Monday, 13 May 2024
WORLD

‘Amazon’ จ่อปลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง เซ่นพิษเศรษฐกิจ - ภาวะเงินเฟ้อ

‘แอมะซอน’ ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอเมริกัน ประกาศตัดลดตำแหน่งงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่งจากกำลังแรงงานของบริษัท ซึ่งมากกว่าที่เคยเปิดเผยเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลเรื่อง ‘เศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน’ และข้อเท็จจริงที่ว่าทางบริษัทมีการ ‘จ้างงานอย่างรวดเร็ว’ ระหว่างที่เกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) แอนดี แจสซี ซีอีโอของแอมะซอน กล่าวในคำแถลงถึงบรรดาลูกจ้างพนักงานที่มีการนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนว่า จากที่บริษัทได้เคยแจ้งเรื่องการลดตำแหน่งงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อมาถึงตอนนี้บริษัทวางแผนจะปลดลูกจ้างพนักงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่งเล็กน้อย ทั้งนี้ ตอนที่บริษัทประกาศไว้ในเดือน พ.ย. โดยที่เริ่มให้ลูกจ้างพนักงานในแผนกเครื่องมืออุปกรณ์ออกไปนั้น ระบุว่าจะเลย์ออฟราว ๆ 10,000 คน

ซีอีโอของแอมะซอนบอกว่า ตำแหน่งงานที่ถูกตัดลดลงคราวนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในพวกองค์กรด้านอีคอมเมิร์ซ และด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท และบางส่วนจะเกิดขึ้นในยุโรป โดยแอมะซอนจะเริ่มแจ้งให้ลูกจ้างพนักงานที่ถูกกระทบทราบตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม

ในคำแถลง แจสซี กล่าวว่า คณะผู้นำของบริษัท มีความตระหนักอย่างลึกซึ้งว่า การลดตำแหน่งงานเหล่านี้สร้างความยากลำบากให้แก่ผู้คน และเราไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ด้วยความง่ายดายเลย

“เรากำลังทำงานเพื่อสนับสนุนผู้ที่ได้รับความกระทบกระเทือน และกำลังจัดทำแพกเกจต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินสำหรับการต้องแยกจากกัน ผลประโยชน์ด้านการประกันสุขภาพระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน และความสนับสนุนในเรื่องการหาตำแหน่งงานจากภายนอก” ซีอีโอของแอมะซอน กล่าว

แอมะซอน มีกำลังแรงงานทั่วทั้งบริษัทราวๆ 300,000 คน การเลย์ออฟคราวนี้จึงเท่ากับลดคนลงไปประมาณ 6% และก็เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงการกลับลำอย่างรวดเร็วยิ่งของยักษ์ใหญ่ขายปลีกผ่านออนไลน์รายนี้ ซึ่งเพียงไม่นานมานี้เอง ยังเพิ่งขยายเพดานสูงสุดของเงินเดือนฐานของตนไป 1 เท่าตัว ในระหว่างการแข่งขันกันอย่างดุเดือดกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อช่วงชิงผู้มีความรู้ความสามารถ

จุดเริ่มต้นจากการเอาใจ ‘ผู้นำสายดวลปืน’ สู่ปาร์ตี้กำจัดชีสเน่าที่ทำเนียบขาวใน 2 ชั่วโมง

หลายคนคงไม่รู้ว่าในอเมริกามีวันฉลองแปลกๆ ทั้งปี บางทีแปลกอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง

วันพิลึกเหล่านี้ บางวันก็มีที่มาที่ไปน่าสนใจ เพราะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งในอเมริกาด้วย เช่น วันเบียร์แห่งชาติ วันที่ 7 เมษายน ที่กำหนดให้ระลึกถึงวันสิ้นสุดการห้ามผลิตเหล้าเบียร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 ถึง ค.ศ.1933  

แต่มีอยู่วันหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และเป็นประวัติศาสตร์อันเหม็นหึ่งชนิดที่ทำให้ต้องอุดจมูกกันทั้งวอชิงตันดีซีเลยทีเดียว แถมเกี่ยวพันกับประธานาธิบดีแห่งอเมริกาเสียด้วย วันที่ว่านี้คือวันที่ 29 มกราคมของทุกปี อันกำหนดให้เป็น ‘วันโคตรชีสแห่งชาติ’ หรือ ‘Big Block of Cheese Day.’    

เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดี ‘แอนดรูว์ แจ็กสัน’ และคงต้องเล่าท้าวความไปถึงประธานาธิบดีคนนี้สักหน่อย เพราะเป็นประธานาธิบดีที่มีด้านมืดซ่อนเร้นอยู่เยอะมาก แม้อเมริกันจะยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งก็ตาม 

แอนดรูว์ แจ็กสันมีชื่อเล่นว่า ‘โอลด์ฮิกกอรี่’ (Old Hickory) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 7 เคยเป็นนักค้าที่ดินและนักค้าทาส โดยมีทาสในครอบครองเป็นจำนวนมาก    

นอกเหนือจากการค้าทาส อินเดียนแดงทุกคนจดจำชื่อของประธานาธิบดีคนนี้ขึ้นใจด้วยความคับแค้น เพราะแอนดรูว์ แจ็กสัน ลงนามเพื่อโยกย้ายชาวพื้นเมืองอเมริกัน ตามรัฐบัญญัติว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานของชาวอเมริกันอินเดียน (Indian Removal Act of 1830) ในปี ค.ศ. 1831 ส่งผลให้อินเดียนแดงล้มตายจนเกือบสูญเผ่าพันธ์ กระนั้นแอนดรูว์ แจ็กสัน ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ

ก่อนเป็นประธานาธิบดี ก็ดวลปืนกับชาวบ้านจนลือลั่นไปทั้งบาง มีกระทาชายคนหนึ่งชื่อ ชาร์ล ดิคคินสัน ปากเปราะจิกกัดเมียของ แอนดรูว์ แจ็กสัน ว่ามีผัวสองคน ประมาณว่ายังไม่ทันหย่าผัวคนแรก แล้วมาได้กับแอนดรูว์ ทำนองนั้น ลุงแอนดรูว์ได้ยินก็หัวร้อน เลยขอท้าดวล ขนาดโดนยิงจนอกแทบทะลุ แต่ลุงแอนดรูว์ยังกระเด้งตัวรัวปืนกลับ จนคนปากเสียถึงกับล้มคว่ำจมกองเลือด ไงล่ะ..เปรี้ยวเอาการใช่มั้ย ประธานาธิบดีรายนี้

ครั้นเมื่อแอนดรูว์ แจ็กสัน นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีถึงสองสมัย ก็ย่อมมีคนรักเป็นธรรมดา ทีนี้ชาวบ้านร้านถิ่นรู้ว่าประธานาธิบดีของตนนั้นโปรดชีสเป็นชีวิตจิตใจ เลยอยากหาของขวัญชิ้นพิเศษถูกอกถูกใจประธานาธิบดีอันเป็นที่รักของตน

ในปี ค.ศ.1835 ผู้พันโธมัส เอส มีแชม เกิดไอเดียบรรเจิด อยากส่งชีสไปให้ประธานาธิบดี แต่ของขวัญสำหรับประธานาธิบดีย่อมไม่ธรรมดา  

ความใหญ่โตมโหฬารของชีสก้อนนี้ เอาแค่เส้นผ่าศูนย์กลางก็ยาวประมาณ 4 ฟุตเข้าไปแล้ว หนาสองฟุต และหนัก 1,400 ปอนด์หรือ 700 กิโลกรัม ใช้เวลาผลิตทั้งหมด 4 วัน โดยใช้แม่วัว 150 ตัวปั๊มนมเพื่อทำชีส เมื่อทำเสร็จแล้วก็ห่อมาอย่างดีพร้อมถ้อยคำปลุกใจแนวรักชาติ คาดว่าผู้พันมีแชมคงชาตินิยมสุด ๆ

การขนส่งจากนิวยอร์กสเตท มาวอชิงตัน ไม่ใช่เรื่องงุบงิบส่งมา หากแต่มีขบวนแห่ขบวนพาเหรดอย่างอู้ฟู่หรูหราสมศักดิ์ศรีโคตรชีสอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าแห่แหนกันมาแต่ต้นทาง จากเมืองสู่เมือง โดยมีชาวบ้านโผล่หน้ามาชมก้อนชีสยักษ์เป็นบุญตา ว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเห็นโคตรชีสแบบนี้มาก่อน

พอประธานาธิบดีแอนครูว์ แจ็กสันได้รับของขวัญชิ้นมหึมาและแปลกประหลาดนี้คงเงิบไปนิด พลางคิดว่าจะเอาชีสก้อนเท่าควายไปทำอะไรดีหว่า ถึงจะชอบกินชีสยังไง ก็คงกินไม่หมดแน่ ๆ เพราะขนาดใหญ่โตวัวตายควายล้มขนาดนี้ 

ท่านประธานาธิบดีผู้เก่งกล้าเคยท้าดวลกับนักแม่นปืนถึงกับกุมขมับ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีสยักษ์ หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกินชีสยักษ์ตามใจชอบแล้วก็ยังเหลืออีกบานเบอะ ตั้งตระหง่านอยู่ในทำเนียบขาว จะเอาไปทิ้งก็ไม่ได้ เพราะเกรงว่าคนให้จะเสียใจ 

เมื่อเวลาผ่านไป ชีสก็เน่า เริ่มมีกลิ่นตุๆ โชยหึ่งไปทั่วทำเนียบขาว ไม่ใช่แต่ทำเนียบขาวที่คลุ้งอวลไปด้วยกลิ่นพิลึกนั้น ผู้คนทั่วทั้งวอชิงตันได้กลิ่นกันทั่วหน้า ต้นฉบับภาษาอังกฤษบรรยายกลิ่นก้อนชีสยักษ์ว่า ‘An evil-smelling horror’ ในเมื่อไม่รู้จะทำยังไงกับก้อนชีสยักษ์ เลยปล่อยวางไว้อย่างนั้นเป็นเวลาถึงเกือบสองปี

FED ไฟเขียว!! อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ เปิดให้บริการด้าน Crypto ได้

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศในแถลงการณ์ร่วมว่า ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ สามารถเปิดให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Crypto ได้

"องค์การทางธนาคารต่าง ๆ จะไม่ถูกยับยั้งจากการให้บริการทางธนาคารไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ใดแก่ผู้ใช้บริการ ตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย" ธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์และระบบการเงิน

อย่างไรก็ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า การถือ Crypto มีแนวโน้วว่าจะไม่ปลอดภัย โดยกล่าวว่า “จากความเข้าใจของและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่เชื่อว่า การสร้างหรือถือครอง Crypto ที่ถูกสร้างขึ้น การจัดเก็บ หรือเคลื่อนย้ายไปยังที่สาธารณะ หรือเครือข่ายกระจายอำนาจ หรือระบบที่คล้ายคลึงกัน มีแนวโน้มที่จะไม่เป็นการสอดคล้องกับแนวทางด้านความปลอดภัยของระบบธนาคาร” 

โดยการ 'ถือ' Crypto ในที่นี้ หมายถึง การถือครอง private key ไม่ว่าจะเป็นถือครองด้วยตัวเองหรือผู้ให้บริการอื่นเป็นผู้ถือครองให้ก็ตาม “มีแนวโน้มว่าจะไม่ปลอดภัย” แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นการห้ามแต่อย่างใด

ผู้โดยสาร 4 คนรอดตายหวุดหวิด หลังรถเทสลาตกหน้าผาลึก 76 เมตร

รถยนต์เทสลาตกหน้าผาลึกกว่า 76 เมตร ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ผู้โดยสาร 4 คน รอดชีวิตราวกับปาฏิหาริย์ ตำรวจเผยขณะเกิดเหตุรถไม่ได้เปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมเร่งหาสาเหตุที่ทำให้รถเสียหลัก

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งยี่ห้อเทสลา สีขาว 4 ประตู ตกเหวที่บริเวณหน้าผาใกล้กับ ‘เดวิล สไลด์’ เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ (2 ม.ค. 66) ที่ผ่านมาและดิ่งชนกับโขดหินที่ลึกลงไปกว่า 76 เมตร

หลังจากได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ ก่อนจะสังเกตเห็นผู้โดยสารบนรถมีการเคลื่อนไหวจากระยะไกล จึงเร่งช่วยเหลือและพบว่าผู้โดยสารทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย เด็ก 2 คน และผู้ใหญ่ 2 คน ยังรอดชีวิตอยู่อย่างปาฏิหาริย์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวแม้จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นนบ่อยครั้งแต่ก็ยากที่จะพบผู้รอดชีวิต

IMF มองจีนคลายล็อกโควิดทำยอดติดเชื้อพุ่ง เชื่อ!! กระทบเศรษฐกิจ 'ภูมิภาค-โลก'

ไอเอ็มเอฟเตือนการผ่อนคลายมาตรการโควิดของทางการจีนจะทำให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราว ‘ไฟป่า’ ในช่วง 3-6 เดือนนี้ ในขณะที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาวัคซีน และยาต้านไวรัสที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพให้แก่ประชาชน

“ช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้จะเป็นช่วงที่ยากลำบากของจีน” นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ กล่าวกับรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS ที่ออกอากาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์

นางจอร์เจียวา ขยายความว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่แพร่กระจายรวดเร็วราว ‘ไฟป่า’ นี้  จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจในจีน เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน และเศรษฐกิจโลก

เมื่อปลาย พ.ย. ก่อนทางการจีนประกาศยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ นางจอร์เจียวาเปิดเผยว่าไอเอ็มเอฟอาจปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนลงอีกหลังจากเพิ่งประกาศปรับลดไปแล้วหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นเนื่องจากข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด รวมถึงวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์

เมื่อเดือน ต.ค. ไอเอ็มเอฟตัดสินใจปรับลดประมาณการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2023 เนื่องจากสงครามในยูเครนและดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นเพราะธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ พยายามจะควบคุมราคาที่สูงขึ้น

>> ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 3.2% ในปี 2022 และ 4.4% ในปี 2023

ทว่าเมื่อกลาง ธ.ค. หลังรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ของสหรัฐฯ ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีนในปี 2023 เพิ่มจาก 5% เป็น 5.4%

นางจอร์เจียวา กล่าวกับ CBS ด้วยว่า ภาวะล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อในจีนและปัจจัยลบอื่น ๆ ในประเทศในปี 2022 จะทำให้จีนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ ‘ใกล้เคียงหรือต่ำกว่า’ อัตราการเติบโตเฉลี่ยของทั่วโลกที่ 3.2%  

ไอเอ็มเอฟเป็นองค์กรนานาชาติที่มีประเทศสมาชิก 190 ชาติ สมาชิกเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อพยายามเพิ่มเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก หน้าที่หลักหน้าที่หนึ่งคือทำหน้าที่เป็นระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจ

>> ‘ยากลำบากกว่า’ ปี 2023

ในการสัมภาษณ์กับ CBS นางจอร์เจียวาเตือนด้วยว่าชาติต่าง ๆ ราว 1 ใน 3 ของทั้งโลกจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยปีนี้

เธอบอกว่าปี 2023 จะ ‘ยากลำบากกว่า’ ปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจทั้งในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน เติบโตช้าลง

“เราคาดการณ์ว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย” นางจอร์เจียวา บอกกับรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS 

“แม้กระทั่งประเทศที่ไม่ได้มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย คนหลายร้อยล้านคนก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย”

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่มีสงครามในยูเครน, ราคาข้าวของต่าง ๆ แพงขึ้น, อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และการระบาดของโควิดในจีน ล้วนส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก 

ไอเอ็มเอฟคาดว่าในปี 2023 เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหลีกเลี่ยงภาวะติดลบได้ แต่ในสหภาพยุโรป ครึ่งหนึ่งของชาติสมาชิกจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัว ส่วนเศรษฐกิจจีนจะลดความเร็วในการเติบโตลง

>> นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนก็มองคล้ายกัน

คาทรีนา เอลล์ นักเศรษฐศาสตร์บริษัทด้านเศรษฐกิจ Moody's Analytics ในซิดนีย์ บอกว่า แม้ว่าจะยังไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยระดับโลกในปีนี้ แต่ความเสี่ยงก็สูงมาก อย่างไรก็ดี ยุโรปจะต้องตกอยู่ในภาวะนั้น ขณะที่สหรัฐฯ ตกอยู่ในสถานะหมิ่นเหม่ 

เอเชียเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากสงครามยูเครน และครัวเรือนและบริษัทต่าง ๆ ต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 

'นาซา' ระแวง!! หวั่นจีนอาจอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดวงจันทร์ หากชนะสหรัฐฯ ในสมรภูมิแข่งขันด้านอวกาศ

จีนอาจพยายามเข้าควบคุมตำแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรมากที่สุดบนดวงจันทร์ หากว่าปักกิ่งมีชัยชนะในการแข่งขันเหนืออเมริกา สำหรับดวงดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลกดวงนี้ จากความเห็นของ บิล เนลสัน ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา)

"มันเป็นความจริง เราอยู่ในศึกแข่งขันด้านอวกาศ" เนลสัน ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวสหรัฐฯ ‘โพลิติโค’ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ม.ค.) พร้อมเตือนว่า "และมันเป็นความจริงที่เราต้องระแวดระวังมากขึ้นว่าจีนจะไม่เข้าควบคุมสถานที่หนึ่งๆ บนดวงจันทร์ ภายใต้หน้ากากของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และมันไม่ใช่เรื่องเกินเลยในขอบเขตความเป็นไปได้ ที่พวกเขาจะบอกว่าพื้นที่นี้ห้ามเข้า เราอยู่ที่นี่ นี่คือดินแดนของเรา"

ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า "ปัญหาคือ ณ ตอนนี้มันมีหลายพื้นที่ทางขั้วใต้ของดวงจันทร์เท่านั้นที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราคิด สำหรับกักเก็บน้ำและอื่น ๆ เป็นต้น"

เนลสัน พาดพิงพฤติกรรมของจีนในผืนโลก ในการให้เหตุผลเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่า "ถ้าคุณคลางแคลงใจ คุณลองดูสิ่งที่พวกเขาทำกับหมู่เกาะสแปตลีย์สิ" เขากล่าวอ้างถึงหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งประเทศอื่น ๆ โต้แย้งกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน แต่กองทัพจีนได้เข้าไปจัดตั้งฐานทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในปี 2019 จีนกลายเป็นประเทศแรกที่สามารถลงจอดแบบนุ่มนวลในด้านห่างไกลของดวงจันทร์ ส่วนหนึ่งในภารกิจของยานฉางเอ๋อ 4 และหุ่นยนต์สำรวจขนาดเล็กที่ชื่อ อวี้ทู่ 2 ทั้งนี้ ต่อมามันได้ส่งตัวอย่างดวงจันทร์กลับมายังโลก และทางปักกิ่งคาดหมายว่าพวกเขาจะสามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ก่อนปี 2023 และจากนั้นจะจัดตั้งสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์บนดวงจันทร์เป็นลำดับต่อไป

ช่วงไม่ปีที่ผ่านมา องค์กรอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) ยังประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศและยานโรเวอร์ไปดาวอังคารด้วยเช่นกัน รวมถึงปล่อยสถานีอวกาศแห่งชาติขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก

เนลสันยอมรับว่า "ภายในทศวรรษที่ผ่านมา จีนประสบความสำเร็จอย่างมโหฬารและมีความก้าวหน้ามากมายในด้านโครงการอวกาศ" 

'คูเวต' ประเทศสุดร้อนโดนพายุลูกเห็บเล่นงาน แต่สร้างความตื่นเต้นแก่เด็กๆ และผู้ปกครอง

คูเวต หนึ่งในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนที่สุดในโลก ถูกพายุลูกเห็บหายากเล่นงานเมื่อวันพุธ (28 ธ.ค.) แต่มันกลับสร้างความตื่นเต้นยินดีแก่เด็กๆ และบรรดาผู้ปกครอง ขณะที่ภาพสีขาวโพลนช่วงฤดูหนาวถูกแชร์อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์

"เราไม่เคยพบเห็นลูกเห็บตกในฤดูหนาวหนักเท่านี้มานาน 15 ปีแล้ว" มูฮัมหมัด คาราม อดีตผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาของคูเวตให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

ภาพและวิดีโอท้องถนนทางภาคใต้ของคูเวต ที่บางส่วนถูกปกคลุมด้วยลูกเห็บและน้ำแข็ง ถูกส่งต่ออย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ ฉลองเหตุการณ์ทางสภาพอากาศที่หายากมากในประเทศแห่งนี้

เด็ก ๆ สวมผ้าพันคอและเสื้อกันฝน ออกมาเล่นกอบลูกเห็บในย่านอุมม์ อัล-ไฮมาน ห่างจากกรุงคูเวตซิตี ไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร

‘ความฝันอเมริกัน’ ฝันหวานอันว่างเปล่า ในยุคเศรษฐกิจเลื่อนลอย

สมัยก่อนเคยได้ยินคำว่า ‘อเมริกันดรีม’ อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เข้าใจถ่องแท้นักถึงความหมาย เพิ่งจะมาเข้าใจก็ตอนที่อาศัยอเมริกาเป็นบ้านแห่งที่สองนี่เอง

ที่มาของคำว่า ‘อเมริกันดรีม’ หรือ ‘ความฝันแบบอเมริกัน’ นั้น น่าสนใจไม่ใช่น้อย

หลายคนเชื่อว่าแนวคิดอเมริกันดรีมนั้นมาจากรากฐานของคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ที่มีหลักการว่าทุกคนได้รับสิทธิในการดำเนินชีวิต เสรีภาพและการแสวงหาความสุขโดยเท่าเทียมกัน หากว่ายังไม่ค่อยชัดเจนกับแนวคิดนี้ คงต้องไปอ่านงานเขียน เรื่อง ‘มหากาพย์แห่งอเมริกา’ หรือ The Epic of America ของเจมส์ ทรัสโลว์ อดัมส์ นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วที่กล่าวถึงอเมริกันดรีมไว้อย่างชัดเจนว่า...

“อเมริกันดรีม คือ ความฝันถึงแผ่นดินที่ทุกคนจะมีชีวิตดีขึ้น เติมเต็มยิ่งขึ้น และร่ำรวยยิ่งขึ้น โอกาสมาพร้อมความสามารถ สิ่งที่พูดถึงนี้มิใช่ความฝันง่ายๆอย่างอยากมีรถหลายคันหรือมีเงินเดือนสูง แต่เป็นความฝันเรื่องระเบียบสังคมที่ทั้งหญิงและชายจะได้รับการยอมรับตัวตน ไม่ว่าผู้นั้นจะมีชาติกำเนิดเช่นไร”

ความหมายดั้งเดิมของอเมริกันดรีมหรือความฝันแบบอเมริกันในยุคแรก ๆ ซึ่งอาจนิยามได้ว่าเป็นความเท่าเทียมทางโอกาสและเสรีภาพที่เอื้อให้ทุกคนบรรลุถึงเป้าหมายในชีวิตด้วยการทำงานหนักและด้วยความมุ่งมั่น แต่ในปัจจุบันคนทั่วไปมองว่าอเมริกันดรีมคือการแสวงหาความมั่งคั่ง จากความสามารถและการทำงานหนักเท่านั้น

ใคร ๆ ก็รู้ว่าอเมริกานั้นมีวัฒนธรรมที่ 'พันทาง' มาก เพราะวัฒนธรรมจับฉ่ายติดมากับผู้อพยพที่เข้ามาสร้างบ้านแปงเมืองแต่ละยุคสมัย...บางคนอาจหมายถึงโอกาสที่จะกลายเป็นคนร่ำรวยมั่งคั่งกว่ารายรับที่เคยได้ในประเทศเดิม...บางคนอาจหมายถึงโอกาสที่ลูกหลานจะเจริญเติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าได้รับการศึกษาที่สูงกว่าในประเทศเดิม...และบางคนอาจเป็นการได้รับโอกาสเป็นปัจเจกชน ที่ปราศจากการกีดกันด้วยชนชั้นทางสังคม จากวรรณะ เชื้อชาติ หรือชาติพันธุ์ อย่างในกรณีสตรีมุสลิมที่มีการเลือกปฎิบัติหรือไม่อนุญาตให้ทำงานหรืออินเดียที่มีเรื่องวรรณะเข้ามาเกี่ยวข้องในการทำงาน

จริง ๆ แล้วแนวคิดเรื่องอเมริกันดรีมมีประวัติย้อนหลังไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ช่วงเวลานั้นมีการส่งเสริมชาวอังกฤษให้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานในอเมริกา โดยมีการโฆษณาแผ่นดินใหม่ว่าชาวอาณานิคมจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าชีวิตในประเทศอังกฤษ ทั้งนี้เพราะอเมริกากว้างใหญ่ไพศาลและมีทรัพยากรธรรมชาติเหลือเฟือ การเดินทางมาสู่อเมริกาจึงเหมือนการแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าให้ชีวิต

ปัจจัยที่สำคัญอีกประการในการเกิด 'อเมริกันดรีม' คือในศตวรรษที่ 19 เรื่องราวเกี่ยวกับผู้ยากไร้ที่ถีบตัวขึ้นไปเป็นมหาเศรษฐี เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและกลายเป็นดวงดาวแห่งความหวังให้อเมริกันทุกคน โดยเรื่องราวของแอนดรูว์ คาร์เนกี้ และจอห์น ดี. รอกกี้เฟลเลอร์ รวมทั้งนักเขียนนวนิยายที่มีชื่อเสียงเช่น ฮอเรโช อัลเจอร์ สร้างบรรทัดฐานในสังคมว่า ความสามารถและการทำงานหนักสามารถนำไปสู่ความมั่งคั่งได้  ทำให้อเมริกันทุกคนมีความหวังว่า สักวันหนึ่งตนจะมีโอกาสเช่นนี้บ้าง

2 สาวไทย ‘ลิซ่า - ลูกหนัง’ ติดท็อป 5 การจัดอันดับใบหน้าที่สวยที่สุดของโลก 2022

เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค. 65) เว็ปไซต์จัดอันดับที่คนทั่วโลกยอมรับ อย่าง TC CANDLER ได้เผยรายชื่อ 100 ใบหน้าที่สวยงามที่สุดของโลก ได้รับการตีพิมพ์เป็นประจำทุกปีโดย นักวิจารณ์อิสระตั้งแต่ปี 1990

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รายชื่อได้รับความประทับใจจากสื่อสังคมออนไลน์มากกว่า 12 พันล้านครั้งและยอดวิวหลายร้อยล้านครั้ง TC CANDLER ได้รับการพิจารณาอย่างกว้างขวางว่าเป็นรายชื่อที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมากที่สุด

โดยในปีนี้ อันดับ 1 ได้กลายเป็นของ Jasmine Tookes นางแบบชาวอเมริกัน เธอเป็นหนึ่งในนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ส่วนใน TOP 5 นั้น ยังมี สาวไทยคว้าตำแหน่งถึงสอง 2 คน อันดับ 3 ลิซ่า BlackPink หรือ ลลิษา มโนบาล ผู้ได้มีชื่อเข้าชิงเป็นปีที่ 7 และคว้าอันดับ 1 ใน 100 ใบหน้าสวยในปี 2021 และ อันดับ 5 ตกเป็นของ ลูกหนัง ศิตลา วงษ์กระจ่าง ซึ่งถือว่าปังมากที่ได้อันดับ 5 ในฐานะ NEW ENTRY ในปีนี้

‘อู่ฮั่น’ เปิดให้บริการ ‘รถไร้คนขับ’ ช่วงกลางคืน พิสูจน์ความแม่นยำระบบระบุสิ่งกีดขวาง

(27 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า อะพอลโล โก (Apollo Go) แพลตฟอร์มบริการเรียกรถยนต์โดยสารขับเคลื่อนอัตโนมัติของไป่ตู้ (Baidu) ประกาศการขยายขอบเขตและระยะเวลาให้บริการเชิงพาณิชย์ของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน

โดยการดำเนินการดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกในจีนที่รถยนต์โดยสารขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเวลากลางคืน ที่มีการขยายขอบเขตครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 130 ตารางกิโลเมตร และระยะเวลาในพื้นที่ที่กำหนดตั้งแต่ 07.00 - 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

‘รัสเซีย’ แฉ!! ‘สหรัฐฯ’ ได้ประโยชน์จากการคว่ำบาตร ส่วน ‘ยุโรป’ รับเคราะห์ ต้องซื้อพลังงานราคาสูงจากสหรัฐฯ

มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานรัสเซียต่อความขัดแย้งในยูเครน กำลังก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่เศรษฐกิจยุโรป ส่วนสหรัฐฯ เป็นตัวแสดงเดียวที่ได้ประโยชน์จากข้อจำกัดต่าง ๆ นานาเหล่านั้น อันทอน ซีลูอานอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังรัสเซียกล่าวอ้างเมื่อวันเสาร์ (24 ธ.ค.)

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Asharq News รัฐมนตรีรายนี้เชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกช่วยให้วอชิงตันบรรลุเป้าหมาย “พวกเขาป้อนอุปทานน้ำมันและก๊าซสู่ตลาดยุโรปได้เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตามอุปทานทางพลังงานจากรัสเซีย มีราคาสูงมากสำหรับยุโรป ผลก็คือมันโหมกระพือเงินเฟ้อพุ่งทะยานและทำให้ภาคธุรกิจของยุโรปสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ซีลูอานอฟกล่าว

รัฐมนตรีรายนี้อ้างด้วยว่า ทั้งมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกและเหตุระเบิดที่ทำให้ท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และนอร์ดสตรีม 2 เกิดรอยรั่ว เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นการจัดฉากเพื่อให้ยุโรปต้องจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีราคาแพงกว่าเดิมจากอเมริกา ‘อเมริกาได้ประโยชน์ ยุโรปสูญเสีย’ เขาระบุ

มอสโกเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการลอบก่อวินาศกรรมโจมตีก่อการร้าย พร้อมอ้างว่าสหรัฐฯได้ประโยชน์จากเหตุท่อลำเลียงระเบิดมากที่สุด ส่วนทางวอชิงตันแม้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ แต่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ให้คำจำกัดความเหตุการณ์นี้ว่า “เป็นโอกาสอันใหญ่โตที่ยุโรปจะเบี่ยงตนเองออกจากพลังงานรัสเซีย”

ซีลูอานอฟ ยอมรับว่ามาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของรัสเซีย “แต่มันก่อความเจ็บปวดแก่ตะวันตกไม่น้อยไปกว่ากัน และบางทีอาจเจ็บปวดมากกว่าด้วยซ้ำ”

'จีน' เผยยอดค้นหาเที่ยวบินระหว่างประเทศพุ่ง 7 เท่า หลังยุติการกักตัวคนเข้าประเทศ 8 ม.ค.66

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวานนี้ (26 ธ.ค.) ว่า จีน จะ ยกเลิกมาตรการกักตัว ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าจีน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป หลังจากที่บังคับใช้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มานานกว่า 3 ปี โดยเงื่อนไขเดียวที่ยังคงมีอยู่คือ ผู้ที่จะเดินทางเข้าจีนยังคงต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ PCR ก่อนขึ้นเครื่องบินจากประเทศต้นทางมายังจีนเป็นเวลา 48 ชั่วโมง

นอกจากนี้ จีนจะปรับลดระดับมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด สู่ระดับ Category B ที่ผ่อนคลายลงมากด้วย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีนเท่ากับเป็นการยกเลิกนโยบายคุมเข้มโควิดที่เรียกว่า นโยบาย 'โควิดเป็นศูนย์' (Covid Zero) ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจจีน และเป็นตัวจุดชนวนให้ประชาชนต้องลุกฮือขึ้นประท้วงใหญ่ทั่วประเทศช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนไม่ต้องกักตัวหลังเดินทางถึงจีนอีกต่อไป จากเดิมที่ต้องกักตัวเป็นเวลาถึง 8 วัน (แบ่งเป็น 5 วันในโรงแรมที่ทางการจีนกำหนดไว้ให้หรือที่ศูนย์กักตัวกลาง และอีก 3 วันที่เหลือ ณ ที่บ้านหรือที่พัก) โดยผู้เดินทางที่ประสงค์เดินทางเข้าประเทศจีนเพียงแต่ต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด (แบบ PCR) เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบินจากประเทศต้นทางมายังจีนภายในเวลา 48 ชั่วโมง

แบงก์ชาติอาร์เจนตินา ไม่พิมพ์ธนบัตร 'เมสซี่' เพื่อเชิดชูเกียรติในฐานะที่เป็นฮีโร่ของชาติ

เมื่อ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา แบงก์ชาติอาร์เจนตินา เผย ไม่พิมพ์ธนบัตร 'เมสซี่' โดย ธนาคารแห่งชาติของ อาร์เจนตินา ระบุว่า จะไม่มีการพิมพ์ธนบัตรเป็นรูปเมสซี่ พร้อมเบอร์ 10 จากที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้หลังดาวเตะวัย 35 ปี พาทีมเป็นแชมป์โลก

หลังจากความสำเร็จของทัพฟ้าขาวอันยิ่งใหญ่ในการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ทำให้หนังสือพิมพ์ เอล ฟินานซิเอโร่ ตีข่าวว่า ธนาคารแห่งชาติของอาร์เจนตินา เตรียมพิมพ์ธนบัตร 1,000 เปโซ เป็นรูปเมสซี่ พร้อมเบอร์ 10 รวมถึงพิมพ์ชื่อของลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซือทีมชาติ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะที่เป็นฮีโร่ของชาติ

อย่างไรก็ตามล่าสุด เฟร์นานโด อลอนโซ่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคาร ยืนยัน ธนาคารไม่มีแผนการพิมพ์ธนบัตรรุ่นพิเศษ ตามที่มีกระแสข่าวลือแต่อย่างใด

ขับรถในบอสตัน กฎระเบียบสุดเคร่งครัด ‘ทั้งจอด-ทั้งขับ’ สุ่มสี่สุ่มห้า เจอค่าปรับแบบไร้ปรานี

ความเดิมจากตอนที่แล้ว...เมื่อทุกคนไม่เห็นรถแวนที่จอดทิ้งไว้ ต่างก็หน้าม่อยไปตาม ๆ กัน คิดว่ารถถูกสอยไปเรียบร้อยแล้ว เผอิญคุณอาผู้หญิงมองรอบ ๆ อีกครั้ง ตาท่านก็ไปหยุดอยู่ที่ป้ายบนเสา ที่มีตัวหนังสือสีเขียว ‘ที่จอดรถของผู้พักอาศัย’ (Resident Permit Parking) ท่านเลยถึงบางอ้อ!! ว่ารถของท่านจอดผิดกฎหมาย คงถูกบริษัทลากรถเอาไปไว้ที่รถชานเมืองแน่ ๆ 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ท่านจึงโทรศัพท์ไปที่อู่จอดรถ เราสามคนต้องนั่งรถแท็กซี่ไป ตอนลงรถจ่ายรวมค่าบริการ 30 เหรียญ แถมต้องจ่ายค่าปรับอีก 100 เหรียญ รวมแล้วก็มากโขอยู่สำหรับค่าของเงินเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

ว่าแล้วผู้เขียนก็ขออนุญาตเอาเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณอามาเป็นอุทาหรณ์สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจจะไปเที่ยวหรือเรียนที่รัฐแมสซาซูเซตส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจกลางเมืองบอสตันว่า ‘อย่าจอดรถสุ่มสี่สุ่มห้า’ ให้สังเกตสภาพแวดล้อมให้ดีเสียก่อน อ่านป้ายที่ทางการติดไว้ให้เข้าใจว่าจอดได้จริงๆ จำไว้ว่าถ้าเราหยอดมิเตอร์แล้วจ่ายเงินเต็มช่วงเวลา สมมติว่าหยอดมิเตอร์ได้สูงสุดสองชั่วโมง เขาไม่อนุญาตให้เรามาหยอดต่อเมื่อใกล้หมดสองชั่วโมง เราต้องย้ายไปจอดที่อื่น มิฉะนั้นเขาจะปรับ 40 เหรียญ 

และอย่าคิดว่าถ้ามีมิเตอร์ให้หยอดเหรียญจ่ายค่าจอดแล้วเราจะจอดได้ทั้งวันทั้งคืน เพราะบางแห่ง วันจันทร์ถึงศุกร์หลัง 6 โมงเย็น จนถึง 10 เช้าของวันถัดไป เขาอนุญาตให้แต่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นที่มีสติ๊กเกอร์จอด ป้ายจะเขียนว่า ‘Resident Permit Parking 6 pm - 10 am Mon. to Fri.’ ถ้าเราไปฝืนกฎ เราต้องจ่ายค่าปรับหกสิบเหรียญ 

นอกจากนั้นแล้ว ต้องระมัดระวังวันและเวลาที่ทางเมืองทำความสะอาดถนน บางแห่งจะจอดข้ามคืนไม่ได้ในวันที่เขากำหนดเช่น ‘Street Cleaning Tuesday 2 AM - 7 AM’ ถ้าวันที่เราจะจอด เช่น วันจันทร์กลางคืนข้ามไปถึงอังคารเช้า เราก็ต้องไปหาที่อื่น บางแห่งป้ายยิ่งชวนงง เช่น ‘Street Cleaning 2nd & 4th Tuesday 12 noon - 4 pm’ ถ้าเจอแบบนี้ ต้องงัดปฏิทินในมือถือมาดูว่าอังคารนี้ที่ 2 หรือ 4 ของเดือนหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็ห้ามจอดจากเที่ยงวันถึง 4 โมงเย็น ถ้าฝืนเราจะโดนปรับ 40 เหรียญ 

แต่ส่วนใหญ่หลังจาก 30 พฤศจิกายน ถึง 31 มีนาคม เขาจะไม่ทำความสะอาดถนน เพราะเข้าฤดูหนาว สิ่งที่เราต้องระวังในช่วงนั้นคือเขามีป้าย ‘No Parking During Snow Emergency’ หรือเปล่า ถ้ามี เราเห็นหิมะตก เราต้องคอยดูข่าวว่ามีประกาศห้ามจอดหรือไม่ ถ้าขี้เกียจดูข่าว ก็สามารถโทรไปเช็กที่ (617) 635-3050 ถ้าเราดันทุรังจอด เราจะต้องจ่าย 45 เหรียญ ที่แย่กว่านั้นถ้าหากรถเราโดนลากไปอู่ เราต้องจ่ายทั้งค่าปรับและค่าลาก ยิ่งไปกว่านั้นสมมติว่าเราจอดในช่วงที่เขาประกาศห้ามจอดเพราะหิมะตกหนัก แล้วรถเราถูกลาก เราต้องจ่ายค่าปรับ 45 เหรียญบวกกับค่าลากอีกประมาณ 100 เหรียญ รวมสะระตะแล้ว 145 เหรียญเลยครับ แล้วโปรดจำไว้ด้วยว่าเขารับแค่เงินสดเท่านั้น 

ฉะนั้นถ้าหากเราสงสัยว่ารถถูกลาก แล้วอยากจะรู้ว่ารถเราอยู่อู่ไหน เราสามารถไปเว็บไซต์ https://www.cityofboston.gov/towing/search แล้วใส่เบอร์ทะเบียนรถเราลงไป เราก็จะได้ข้อมูลว่ารถเราถูกลากหรือไม่ ถ้าถูกลาก เขาจะบอกว่าเราจะไปเอารถได้จากอู่ไหน

กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน หลังจากที่ย้ายเข้าบ้านอีกไม่นาน ผมก็ต้องไปสอบใบขับขี่เพื่อที่จะไปเอารถที่พี่ชายทิ้งไว้ให้ที่บ้านลูกพี่ลูกน้องในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ โดยปัจจุบันสมัครสอบข้อเขียนได้ที่ https://www.mass.gov/how-to/apply-for-a-passenger-class-d-learners-permit สำหรับใบขับขี่รถส่วนตัว ซึ่งทางอเมริกาเขาเรียกว่าใบขับขี่แบบ ‘Class D’ พอกรอกใบสมัครเสร็จ อย่าลืมขอคู่มือผู้ขับรถ (Driver’s Manual) จากในเว็บไซต์มาอ่านและจำให้ขึ้นใจเพราะข้อสอบจะมาจากข้อมูลในหนังสือเล่มนั้น เมื่อถึงวันสอบทางรัฐแมสซาซูเซตส์ให้ยื่นเอกสารที่แสดงว่าเราถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามีเอกสาร I-20 ทางสถานศึกษาหรือวีซ่าทำงานก็ใช้ได้ พร้อมด้วยเลขที่บัตรประกันสังคม (Social Security Number) และหลักฐานว่าเราอยู่อาศัยในรัฐ เช่นใบแจ้งหนี้จากบริษัทไฟฟ้า น้ำ หรือสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ 

ย้ำว่า!! ทุกเอกสารต้องเป็นตัวจริง ก่อนจะไปสมัครสอบข้อเขียนควรจะเช็กข้อมูลอีกทีที่เว็บไซต์ https://mass.gov/guides/massachusetts-identification-id-requirements เพราะได้อ่านข่าวมาว่าทางรัฐกำลังจะเปลี่ยนแปลงให้คนต่างด้าวที่อยู่อย่างผิดกฎหมายสมัครใบขับขี่ได้ ถ้าสอบข้อเขียนผ่าน ก็จะได้ใบขับขี่ชั่วคราว (Learner’s Permit) แต่ไม่สามารถขับรถได้ถ้าหากไม่มีผู้ที่มีใบขับขี่ในรัฐมาแล้วหนึ่งปีขึ้นไปนั่งในรถไปด้วย 

‘ไบเดน’ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘เซเลนสกี’ พร้อมให้คำมั่น สหรัฐฯ จะหนุนยูเครนสู้รบรัสเซีย

(22 ธ.ค. 65) หลังจากที่มีข่าวลืออกมาว่า โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน กำลังเดินทางไปสหรัฐฯ เตรียมเข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน และแถลงต่อที่ประชุมสภาคองเกรส ซึ่งจะเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกเท่าที่รู้นับตั้งแต่เกิดสงคราม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ร้องขอขีปนาวุธแพทริออตเพิ่มจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในระหว่างพบกันที่ทำเนียบขาว ก่อนที่ระบบป้องกันชุดแรกจะเดินทางถึงยูเครน โดยย้ำในระหว่างการแถลงข่าวว่า "เราอยู่ในสงคราม"

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้นำยูเครนว่า สหรัฐจะยังคงให้ความช่วยเหลือยูเครนตราบนานเท่านานในสงครามกับรัสเซีย และยูเครนจะไม่มีวันถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเดียวดาย พร้อมยืนยันเรื่องที่สหรัฐจะมอบความช่วยเหลือครั้งใหม่มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69,308 ล้านบาท) ให้แก่ยูเครนเพื่อนำไปใช้ป้องกันประเทศจากการโจมตีของรัสเซีย และให้สัญญาว่าจะมอบความช่วยเหลืออีกราว 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.56 ล้านล้านบาท) 

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีเซเลนสกีว่า เขาไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มแนวร่วมนานาชาติที่เป็นพันธมิตรร่วมกันเพื่อช่วยเหลือยูเครน ทั้งยังระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ยังคงไม่มีความคิดที่จะหยุดการทำสงครามอันโหดร้ายในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top