‘กรณ์’ ยัน!! ‘นโยบายเศรษฐกิจเฉดสี’ จับต้องได้จริง มั่นใจ!! ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ-สร้างรายได้ให้ ปชช.

(20 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับเชิญจาก บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) ในเครือธนาคารกรุงเทพ โดยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกเชิญไปบรรยายให้กับนักลงทุนฟัง เนื่องจากแนวนโยบายที่นำเสนอมาตลอด 2 เดือน นั้นนักลงทุนขานรับว่าจับต้องได้และเป็นไปได้จริง โดย นายกรณ์ กล่าวว่า ชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอมานั้น พรรคได้คิดมาอย่างละเอียดว่าทำได้จริง และทุกนโยบายมุ่งไปสู่เป้าหมาย 3 ข้อ คือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง 

สาเหตุที่เราคิดนโยบายออกมาในลักษณะนี้เพราะประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤตโควิด เศรษฐกิจโลกผันผวน เกิดภาวะสงคราม ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาชน หมดโอกาสทำมาหากิน มีภาระหนี้สินมาก เราจึงหาทางออก โดยการหาเงินเข้าประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเร่งทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา และสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาสเหมือนในอดีตที่เคยทำได้มาแล้ว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า นโยบาย 7 เฉดสี หรือ Spectrum Economy ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีอะไรสวนกระแส ทุกอย่างอยู่ในกระแสหลักของโลกและในประเทศ ยกตัวอย่าง เฉดสีเขียว มุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ จากการปรับโครงสร้างของภาคเศรษฐกิจ 3-4 ภาค ได้แก่ 

1.ภาคพลังงาน ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้า 80% ใช้เชื้อเพลงฟอสซิลเป็นตัวเผา ต้องมุ่งไปสู่การใช้พลังงานทดแทน ปัจจุบันเทคโนโลยีไปแล้ว แต่ต้องปรับโครงสร้าง เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน เพราะปัจจุบันยังมีการผูกขาด 
 

2.ภาคการคมนาคม ระบบขนส่ง 90% ทางถนน ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษ ก็จะมีการปรับโครงสร้างไปใช้ระบบรางหรือรถยนต์อีวี 

3. ภาคอุตสาหกรรม ที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Net Zero 

4. ภาคการเกษตร ที่ปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาต้องฟื้นฟูป่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายออกพันธบัตรป่าไม้ คืนพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ 40% ของพื้นที่ป่าทั้งประเทศหรือ 26 ล้านไร่ และดึงเกษตรกลับมาปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ แทนพืชไร่ ลดการเผาป่า และช่วยฟื้นฟูป่าทดแทน 

นายกรณ์ กล่าวว่า เฉดสีน้ำเงิน หรือการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ผู้ที่ต้องปรับตัวมากที่สุดคือระบบราชการที่ต้องไปสู่ Gov Tech ทุกอย่างทำบนมือถือได้ เฉดสีเทา ข้อมูลธนาคารโลกระบุชัดว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่มาจากธุรกิจใต้โต๊ะ เมื่อเทียบกับจีดีพี มากที่สุดในโลก แต่เราเก็บภาษีไม่ได้เลย เพราะธุรกิจสีเทาจะมีคนได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะเชื่อมโยงไปถึงการคอร์รัปชันและการซื้อสิทธิขายเสียงได้ ถึงเวลาที่เราจะนำมาไว้บนโต๊ะและหารายได้เข้าประเทศ แต่ไม่ใช่เสรี ธุรกิจสีเทาต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ยังเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว คือเศรษฐกิจสีเหลือง ที่จำเป็นต้องเพิ่ม ใน 3 ส่วนคือ เพิ่มเงิน เพิ่มวัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 2 เท่า จากเดิมก่อนโควิดเรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน และหลังโควิดเราน่าจะได้นักท่องเที่ยว 25 คน การจะเพิ่มจำนวนให้เป็น 80 ล้านนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยเทียบเคียงกับประเทศฝรั่งเศสที่มีจำนวนประชากรและพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และรายล้อมด้วยประเทศที่มีศักยภาพสูงรายล้อมทำให้ฝรั่งเศสมีจำนวนนักท่องเที่ยว 80 ล้านคนต่อปี และที่ต้องพัฒนาควบคู่ คือเศรษฐกิจสายมู ที่สามารถกระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด เราจึงมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณจังหวัดละ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวสายมู และที่เชื่อมโยงกันมาคือ เศรษกิจสีรุ้ง คือกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และประเทศไทยก็เป็นประเทศเป้าหมาย 1 ใน 6 ของโลก ที่กลุ่ม LGBTQ+ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และหากมีการเปิดโอกาสให้มีการสมรสเท่าเทียม ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้อีกมากจากคนกลุ่มนี้ที่จะแห่กันเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

นอกจากนโยบายเฉดสีแล้ว นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคยังมีนโยบายที่ได้รับการพูดถึงในขณะนี้คือ การยกเลิกแบล็กลิสต์ ช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนให้ลืมตาอ้าปากได้ นโยบายลดภาษีบุคคล เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ทันที 4 ล้านคน โดย 2 ล้านคนที่รายได้เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี ส่วนที่รายได้สูงกว่านั้นก็ได้รับการยกเว้นภาษีในเงิน 40,000 บาทแรกด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งสองนโยบาย เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และ 2 พรรคใหญ่ก็เคยเสนอแล้วเมื่อการเลือกตั้งคราวที่แล้ว และเมื่อมาเป็นรัฐบาลกลับไม่ทำ 

นายกรณ์ ยังย้ำด้วยว่า พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้มีจุดยืนแบ่งข้างเลือกขั้ว ไม่ทะเลาะกับใคร และไม่ติดกับกับดักเดิม ๆ เพราะรู้ดีว่า โดยธรรมชาติของการเมืองสามารถย้ายค่ายสลับขั้วเปลี่ยนไปมาตลอดเวลาแบบไม่คิดอะไรมาก และมักจะมีเหตุผลให้ตัวเองได้เสมอ บางพรรคที่เหมือนยึดมั่นอุดมการณ์ ความจริงก็เป็นเพียงแผนยุทธศาสตร์ทางการตลาดเพื่อรักษาฐานคะแนนของเขาเท่านั้น ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นการสู้เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการหารายได้เข้าประเทศ ที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นทำแบบนั้นมาตลอด 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวฝากถึงคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในอนาคตว่า หากเรามองย้อนหลังในประวัติศาสตร์ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เรามาอยู่จุดนี้ได้ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าหลายประเทศได้ เพราะการตัดสินใจไม่กี่ครั้ง ซึ่งสำคัญกว่า นโยบายการลดแลกแจกแถม มันอยู่ที่การตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ประเทศ ว่าจะเดินไปทางไหน อนาคตและโอกาสของคนรุ่นใหม่ มีมากน้อยแค่ไหน ตนโชคดี ที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานยุค 80 มีโอกาสเรียนต่างประเทศ และกลับมาทำงานที่ประเทศไทย เพราะยุคนั้นมีโอกาสดีที่สุด นักลงทุนทั่วโลกแย่งกันมาลงทุนในบ้านเรา แต่วันนี้ เราจะเปลี่ยนกลับไปเป็นประเทศแห่งโอกาสได้อย่างไร ฝากน้อง ๆ ให้ใช้สิทธิและโอกาสให้ดี เลือกคนที่เข้าใจบริบทการเปลี่ยนแปลง เสนอแนวคิดที่จับต้องได้และเป็นจริง