะตอบสนองลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก

นอกจากผู้ผลิตอย่าง HP แล้ว Dell ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อีกรายก็ได้เตรียมที่จะย้ายกำลังการผลิต 20% ของสัดส่วนการผลิตทั้งหมดมายังประเทศเวียดนาม รวมถึงเปลี่ยนผ่านการผลิตสินค้าที่พึ่งพาชิปจากประเทศจีนด้วย ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่น เช่น Apple เองก็ตั้งเป้าที่จะกระจายกำลังการผลิตไปยังเวียดนามหรืออินเดียด้วย

อย่างไรก็ดีบริษัทได้กล่าวว่ายังให้ความสำคัญกับฐานการผลิตในเมืองฉงชิ่งของจีนอยู่ โดยฐานการผลิตนี้เปิดตัวในช่วงปี 2008 และเป็นฮับในการผลิต Laptop สำคัญของบริษัทด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งได้เตรียมการที่จะย้ายฐานการผลิต หรือแม้แต่ย้ายกำลังการผลิตออกนอกประเทศจีน หลังจากที่จีนได้ใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าทั่วโลก ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน และยังรวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกระทบกับการทำธุรกิจหลังจากนี้ได้

‘เครื่องบินลำเล็กเซสน่า 208’ พุ่งชนโรงเก็บเครื่องบินในโปแลนด์ สลด!! ดับ 5 บาดเจ็บอีก 8 คาด เกิดจากอากาศที่ไม่ดี-ทัศนวิสัยแย่ 

(18 ก.ค. 66) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุเครื่องบินเล็กเซสน่า 208 (Cessna 208) ลำหนึ่งบินโหม่งโลก พุ่งชนโรงเก็บเครื่องบินของศูนย์กระโดดร่มในหมู่บ้านคริซินโน (Chrcynno) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของโปแลนด์ ไปทางเหนือ 45 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่ดี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 8 คน

‘โมนิกา โนวคาวสกา-บรินดา’ โฆษกของหน่วยงานดับเพลิงกล่าวว่า นักบินของเครื่องบินลำดังกล่าวและผู้คน 4 คนที่หลบอยู่ในโรงเก็บเครื่องบินเนื่องจากเกิดพายุขึ้น ได้เสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินตกในช่วงบ่ายนี้

ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 8 ราย โดย 2 รายอาการสาหัส สอดคล้องกับที่ ซิลเวสเตอร์ ดาบราวสกี ผู้ว่าการจังหวัด กล่าวว่ามีเด็กที่บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวด้วย

ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและรถพยาบาลนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในเมืองโนวี ดวอร์ มาโซเวียซกี (Nowy Dwor Mazowiecki)

‘คาตาร์ซีนา เออร์บาโนวสกี’ โฆษกอีกคนหนึ่งของหน่วยงานดับเพลิงท้องถิ่นกล่าวว่า หน่วยกู้ภัยยังคงตรวจสอบโรงเก็บเครื่องบินเพื่อหาผู้ประสบเหตุเพิ่มเติม

ขณะที่อัยการและตำรวจกำลังสอบสวนสาเหตุของเหตุการณ์น่าสลดนี้ ที่นับเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินสำหรับกระโดดร่มที่เลวร้ายที่สุดในโปแลนด์นับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 11 รายจากเหตุเครื่องบินเล็กตกที่เมืองโทโปโลว์ (Topolow) ใกล้เมืองเชสโตโชวา (Czestochowa) ทางตอนใต้

'ปูติน' สั่งยึด 2 กิจการยุโรป 'นม Danone-เบียร์ Carlsberg' โต้ตอบชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียแบบ 'ตาต่อตาฟันต่อฟัน'

วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามคำสั่งใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ 16 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ให้ทางการรัสเซียเข้าควบคุมกิจการ 2 บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ในรัสเซีย ได้แก่ Danone ผู้ผลิตโยเกิร์ตชั้นนำจากฝรั่งเศส และ โรงงานเบียร์ Carlberg ของเดนมาร์ก โดยได้แต่งตั้งหน่วยงานเข้ามาบริหารจัดการชั่วคราวในกิจการทั้ง 2 แห่งแล้ว

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลมอสโคว์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำรัสเซียได้ออกกฎหมายเมื่อช่วงต้นปี 2023 ให้สิทธิ์รัฐสามารถยึดทรัพย์สินของบริษัทข้ามชาติ ที่มาจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียได้ โดยในช่วงเดือนเมษายน รัฐบาลมอสโคว์ได้ควบคุมกิจการในเครือ Uniper และ Fortum บริษัทด้านพลังงานของ เยอรมนี และฟินแลนด์ ตามลำดับมาแล้ว

มาคราวนี้เป็นคิวของ Danone และ Carlsberg บริษัทยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส และ เดนมาร์กบ้าง ที่มีข่าวว่า ทั้ง 2 บริษัทมีแผนที่จะถอนกิจการออกจากรัสเซียอยู่แล้ว และกำลังขายธุรกิจของตนให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ แต่โดนรัฐบาลรัสเซียยึดกิจการเสียก่อนในวันนี้ คาดหมายว่าจะโอนกิจการให้กับ Rosimushchestvo หน่วยงานด้านกิจการอสังหาริมทรัพย์ของรัสเซียเป็นผู้ดูแลต่อไป

ด้านบริษัทแม่ของ Danone ในฝรั่งเศส กล่าวว่า ทางบริษัทอยู่ในขั้นตอนขายกิจการของตนในรัสเซียตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ตอนนี้กำลังประเมินสถานการณ์อยู่ และพร้อมปกป้องสิทธิ์ของตนในฐานะหุ้นส่วนของ Danone Russia เท่าที่ทำได้ และสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจต่อในรัสเซีย

ด้านผู้บริหารของ Carlsberg กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากทางรัฐบาลรัสเซียเกี่ยวกับคำสั่งประธานาธิบดี ที่จะมีผลต่อกิจการโรงเบียร์ในเครือของบริษัทที่รัสเซีย

บริษัทผู้ผลิตเบียร์ชื่อดังจากเดนมาร์กยังกล่าวอีกว่า Carlsberg ได้แยกกิจการของโรงเบียร์ในรัสเซียออกจากธุรกิจในเครือของบริษัทเรียบร้อยแล้ว และเพิ่งจะเซ็นข้อตกลงที่จะขายกิจการในรัสเซียไปเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำสัญญาแล้วเสร็จ ก็มาโดนคำสั่งควบคุมการจากผู้นำรัสเซียเสียก่อน ยอมรับว่าหลังจากนี้การขายทอดกิจการอาจทำได้ยาก

บริษัท Danone Russia นับเป็นบริษัทผู้ผลิตนมที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย มีพนักงานราว 8,000 คน และมีมูลค่าธุรกิจสูงกว่า 1.1 พันล้านเหรียญ ส่วนโรงเบียร์ Carlsberg ในรัสเซีย ที่ทำตลาดภายใต้ชื่อ Baltika ถือเป็นแบรนด์เบียร์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในรัสเซีย มีโรงงานผลิตเบียร์ถึง 8 แห่ง และพนักงานกว่า 8,400 คน

จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้บริษัทจากรัสเซียถูกคว่ำบาตร และเงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียถูกอายัดโดยชาติพันธมิตรตะวันตก เป็นเหตุให้รัฐบาลรัสเซียตอบโต้ด้วยการยึดกิจการของบริษัทข้ามชาติของชาติตะวันตก โดยรัฐบาลลรัสเซียได้ขู่ว่าอาจมีการพิจารณายึดทรัพย์สินของชาติตะวันตกเพิ่มอีก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวของชาติตะวันตกที่กระทำกับบริษัทของรัสเซียในต่างประเทศเช่นกัน

เป็นมาตรการแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ยึดมา ยึดกลับ ไม่โกง ตามสไตล์ปูติน สิ่งเดียวที่ต้องระวังคือ สายป่านใครจะยาวกว่ากันนั่นเอง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top