Monday, 9 June 2025
WORLD

‘จีน’ เผย ‘5G’ เชิงพาณิชย์ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ สร้างเม็ดเงินราว 28.12 ล้านล้านบาท ลุยเดินหน้าพัฒนาต่อ

(7 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จ้าวจื้อกั๋ว หัวหน้าวิศวกรประจำกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน อ้างอิงผลการวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน ระบุว่า การใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ช่วยกระตุ้นผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยตรงราว 5.6 ล้านล้านหยวน (ราว 28.12 ล้านล้านบาท) ในจีนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

ระหว่างงานประชุมด้านโทรคมนาคมเคลื่อนที่ จ้าวจื้อกั๋ว ได้กล่าวว่า 5G ยังขับเคลื่อนผลผลิตทางเศรษฐกิจทางอ้อม 14 ล้านล้านหยวน (ราว 70.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งสะท้อนว่าเทคโนโลยีใหม่นี้มีส่วนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงของจีนอย่างมาก

จ้าวจื้อกั๋ว ระบุว่าจีนครองตำแหน่งผู้นำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G สร้างความก้าวหน้าในเทคโนโลยีหลักที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง และมีผลลัพธ์ที่โดดเด่นในการผสมผสานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับโลกจริงทางกายภาพ นับตั้งแต่มีการออกใบอนุญาตใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2019

จีนมีสถานีฐาน 5G เกือบ 3.75 ล้านแห่ง หรือคิดเป็นราว 26 แห่งต่อประชากร 10,000 คนเมื่อนับถึงสิ้นเดือนเมษายน โดยจีนยังได้ยื่นจดสิทธิบัตรสำคัญด้านมาตรฐาน 5G คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 42 ของสิทธิบัตรทั้งหมดทั่วโลก

อนึ่ง เทคโนโลยี 5G ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมหลัก อาทิ การทำเหมือง ไฟฟ้า และการดูแลสุขภาพ อีกทั้งยังค่อย ๆ กระจายไปสู่แวดวงที่สำคัญอย่างการวิจัยและพัฒนา การออกแบบ และการผลิต

ทั้งนี้ จ้าวจื้อกั๋ว ยังระบุว่า ในขั้นต่อไป กระทรวงฯ จะเดินหน้าทำงานเพื่อขยายความครอบคลุมของเครือข่าย 5G เร่งขยายการประยุกต์ใช้ 5G และส่งเสริมการปรับปรุงอุตสาหกรรมข้อมูลและการสื่อสารให้ทันสมัย

ผลสำรวจกลุ่ม 'GenZ-GenY' เมินตำแหน่งงาน Manager มากขึ้น เหตุ!! 'งาน-ความกดดัน' ที่ต้องแบกมีมากกว่าค่าจ้างที่ได้เพิ่มขึ้นมา

(7 มิ.ย. 67) ผลสำรวจจาก CoderPad และ Visier เผยไปในทางเดียวกันว่า คน Gen Z และ Gen Y จำนวนมากไม่สนใจที่จะรับตำแหน่ง Manager ซึ่งเป็นงานระดับบริหารและจัดการ เพราะพวกเขาพบว่างานเหล่านี้ไม่คุ้มกับภาระงานและความเครียดที่เพิ่มขึ้น

โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า ตำแหน่งงานด้านบริหารจัดการได้สูญเสียความน่าดึงดูดใจกับกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ เนื่องจากลักษณะงานที่ทำให้ต้องแบกรับเรื่องต่าง ๆ ถูกคาดหวังให้แก้ปัญหาและผลสำรวจพบว่ากลุ่มคนทำงานด้านบริหารจัดการ ต้องต่อสู้กับความโดดเดี่ยวหลังจากรับบทบาทการทำงานที่รู้สึกว่าถูกตัดขาดจากทีม

การสำรวจจากแพลตฟอร์มสัมภาษณ์งาน CoderPad พบว่า 36% ของคนทำงานด้านเทคโนโลยีไม่ต้องการความรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการ เพราะ Gen Z และ Y ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ สำหรับพวกเขาชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และความกดดันที่มาพร้อมกับงานบริหารจัดการมีมากกว่าค่าจ้างที่ได้เพิ่มขึ้นมา

ขณะที่ Visier แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ด้านทรัพยากรบุคคลของสหรัฐอเมริการะบุว่า มีเพียง 38% ของผู้ถูกสำรวจที่สนใจจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลในองค์กรปัจจุบันของพวกเขา โดยผู้เข้าร่วมสำรวจมองว่าการย้ายงานมาฝั่งบริหารจัดการ หมายถึงการทำงานที่ยาวนานขึ้นและต้องรับมือกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น 

ผู้เข้าร่วมบางคนกล่าวว่าพวกเขาพอใจกับบทบาทในปัจจุบัน และมองว่าตำแหน่งงานด้านการบริหารจัดการจะดึงพวกเขาออกจากการได้ทำสิ่งที่รัก

‘วิอาทินา’ วัวบราซิล ผู้ครองสถิติที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ตีมูลค่า 150 ลบ. น้ำหนักมากเป็น 2 เท่าของพันธุ์เดียวกัน

(7 มิ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บราซิลจัดมหกรรมประมูลวัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไฮไลต์ในปีนี้คือ ‘แม่วัวเนื้อ’ อายุ 3 ปี มีน้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม ซึ่งมีน้ำหนักที่มากเป็น 2 เท่าของแม่วัวพันธุ์เดียวกัน โดยแม่วัวมีชื่อว่า ‘วิอาทินา’ (Viatina-19 FIV Mara Moveis) 

'วิอาทินา' ผู้ครองสถิติวัวที่มีราคาแพงที่สุดในโลก มีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 150 ล้านบาท โดย แม่วัววิอาทินา มีผิวขาวละมุนดุจหิมะ มันได้รับการดูแลอย่างดี มีกล้องวงจรปิดคอยดูตลอด 24 ชั่วโมง มีสัตวแพทย์ประจำตัว และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธอารักขา เพราะเพียงแค่เซลล์ไข่ของวิอาทินา ก็มีราคาสูงถึง 250,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 9 ล้านบาท

'วิอาทินา' กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย อาทิเช่น 'Miss South America' ในการแข่งขัน 'Champion of the World' ที่เปรียบได้กับเวที Miss Universe ของวงการวัว ภาพของแม่วัววิอาทินา ยังอยู่บนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนถนนทางหลวงของบราซิลอีกด้วย 

‘ชิบุยะ’ จ่อคุมเวลา ‘ห้ามดื่มแอลกอฮอล์’ ในที่สาธารณะ หลัง ‘นักดื่ม’ ทำเมืองเละเทะ คาด!! เริ่มบังคับใช้ตุลาคมนี้

(7 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ชิบุยะ’ ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียวเตรียมประกาศควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ คาดเริ่มใช้เดือนตุลาคมนี้

โดยมาตรการกำหนดว่าห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามท้องถนนหรือสถานที่สาธารณะในเขตชิบูย่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 5.00 น. ทุกวัน และอายุการดื่มที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่นคือ ผู้มีอายุ 20 ปี

ชิบุยะ เป็นเขตปกครองตนเองในโตเกียว จึงสามารถออกกฎระเบียบท้องถิ่นโดยเฉพาะได้ โดยนายกเทศมนตรี ‘เคน ฮาเซเบะ’ เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ‘ได้เพิ่มการตรวจตราและความพยายามอื่นๆ ในปีที่ผ่านมา และเราอยากให้ผู้คนเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มในร้านอาหารมากกว่า’

ทั้งนี้ ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ชิบุยะ เคยมีคำสั่งห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันฮาโลวีน โดยอ้างว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งห้ามดังกล่าว รวมถึงการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกบาร์ และร้านอาหาร ซึ่งธุรกิจในท้องถิ่นต่างสนับสนุนกฎระเบียบดังกล่าวในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และผลักดันให้กฎดังกล่าวประกาศใช้อย่างถาวร

‘จำนวนนักท่องเที่ยวปริมาณล้นเมืองกลายเป็นเรื่องร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดจากการดื่มตามท้องถนน การทะเลาะวิวาทกับคนท้องถิ่น การทิ้งกระป๋องและขวดเปล่าของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก’ เป็นข้อความที่ระบุในแถลงการณ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ชิบุยะ เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งในโตเกียว เช่น ศาลเจ้าเมจิ สวนสาธารณะโยโยหงิ และ บริเวณทางข้ามถนนชิบุยะ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

‘นายกฯ เทศมนตรี’ เม็กซิโก โดนยิงดับ หลังได้ ปธน.ใหม่ไม่นาน ตอกย้ำ!! แม้เลือกตั้งจบ แต่ความมั่นคงของประเทศยังไม่เริ่ม

(6 มิ.ย. 67) เอเอฟพี รายงานว่า นายกเทศมนตรี ของเมืองทางตะวันตกของเม็กซิโก ถูกสังหารเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่ ‘คลอเดีย เชนบัม’ ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก 

ทั้งนี้ ด้านกระทรวงมหาดไทย ได้โพสต์ลงเอ็กซ์ว่า รัฐบาลของรัฐมิโชกัน ประณามการฆาตกรรมนายกเทศมนตรีของโกติจา ‘โยลันดา ซานเชซ ฟิเกโร’

การฆาตกรรมนายกเทศมนตรีหญิงรายนี้ เกิดขึ้นหลังจากชัยชนะอย่างถล่มทลายของ คลอเดีย เชนบัม ที่ทำให้เกิดความหวังในการเปลี่ยนแปลงในประเทศ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทางเพศ

ด้าน ซานเชซ ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรี ในการเลือกตั้งปี 2564 ถูกยิงเสียชีวิตบนถนนสาธารณะ ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการฆาตกรรมครั้งนี้ แต่กล่าวว่าได้เริ่มดำเนินการรักษาความปลอดภัย เพื่อจับกุมฆาตกรแล้ว

ก่อนหน้านี้ นักการเมืองรายนี้ ถูกลักพาตัวเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ขณะออกจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในเมืองกวาดาลาฮารา ในรัฐฮาลิสโก ซึ่งติดกับมิโชกัน 3 วันต่อมา รัฐบาลกลาง ได้ออกมาระบุว่า ได้พบเธอยังมีชีวิตอยู่

ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่น ผู้ลักพาตัวเป็นกลุ่ม Jalisco Cartel - New Generation (CJNG) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าข่มขู่นายกเทศมนตรี ที่ต่อต้านกลุ่มอาชญากร ที่ยึดอำนาจตำรวจในเขตเทศบาลของเธอ

อย่างไรก็ตาม มิโชกัน มีชื่อเสียงในด้านสถานที่ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมส่งออกด้านเกษตรกรรมที่เจริญรุ่งเรือง แต่ยังเป็นรัฐที่มีความรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เนื่องจากมีแก๊งขู่กรรโชก และค้ายาเสพติด

นอกจากนี้ ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า อัตราการฆาตกรรมของเม็กซิโก อยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดในโลก และยังคงเป็นสถานที่อันตรายสำหรับผู้หญิง โดยตัวเลขแสดงให้เห็นว่ามี ผู้หญิงประมาณ 10 คน ถูกฆาตกรรมทุกวัน มีผู้สูญหายมากกว่า 100,000 คนในประเทศ โดยไม่มีคำอธิบายถึงชะตากรรมของพวกเขา

จากข้อมูลของหน่วยงาน Think Tank ‘Mexico Evalua’ ระบุว่า ประมาณ 95% ของอาชญากรรมทั้งหมดทั่วประเทศยังไม่ได้รับการแก้ไขในประเทศในปี 2022

ทั้งนี้ คลอเดีย เชนบัม นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองเม็กซิโกซิตี้ แคนดิเดตประธานาธิบดีเม็กซิโกจากพรรคโมเรนา (Morena) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย คว้าชัยถล่มทลายในการเลือกตั้ง โดยก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศเม็กซิโก ต่อจากผู้นำคนปัจจุบัน ‘อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์’

นอกจากเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโกแล้ว ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปในสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา หรือทวีปอเมริกาเหนือ

เธอให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงความมั่นคง แต่ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่มีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเม็กซิโก มีผู้สมัครถูกสังหาร 38 ราย ได้ตอกย้ำปัญหาความมั่นคงครั้งใหญ่ของประเทศ จนถึงวันเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ยังมีการสังหารคน 2 คนที่หน่วยเลือกตั้งในรัฐปวยบลาด้วย

งานเข้าสังคมชนเผ่าในป่าอเมซอน  หลังอินเทอร์เน็ตเข้าถึง แม้สื่อสารสะดวกขึ้น แต่พฤติกรรม 'ติดจอ-ลามก' เริ่มลุกลาม

(6 มิ.ย.67) สถานีโทรทัศน์ NDTV ของอินเดีย รายงานข่าว Starlink Brings Internet To Remote Tribe. They Get Hooked To Porn ระบุว่า กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในพื้นที่ป่าอเมซอน กำลังประสบกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก เมื่อเทคโนโลยี ‘สตาร์ลิงก์ (Starlink)’ ระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ได้รับมอบจาก อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี แม้จะทำให้พวกเขาสะดวกสบายด้านการติดต่อสื่อสารมากขึ้น แต่ก็ทำให้มีพฤติกรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้นด้วย

ชนเผ่า ‘มารุโบ (Marubo)’ ในบราซิล ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 2,000 คน ได้รับมอบระบบสตาร์ลิงก์ เมื่อเดือน ก.ย. 2566 ซึ่งผู้อาวุโสของเผ่า ไซนามะ มารุโบ (Tsainama Marubo) หญิงชราวัย 73 ปี เล่าว่า ด้านหนึ่งอินเทอร์เน็ตทำให้คนในเผ่าสามารถพูดคุยกับคนรักที่อยู่ห่างไกล และขอความช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินได้ แต่อีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนมันจะทำให้คนหนุ่ม-สาว มีนิสัยเกียจคร้าน รวมถึงทำให้เด็กและเยาวชนเสพติดการพูดคุยและใช้ชีวิตกับหน้าจอ ไปจนถึงการรับข้อมูลสื่อลามกอนาจารและข้อมูลที่ผิดต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่เห็นด้วยหากจะรื้อถอนระบบออกไป

อัลเฟรโด มารุโบ (Alfredo Marubo) หัวหน้าสมาคมชุมชนหมู่บ้านมารุโบ กล่าวว่า ตนไม่สบายใจกับเรื่องสื่อลามกอนาจารมากที่สุด มีการแชร์คลิปเนื้อหาด้านเพศกันในกลุ่มแชทของบรรดาชายหนุ่ม และผู้นำชุมชนบางคนบอกกับตนว่า พวกเขาสังเกตเห็นหนุ่มๆ ในเผ่า มีพฤติกรรมทางเพศที่ดูก้าวร้าวขึ้น ทั้งนี้ เสาอากาศรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตระบบสตาร์ลิงก์ ได้รับบริจาคจาก อัลลิสัน เรโน (Allyson Reneau) นักธุรกิจชาวอเมริกัน

สมาชิกรายหนึ่งในเผ่า กล่าวถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต ว่า ในอดีตการถูกงูพิษกัด ถือเป็นความเสี่ยงอย่างสูงที่คนในเผ่าอาจเสียชีวิตได้ ในอดีตการขอความช่วยเหลือต้องใช้วิทยุสื่อสาร ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รีบนำเฮลิคอปเตอร์มารับ แต่อินเทอร์เน็ตทำให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น จึงเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตได้มากขึ้น ขณะที่สมาชิกอีกราย กล่าวว่า อินเทอร์เน็ตสามารถให้อิสระแก่ปัจเจกบุคคลได้ ด้วยสิ่งนี้ พวกเขาสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น ในการให้ข้อมูลและบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง

นักพัฒนา AI ของ OpenAI และ Google DeepMind ออกโรงเตือน ความเสี่ยงร้ายแรงจากเทคโนโลยีเหล่านี้ อาจทำ 'มนุษย์สูญพันธุ์'

เมื่อวันที่ (4 มิ.ย.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มอดีตและพนักงานปัจจุบันของบริษัท AI ชั้นนำอย่าง OpenAI และ Google DeepMind ได้ออกจดหมายเตือนถึงอันตรายของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ขั้นสูง อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของมนุษยชาติพนักงาน 13 คน ซึ่ง 11 คนเป็นอดีตหรือพนักงานปัจจุบันของ OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT ได้ลงนามในจดหมายชื่อว่า 'สิทธิในการเตือนเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง' (A Right to Warn about Advanced Artificial Intelligence) ส่วนอีก 2 คนเป็นอดีตและพนักงานปัจจุบันของ Google DeepMind โดยมี 6 คนไม่เปิดเผยตัวตน

รายละเอียดของจดหมายเตือนฉบับดังกล่าวระบุว่า เราเป็นทั้งพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานของบริษัท AI ชั้นนำ และเราเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยี AI ที่จะมอบประโยชน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนให้แก่มนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม เราก็ตระหนักถึงความเสี่ยงร้ายแรงที่เกิดจากเทคโนโลยีเหล่านี้ ความเสี่ยงเหล่านี้มีตั้งแต่การซ้ำเติมความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่เดิม การบิดเบือนข้อมูลและข่าวสาร ไปจนถึงการสูญเสียการควบคุมระบบ AI อิสระ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของมนุษย์ บริษัท AI เองก็ได้ยอมรับถึงความเสี่ยงเหล่านี้ เช่นเดียวกับรัฐบาลทั่วโลก และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI อื่น ๆ

เราหวังว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะสามารถบรรเทาได้อย่างเหมาะสมด้วยคำแนะนำที่เพียงพอจากชุมชนวิทยาศาสตร์ ผู้กำหนดนโยบาย และประชาชน อย่างไรก็ตาม บริษัท AI มีแรงจูงใจทางการเงินที่แข็งแกร่งที่จะหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ และเราไม่เชื่อว่าโครงสร้างการกำกับดูแลกิจการขององค์กรเพียงอย่างเดียวจะเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้

บริษัท AI มีข้อมูลที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะจำนวนมากเกี่ยวกับความสามารถและข้อจำกัดของระบบ มาตรการป้องกันที่เพียงพอ และระดับความเสี่ยงของอันตรายประเภทต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพวกเขามีภาระผูกพันเพียงเล็กน้อยที่จะแบ่งปันข้อมูลบางส่วนนี้กับรัฐบาล และไม่มีเลยกับภาคประชาสังคม เราไม่คิดว่าพวกเขาจะสามารถพึ่งพาให้แบ่งปันข้อมูลเหล่านี้โดยสมัครใจได้

ตราบใดที่ยังไม่มีการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลต่อบริษัทเหล่านี้ พนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานจึงเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่สามารถทำให้พวกเขารับผิดชอบต่อสาธารณชนได้ แต่ข้อตกลงการรักษาความลับที่กว้างขวางขัดขวางไม่ให้เราแสดงความกังวล ยกเว้นกับบริษัทที่อาจล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสทั่วไปไม่เพียงพอ เพราะมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ในขณะที่ความเสี่ยงหลายประการที่เราเกี่ยวข้องยังไม่ได้รับการควบคุม บางคนกลัวการตอบโต้ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างสมเหตุสมผล เนื่องจากประวัติของคดีดังกล่าวในอุตสาหกรรม เราไม่ใช่คนแรกที่พบหรือพูดถึงปัญหาเหล่านี้
 
ดังนั้น เราจึงขอเรียกร้องให้บริษัท AI ขั้นสูงให้คำมั่นสัญญากับหลักการเหล่านี้

1. บริษัทจะไม่เข้าร่วมหรือบังคับใช้ข้อตกลงใด ๆ ที่ห้าม 'การดูหมิ่น' หรือวิพากษ์วิจารณ์บริษัทสำหรับข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง หรือตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโดยขัดขวางผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจใด ๆ

2. บริษัทจะอำนวยความสะดวกในกระบวนการที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่สามารถตรวจสอบได้สำหรับพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงาน เพื่อแจ้งข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อคณะกรรมการของบริษัท ต่อหน่วยงานกำกับดูแล และต่อองค์กรอิสระที่เหมาะสมที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

3. บริษัทจะสนับสนุนวัฒนธรรมของการวิจารณ์อย่างเปิดเผย และอนุญาตให้พนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเกี่ยวกับเทคโนโลยีของบริษัทต่อสาธารณะ ต่อคณะกรรมการของบริษัท ต่อหน่วยงานกำกับดูแล หรือต่อองค์กรอิสระที่เหมาะสมที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ตราบใดที่ความลับทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม

4. บริษัทจะไม่ตอบโต้พนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานที่เปิดเผยข้อมูลลับที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อสาธารณะหลังจากกระบวนการอื่นล้มเหลว เรายอมรับว่าความพยายามใด ๆ ในการรายงานข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลลับโดยไม่จำเป็น ดังนั้น เมื่อมีกระบวนการที่เพียงพอสำหรับการแจ้งข้อกังวลต่อคณะกรรมการของบริษัท ต่อหน่วยงานกำกับดูแล และต่อองค์กรอิสระที่เหมาะสมที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องแล้ว เรายอมรับว่าควรแจ้งข้อกังวลผ่านกระบวนการดังกล่าวก่อน อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่มีกระบวนการดังกล่าว พนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานควรคงไว้ซึ่งเสรีภาพในการรายงานข้อกังวลของตนต่อสาธารณะ

‘บริษัทจีน’ ทดสอบ ‘โดรนขนส่ง’ บนภูเขาโชโมลังมาสำเร็จ หนุนการปีนเขา-กู้ภัยฉุกเฉิน-คุ้มครองสิ่งแวดล้อม

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดีเจไอ ผู้ผลิตโดรนชั้นนำของจีน ประกาศความสำเร็จของการทดสอบ ‘โดรนขนส่ง’ บนภูเขาโชโมลังมาจากฝั่งเนปาลเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งปูทางสู่การเกื้อหนุนการปีนเขา การกู้ภัยฉุกเฉิน และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง

ทั้งนี้ การทดสอบดังกล่าวใช้โดรนดีเจไอ รุ่นฟายคาร์ท 30 (FlyCart 30) ขนส่งออกซิเจนกระป๋อง 3 กระป๋อง และสิ่งของอื่น ๆ น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม จากเบสแคมป์ (สูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,364 เมตร) ไปยังแคมป์ 1 (สูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 6,000 เมตร) ส่วนขากลับขนส่งขยะ

โดยรายงานระบุว่า พื้นที่ระหว่างเบสแคมป์และแคมป์ 1 มีธารน้ำแข็งคุมบู ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งและอันตรายจากหิมะถล่มบ่อยครั้ง โดย ‘มิงมา กยัลเจ เชอร์ปา’ ไกด์ปีนเขาท้องถิ่น เผยว่ามีชาวเชอร์ปาสังเวยชีวิตในปีก่อน 3 ราย และการเดินทางข้ามธารน้ำแข็งนี้ต้องใช้เวลา 6-8 ชั่วโมงต่อวัน

โดรนดีเจไอสามารถขนส่งสิ่งของน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ไปกลับระหว่างเบสแคมป์และแคมป์ 1 ด้วยระยะเวลา 12 นาที ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยการทดสอบเมื่อเดือนเมษายน โดรนรุ่นฟายคาร์ท 30 บินสูงถึง 6,191.8 เมตร และสามารถขนส่งสิ่งของอย่างมั่นคง ณ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 6,000 เมตร

คริสตินา จาง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์องค์กรของดีเจไอ กล่าวว่า ความสามารถขนส่งอุปกรณ์ เสบียง และขยะอย่างปลอดภัยด้วยโดรน มีศักยภาพปฏิวัติโลจิสติกส์ของการปีนเขาโชโมลังมา เกื้อหนุนการเก็บขยะและเพิ่มความปลอดภัยแก่ทุกฝ่าย

ดีเจไอได้ทำสัญญากับบริษัทโดรนของเนปาล หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบข้างต้น เพื่อจัดตั้งปฏิบัติการโดรนขนส่งบนภูเขาโชโมลังมา ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. โดยจากัต ปราสาด พูซัล ซีอีโอของเทศบาลชนบทคุมบู ปาซัง ลามู ของเนปาล เผยว่ามีการใช้โดรนดีเจไอขนส่งขยะอย่างเชือกและบันไดรวม 30 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 29 พ.ค.

พูซัลเสริมว่ามีแผนใช้โดรนดีเจไอที่ภูเขาอามาดาบลัมในฤดูปีนเขาช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ด้วย โดยภูเขาอามาดาบลัม ความสูง 6,812 เมตร ตั้งอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัยทางตะวันออกของเนปาล

‘กัมพูชา’ ฟื้นฟู ‘ยุทธกรมขอม’ ศิลปะการต่อสู้ใหม่ ดึงดูดหนุ่มสาวเขมร หลัง ‘กุนขแมร์-โบกาตอร์’ แป๊ก

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘The Better’ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้อีกแบบของกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า ‘ยุทธกรมขอม’ โดยระบุว่า… 

สำนักข่าว AFP รายงานจากเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของกัมพูชาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้โบราณของชาวเขมร ที่นั่น นักศึกษากฎหมายที่ชื่อ เอิน บุนธาว เกร็งลำตัวที่เรียวเล็กและทำตัวเองให้แข็งเหมือนเหล็กตัวเอง เพื่อรับการฟาดศอกเข้าที่ศีรษะ

บุนธาวเป็นหนึ่งในเยาวชนชาวกัมพูชา 20 คนที่เป็นสมาชิกของสโมสรกลางแจ้งใน ‘กรุงอริยะกษัตริย์’ สถานฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้แบบเขมรโบราณที่เรียกว่า ‘ยุทธกรมขอม’ (Yutkromkhorm หรือ យុទ្ធក្រមខម)

ศิลปะการต่อสู้แบบนี้ส่วนใหญ่ถูกลืมเลือนไปแล้วหลังจากที่อาจารย์หลายคนถูกสังหารในการกวาดล้างปัญญาชนภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์เขมรแดงระหว่างปี 1975 ถึง 1979 แต่บุนธาวและเพื่อนนักเรียนของเขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้เทคนิคและรักษามรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขาให้คงอยู่

นักเรียนวิชานี้จะสวมผ้าคาดผมและผูกแขน ส่วนการฝึกอบรมจะรวมถึงการเรียนรู้ที่จะชกแบบน็อกเอาต์ด้วยหมัด การเตะที่แม่นยำด้วยพลังสูง และการโจมตีด้วยข้อศอกและเข่าอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ด้วยไม้ ดาบ และหอกก็อยู่ในหลักสูตรเช่นกัน

“ผมจะพยายามฝึกมันให้ดีที่สุด เพื่อจะได้รู้เรื่องนี้ได้ชัดเจน และพยายามรักษาศิลปะการต่อสู้นี้ไว้สำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป” บุนธาว บอกกับ AFP

>>เกิดจากสงคราม 
ยุทธกรมขอม ซึ่งแปลว่า ‘ศิลปะแห่งสงคราม’ ในภาษาเขมร ถือกำเนิดมาจากสงครามหลายครั้งหลายหนในสมัยอาณาจักรเขมรโบราณ

ยุทธกรมขอมมีองค์ประกอบสามส่วน ได้แก่ ศิลปะแห่งสงคราม เวทมนตร์คาถา และกลยุทธ์ทางทหาร

“สมัยโบราณพวกเขาไม่มีอาวุธสมัยใหม่เหมือนทุกวันนี้” นัก รินดา อาจารย์วัย 25 ปี ผู้นำชั้นเรียนของสถาบันกรุงอริยะกษัตริย์ กล่าว

“ในสมัยโบราณผู้คนใช้ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ เช่น ต่อย ศอก เตะ เข่า ดาบ หอก และลูกธนู เพื่อปกป้องประเทศของเราจากการรุกรานของศัตรู” เขากล่าวเสริม โดยอธิบายว่าเทคนิคของศิลปะนี้ได้รับการขัดเกลาและสมบูรณ์แบบโดยเหล่านักรบในอดีตตามกาลเวลาที่ผ่านไป 

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ปรมาจารย์ยุทธกรมขอมบางคนโผล่ออกมาจากเงามืดและเริ่มแสดงศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ยุทธกรมขอมได้รับการแนะนำให้รู้จักในหน่วยงานของกองทัพกัมพูชาและมหาวิทยาลัยบางแห่ง แต่ส่วนใหญ่ยังคงไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชน ซึ่งคุ้นเคยกับมวยเขมร หรือ กุนแขมร์ และศิลปะการต่อสู้โบราณอีกประเภทหนึ่งอย่าง คือ โบกกะโต มากกว่า

“ศิลปะการต่อสู้เขมรโบราณ คือ ยุทธกรมขอม เกือบจะหายไปแล้ว” รินดา กล่าว

“เราสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ไปจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญญาชนที่เสียชีวิตระหว่างการปกครองของเขมรแดง

“ยุทธกรมขอมก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน

“แต่ตอนนี้เยาวชนของเรากำลังพยายามนำมันกลับมาเพื่อแสดงให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนเห็นว่าเรามีศิลปะการต่อสู้แบบโบราณอีกแบบหนึ่งคือยุทธกรมขอม”

>> 'เทคนิคมฤตยู' 
นักศึกษาที่ชื่อ เมา ริดา วัย 18 ปี ซึ่งฝึกฝนมาประมาณ 2 ปี หวังว่าจะใช้ทักษะของเธอเพื่อปกป้องตัวเองจาก ‘คนเลว’

“ในตอนแรก ฉันอยากจะฝึกการใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิง เพื่อที่จะไม่มีใครทำอันตรายฉันได้” ริดา บอกกับ AFP

“เนื่องจากฉันได้เรียนรู้ว่ามันเป็นศิลปะการต่อสู้แบบเขมรโบราณ ฉันจึงอยากได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้ฝึกหัดที่ดี เพื่อช่วยรักษาวัฒนธรรมนี้” เธอกล่าว พร้อมดึงดูดคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ให้ยอมรับศิลปะการป้องกันตัวแนวนี้

“การฟาดศอกนั้นรุนแรงมาก... อาจทำให้ศีรษะได้รับบาดเจ็บได้” เธอเตือน

ที่สโมสร คู่ต่อสู้ของบุนธาวพุ่งไปข้างหน้าและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกันในคราวเดียว กระโดดขึ้นและโจมตีจำลองอย่างโหดเหี้ยม

บุนธาว ซึ่งกำลังศึกษาด้านกฎหมายอยู่ชั้นปีที่สาม ฝึกยุทธกรมขอมได้เพียงสองเดือนเท่านั้น แต่การฝึกอบรมได้ช่วยลดระดับความเครียดและทำให้เขามีสุขภาพดีขึ้นแล้ว

“สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือศิลปะการกระโดดและฟาดด้วยศอก” เขากล่าวกับ AFP

“หากเรามีส่วนร่วมในการต่อสู้ การฟาดศอกครั้งนี้ถือเป็นเทคนิคที่อันตรายถึงชีวิต”

‘อิสราเอล’ เล็งเป้า ‘เลบานอน’ หลังจบศึกทำลายล้างกาซา เมินเสียงเตือน ‘ผู้นำสหรัฐฯ’ ที่หวั่นเหตุลุกลาม-สูญเสีย

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุในวันพุธ (5 มิ.ย.) อิสราเอลเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการเข้มข้นขึ้นตามแนวชายแดนติดกับเลบานอน บริเวณที่ทหารอิสราเอลยิงตอบโต้กับพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์แทบทุกวัน เมินเสียงทัดทานจาก โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เตือนว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายจะก่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงแก่อิสราเอลเอง

(6 มิ.ย.67) เกือบ 8 เดือนแห่งการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและเป็นพันธมิตรของฮามาส การยิงตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่ายได้ทวีความรุนแรงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่อิสราเอลโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของเลบานอน

"เราเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการที่เข้มข้นอย่างมากในทางเหนือ เราจะกอบกู้ความมั่นคงสู่ทางเหนือของเรา" เนทันยาฮูกล่าวระหว่างเดินทางเยือนพื้นที่ตามแนวชายแดน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ฮิซบอลเลาะห์ เปิดฉากโจมตีหลายระลอกใส่ฐานที่มั่นต่าง ๆ ของอิสราเอลในวันเดียวกัน ในนั้นรวมถึงยิงขีปนาวุธนำวิถีเข้าใส่ฐานปล่อยไอรอนโดม ในค่ายทหารรามอต นาฟตาลี

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้ยกระดับโจมตีเล่นงานเป้าหมายพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และพันธมิตรอย่างพวกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์และกลุ่มติดอาวุธเลบานอน ที่อยู่ในรถยนต์และกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ในเลบานอน

อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พันธมิตรในรัฐบาลผสมขวาจัดของเนทันยาฮู และเบซาเกล สโมทริช รัฐมนตรีคลัง ต่างเรียกร้องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ให้ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงทางเหนือของอิสราเอล "พวกเขาเผาผลาญเรา ป้อมปราการของฮิซบอลเลาะห์ทั้งหมดต้องถูกเผาผลาญและทำลาย สงคราม!" เบน กาวีร์ เขียนบนเทเลแกรมในวันอังคาร (4 มิ.ย.)

ความรุนแรงที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 455 รายในฝั่งเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นนักรบ แต่ก็มีพลเรือนรวมอยู่ด้วย 88 ราย ส่วนฝั่งอิสราเอลมีทหารอย่างน้อย 14 นาย และพลเรือน 11 คนเสียชีวิต

การเตรียมพร้อมยกระดับปฏิบัติการของอิสราเอล มีขึ้นแม้สหรัฐฯ พันธมิตรสำคัญส่งเสียงเตือนเนทันยาฮูในวันพุธ (5 มิ.ย.) ว่าสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในเลบานอน อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอิสราเอลเอง

"เราไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย ซึ่งรั้งแต่จะนำมาซึ่งการเสียชีวิตเพิ่มเติมจากทั้งประชาชนอิสราเอลและประชาชนเลบานอน และจะก่ออันตรายใหญ่หลวงแก่ความมั่นคงโดยรวมของอิสราเอลและเสถียรภาพในภูมิภาค" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว

อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าสงครามกับเลบานอนใกล้เข้ามาแล้ว "ถ้อยแถลงต่าง ๆ จากรัฐบาลอิสราเอล บอกว่าพวกเขาพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารถ้าจำเป็น ซึ่งมันมีความแตกต่างจากที่พวกเขาเคยบอกว่าได้ตัดสินใจดำเนินการปฏิบัติการทางทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรายังคงอยู่ในขั้นที่เชื่อว่า พวกเขาอยากหาทางออกทางการทูตมากกว่า"

มิลเลอร์ บอกว่าสหรัฐฯ เข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่ควบคุมไม่อยู่สำหรับอิสราเอล ตามแนวชายแดนทางเหนือของประเทศ "พลเมืองอิสราเอลหลายแสนคนไม่อาจกลับสู่บ้านพักทางเหนือของอิสราเอล เพราะว่ามันไม่ปลอดภัย เพราะว่าพวกฮิซบอลเลาะห์ยังคงยิงปืนใหญ่ และโจมตีด้วยโดรนเล่นงานพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง"

เปิดภาพ 'ธงชาติจีน' จากยานฉางเอ๋อ-6 บนด้านลึกลับของดวงจันทร์ หนักแค่ 11 กรัม ทอจากเส้นใยหินบะซอลต์ ทนทานนานนับหมื่นปี

(6 มิ.ย. 67) ChinaReport รายงานว่า ธงชาติจีนผืนนี้ ผืนที่กางออกจากยานฉางเอ๋อ-6 บน 'ด้านไกล' ด้านลึกลับของดวงจันทร์

- ยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-6 ของจีน คลี่ธงชาติจีนเมื่อภารกิจเก็บตัวอย่างบนดวงจันทร์ด้านไกลเสร็จสิ้น ธงชาติจีนผืนนี้ไม่ธรรมดา มีความพิเศษ หนักเพียง 11 กรัม ทอจากเส้นใยหินบะซอลต์ เส้นใยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/3 ของเส้นผม

- โจว ฉางอี้ หัวหน้าผู้ออกแบบและนักวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์อวกาศแห่งชาติ สถาบันวิทยาศาสตร์จีน ระบุว่า ธงชาติจีนผืนนี้ สามารถคงทนบนดวงจันทร์นาน 10,000 ปี เพราะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน ความร้อน และความเย็น ในสภาวะอวกาศ

- ธงชาติจีนถูกกางออกจากยานอวกาศฉางเอ๋อ-6 ซึ่งทะยานขึ้นจากพื้นผิวดวงจันทร์แล้วช่วงเช้าวันอังคารที่ 4 มิ.ย. พร้อมตัวอย่างที่เก็บจากด้านไกลของดวงจันทร์นำกลับสู่โลก เป็นความสำเร็จอันมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การสำรวจดวงจันทร์ของมนุษย์

- ยานอวกาศฉางเอ๋อ-6 เดินทางจากโลกสู่อวกาศเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ลงจอดที่แอ่งขั้วใต้-เอตเคน ด้านไกลของดวงจันทร์เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.

‘เด็กฉนวนกาซา’ เผชิญวิกฤต ‘ขาดแคลนอาหาร’ รุนแรง เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ ที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

(6 มิ.ย.67) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ออกมาระบุว่า เด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซาไม่ได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารต่าง ๆ เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของพวกเขา

“หลายเดือนมาแล้วสงครามและข้อจำกัดด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้พังทลายลง ทั้งระบบอาหารและสุขภาพ ส่งผลให้เกิดหายนะต่อเด็กและครอบครัวของพวกเขา” ยูนิเซฟกล่าว

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล 5 ชุด ระหว่างเดือนธันวาคม 2023 - เมษายน 2024 และพบว่าเด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซา ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจากการรุกรานของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน กำลังทุกข์ทรมานจากความขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยสารอาหารเพียง 2 กลุ่มหรือน้อยกว่านั้นต่อวัน

โดยยูนิเซฟระบุว่า นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงผลกระทบอันน่าสยดสยองของความขัดแย้ง และข้อจำกัดที่มีต่อความสามารถของครอบครัวในการตอบสนองต่อความต้องการอาหารของเด็กและความรวดเร็วที่ทำให้เด็กเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

ด้านอิสราเอลอ้างว่า พวกเขาไม่ได้จำกัดปริมาณสิ่งของด้านมนุษยธรรมของพลเรือนในฉนวนกาซา และกล่าวโทษสหประชาชาติว่าจัดส่งสิ่งของล่าช้า เพราะการดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ด้วยความอดอยากมากมายที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ทำให้เด็กบางคนเสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการและภาวะขาดน้ำ

กระนั้นก็ดี เพื่อให้เด็กมีความหลากหลายของโภชนาการสำหรับพัฒนาการทางสุขภาพที่ดี เด็ก ๆ จะต้องทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนอย่างน้อย 5 จาก 8 กลุ่มตามความหลากหลายของอาหารที่ยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด

ยูนิเซฟบอกด้วยว่า เด็กทั่วโลก 27% ประสบปัญหาความยากจนด้านอาหารอย่างรุนแรงในวัยเด็ก ซึ่งคิดเป็นจำนวนของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบถึง 181 ล้านคน

โล่งใจ!! 'ทุเรียนไทย' ยังอร่อย-ครองใจชาวจีนเสมอ  แม้มีข่าวกุ 'ทุเรียนเหงียน' ถูก-ดี ไทยซื้อต่อมาส่งจีน

ไม่นานมานี้ นายตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทยและเคยทำงานในมูลนิธิแจ๊คหม่า อาลีบาบา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'วันนี้คุณได้มีส่วนช่วย ดิสเครดิต ประเทศตัวเองรึยัง?' ระบุว่า...

สืบเนื่องจากประชุมออนไลน์กับทีม สภาการค้าจีน มีประเด็นที่ผมโดนถามว่า ทุเรียนไทยที่ส่งออกมาให้จีน เอาของเวียดนามมาสวมจริงไหม 

ผมก็ตอบว่าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่คิดว่ามีใน % น้อย เพราะปกติเราเคยนำเข้าทุเรียนจากเพื่อนบ้านมาทั้งแปรรูป และบริโภค ในภาวะฝนแล้ง อยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะนำเข้ามามากหน่อย แต่ส่วนใหญ่กว่า 95% ทุเรียนที่ส่งให้จีน จะเป็นของไทยซะส่วนมาก

สืบได้ความว่า สื่อต่างชาติปล่อยข้อมูล ให้สื่อไทยงับ คนไทยแชร์ และเอามาแปลต่อเป็นจีน เพื่อดิสเครดิต และทิ้งทวนว่า ครั้งหน้าคนจีนควรซื้อทุเรียนเวียดนามไปเลยจะได้ราคาดีกว่า เพราะคุณภาพไม่แตกต่างกัน

... พอจบประชุม เพื่อน ๆ ในออนไลน์ฝั่งจีน ก็บอกว่า อย่าคิดมากไป ของไทยอร่อยกว่ามาก แต่จะทำยังไงให้คนจีนที่เหลือเชื่อ ก็คงต้องรอให้กระแสข่าวนี้ตกไปก่อน... 

สงสารชาวสวนทุเรียนปีนี้ โดนภัยแล้ง และโดนคนไทยด้วยกัน ดิสเครดิต โดยไม่รู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมการค้าเพื่อนบ้าน

ทีมผู้สร้างโปรแกรม AI ของ Stanford ยอมรับผิด หลังลอกผลงานของทีมนักพัฒนา AI จากจีน

เรื่องอื้อฉาวของแวดวง AI วันนี้ ต้องยกให้กับข่าวการโพสต์ข้อความขอโทษอย่างเป็นทางการจาก 2 สมาชิกในทีมนักพัฒนาโปรแกรม AI จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สถาบันการศึกษาระดับโลกในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ถูกจับได้ว่าลอกงานเขียนโปรแกรมของทีมนักพัฒนา AI ของจีน

2 สมาชิกคนดังกล่าวคือ Siddharth Sharma และ Aksh Garg หนึ่งในสมาชิกทีมพัฒนา Llama3-V ที่ใช้รูปแบบโมเดลภาษาของ Meta AI ซึ่ง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เคยกล่าวว่าเป็นรูปแบบภาษาที่มีความล้ำหน้า หลากหลาย ที่ใช้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า GPT งานของ Open AI ค่ายคู่แข่งหลายเท่า 

ซึ่ง Llama3-V เพิ่งปล่อยออกมาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 โดยทีม Stanford AI และได้เปิดหลักสูตรอบรม Llama3-V ตัวใหม่ ที่เคลมว่ามีศักยภาพเหนือกว่าโปรแกรมอื่น ๆ อย่าง GPT-4V Gemini Ultra และ Claude Opus ในราคาคอร์สละ 500 ดอลลาร์ 

แต่ต่อมา ผู้ที่เข้าร่วมคอร์ส Llama3-V ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมโครงสร้างโปรแกรมของ Llama3-V หลายจุด เหมือนกับ โปรแกรม MiniCPM-Llama3-V 2.5 ผลงานของบริษัท ModelBest ที่ร่วมกับทีมนักพัฒนาจาก มหาวิทยาลัยชิงหวาของจีน ไม่มีผิดเพี้ยน และได้นำโค้ดของทั้ง 2 โปรแกรมมาเทียบให้ดู เพื่อให้ชาวเน็ตผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมมาพิสูจน์ความเหมือน

จนกระทั่งวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาบริษัท ModelBest ออกมาพูดถึงกรณีนี้ว่า โปรแกรมที่พัฒนาโดยทีมจากสแตนฟอร์ดนั้น ใช้โค้ดเหมือนกับ MiniCPM ของจีนจริง และยังมีความสามารถที่เหมือนกันคือ สามารถแยกตัวอักษรจีนโบราณได้ และมีจุดบกพร่องในตำแหน่งเดียวกันอีกด้วย จึงยืนยันได้ว่าเป็นการลอกผลงานจริง 

หลี ต้าไห่ ประธานบริษัท ModelBest ยังกล่าวอีกว่า "การได้รับการยอมรับจากทีมพัฒนาระดับนานาชาตินั้นเป็นเรื่องดี และเราเชื่อมั่นในการสร้างสังคมที่เปิดใจกว้าง มีความร่วมมือ และไว้วางใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเราก็อยากให้ผลงานของทีมเราได้ถูกค้นพบ และได้รับการยกย่องอย่างที่ควรจะเป็น แต่ไม่ใช่ในลักษณะนี้”

เมื่อหลักฐานชัดเจน 2 สมาชิกจากทีมผู้พัฒนา Llama3-V ก็ได้ออกมาโพสต์ยอมรับความผิด และขอโทษทีมผู้สร้าง MiniCPM ผ่าน X จากการทำงานที่ขาดความรอบคอบ จนสร้างปัญหาให้กับทีมงานทั้งหมดของโปรเจกต์ Llama3-V และกับทีม MiniCPM ของจีน รวมถึงผู้ที่ติดตามผลงานวิชาการของทีมนักศึกษาสแตนฟอร์ด และสถาบัน ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ก่อให้เกิดประเด็นถกเถียงในแวดวงนักพัฒนา AI เป็นวงกว้าง เริ่มจาก คริสโนเฟอร์ แมนนิ่ง ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ และ ภาษาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการห้องวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของมหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความประณามผ่าน X ถึงเรื่องอื้อฉาวนี้ว่า "ปลอมตั้งแต่ยังไม่สร้าง ก็เป็นได้แค่สินค้าไร้ราคาในซิลิคอน วัลเลย์" 

ด้าน ลูคัส เบเยอร์ นักวิจัยประจำห้องแล็บ AI DeepMind ของ Google แสดงความเห็นผ่านโซเชียลเช่นกันว่า จากข่าวนี้ทำให้คนในวงการได้รู้จัก MiniCPM-Llama3-V 2.5 ซึ่งถือว่าเป็นโมเดลที่ดีทีเดียว เพียงแค่คนไม่ค่อยสนใจเพราะมองว่าเป็นผลงานของนักพัฒนาจีน ไม่ใช่งานของเด็ก Ivy League เท่านั้นเอง  

หลิว จือหยวน หัวหน้าทีมวิจัยของ ModelBest และรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชิงหวา ได้โพสต์ข้อความผ่าน WeChat เช่นกันว่า ตอนที่เราเริ่มโครงการนี้ เรารู้ถึงช่องว่างที่ห่างมากระหว่างเทคโนโลยี AI ของจีนในตอนนั้น กับ งานพัฒนาชั้นนำของชาติตะวันตกอย่าง Sora และ GPT-4 แต่เราก็พัฒนาได้เร็วมาก จาก Nobody แห่งวงการเมื่อสิบปีก่อนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกุญแจขับเคลื่อนสำคัญของนวัตกรรมเทคโนโลยี AI ได้ในวันนี้

ในขณะที่ข่าวนี้ ทำให้ทีมหนึ่งดับ แต่อีกทีมหนึ่งกำลังจะดัง เป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้นว่า 'AI ของทีมจีนนั้นดูแคลนไม่ได้' เพราะยิ่งเทคโนโลยีล้ำหน้ามากเท่าไหร่ ยิ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ

‘สหรัฐฯ’ จ่อโหวตร่างกม.คว่ำบาตร 'ศาลอาญาโลก' โต้หมายจับ 'เนทันยาฮู' ไม่หวั่น!! แม้ลบหลู่ระเบียบระหว่างประเทศที่ สหรัฐฯมีส่วนช่วยสร้างขึ้นมา

เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย. 67) เว็บไซต์ The Hill รายงานว่า คณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ผ่านร่างรับตัวกฎหมาย ด้วยคะแนน 9-3 โดยมีวัตถุประสงค์ในการคว่ำบาตร เจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี เป็นการตอบสนองต่อ อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ คาริม เอ. เอ. คาน กับข้อกล่าวหาและความพยายามในการออกหมายจับต่อ นายกรัฐมนตรี นายเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล และ ผู้นำของกลุ่มฮามาส ยายาห์ ซินวา ในฐานะอาชญากรสงคราม

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของทำเนียบขาวก่อนหน้านี้นั้น ไม่ได้สนับสนุนตัวร่างกฎหมาย คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกของทำเนียบขาว ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อจุดยืนของทำเนียบขาวว่า แม้ว่าจะสนับสนุนการตอบโต้ข้อกล่าวหาที่เสนอโดยไอซีซี แต่ไม่ได้สนับสนุนการคว่ำบาตรต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

"เราปฏิเสธคำร้องของอัยการไอซีซี ในการออกหมายจับผู้นำอิสราเอล แต่การจะคว่ำบาตรไอซีซีนั้น เราไม่เชื่อว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพหรือเหมาะสม" คารีน กล่าว

นอกจากนี้มีรายงานว่าฝ่ายบริหารในทำเนียบขาว คัดค้านร่างกฎหมายนี้อย่างมาก และมีความเป็นไปได้สูงว่า หากตัวร่างสามารถผ่านสองสภาไปได้จนถึง ประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีความเป็นได้สูงว่าประธานาธิบดีไบเดนจะใช้อำนาจวีโต้ของตัวเอง ในการหยุดตัวกฎหมายเอาไว้

ถึงอย่างนั้น มาตรการอื่นที่เป็นตัวเลือกตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เนื่องด้วยสหรัฐฯ ไม่เคยลงสัตยาบันยอมรับอำนาจและหลักการของศาลอาญาระหว่างประเทศมาตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้ในทางปฏิบัติแล้ว สหรัฐฯ ไม่เคยอยู่ในอำนาจตุลาการของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกันรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มอบเงินทุนสนับสนุนในการปฏิบัติงานของศาลอาญาโลก

โดยรายละเอียดของตัวร่างกฎหมาย ถูกนำเสนอโดยสมาชิกสภาคองเกรส จากรัฐเท็กซัสสังกัด พรรครีพับลิกัน ชิป รอย ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิกคองเกรสคนอื่นๆ มากกว่า 60 คน โดยในด้านของรายละเอียดตัวกฎหมายประกอบด้วยมาตรการต่างๆ อย่าง การกีดกันการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินในสหรัฐฯ หรือ การเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ และ มาตรการอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่ทำการสืบสวน หรือ จับกุม พลเมืองในเขตอำนาจของสหรัฐฯ รวมไปถึงพันธมิตรของสหรัฐฯ

มีรายงานว่า มีการคาดการณ์และคาดหวังว่าตัวร่างกฎหมายจะผ่านการโหวตไปในสภาคองเกรสไปอย่างง่ายได้ ด้วยที่พรรครีพับลิกันครอบครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีเสียงสนับสนุนของสมาชิกสภาคองเกรสอีกจำนวนหนึ่ง จากพรรคเดโมแครต ที่แสดงจุดยืนอย่างแข็งกร้าวในการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามกับฮามาส แต่ว่าจุดยืนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน อาจจะมีอิทธิพลต่อ สมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเดโมแครตในการตัดสินใจ

แต่ในสภาสูงนั้นเป็นไปในทางตรงกันข้าม เนื่องด้วยที่สภาสูงของสหรัฐ อยู่ในการควบคุมของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าต่อให้ร่างกฎหมายจะผ่านสภาร่างมาได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกปัดตกโดยการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา

จิม แมคกอฟเวิร์น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจากมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า เป็นร่างกฎหมายที่แย่ โดยให้เหตุผลว่าศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นสถาบันที่สำคัญในการรักษา และ ปกป้องหลักการสิทธิมนุษยชนสากล โดยที่หลักศีลธรรม หรือ หลักการทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไม่ควรส่งผลต่อการออกแบบนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในการเข้าไปขัดขวางศาลอาญาระหว่างประเทศในการทำหน้าที่โดยกำเนิดของตัวสถาบัน

โดยแมคกอฟเวิร์น ยังระบุด้วยว่า "ร่างกฎหมายนี้ จะเป็นการลบหลู่ระเบียบระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ มีส่วนช่วยสร้างมันขึ้นมา"

เรื่องนี้ยังคงต้องจับตา ตัวร่างกฎหมาย ที่จะเข้าสู่การประชุมและโหวตในสภาคองเกรส โดยคาดการณ์ว่าด่านแรกอย่าง สภาคองเกรสจะมีการโหวตภายในสัปดาห์หน้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top