Saturday, 10 May 2025
SPECIAL

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2566

เราจะวางจิตอย่างไร
เมื่อต้องเจอคน ที่ทำไม่ดีกับเรา
ให้คิดว่า จิตเค้าอยู่ตรงนั้น
จิตของเรา มันข้ามไปแล้ว
เค้าทำไม่ดี...
ก็อย่าไปทำเหมือนเค้า

‘มิ่งขวัญ’ ชูแคมเปญ ‘ลดเบนซิน 18 บาท-ดีเซล 6 บาท’ ลั่น!! อยากได้น้ำมันราคานี้ ต้องเลือก ‘พปชร.’

(18 มี.ค.66) เมื่อเวลา 18.20 น.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพปชร. กล่าวปราศรัยโดยชูนโยบายลดราคาน้ำมัน ว่า พรรคพปชร.มีแคมเปญราคาน้ำมัน ที่จะส่งให้พรรคพปชร. เข้าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนทุกคน โดยราคาพลังงานจะสามารถปรับลงลดเพื่อช่วยประชาชนได้ เรามีแนวคิดที่จะรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เป็นรัฐบาล เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ การปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า

ที่สำคัญที่สุด คือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้า ทุกขั้นตอนลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

‘สันติ’ ชูนโยบาย ยกระดับคุณภาพชีวิตคนในเมือง ผุด ‘รถไฟฟ้า-ดูแลสตรี-หนุนเยาวชนเรียนภาษาที่ 2’

(18 มี.ค.66) เวลา 17.50 น. ที่ลายคนเมือง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. กล่าวปราศรัยว่า พรรคพปชร. ก้าวข้ามความขัดแย้ง มีนัยยะสำคัญ ที่จะนำไปสู่ความสามัคคี ลดความเหลื่อมล้ำทุกรูปแบบ โดยพรรคพปชร. ตั้งใจส่งผู้สมัครเป็นตัวแทนครบทุกเขต เพื่อให้ผู้สมัครของพรรค ลงไปทุกพื้นที่ทั้ง 33 เขต เพื่อรับทราบข้อคิดเห็นและรับใช้คนกทม. ตลอดจนส่งเสริมและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ทันยุคสมัย พรรค

พปชร.ตั้งใจพัฒนากทม.ให้ก้าวทันนวัตกรรมของโลก โดยปัญหาความแออัดในกทม.มาจากการบริหารจัดการเมืองที่ไม่เป็นสัดส่วน ทำให้การพัฒนาไปคนละทิศทาง ดังนั้นการส่งผู้สมัครไปในแต่ละเขต ลงไปดูปัญหาเพื่อจะทำให้เกิดการสร้างรายได้ ลดต้นทุนดำรงชีวิต 

เช่น การเดินทางในชีวิตประจำวัน หากผู้สมัครพปชร.ได้รับเลือกเข้ามา จะทำนโยบายเรื่องการเดินทางให้มีรถไฟฟ้า มีชัตเทิลบัสผ่านหมู่บ้าน เพื่ออำนวยความสะดวก ลดการใช้รถยนต์ เป็นการกระจายความเจริญไปรอบนอก 

ทัพใหญ่ 'พปชร.' ปราศรัยหนุนผู้สมัคร ส.ส.กทม.33 เขต ลั่น!! พปชร. เป็นรัฐบาล 'ขจัดฝุ่นพิษ-ปลดหนี้-เพิ่มรายได้' ทันที

(18 มี.ค.66) พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.ภายใต้ชื่อ 'พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ' นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก, นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

โดย พรรคพลังประชารัฐได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย...
เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง
เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์
เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ 
เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ 
เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน 
เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร  
เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช 
เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ 
เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ 
เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล
เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค
เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น 
เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ  
เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล  
เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง 
เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร
เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี 
เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา 
เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี
เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ
เขต 22 สวนหลวง ประเวศ  นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ 
เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน 
เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา 
เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ 
เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล  
เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง 
เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ 
เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์
เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน 
เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ 
และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

จากนั้นเมื่อเวลา 17.20 น.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่ตนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 61 และ คน กทม. ก็ให้ความไว้วางใจกับพรรคของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรผู้สมัครคุณภาพทั้ง 33 เขต มาผสมกับผู้สมัครรุ่นเก๋าที่จะมาร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น ครั้งนี้ถือเป็นเวทีเป็นไม้แรก ของขุนพลพลังประชารัฐ กทม. ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ประกาศเปิดตัวทั้ง 33 เขต มั่นใจถึงความพร้อมทั้งตัวบุคคลและนโยบาย ตนขึ้นเวทีเป็นคนแรกเพื่อบอกว่า พปชร.ในอดีตที่พี่น้องกทม.ให้ความไว้วางใจ มี ส.ส.กทม.12 คน ตนจึงเป็นสัญลักษณ์ว่าในอดีตที่พี่น้องให้กำลังใจนั้น วันนี้มาเชื่อมโยงให้การเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จ ซึ่งพรรคคัดผู้สมัครคุณภาพ 33 เขต ผสมผสานระหว่างผู้สมัครตัวเก๋า และ รุ่นใหม่ที่จะเป็นขวัญใจพี่น้องกทม. 

"แน่นอนว่า ปัญหาของ กทม. ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น คือเรื่องมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับผู้สูงอายุรวมไปถึงเด็ก ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางระบบหายใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคประชารัฐจะนำอากาศบริสุทธิ์ กลับคืนมาให้กับคนไทยทุกคน เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือปัญหาเร่งด่วน เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญของคนทุกชนชั้น ขอให้ทุกคนไว้วางใจผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เลือกพวกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทุกคนทั้ง 33 เขต เพราะพลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคของเรา ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะต้องได้รับการแก้ไขทั้งพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศ" สนธิรัตน์ กล่าว

ต่อมาในเวลา 17.30 น. นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย กล่าวปราศรัยว่า "วันนี้เรามาเพื่อแสดงเจตจำนงว่า เราจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพและทุกจังหวัดของประเทศไทย กทม.ต้องเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นศูนย์กลางของเกือบทุกกิจกรรม ถ้าให้นำไปเทียบกับนานาประเทศแล้ว ต้องบอกว่ากรุงเทพของเราไม่น้อยหน้าประเทศไหน

"ขอพูดถึงนโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา ทั้งนี้ เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้" นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวอีกว่า พรรคพปชร. จะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 

‘เศรษฐา’ พร้อมยุติทวิตขายบ้าน หลังเกิดดรามา ลั่น!! จะไม่มีข้อความชวนเชิญซื้อบ้านในโครงการอีก

(18 มี.ค.66)  ที่ร้าน WHEELER BED & BIKE อ.เมือง จ.ชลบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการแชร์ข้อความจากทวิตเตอร์ ที่นายเศรษฐาได้ทวีตแนะนำให้ประชาชนซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรร จนกลายเป็นประเด็นดรามา ว่า เป็นคนทวีตจริง เพราะเห็นว่าตนเองยังเป็นพนักงานของบริษัทแสนสิริอยู่

‘จุรินทร์’ นำทัพ ‘ปชป.’ ปราศรัยใหญ่ ‘นราธิวาส’  ประกาศจุดยืน ไม่เห็นด้วยใช้ศาสนาหาประโยชน์ทางการเมือง 

ปชป.เปิดปราศรัยใหญ่ นราธิวาส พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 เขต เปิดนโยบาย ”สร้างสันติภาพ สู่สันติสุข” ไม่เห็นด้วยแบ่งแยกดินแดน  ลั่นถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรบ.จะให้การเมืองนำการทหารแก้ปัญหาความขัดแย้ง

(18 มี.ค.66) เวลา 17.00น.ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม L Soccer Park อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดปราศรัยใหญ่ โดยมีนายจุรินทรร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป. นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผอ.เตรียมการเลือกตั้งปชป. และคณะ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักมีประชาชนรวมฟังการปราศรัยจำนวนมาก 

โดยนายจุรินทร์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 5 เขต ของจ.นราธิวาส คือนายวัสสันต์ ดือเร๊ะ นายก อบต.บางปอ ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 นายเมธี อรุณ นักร้องนำวงลาบานูน ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 นายสุไลมาน มะโซ๊ะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 นายไซดี เจ๊ะหามะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. ว่าที่ผู้สมัครเขต 4 และ นายเจะอามิง โตะตาหยง อดีต ส.ส.นราธิวาส 5 สมัยของพรรคปชป. 5 สมัย ว่าที่ผู้สมัครเขต 5

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า วันนี้พูดไม่อายว่ามาหาเสียง หลายคนหลบ ๆ ซ่อนๆ ยึก ๆ ยัก ๆ ไม่กล้าพูด แต่ปชป.บอกตรง ๆ มาหาเสียงขอเสียงจากคนนราธิวาส เที่ยวหน้าการเลือกตั้งไม่เหมือนคราวที่แล้ว คราวนี้ต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรค และเขตต้องได้ที่หนึ่งเท่านั้นถ้าได้ที่สองสอบตก เที่ยวหน้าปชป.จะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 คน400 เขต และวันนี้ปชป.พร้อม พร้อมก็หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา พร้อมทั้งคนทั้งนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายสำหรับใช้เป็นยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ที่เรื้อรังมานานหลายทศวรรษ คือนโยบายสร้างสันติภาพ สู่สันติสุข เพื่อนำจังหวัดชายแดนใต้ไปสู่การพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต ซึ่งสันติภาพและสันติสุข คือหัวใจ จิตวิญาณ สิ่งที่คนจังหวัดชายแดนภาคใต้ใฝ่หามาเนิ่นนาน ดังนั้นถ้าปชป.ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ปชป.พร้อมที่จะนำสันติภาพ และนำสันติสุขมาสู่จังหวัดชายแดนใต้

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สันติภาพจะเกิดได้อย่างน้อยปชป.พร้อมจะนำ 2 ข้อคือ 

1.เราจะต้องเริ่มต้นด้วยการพูดคุยไม่ใช่เผชิญหน้า ไม่ใช่ชักปืนมายิงกัน เพราะะการพูดคุยคือหนทางเดียวที่ตะนำสันติภาพมาสู่จงหวัดชายแดนภาคใต้ของเราได้ ซึ่งตนยืนยันได้ว่าปชป. มีวิธี และวันนี้เดินหน้าไปไกลพอสมควรแล้ว ขออย่างเดียวให้ปชป.ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาลเราพร้อมที่จะเดินหน้านำสันติภาพมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทันที ทำไมตนถึงพูดอย่างนี้เพราะตนเป็นหัวหน้าปชป. และอดีตหัวหน้าปชป.เคยทำสำเร็จมาแล้ว ตั้งแต่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯปี 43 และถ้าปชป.มาเป็นรัฐบาล เราจะไม่ย้อนรอยหลังนายชวนพ้นตำแหน่งนายกฯอีก 

2.ปชป. จะเดินหน้านโยบายการเมืองนำการทหาร เพราะมีแต่การเมืองเท่านั้นที่จะตัดสินใจในการนำสันติภาพมาสู่จังหวัดชานแดนใต้ได้ ด้วยกรรมวิธีปชป. ด้วยนักการเมืองอย่างพวกตน และเมื่อชายแดนใต้มีสันติภาพเราก็จะพาชายแดนใต้ไปสู่สันติสุข 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สันติสุขจะเกิดได้ก็ต้องนโยบายที่เดินหน้าในการพัฒนาจังหวัดชยแดนภาคใต้ พัฒนาด้วยนโยบายที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของปชป.คือนโยบายสร้างเวิน สร้างคน และสร้างชาติ รวมกันสร้างจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไป จังหวัดชานแดนใต้ต้องเดินหน้าพัฒนาด้วยเศรษฐกิจฐานเกษตร คือพืช ปศุสัตว์ ประมง ปชป.มีนโยบายประกันรายได้ และผลไม้ตั้งแต่ตนมาเป็นรมว.พาณิชย์ เร่งรัดการส่งออกกระจายไปทุกประเทศในโลกยังไม่มียุคไหนผลไม้ราคาดีเท่ายุคที่ตนเป็นรมว.พาณิชย์ ตนกว่าประกาศเพราะทำมากับมือ ราคาดีที่สุดคือทุเรียน ถ้าปชป.เป็นแกนตั้งรัฐบาล ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้ ศอ.บต.เตรียมที่ไว้ปลูกทุเรียน ตอนนี้ศอ.บต.เตรียมไว้แล้วสองแสนไร่ในจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อสร้างเงิน ส่วนปศุสัตว์ ปชป.พร้อมสนับสนุนให้ตนจังหวัดชายแดนใต้ เลี้ยงโค ไก่ แพะ ทำปศุสัตว์คุณภาพ เพื่อสร้างเงินให้ครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเป็นมุสลิมอย่างเดียว ชาวพุทธก็ทำได้ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่าปชป. ยืนหยัดการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าในอนาคตจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปชป.ก็ไม่ขัดข้องเพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่ประชาธิปัตย์มีข้อแม้ 2 ประการ คือ ต้องไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 และต้องไม่ยกเลิกมาตรา 112 เพราะในรัฐธรรมนูญ หมวด 1 เป็นหมวดที่ว่าด้วยความเป็นรัฐของประเทศไทย บัญญัติไว้ชัดเจนว่าประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบ่งแยกไม่ได้ ใครจะมาแบ่งแยกประเทศไทยเป็น 2 ส่วน 3 ส่วนปชป.ไม่ยอม และหมวด 2 เป็นหมวดที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวง ทำให้ความผาสุกในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราเกิดขึ้นนับเนื่องมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดเพราะทิศทางการเมืองที่ผิดพลาด และเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายที่ต้องแก้ไข สำหรับมาตรา 112 มีไว้เพื่อคุ้มครองประมุขของประเทศ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่มีบทบัญญัติมาตราไว้ในกฎหมายเพื่อคุ้มครองประมุขประเทศ เพราะฉะนั้นใครก็ตามบอกว่าจะยกเลิก จะแก้มาตรา 112 ประชาธิปัตย์ไม่เอา 

‘ชลน่าน’ แง้มข่าววงใน ‘ครม.’ รอเทกระจาดอังคารนี้ คาดเตรียมวันประกาศยุบสภาแล้ว รอแค่ประกาศ

(18 มี.ค.66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยุบสภาว่า จริง ๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เตรียมที่จะประกาศยุบสภาแล้ว เท่าที่ตนทราบมา ขณะนี้พระราชกฤษฎีกามีแล้ว เพียงแต่รอลงนามรับสนอง และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น เวลาที่เหลืออยู่ คือวันที่ 20-22 มี.ค. แต่ก็มีหลายกระแสข่าวบอกว่าเป็นวันที่ 20 มี.ค.

ตร. ล่าโจ๋พัทยา!! ก่อเหตุปาระเบิดขวดเผา ‘คู่รัก’ ก่อนขี่ จยย. หลบหนี ผู้เคราะห์ร้ายยันไม่เคยรู้จักคนร้าย

ล่าแก๊งโจ๋พัทยาดุ ปาระเบิดขวดเผาคู่หนุ่มสาว ไฟคลอกเกือบทั้งร่างเจ็บสาหัส

(18 มี.ค.66) เมื่อเวลา 02.30 น. พ.ต.ต.พัฒนนันท์ สมนวล สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกปาระเบิดขวดใส่ ถูกไฟเผาร่างกายเกือบทั้งร่างได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดหน้าร้านสะดวกซื้อ ปากซอยโพธิสาร ด้านฝั่งถนนสุขุมวิท ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้ว พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ ไปถึงที่เกิดเหตุพบ พบ ร่างคู่หนุ่มสาว อยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ถูกไฟไหม้เกรียมเกือบทั้งตัว อีกทั้งเนื้อตัวมีแต่กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง ที่บริเวณช่วงต้นขาไปถึงกลางหน้าอก พบบาดแผลถูกไฟคลอกผิวหนังเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา ต้องรีบปฐมพยาบาล แล้วนำตัวส่ง รพ.เมืองพัทยา ทราบชื่อต่อมาคือ นายธนกรณ์ อายุ 22 ปี และ นางสาว วรกานต์ อายุ 22 ปี

นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ พบว่า มีกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เบื้องต้น พบว่ามี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ เวสป้า สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ซึ่งเป็นของคนเจ็บ ที่บริเวณตัวรถด้านขวา มีร่องรอยถูกไฟไหม้ และ คราบรอยน้ำมันเชื้อเพลิง ได้รับความเสียหาย ใกล้ๆ กัน บนพื้นถนน พบ เศษขวดแก้ว สภาพแตกละเอียด จำนวนหนึ่ง และ เทปกาวพันสายไฟ ที่ใช้พันปากขวดแก้วตกอยู่ ตำรวจจึงทำการเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ผู้เห็นเหตุการณ์ อายุ 21 ปี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขี่รถจักรยายนต์กลับที่พัก พอมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 – 7 คน ขี่จักรยานยนต์มากันประมาณ 4 คัน กำลังเลี้ยวเข้าซอยโพธิสาร จากนั้น รถจักรยานยนต์ของผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีผู้ชายเป็นคนขี่และผู้หญิงซ้อนท้าย ได้ขับขี่สวนทางกันกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว

ในจังหวะที่กำลังขี่สวนทางกัน จากนั้น จู่ ๆ หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่น จำได้ว่าสวมใส่หมวกกันน็อคสีขาว ได้ก่อเหตุปาระเบิดขวดใส่คู่หนุ่มสาวดังกล่าว โดยปาใส่เข้าที่ตัวของคนเจ็บอย่างจัง แล้วก็มีไฟลุกพรึบตามทันที

‘ชัยวุฒิ’ ไม่ลงชิง ส.ส.ตาก อีกสมัย เผยไม่ทิ้ง ‘ปชป.’  ปัดได้รับคำชวนจาก ‘รทสช.’ ยันแจ้งไว้นานแล้ว

‘ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์’ ไม่ลงชิงส.ส.ตากอีกสมัย แต่ไม่ทิ้งปชป. ยันแจ้งไว้นานแล้ว เผยให้กก.บห.หาคนลงสมัครแทน

(18 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลภาคเหนือ ได้ทำจดหมายถึงผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ ลงวันที่ 23 ก.พ.2566

โดยมีใจความว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งชุดปัจจุบัน แสดงเจตจำนงการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งต่อไปแล้วนั้น ตนขอแจ้งเจตจำนงว่าไม่มีความประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ขณะที่นายชัยวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้แจ้งความจำนงไม่ลงสมัครส.ส.อีกจริง โดยตนคิดไว้นานแล้ว และเคยเกริ่นนานแล้วว่าจะไม่ลงสมัครส.ส.อีก ตอนนี้ตนยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

สำหรับการส่งจดหมายดังกล่าวนั้น มาจากการที่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ได้แจ้งถึงส.ส.ปัจจุบันทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อให้แต่ละคนแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่ายืนยันลงสมัครส.ส.ต่อไปหรือไม่ ซึ่งตนส่งจดหมายตอบกลับว่าไม่ประสงค์ลงสมัครส.ส.

ส่วนเหตุผลที่เขียนด้วยลายมือ เป็นเพราะตนทำแบบฟอร์มของพรรคฯหาย และเห็นว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อน จึงเขียนด้วยลายมือแทนการพิมพ์

รวบ ‘หนุ่มใหญ่’ หลอกเปิดคอร์ส 'ตุ๋นเงิน' ผู้ปกครอง อ้างใช้เงินหมดแล้ว เบื้องต้นตำรวจ ตั้งข้อหา-ฝากขัง

(18 มี.ค. 66) เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา มีความคืบหน้ากรณี นายสมบูรณ์ อินทร์ชูวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหนองสระแบง ได้นำพ่อแม่ ผู้ปกครองนักเรียนหลายหมู่บ้าน ใน ต.ห้วยบง กว่า 21 คน เด็กนักเรียนกว่า 30 คน ที่ได้เสียเงินเป็นค่าเรียนพิเศษ คนละ 2,500 บาท รวมแล้วกว่า 75,000 บาท ให้กับ นายเอนก สักลอ อายุ 46 ปี ที่ได้มาชักชวนพ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กนักเรียน ในพื้นที่ ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ ว่ารับสอนพิเศษเด็กเรียน ตั้งแต่ชั้น ป.1 จนถึง ม.3 ในเฉพาะช่วงวันเสาร์ และวันอาทิตย์ โดยมีการแอบอ้างว่าเป็นครูมาจากมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ซึ่งมีการตรวจสอบก็ไม่พบว่าเป็นครูของ มรภ.ชัยภูมิ แต่อย่างใด

โดยมีพฤติกรรมมาแอบอ้างว่าเป็นครู จะมารับเปิดสอนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนในหลายหมู่บ้าน ในวิชาภาษาไทย , คณิตศาสตร์ , ภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์ ในระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้กับผู้ปกครองและเด็กๆที่ต้องการในหมู่บ้าน โดยการเรียนการสอนพิเศษให้ ทั้งหมดรวม 32 ชั่วโมง เรียนเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ วันละ 2 ชั่วโมง เก็บค่าสอนพิเศษคนละ 2,500 บาท ต่อคนต่อคอร์ส

และจัดการสอนพิเศษแยกชั้นเรียน ตามความเหมาะสมของเด็กนักเรียนที่เรียนหนังสือในโรงเรียนอยู่ ซึ่งครั้งนี้มีผู้ปกครองหลงเชื่อส่งลูกหลานของตนเองมาเรียนพิเศษ ในวันเสาร์ อาทิตย์ เฉพาะในตำบลห้วยบง รวมกว่า 21 คน เพื่อหวังให้ลูกหลานตนเอง ได้มีความรู้เพิ่มเติมในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มากยิ่งขึ้น ห่างไกลจากการไปเล่นแต่เกมในโทรศัพท์มือถือ โดยให้เด็กนักเรียนมาเรียนพิเศษที่ศาลาอเนกประสงค์ Sml ประจำหมู่บ้านหนองสระแบง หมู่ 8 ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ มาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

แต่หลังจากเด็กนักเรียนมาเรียนพิเศษ นายเอนก ได้ให้เด็กนักเรียนทั้งหมดที่มาเรียนพิเศษ นั่งเรียนพิเศษรวมกัน ไม่แบ่งชั้นเรียนตามความเหมาะสมของนักเรียน มีเพียงแจกสมุดใบงานเหมือนกันทุกคน แล้วให้เด็กเขียนหนังสือตามใบงานที่แจกให้ เหมือนเด็ก ป.1 แต่เมื่อเก็บเงินค่าเรียนพิเศษกับผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนละ 2,500 บาทหมดแล้ว และจัดการสอนพิเศษวันละ 2 ชั่วโมง วันเสาร์และอาทิตย์ ได้เพียง 3 สัปดาห์ รวมแล้วจัดการสอนพิเศษเพียง 12 ชั่วโมง ไม่ถึง 32 ชั่วโมง ตามสัญญาที่ตกลงกับชาวบ้านไว้ จนถึงกลางเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา นายเอนกได้แจ้งกับผู้ปกครองบางส่วนว่า ได้ปิดคอร์ส การเรียนการสอนแล้ว พร้อมกับได้หายตัวไป หมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้ ติดต่อไปเหมือนปิดเครื่องหนีติดต่อไม่ได้อีกเลย

ซึ่งบรรดาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ปกครองเด็กนักเรียน ได้พยายามโทรติดต่อไปเพื่อให้มาตกลงกัน ว่าจะสอนพิเศษต่อตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ หรือจะจ่ายเงินคืนให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนทั้งหมด แต่ติดต่อกับนายเอนกไม่ได้เลย ทางผู้ปกครองเด็กนักเรียนจึงมั่นใจว่า ถูกหลอกเสียเงินคนละ 2,500 บาท สูญเปล่า ซึ่งมีเด็กกว่า 30 คนที่ถูกหลอก รวมเป็นเงินกว่า 75,000 บาท จึงได้รวมตัวกันเดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.เรืองศิลป์ ประวิสุทธิ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลาดใหญ่ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายเอนก ครั้งนี้ที่ได้หลอกลวงบรรดาผู้ปกครองเด็กนักเรียน ให้เสียเงินเป็นค่าเรียนพิเศษของลูกหลานตนเองคนละ 2,500 บาท แต่แล้วการจัดสอนพิเศษไม่เป็นตามข้อตกลง ที่ได้ตกลงกันไว้ เด็กนักเรียนที่เรียนพิเศษแต่ละคน ไม่ได้ความรู้เพิ่มแต่อย่างใดอีกด้วย

และยังทราบอีกว่า นายเอนก ผู้ต้องหารายนี้ ยังได้มีพฤติกรรมไปหลอกลวงจัดการสอนพิเศษให้เด็กนักเรียนตามหมู่บ้าน ในพื้นที่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ มีผู้ปกครองเด็กนักเรียนใน ต.ห้วยไร่ ถูกหลอกอีกกว่า 20 คน ในพื้นที่บ้านห้วยหมากแดง ต.ท่าหินโหม อีก 20 คน ก่อนหลบหนีไป ผู้ปกครองนักเรียนได้ไปแจ้งความไว้แล้วทั้งที่ สภ.ลาดใหญ่, สภ.คอนสวรรค์ และ สภ.เมืองชัยภูมิ รวมแล้วมีเด็กถูกหลอกสมัครเรียนพิเศษแล้วไม่ได้เรียนตามข้อตกตกลงกันไว้ที่หมดอีกจำนวนมากกว่า 70 คน คิดเป็นเงินที่นายเอนก ครูสอนพิเศษลวงโลกได้ไปกว่า 175,000 บาท ก่อนที่จะหลบหนีไปครั้งนี้

จนล่าสุดวันนี้ (18 มีนาคม ) หลังจากที่ พ.ต.อ.อรชุน รักสกุลพิวัฒน์ ผกก.สภ.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้รับแจ้งความกับผู้ปกครองนักเรียน ที่ได้รับความเสียหาย ให้ดำเนินคดีกับนายเอนก ได้มีการรวบรวมหลักฐานการกระทำความผิดของ นายเอนกแล้ว ทั้งที่อ้างตัวเองว่าจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ และเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ จากการตรวจสอบไม่ได้เรียนจบ และเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิแต่อย่างใดอีกด้วย ทาง สภ.ลาดใหญ่ ได้ออกหมายเรียก นายเอนกไปแล้ว แต่ไม่ยอมมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ จึงได้ออกหมายจับกับ นายเอนก สักลอ อายุ 46 ปี และทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลาดใหญ่ ได้ติดตามไปจับกุมนายเอนก ผู้ก่อเหตุรายนี้ ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้เมื่อคืนที่ผ่านมา

รวบ 2 ร้านขายช่อดอกกัญชา แบบผิดกฎหมาย หลังเปิดขายแบบ ‘Food truck-แผงลอย’  

กรมแพทย์แผนไทยฯ ร่วม ตร.บุกตรวจ 2 ร้านขายช่อดอกกัญชาผิด กม. ซอยสุขุมวิท 11 หลังเปิดแบบ Food Truck และแผงลอย ยึดของกลาง จับทันที ศาลสั่งลงอาญา 2 ปี

(18 มี.ค.66)  นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่ซอยสุขุมวิท 11 เขตปทุมวัน หลังมีประชาชนร้องเรียนร้านค้าช่อดอกกัญชา โดยตรวจสอบสถานประกอบการ 2 ร้าน พบว่า จำหน่ายสมุนไพรควบคุม โดยไม่ได้รับอนุญาตทั้ง 2 ราย มีลักษณะเป็น Food truck และแผงลอยริมถนน ผิดตามกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 กรมฯ ได้แจ้งให้ตำรวจยึดอายัดของกลาง สั่งปิด พร้อมส่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยเจ้าพนักงานตำรวจ ตั้งวงเงินประกัน รายละ 20,000 บาท เพื่อนำส่งฟ้องศาลแขวงในพื้นที่ โดยศาลสั่งลงโทษจำคุก 2 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับทั้ง 2 ราย เป็นจำนวนเงินรายละ 10,000 บาท เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือรายละ 5,000 บาท

‘พิธา-อมรัตน์-สุทธวรรณ’ บุกนครปฐม หนุน การเกษตร ด้าน ‘ศิริกัญญา-ไอติม’ ลุยสุพรรณฯ รับฟังปัญหา SME

(18 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมด้วย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และนายกิตติภณ ปานพรหมมาศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐมเขต 4 ลงพื้นที่หาเสียง ที่ตลาดชุมชนบางเลน อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม รวมทั้งได้พูดคุยกับกลุ่มเกษตรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

โดยนายพิธาเริ่มต้นการหาเสียงด้วยการกล่าวว่า ขอบคุณชาวนครปฐมที่ให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ถึง 165,201 คะแนน เป็นแชมป์อันดับ 1 ของจังหวัดนครปฐม ได้ ส.ส. 2 จาก 5 ที่นั่ง และเดินไปในตลาดแห่งนี้ก็เชื่อว่าใน 3 คน ต้องมี 1 คนที่เคยเลือกพรรคอนาคตใหม่ คราวนี้จึงอยากขอความไว้วางใจอีกรอบ หากต้องหารเห็นวัฒนธรรมการเมืองแบบใหม่ อยากเห็นประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ต้องกาก้าวไกลทั้ง 2 ใบ คราวนี้เราจำเป็นต้องได้ ส.ส. ให้มากที่สุด เพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ

ในส่วนศักยภาพของจังหวัดนครปฐม นายพิธากล่าวว่า ชาวนครปฐมมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กว่า 12,460 ฟาร์ม ผลิตกุ้งคุณภาพไปกว่าปีละ 7,700 ตัน และมีสัดส่วนฟาร์มกุ้งก้ามกรามที่ได้การรับรองคุณภาพ GAP กว่า 38% มากที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีปัญหาต้นทุนการเลี้ยงสูงและอัตราการมีชีวิตรอดของลูกกุ้งต่ำ เพราะขาดแคนลูกพันธุ์คุณภาพ

“ที่น่าตกใจ คือ ถึงแม้นครปฐมจะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่งบประมาณที่กรมประมงสนับสนุนในปีที่ผ่านมา คือ 0 บาท เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคก้าวไกล เพราะเรามีนโยบายรับรองมาตรฐาน GAP-GMP-เกษตรอินทรีย์ ฟรี!! พร้อมทั้งส่งเสริมการส่งสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปทั่วโลก ผ่านการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการที่ขอใบรับรองของสินค้าแปรรูที่ได้มาตรฐาน เพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรแปรรูปไทยสู่มาตรฐานสากล” นายพิธา กล่าว

ส่วนนายกิตติภณ ปานพรหมมาศ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐมเขต 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาของชาวนครปฐม นอกจากด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องมีพัฒนาแล้ว ปัญหาอาชญากรรมและสิ่งแวดล้อม ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบกับคนในพื้นที่ ตนเชื่อว่า นโยบายพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการถ้วนหน้า นโยบายสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนนครปฐมและชีวิตคนไทยทั้งประเทศดีขึ้นแน่นอน

ในช่วงเวลาเดียวกัน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย เดินสายหาเสียงพบพี่น้องประชาชนอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อรับฟังปัญหาผู้ประกอบการรายย่อย (SME) และร่วมแลกเปลี่ยนเปลี่ยนปัญหาเชิงพื้นที่ของตลาดเก่าศรีประจันต์ ซึ่งในอดีตเป็นตลาดที่คึกคักและเป็นจุดเชื่อมต่อทางคมนาคมที่สำคัญในการเดินทางไปยังกรุงเทพ ต่อมาเมื่อมีการตัดถนนทำให้พื้นที่ตลาดถูกลดความสำคัญและเริ่มซบเซาลง

ปัจจุบันมีความพยายามพลิกฟื้นตลาดเก่าศรีประจันต์ จากกลุ่มผู้ประกอบการและศิลปินในพื้นที่ พยายามปรับปรุงพื้นที่บางส่วน พร้อมจัดแสดงผลงานศิลปะเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ขณะที่วิเชียร ตามสี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุพรรณบุรี เขต 5 กล่าวว่า “ตลาดศรีประจันต์เป็นย่านเก่าแก่ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตคนสุพรรณ ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่พยายามจะคืนชีพตลาดนี้ ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสสร้างพื้นที่ตรงนี้ให้ดีกว่านี้ได้ เพราะตลาดมีจุดเด่นของตัวเองและสามารถเชื่อมโยงไปยังบึงฉวาก การมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคครั้งนี้เตรียมที่จะผลักดันต่อไป”

ด้านรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอกับพี่น้องประชาชนศรีประจันต์ระหว่างพูดคุยว่า ต้องตีโจทย์ตลาดเก่าศรีประจันต์ เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาและออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมต่อไป และถ้าหากมีการออกแบบหรือคิดไม่รอบด้าน สุดท้ายตลาดเก่าหรือบ้านเก่า จะถูกอนุรักษ์แบบแข็งตึงและไม่มีการพัฒนา และไม่สามารถทำสิ่งใดได้

‘ธนาธร’ ชี้ ‘รัฐสวัสดิการ’ คือทางรอดพ้นความเหลื่อมล้ำ ชู หั่นงบกองทัพช่วยหนุน ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ เท่านั้นที่กล้าทำ 

‘ธนาธร-พรรณิการ์’ ลุยช่วยก้าวไกลหาเสียงสุดสัปดาห์สองจังหวัด ภาคอีสาน ‘กาฬสินธุ์-ขอนแก่น’ ชี้ รัฐสวัสดิการไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดเดียวสังคมไทยออกจากวิกฤติความเหลื่อมล้ำสุดขั้ว ย้ำประเทศมีเงินพอทำได้ แต่ต้องกล้าตัดงบกองทัพ-นโยบายเอื้อทุนใหญ่ ชูก้าวไกลพรรคเดียวเท่านั้นกล้าทำเรื่องยาก ชนคนส่วนน้อยเพื่อคนส่วนใหญ่ รับรอง เลือกแล้วคุ้มกว่าอนาคตใหม่แน่นอน

(18 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลหาเสียงในช่วงสุดสัปดาห์ 

โดยเริ่มต้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ช่วยนายชวลิต กงเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดกาฬสินธุ์ และนางสาวสุพัตรา วันตุ้ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมขบวนแห่ไปรอบเมืองกาฬสินธุ์ เปิดปราศรัยที่สวนสาธารณะกุดน้ำกิน ก่อนร่วมเดินแจกเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครและนโยบาย และขึ้นปราศรัยร่วมกับว่าที่ผู้สมัครในทั้งสองเขตที่ตลาดโต้รุ่งกาฬสินธุ์ ส่วนวันรุ่งขึ้น ได้เดินสายต่อมายัง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ร่วมเดินหาเสียงกับนายวุฒิรักษ์ แพงตาแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จังหวัดขอนแก่น ที่ตลาดน้ำพอง ก่อนร่วมเปิดเวทีปราศรัยที่วัดโพธิ์ศรีโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

โดยเนื้อหาของการปราศรัยของนายธนาธรรอบนี้ เน้นย้ำถึงปัญหาสภาพทางเศรษฐกิจของประชาชนในปัจจุบัน ที่เป็นสาเหตุความจำเป็นของการมีรัฐสวัสดิการ โดยนายธนาธรระบุว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแต่ห่างขึ้นทุกวัน สถานการณ์โควิดในรอบสามปีที่ผ่านมายิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประชาชนหมดสิ้นความหวัง ในสถานการณ์แบบนี้สังคมไทยต้องมีรัฐสวัสดิการรองรับคนที่พ่ายแพ้ไม่ให้ถูกบดขยี้จากสภาพสังคมปัจจุบัน 

“ประเทศไทยวันนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมสูงวัย เด็กเกิดใหม่ลดจำนวนลงเหลือปีละ 5 แสนคน คนไม่อยากมีลูกเพราะการมีลูกมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งทำให้คนมีลูกน้อยลง จะแก้ปัญหานี้ได้ต้องมีรัฐสวัสดิการเท่านั้น เพื่อเป็นกลไกให้คนยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคง ไขว่คว้าหาความฝันในชีวิต เลือกเส้นทางชีวิตเดินได้” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธรยังกล่าวต่อไปว่า แต่ทั้งหมดจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ ในการหางบประมาณมาสร้างรัฐสวัสดิการ เช่น การปฏิรูปกองทัพ ลดงบประมาณกองทัพที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ทุกวันนี้กองทัพเข้ามาทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่มากมาย ทั้งหวย มวย ม้า สนามกอล์ฟ รีสอร์ต หากเราสามารถยกเลิกธุรกิจกองทัพได้ ประเทศเราจะมีเงินประมาณคืนกลับมาได้ถึง 5 หมื่นล้านบาทต่อปี

รวมทั้งเก็บภาษีคนรวยมาดูแลคนจน เช่น ภาษีนิติบุคคลที่เรียกเก็บจากบริษัทขนาดใหญ่ ยกเลิกสิทธิ BOI ที่ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ระดับร้อยล้านพันล้านขึ้นไป ถ้าทำสำเร็จจะได้อีก 8 พันล้านบาทต่อปี รวมถึงการเก็บภาษีความมั่งคั่ง จากคนรวยที่มีทรัพย์สินเกิน 300 ล้านบาท จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

‘ภูมิใจไทย’ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. กทม. 33 เขต ด้าน ‘พุทธิพงษ์’ ลั่น!! ขอทุ่มเททำงานเพื่อ ปชช.

(18 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก น.ส.สิริอร ม้ามณี
เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์
เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา นายนรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์
เขต 4 คลองเตย วัฒนา นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา
เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ
เขต 6 ดินแดง พญาไท น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์
เขต 7 บางซื่อ ดุสิต นายพชร ภูมิจิตร
เขต 8 จตุจักร หลักสี่ น.ส.ศลิษา สิงหเสนี
เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย
เขต 10 ดอนเมือง นายณัฏฐ์  มงคลนาวิน

เขต 11 สายไหม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ
เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว นายศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์
เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์
เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง นายอำพล ขำวิลัย
เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม นายอิทธิเดช สุพงษ์
เขต 16 คลองสามวา นายณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์
เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายนิกม์ แสงศิรินาวิน
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร
เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นายพงษ์เพชร เพชรสุวรรณคดี
เขต 20 ลาดกระบัง นายเอกฤทธิ เจียกขจร

เขต 21 ประเวศ สะพานสูง นางสกุลรัตน์ ทิพย์วรรรณงาม
เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายมณฑล โพธิ์คาย
เขต 23 พระโขนง บางนา น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ น.ส.เจณิสตา เตชะโสภณมณี
เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายเจริญศักดิ์ มณีรัตนสุบรรณ
เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี
เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสุทธิชัย เมฆสุวรรณ
เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง พญ.ศรันย์รัสย์ อภิวรานันทกุล
เขต 29 บางแค หนองแขม น.ส.ธัณยาการย์ เตชะพัฒน์สิริ
เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ น.ส.ศุภิกา พัฒน์ธนันภู
เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน นายพศิน ชาญศิลป์
เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.อัชญา จุลชาต
เขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร

โดย นายพุทธิพงษ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้าขอโอกาสรับใช้คน กทม. เราไม่ได้พูดเฉย ๆ และเราไม่ได้แค่พูดแล้วทำ แต่ก่อนพูดเราทำ พวกเราได้ทำไปแล้ว สิ่งที่ตนจะนำเสนอในวันนี้อาจจะต่างจากทุกพรรคการเมือง เพื่อบอกว่าทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคภูมิใจไทย

“เราปฏิเสธไม่ได้ว่า กทม.คือประเทศไทย คือที่รวมตัวของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เข้ามาพร้อมความหวัง มาเรียน มาศึกษา พรรคภูมิใจไทย จึงต้องมาขอรับใช้พี่น้องคน กทม.ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษา ได้คิดวิเคราะห์จนตกผลึกแล้วว่า ปัญหาของคน กทม.คืออะไร เรามีความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น กทม.ในวันนี้ ถ้าคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม เราจึงต้องมองว่าจะพัฒนา กทม.ไปข้างหน้าอย่างไร พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่นำเสนอนโยบายของ กทม.แบบแบ่งตามกลุ่มเขต ตามสภาวะแวดล้อมและปัญหา เป็น 4 พื้นที่” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

‘ต้นกล้า ก้าวไกล’ เผย ไม่หวั่นแบ่งเขตพิศดาร ซัด!! กกต.แบ่งเขตแบบเล่นเก้าอี้ดนตรี

(18 มี.ค. 66) นายจรยุทธ จตุพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.(ยานนาวา-บางคอแหลม) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งล่าสุดโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าการแบ่งเขตครั้งนี้ มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะสำคัญหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร แม้ว่าในเขตยานนาวา-บางคอแหลม ที่ตนลงสมัคร จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่สำหรับหลายเขต มีทั้งที่ถูกเพิ่มพื้นที่และลดพื้นที่ลงจนเกิดความสับสนทั้งในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและว่าที่ผู้สมัครเอง

นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ อาจ มองได้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง ให้ได้คะแนนเสียงได้เปรียบกว่าพรรคอื่น ๆ หรือไม่ และยังมีความน่ากังวลอีกประการหนึ่ง คือการทำหน้าที่ของ ส.ส. ในอนาคตจะยากลำบากขึ้นไปอีก จากการแบ่งเขตที่ไม่สอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ ประชากร และความเป็นจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top