Sunday, 11 May 2025
SPECIAL

8 ปี บนเวทีโลก ของ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับบทบาทผู้นำของไทย ที่กระทบไหล่ผู้นำประเทศที่สำคัญมาแล้วทั่วโลก

#จดหมายเหตุลงตู่ #8ปีที่เปลี่ยนไป #ยุบสภา

ไม่น้อยหน้าใคร!!

8 ปี บนเวทีโลก ของ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับบทบาทผู้นำของไทย ที่กระทบไหล่ผู้นำประเทศที่สำคัญมาแล้วทั่วโลก

3 กลยุทธ์หลักของ 'บิ๊กตู่' ผลักดันประเทศไทยเดินหน้า ประชาชน 'มั่งคั่ง'

#จดหมายเหตุลงตู่ #8ปีที่เปลี่ยนไป #ยุบสภา
.
3 กลยุทธ์หลักของ 'บิ๊กตู่' ผลักดันประเทศไทยเดินหน้า ประชาชน 'มั่งคั่ง'
 

ส่องความสำเร็จ Phuket Sandbox 8 เดือนโกยรายได้ 5 หมื่นล้าน

#จดหมายเหตุลุงตู่ #8ปีที่เปลี่ยนไป #ยุบสภา

ยังจำกันได้ไหม? ผลตอบรับ Phuket Sandbox 8 เดือน (ก.ค.64 - 31 มี.ค.65) สร้างรายได้กว่า 5 หมื่นล้าน พร้อมต่อยอดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ให้เป็นศูนย์กลางส่งเสริมธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เผยยอดรวมนักท่องเที่ยวนับตั้งแต่การเปิดโครงการ Phuket Sandbox เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 จนถึง 31 มี.ค.65 รวมเป็นเวลากว่า 8 เดือน ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 400,000 คน สร้างรายได้ทางตรงจากนักท่องเที่ยวกว่า 21,000 ล้านบาท มีห้องพักเปิดให้บริการกว่า 70,000 ห้อง อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 9 คืน/คน ในระยะเวลา 8 เดือน (ก.ค.64 - 31 มี.ค.65) ทำรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 5 หมื่นล้านบาท เกิดจากการจ้างงานภายในพื้นที่ ช่วยให้ประชาชนมีรายได้...

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/85854 


ที่มา : กรมประชาสัมพันธ์
 

ส่อง 8 ประเทศ มีทองคำสำรอง มากสุดในอาเซียน

#จดหมายเหตุลุงตู่ #8ปีที่เปลี่ยนไป #ยุบสภา

หากใครยังจำได้ เมื่อปีที่แล้ว (2565) ข่าวรายงานว่าไทยขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในอาเซียน โดยอ้างอิงจาก International Financial Statistics, March 2022 และหากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ตามมาอ่านกันได้เลย!!
 

สินทรัพย์ที่เป็น Safe Haven หรือหลุมหลบภัยที่นักลงทุนมักจะนึกถึงในช่วงเวลาที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจก็คือ ‘ทองคำ’ โดยวันนี้จะพาไปดูปัจจัยหลัก 4 ปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ คือ
 

เยียวยา เยียวใจ "ลุงตู่" นายก ผู้มากับสารพัด โครงการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ถ้า “ลุงตู่” จะได้ชื่อว่า เป็น “นายกรัฐมนตรีที่สร้างสรรค์ “บทเพลง” ออกมามากมายแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่าเป็น “ที่สุด” เช่นกัน นั่นคือ การเป็นนายกรัฐมนตรีที่มี “โครงการเยียวยาประชาชน” จำนวนมากมาย

คนละครึ่ง, กำลังใจ, เราไปเที่ยวด้วยกัน, ม.33 เรารักกัน, ชิมช้อปใช้, เราไม่ทิ้งกัน, เราชนะ, ช้อปดีมีคืน ฯลฯ นี่คือเหล่าบรรดาชื่อโครงการที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น แม้จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ว่ามีวัตถุประสงค์เดียวกัน นั่นคือ “ช่วยเหลือประชาชน”

ถึงจะหลีกเลี่ยงข้อวิพากษ์วิจารณ์ บ้างหาว่า “แจกเงิน” บ้างหาว่า “ประชานิยมทางอ้อม” แต่ไม่จะอย่างไร คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกโครงการล้วนส่งผลต่อการเยียวยาประชาชนอย่างแท้จริง เพราะหากลองวัด “เรตติ้ง” หรือวัดกระแสความนิยม แทบทุกครั้งที่โครงการเหล่านี้ถูกเผยแพร่พร้อมใช้ มักจะมีข่าวสารความเคลื่อนไหวออกมาสู่สังคมเสมอ

‘กรณ์’ ยัน!! ‘นโยบายเศรษฐกิจเฉดสี’ จับต้องได้จริง มั่นใจ!! ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ-สร้างรายได้ให้ ปชช.

(20 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับเชิญจาก บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) ในเครือธนาคารกรุงเทพ โดยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกเชิญไปบรรยายให้กับนักลงทุนฟัง เนื่องจากแนวนโยบายที่นำเสนอมาตลอด 2 เดือน นั้นนักลงทุนขานรับว่าจับต้องได้และเป็นไปได้จริง โดย นายกรณ์ กล่าวว่า ชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอมานั้น พรรคได้คิดมาอย่างละเอียดว่าทำได้จริง และทุกนโยบายมุ่งไปสู่เป้าหมาย 3 ข้อ คือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง 

สาเหตุที่เราคิดนโยบายออกมาในลักษณะนี้เพราะประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤตโควิด เศรษฐกิจโลกผันผวน เกิดภาวะสงคราม ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาชน หมดโอกาสทำมาหากิน มีภาระหนี้สินมาก เราจึงหาทางออก โดยการหาเงินเข้าประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเร่งทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา และสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาสเหมือนในอดีตที่เคยทำได้มาแล้ว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า นโยบาย 7 เฉดสี หรือ Spectrum Economy ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีอะไรสวนกระแส ทุกอย่างอยู่ในกระแสหลักของโลกและในประเทศ ยกตัวอย่าง เฉดสีเขียว มุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ จากการปรับโครงสร้างของภาคเศรษฐกิจ 3-4 ภาค ได้แก่ 

1.ภาคพลังงาน ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้า 80% ใช้เชื้อเพลงฟอสซิลเป็นตัวเผา ต้องมุ่งไปสู่การใช้พลังงานทดแทน ปัจจุบันเทคโนโลยีไปแล้ว แต่ต้องปรับโครงสร้าง เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน เพราะปัจจุบันยังมีการผูกขาด 
 

2.ภาคการคมนาคม ระบบขนส่ง 90% ทางถนน ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษ ก็จะมีการปรับโครงสร้างไปใช้ระบบรางหรือรถยนต์อีวี 

3. ภาคอุตสาหกรรม ที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Net Zero 

4. ภาคการเกษตร ที่ปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาต้องฟื้นฟูป่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายออกพันธบัตรป่าไม้ คืนพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ 40% ของพื้นที่ป่าทั้งประเทศหรือ 26 ล้านไร่ และดึงเกษตรกลับมาปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ แทนพืชไร่ ลดการเผาป่า และช่วยฟื้นฟูป่าทดแทน 

นายกรณ์ กล่าวว่า เฉดสีน้ำเงิน หรือการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ผู้ที่ต้องปรับตัวมากที่สุดคือระบบราชการที่ต้องไปสู่ Gov Tech ทุกอย่างทำบนมือถือได้ เฉดสีเทา ข้อมูลธนาคารโลกระบุชัดว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่มาจากธุรกิจใต้โต๊ะ เมื่อเทียบกับจีดีพี มากที่สุดในโลก แต่เราเก็บภาษีไม่ได้เลย เพราะธุรกิจสีเทาจะมีคนได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะเชื่อมโยงไปถึงการคอร์รัปชันและการซื้อสิทธิขายเสียงได้ ถึงเวลาที่เราจะนำมาไว้บนโต๊ะและหารายได้เข้าประเทศ แต่ไม่ใช่เสรี ธุรกิจสีเทาต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ยังเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว คือเศรษฐกิจสีเหลือง ที่จำเป็นต้องเพิ่ม ใน 3 ส่วนคือ เพิ่มเงิน เพิ่มวัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 2 เท่า จากเดิมก่อนโควิดเรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน และหลังโควิดเราน่าจะได้นักท่องเที่ยว 25 คน การจะเพิ่มจำนวนให้เป็น 80 ล้านนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยเทียบเคียงกับประเทศฝรั่งเศสที่มีจำนวนประชากรและพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และรายล้อมด้วยประเทศที่มีศักยภาพสูงรายล้อมทำให้ฝรั่งเศสมีจำนวนนักท่องเที่ยว 80 ล้านคนต่อปี และที่ต้องพัฒนาควบคู่ คือเศรษฐกิจสายมู ที่สามารถกระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด เราจึงมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณจังหวัดละ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวสายมู และที่เชื่อมโยงกันมาคือ เศรษกิจสีรุ้ง คือกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และประเทศไทยก็เป็นประเทศเป้าหมาย 1 ใน 6 ของโลก ที่กลุ่ม LGBTQ+ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และหากมีการเปิดโอกาสให้มีการสมรสเท่าเทียม ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้อีกมากจากคนกลุ่มนี้ที่จะแห่กันเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

รัฐบาล 'ลุงตู่' อยู่ในใจ

นับถอยหลัง รัฐบาลที่นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ถึงตรงนี้ หลายฝ่ายกะเก็งว่า “ลุงตู่” จะยุบ หรือไม่ยุบสภา ก่อนรัฐบาลหมดวาระ แต่หากก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านี้ไป ในช่วงเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้สร้างสรรค์ผลงานเอาไว้มากมาย ซึ่งถ้าจะให้นึกถึง “ภาพจำ” ที่รัฐบาลได้สร้างเอาไว้ The State Times ขอยกให้ 6 เรื่องราวเหล่านี้

เริ่มจากภาพการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ซึ่งใช้เวลากว่า 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปี 2566 ระหว่างทางต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามากมาย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า โรคระบาดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกของโลก ไม่มีใครรู้ดีกว่าใคร และที่สำคัญ ไม่มีใครที่มีวัคซีน แต่ผลสุดท้าย รัฐบาล โดยการนำของลุงตู่ ก็สามารถฝ่าทุกกระแสดราม่า ทำให้ประชาชนคนไทย ก้าวข้ามจากโควิด-19 และได้ฉีดวัคซีนกันถ้วนหน้า

เชื่อมโยงจากเรื่องโควิด-19 มาถึงการได้เปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายๆ ประเทศที่มีวิทยาการก้าวล้ำกว่าประเทศไทย ยังเปิดบ้านเปิดเมือง “ช้ากว่า” เราอยู่ไม่น้อย ถึงวันนี้ นักท่องเที่ยวเดินแบกเป้กันเต็มเมือง ส่วนหนึ่งเพราะการวางมาตรการการดูแลป้องกันที่เข้มงวด จึงสามารถเปิดประตูประเทศได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าประทับใจ

พูดถึงความสัมพันธ์ต่างประเทศ รัฐบาล โดยการนำของลุงตู่ ถือว่ามีภาพจำที่ดีไม่น้อย โดยเฉพาะกับงานใหญ่อย่าง “การประชุมเอเปค” เมื่อปลายปี 2565 ซึ่งการจัดงานผ่านพ้นไปด้วยดี และที่ดีมากกว่านั้น คือภาพความสัมพันธ์ของลุงตู่กับผู้นำหลายต่อหลายชาติ แม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายไม่กี่ช็อต ที่ถูกนำเสนอตามหน้าสื่อ แต่สำหรับในเวทีโลกแล้ว นี่คือ “พลัง” ของความเป็นประเทศไทย ที่จะถูกฉายและขับเคลื่อนต่อไปในเวทีระดับนานาชาติ

4 ปีของรัฐบาลลุงตู่ ไม่ได้มีแต่เรื่องบวกๆ หลายๆ เรื่องที่ต้องเรียกว่าเป็นปัญหา จนนำมาซึ่งอีกภาพจำหนึ่ง นั่นคือ การเยียวยาดูแลประชาชน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงเวลา 4 ปีนี้ มีโครงการ “เยียวยาประชาชน” เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าใครจะมองว่าเป็นการ “แจกเงิน” หรือ “ประชานิยมทางอ้อม” แต่สุดท้ายแล้ว “ผลประโยชน์” ตกไปสู่มือคนไทยทุกระดับอย่างแท้จริง

พปชร. ยัน เปิดตัว ส.ส.ครบ 400 เขต 30 มี.ค.นี้ ชี้!! ‘บิ๊กป้อม’ ยังฟิต!! สุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย

‘ศ.ดร.นฤมล’ นำทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เปิดศูนย์ประสานงาน เขตบางซื่อ ดุสิต หวังเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยง ปชช.ยัน ‘พล.อ.ประวิตร’ สุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย เผย 30 มี.ค.นี้ เตรียมเปิดตัว ส.ส.ครบ 400 เขต

(20 มี.ค.66) ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชารัฐ เขตบางซื่อ ดุสิต นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ว่าที่ผู้สมัศรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. เขตบางซื่อ - ดุสิต และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.อีกหลายเขต อาทิ เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์, เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน, เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน, เขต 32 บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-ภาษีเจริญ-ตลิ่งชัน-ธนบุรี, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์

ศ.ดร.นฤมลฯ กล่าวว่า วันนี้เรามาพร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร กทม.หลายท่าน เพื่อมาร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคพรรคประชารัฐ เขตบางซื่อ ดุสิต รวมถึงตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 บริเวณถนนวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ และจัดตั้ง War room ตรวจสอบสถานการณ์คุณภาพอากาศ โดยใช้ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เป็นตัวชี้วัดบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านเว็บไซต์ www.air4thai.pad.go.th ของกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อดูปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องของปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะยาว

"พรรคพลังประชารัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้บรรจุยุทธวิธีแก้ไขปัญหานี้ในนโยบายของพรรคแล้ว โดยเราพร้อมทำทันที เพื่อนำอากาศบริสุทธิ์กลับคืนมาให้กับประชาชน ในส่วนศูนย์ประสานงานแห่งนี้เราต้องการให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และประชาชนสามารถมีส่วนร่วมกับเรา ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับรู้ปัญหาต่างๆนาๆของประชาชนได้เช่นปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคมสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้จะนำไปแก้ไขให้เร่งด่วนและทันต่อเหตุการณ์"

ด้าน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าโชคดีที่สภาอากาศที่เขตบางซื่ออยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 เท่าที่วัดในตอนนี้ไม่เกินมาตรฐาน แต่ในอีกหลายเขตก็ยังเป็นปัญหาด้านสุขภาพต่อเด็กและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตนมองว่า ถ้าในพื้นที่ กทม.การเพิ่มต้นไม้เพื่อสร้างอากาศที่ดี และเป็นเครื่องกรองอีกชั้นหนึ่ง และอาจจะต้องพิจารณาไปยังปักกิ่งโมเดล ที่มีการติดเครื่องฟอกอากาศยักษ์ในพื้นที่ เพราะกรุงปักกิ่งเผชิญกับปัญหาหมอกควันอย่างรุนแรง ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง กรุงปักกิ่งจึงได้ตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดยักษ์ภายในพื้นที่ เพื่อขจัดมลพิษทางอากาศ เนื่องด้วยตนเป็นนักสิ่งแวดล้อม จึงต้องการให้ศูนย์ประสานงานแห่งนี้ทำหน้าที่เฝ้าระวังปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วย เพราะปัจจุบันถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนัก

‘ชวน’ เผย!! ขอใช้ประสบการณ์ทางการเมือง 16 สมัย ช่วย ‘ประชาธิปัตย์’ หาเสียง หลังยุบสภา

(20 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบจริยธรรม ส.ส. ที่พบว่ามีเรื่องค้างและทำไม่แล้วเสร็จจำนวนมาก ทำให้ถูกมองว่าเป็นการช่วยเหลือกันเองหรือไม่ว่า กรรมการจริยธรรมชุดนี้ถือว่าดีที่สุด แม้ตนจะเคยเป็นกรรมการจริยธรรมชุดอื่นแต่ทำงานไม่เท่าคณะกรรมการจริยธรรมชุดนี้ ไม่มีอนุกรรมการที่ช่วยเหลือใคร ตนเป็นผู้ตั้งประธานคณะอนุกรรมการซึ่งเป็นถึงรองอัยการ ถือว่ามีความสุจริต และที่ผ่านมาการนำเสนอของคณะอนุกรรมการไม่มีกรรมการชุดใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยตามนั้น ทั้งไม่เคยมีการช่วยเหลือ

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าการทำงานล่าช้า เพราะมีคนที่ถูกกล่าวหา ขอขยายเวลาซึ่งตามระเบียบสามารถทำได้ จึงทำให้บางเรื่องขยายเป็นปี สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการประชุมคณะกรรมการจริยธรรมเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งตนได้ทำหนังสือขอบคุณทุกคนแล้ว

นายชวนกล่าวด้วยว่า สำหรับการเมืองหลังการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่คาดหมายยาก แต่ถ้าดูตามโพล ก็ไม่รู้ใครจะแลนด์สไลด์บ้าง แต่ดูแล้วพรรคการเมืองคงลดลง เชื่อว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง พรรคร่วมรัฐบาลคงมีไม่ถึง 19 พรรค และพรรคที่อยู่ในสภาคงไม่ถึง 26 พรรค

อย่างไรก็ตาม หากยุบสภาจะมีเวลาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันเลือกตั้ง ภายใน 5 วัน โดยโอกาสและความเป็นไปได้จะอยู่ในวันที่ 7 พฤษภาคม หรือ 14 พฤษภาคม

“โฉมหน้ารัฐบาลไม่อาจรู้ได้ว่าใครอยู่กับใคร สื่อมวลชนอาจจะรู้ดีกว่าผม ว่าไปจับมือกับใครไว้ล่วงหน้า แม้จะมีคนออกมาปฏิเสธก็ตาม ผมไม่ขอวิจารณ์ แต่ผมขอให้การทำงานมีความต่อเนื่อง เพราะระบอบประชาธิปไตยการทำงานที่ต่อเนื่องนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลบางชุดไม่ต่อเนื่องเรื่องนโยบาย เพราะถือว่าไม่ใช่ของเขา เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ผมคิดว่าความต่อเนื่องจะทำให้กฎหมายที่มีปัญหาและเป็นประโยชน์ จะไม่ค้างพิจารณาและดำเนินการต่อไปได้ ในสภาชุดต่อไป ผมเชื่อว่าร่างกฎหมายที่ค้างคงทำต่อในสภาชุดต่อไป” นายชวนกล่าว

เมื่อถามว่า ส.ส.รุ่นใหม่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของประธานสภาค่อนข้างรุนแรงรู้สึกอย่างไรบ้าง นายชวนกล่าวว่า หน้าที่เราคือฟังและอธิบายไป โดยทั่วไปร้อยละ 99.99 ก็เข้าใจ

ต่อคำถามว่า มองว่าประชาชนตื่นตัวในการเลือกตั้งมากน้อยเพียงใด นายชวนกล่าวว่า การที่ไม่มีสภามา 5 ปีอาจทำให้ความทรงจำในอดีตหายไป บางคนลืมว่าอะไรดี อะไรชั่ว คนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาเขาก็ไม่รู้หลายเรื่อง ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง ดังนั้นจึงต้องให้ข้อมูลเขา ขณะเดียวกัน ส.ส.รุ่นใหม่ก็ไม่ทราบ ซึ่งตนเป็นรุ่นเก่าจึงพอรู้ เพราะเห็นด้วยตาตนเอง

ดังนั้นในการหาเสียงครั้งนี้ น่าจะมีส่วนให้ข้อมูลกับประชาชนมากพอสมควรว่าก่อนหน้าที่จะมาถึงวันนี้บ้านเมืองเป็นอย่างไร การเป็นผู้แทนฯมา 16 สมัย 54 ปี เห็นตั้งแต่สภามี 219 จนปัจจุบันมี 500 คน วันนี้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งที่ดีมีจำนวนมากแต่สิ่งที่ร้ายก็ตามมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นการได้ถ่ายทอดข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจ จะทำให้ประชาชนเข้าใจวิถีทางประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ก็ต้องให้เกียรติพวกเขาในการตัดสินใจอย่างไรต้องเคารพแต่อยากให้การใช้ดุลพินิจมาจากพื้นฐานความรู้ที่มีความเข้าใจ

ยุบสภา 8 ปี 9 เดือน 26 วัน

วันที่ 20 มีนาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ตามคำแนะนำของคณะรัฐบาล ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 และบัดนี้ได้ปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีที่สี่ อันเป็นปีสุดท้ายของอายุสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สมควรยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมือง ให้แก่ประชาชนโดยเร็วเพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 103 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

จับตา!! ความร้อนแรง ‘พรรคเพื่อไทย’ ใต้จังหวะระเบิดสังหาร ‘เศรษฐา’ เริ่มก่อตัว

จากผล นิด้าโพล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค.2566 ถ้าพูดจาภาษานักเลงม้า ก็ต้องบอกว่า พรรคเพื่อไทยเข้าป้ายทั้งวินทั้งเพลส...

‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯที่ 38.20% ส.ส.เขต มาอันดับ1 ที่ 49.75 ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็มาอันดับ1 ที่ 49.85%

ทิ้งห่างอันดับ 2 (พิธา -ก้าวไกล) และอันดับ 3 (บิ๊กตู่ - รวมไทยสร้างชาติ) มากกว่าเท่าตัว…

โอ้!มายก๊อด...!! โพลออกมาแบบนี้ ดีไม่ดี ผอ.นิด้าโพล ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ อาจจะถูกนินทาว่ามีนอกมีในกันกับใครในเพื่อไทยหรือเปล่า?

แต่เท่าที่อยู่ในวงการสื่อมานานพอประมาณ...เชื่อว่าคนอย่าง ดร.สุวิชา ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน..!!

อย่างไรซะ ทั้งหลายทั้งปวงก็อย่าเพิ่งไปปักใจกับโพลทั้งหมด....อันว่าม้าแข่งนั้นวิ่งกันประมาณ1,200 เมตร  บางตัว ตอนออกตัวนำมาครึ่งค่อนข้างทาง แต่สุดท้ายก็แผ่วเอาดื้อๆ โดนเพื่อนแซงกลายเป็นม้าตีนต้น...ศึกเลือกตั้งก็เช่นเดียวกันยุบสภา แล้วต้องสัประยุทธ์กันอีกเกือบ 2 เดือน จึงจะหย่อนบัตร

แต่ก็นั่นแหละยังไงๆ ไม่ต้อง นิด้าโพล หรอก..เลือกตั้งหนนี้ ม้าที่ชื่อ เพื่อไทย ก็เข้าทั้งวินทั้งเพลส เป็นแชมป์เลือกตั้งวันยังค่ำ...แบบไม่มีใครมาเบียดได้…

แล้วก็ต้องยอมรับว่าการไปบุกแนวรบด้านตะวันออกชลบุรีและระยอง เมื่อวันที่ 18 -19 มี.ค.ทำให้กองเชียร์และนักรบฮึกเหิมขึ้นมาก…

ทว่า น่าเสียดายที่ ‘แม่ทัพ’ อย่าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร  ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯหมายเลข 1 ท้องแก่ อีก3วันก็ครบ8เดือนแล้ว คงเดินทางหาเสียงไม่สะดวก จะใช้โทรศัพท์-วิดีโอคอลล์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ล้ำยุคแค่ไหนก็ไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่ามาเจอตัวเป็นๆ...

ครั้นจะพึ่งพาแคนดิเดตนายกฯ หมายเลข 2 อย่าง เศรษฐา ทวีสิน  ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้ว4-5 เวทีปราศรัย แม้กรรมการจะยกธงให้ ‘ผ่าน’ ก็จริง แต่มีการกระซิบกันหนาหูว่า อีกไม่นานนับจากนี้ข้อมูลประเภทระเบิดสังหารเศรษฐา จะทะลักไหลออกมา จนอาจทำให้คนสูง192ซม.ทรุดฮวบ…

...เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับผู้หญิง...เงื่อนปมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์…ฯลฯ

ว่ากันว่าที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แพลมๆ เรื่อง ‘ขงเบ้ง’ หรือ เสี่ยเบ้ง นั้นเป็นแค่น้ำจิ้ม…     

‘เพชรรัตน์ ก้าวไกล’ รุดช่วยชาวเชียงใหม่ประสบภัยพายุลูกเห็บ ย้ำ!! บทบาทท้องถิ่นสำคัญ สามารถช่วยปชช. ได้ทันท่วงที

‘พลอย เพชรรัตน์’ ก้าวไกลเชียงใหม่ เขต 1 เร่งประสานช่วยเหลือประชาชน หลังพายุลูกเห็บถล่ม พบ ต.ฟ้าฮ่าม เสียหายกว่า 6,000 หลังคาเรือน ชี้โดมความร้อนเป็นเหตุ ในอนาคตมีโอกาสเกิดซ้ำ ระยะยาวต้องสร้างระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า ย้ำนโยบาย ‘ก้าวไกล’ หนุนกระจายอำนาจ เพิ่มงบท้องถิ่นรับมือสถานการณ์

(20 มี.ค.66) เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีเกิดวาตภัยสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ ว่าจากการลงพื้นที่ร่วมกับเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) พบว่าความเสียหายเกิดขึ้นใน 2 ส่วนหลัก คือบ้านเรือนของประชาชน และเสาไฟฟ้าหักโค่น โดย ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เกิดความเสียหายมากที่สุด หมู่บ้านที่ประสบปัญหาหนัก ประกอบด้วยหมู่ 1,2,3, และ 5 บ้านเรือนเสียหายจนแทบอาศัยอยู่ในบ้านไม่ได้ และทั้งหมด 7 หมู่บ้านใน ต.ฟ้าฮ่าม เกิดความเสียหายกว่า 6,000 หลังคาเรือน

เพชรรัตน์ กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานในท้องถิ่นว่า ตอนนี้ทางเทศบาลตำบลฟ้าฮ่ามได้ตั้งศูนย์ประสานงานชั่วคราว ยังคงรับบริจาคกระเบื้องมุงหลังคาเพื่อมอบให้พี่น้องในชุมชน รวมถึงน้ำดื่มสะอาด อาหารพร้อมทาน และเครื่องปั่นไฟชั่วคราวตามหมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเฉพาะ ขณะที่พรรคก้าวไกลได้เร่งประสานงานระหว่างบุคคลทั่วไปที่ต้องการช่วยเหลือคนในพื้นที่ ระดมอาหาร เครื่องปั่นไฟ จัดส่งให้เทศบาลฯ

‘ปคบ.-สบส.’ รวบ ‘2 หมอเถื่อน’ ลอบเปิดคลินิกรักษาโรค ย่าน กทม.-ปทุม ไม่มีใบอนุญาต อ้าง!! ทำด้วยใจรัก

(20 มี.ค. 66) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมคลินิกลักลอบเปิดบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และรักษาโดยแพทย์ซึ่งไม่มีใบประกอบวิชาชีพ จุดแรก เป็นคลินิกเวชกรรม ตั้งอยู่บริเวณถนนราษฎร์พัฒนา เคหะร่มเกล้า 31 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. เมื่อเจ้าหน้าที่ เข้าไปถึงพบคลินิกดังกล่าวกำลังเปิดให้บริการประชาชน โดยมีนายรัฐภูมิ อายุ 51 ปี แสดงตัวเป็นแพทย์ตรวจรักษา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล เช่นเดียวกับตัวนายรัฐภูมิ ที่แสดงตัวเป็นแพทย์ ก็ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม

'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' นายกฯ หญิงคนเดียวของประเทศ กับวิบากกรรม 'จำนำข้าว'

ย้อนเวลาไป 12 ปีก่อน การเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนมากกว่า 15 ล้านเสียง ได้ส.ส. 265 จาก 500 คน เกินครึ่งของที่นั่งในสภา แต่ที่สำคัญกว่าการชนะเลือกตั้ง คือการผลักดัน 'นายกรัฐมนตรีหญิง' คนแรกของไทยก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง เธอคือ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' โดยเป็นการพิสูจน์และเปิดประตูความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่น่าเสียดายที่บทส่งท้าย ของประวัติศาสตร์หน้าสำคัญนี้ กลับกลายเป็นความผิดพลาด เกิดวิบากกรรมทางการเมืองที่ทำให้เจ้าตัวยังไม่กลับประเทศไทยจนถึงวันนี้ 

กล่าวถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอเป็นบุตรสาวของนายเลิศ ชินวัตร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ โดยในบรรดาลูกๆ ทั้ง 10 คนของนายเลิศ หลายคนเดินตามรอยของบิดาในการก้าวเข้าสู่สนามการเมือง ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกฯ ทักษิณ นางเยาวลักษณ์ นางเยาวเรศ นางเยาวภา และนายพายัพ ชินวัตร ส่วนลูกสาวคนสุดท้อง 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' เดิมไม่สนใจการเมืองแต่มุ่งหน้าเติบโตในสายธุรกิจ 

จนเมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ในราวปลายปี 2551 เข้าสู่ยุคของพรรคเพื่อไทย 'ยิ่งลักษณ์' เป็นทางเลือกแรกของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่จะให้เป็นหัวหน้าพรรคแต่ยังถูกปฏิเสธ ด้วยไม่อยากเข้าสู่การเมืองและสนใจทำธุรกิจเท่านั้น ต่อมาปี 2554 ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมือง หลังได้รับการร้องขอให้ลงสมัครรับเลือกตั้งแทน 'ดร.ทักษิณ' พี่ชาย โดยนำทัพพรรคเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้ง ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และใช้เวลาเพียง 49 วัน พาเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง กรุยทางสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ในวัยเพียง 44 ปี 

นอกจากกระแสความนิยมในตัว 'ดร.ทักษิณ' ที่นำพา 'ยิ่งลักษณ์' ก้าวขึ้นสู่อำนาจแล้ว หากลองดูนโยบายของพรรคเพื่อไทยในช่วงปีนั้นก็ถือว่า หลายนโยบายที่ใช้หาเสียงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางเศรษฐกิจที่เรียกคะแนนนิยมจากการเลือกตั้งด้วย ทั้งนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท , จบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท , โครงการรถยนต์คันแรก , ลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก , แจกแท็บเลตให้เด็กนักเรียนให้เข้าถึงคอมพิวเตอร์และการเรียนออนไลน์ รวมถึงนโยบายที่ให้ทั้งคุณและโทษกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั่นคือ 'โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด' 

‘สาวใหญ่’ หลงคารมหนุ่มสายบุญ ให้ยืมเงิน-ซื้อรถป้ายแดง สุดท้ายโดนชิ่ง เจอหมายศาลยึดทรัพย์ ส่งถึงหน้าบ้าน

กำลังถูกยึดทรัพย์ หลงคารมหนุ่มสายบุญ เจอหมายศาลถึงบ้าน โทรไปถามแถไม่หยุด

(19 มี.ค.66) นางเอ (นามสมมติ) อายุ 57 ปี พนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐาน และหมายศาลที่ถูกฟ้องยึดทรัพย์ มาร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว หลังถูก นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พ่อค้าขายเครื่องราง หลอกยืมเงิน 2 แสนบาท และยังหลอกให้เช่าซื้อรถป้ายแดงให้ สุดท้ายกำลังจะถูกยึดทรัพย์

นางเอ เล่าว่า ตนรู้จักกับ นายเอ็ม เพราะชอบเข้าวัดทำบุญเหมือนกัน ก่อนนับถือเป็นพี่น้อง จากนั้นเมื่อปี 64 นายเอ็ม มาขอยืมเงินตน 200,000 บาท และต้นปี 2565 ก็หลอกให้ใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ป้ายแดงให้ โดยอ้างว่าชื่อตัวเองติดแบล็กลิส เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพิษโควิดทำให้ขายของไม่ได้ จนถูกยึดรถยนต์ที่มีอยู่ ทั้งประสบปัญหาขาดทุนขายของไม่ได้ครอบครัวเดือดร้อนไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกน้อยกิน

ด้วยความสงสารจึงยอมให้ยืมเงินและใช้ชื่อเช่าซื้อรถให้ ทั้งเห็นว่าเป็นคนชอบทำบุญจึงเชื่อใจ ประกอบกับ นายเอ็ม รับปากว่าจะรีบหาเงินมาคืนและผ่อนจ่ายค่างวดโดยไม่ให้มีปัญหาแน่นอน แต่เมื่อเดือน พ.ย.65 ก็ได้รับหมายศาลจังหวัดนางรอง เนื่องจากถูกธนาคาร และบริษัทที่ตนใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ยื่นฟ้องเรียกรถยนต์คืน หากไม่มีรถคืนก็ให้จ่ายเป็นเงินแทน เนื่องจาก นายเอ็ม ที่หลอกให้ตนใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ราคาเกือบล้านบาท ไม่ยอมชำระค่างวด หากตนไม่มีรถไปคืนบริษัทหรือหาเงินไปชำระตามหมายศาล ก็จะถูกยึดทรัพย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top