Wednesday, 14 May 2025
SPECIAL

‘เศรษฐา’ โชว์วิสัยทัศน์ ขับเคลื่อน ‘เศรษฐกิจ-เกษตร’ ไทย ชี้!! ต้องยกระดับ ก.ต่างประเทศ เน้นค้าขายกับต่างชาติ

(30 มี.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’ โดยระบุว่า 

ทาง Maybank Kim Eng ได้ให้เกียรติและเปิดโอกาสให้ผมและทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนักลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจในนโยบายเศรฐกิจของพรรคครับ

ผมได้พูดถึงนโยบายภาคการเกษตรที่พรรคให้ความสำคัญมาตลอด เพราะหากการเกษตรดีก็จะสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแรง และส่งผลต่อ GDP ของประเทศอย่างมหาศาล

เรื่องการต่างประเทศที่ผมเน้นย้ำอยู่บ่อยครั้ง ที่เราต้องยกระดับกระทรวงการต่างประเทศ และออกไปเจรจาค้าขายกับทั่วโลก เราต้องกล้าที่จะต่อรอง เพราะเรามีศักยภาพ มีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ครบทุกด้าน 

ปัจจัยที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือการสร้างสังคมที่แข็งแรง มีสิทธิ มีความเท่าเทียม และมีสวัสดิการที่ดี เราต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เราต้องเร่งพัฒนาสังคมพื้นฐาน เพื่อให้ผู้คนสบายใจที่จะอาศัยอยู่ในประเทศ ไม่ย้ายออกไปไหน และอยากมีลูก เพราะเห็นความหวังในการอยู่ในสังคม

ผมมองว่าทุกเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่เราต้องแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน สิ่งใดที่ทำได้ก่อน เราต้องทำ เพื่อพี่น้องประชาชน และด้วยศักยภาพของพรรคเพื่อไทย ผมเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำได้ เพราะมีผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่พร้อมจะแก้ไขปัญหา พัฒนาประเทศ สร้างความอยู่ดี กินดีให้กับพี่น้องประชาชนชนได้อย่างรวดเร็วที่สุดครับ

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid07jLHNKKeRmu3U6Q7whTBgA7Ji4fCC2q9xdfgCtcekaHDL5MprTSZ823NKrNjSLw8l&id=100090705406699&mibextid=Nif5oz

‘ตร.’ รวบ ‘โจรแสบ’ ขณะกำลังปีนบันไดลักลอบตัดสายเคเบิล หลักฐานเต็มท้ายรถ พบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2566  พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน นำกำลังจับกุม นายชวลิต จิตพินิจ อายุ 37 ปี และนายโยธิน ต่างศรี อายุ 24 ปี พร้อมของกลางสายเคเบิลขนาด 200 คู่ 0.4 AP จำนวน 2 เส้น ยาว 7 เมตร และ 18 เมตร, สายเคเบิลขนาด 300 คู่ 0.4 AP จำนวน 4 เส้น ยาว 12 เมตร, 14 เมตร, 22 เมตร และ 24 เมตร, สายเคเบิลขนาด 400 คู่ 0.4 AP จำนวน 1 เส้น ยาว 17 เมตร พร้อมรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บพ 991 สระแก้ว, คีมตัดสายไฟ และบันไดไม้ไผ่ 2 อัน

สืบเนื่องจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้รับแจ้งว่า สัญญาณอินเทอร์เน็ต บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ ไม่มีสัญญาณความเสถียร ใช้งานไม่ได้บ่อยครั้ง คาดว่าสาเหตุมาจากคนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิลออกไป กระทั่งได้เบาะแสว่า มีบุคคลต้องสงสัย 2 คน แอบลักลอบตัดสายเคเบิล ภายในรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริเวณตรงข้ามธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน

จากนั้นนายไพบูลย์ แสนสอาด ผู้จัดการศูนย์ติดตั้งและตรวจแก้ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ พร้อมตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน เดินทางไปตรวจสอบ พบนายโยธินกำลังปีนบันไดและตัดสายเคเบิลอยู่ ใกล้กันพบนายชวลิตนั่งอยู่ในรถกระบะ ตรวจสอบท้ายรถกระบะพบสายเคเบิลขนาดใหญ่หลายเส้นม้วนวางอยู่

'ชพก.' เตรียมเผยโฉม 33 ขุนพลสู้ศึก กทม. 31 มี.ค.นี้ ชูสโลแกน “กล้า FIGHT : ชาติพัฒนากล้า เราสู้เพื่อคุณ”

(30 มี.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และ นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเตรียมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ครบทั้ง 33 เขต ในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 14.15 น. ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ 

โดยว่าที่ผู้สมัครทุกคนเป็นนักสู้ที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงประเทศไทย รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้คนไทยมีโอกาสลืมตาอ้าปาก หลุดพ้นจากความยากจนได้ ภายใต้สโลแกน  “กล้า FIGHT : ชาติพัฒนากล้า เราสู้เพื่อคุณ” เพื่อนำพาประชาชนคนไทยสู่เป้าหมาย งานดี มีเงิน และของไม่แพง 

ทั้งนี้ภายในงานจะใช้ธีมเวทีมวยในการเปิดตัว มีการแบ่งผู้สมัครเป็น 7 กลุ่มที่พร้อมมา ทุบ ฟัน ฟาด ต่อย ลุยกับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน 

"ผู้สมัครกทม.ของเรา หลากหลาย มีทั้งผู้บริหารธุรกิจมืออาชีพ ประสบการณ์แน่น มีทั้งสตาร์ตอัปไฟแรง มีแนวลงพื้นที่คลุกชาวบ้านเข้มข้น ขอให้จับตาดูผู้สมัครของเรา ที่พร้อมชนทุกปัญหาเศรษฐกิจ ไม่กลัวพรรคไหนในเวทีเลือกตั้งครั้งนี้แน่นอน" หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

‘อนุทิน’ เปิด 5 อันดับแรกปาร์ตี้ลิสต์ภูมิใจไทย 'น้องเพลง' นั่งเบอร์ 5 ในฐานะลูกสาว

(30 มี.ค.66) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยถึงลำดับผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 5 ลำดับแรกของพรรค คือ 1.นายอนุทิน 2.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค 3.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค 4.กลุ่มของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ซึ่งยังไม่ระบุตัวบุคคล และ 5.น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม หรือน้องเพลง ซึ่งนายอนุทิน ระบุว่า ต้องอยู่ในลำดับที่ 5 เพราะเป็นลูกสาว


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3900515

พิษยุบพรรค

นับจากวันนี้ ถนนทุกสายกำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ 14 พฤษภาคม 2566 หลายพรรคการเมืองเริ่มทยอยเปิดตัวผู้สมัคร  ชูนโยบายหาเสียง และเริ่มลงพื้นที่ปราศัยกันมากขึ้น แต่หนึ่งสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องระแวดระวัง คือการดำเนินการใดๆ ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย จนอาจนำไปสู่โทษสูงสุด คือการถูก "ยุบพรรค" ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ ที่ชวนให้ย้อนกลับไปดูเพื่อทวนความจำและนำเป็นบทเรีบนให้กับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

จุดเปลี่ยนสำคัญของการปฏิรูปการเมืองร่วมสมัย คือการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่มีการออกแบบให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง พร้อมกับเกิดองค์กรอิสระต่างๆ  รวมถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. และ ศาลรัฐธรรมนูญ  และเมื่อมีบทบัญญัติที่ให้เสรีภาพบุคคลในการรวมตัวจัดตั้งพรรคการเมืองได้แล้ว อีกด้านก็มีกลไกที่นำไปสู่การ "ยุบพรรค" ได้ หากพรรคการเมืองมีการดำเนินการที่ขัดต่อหลักการตามที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องบัญญัติไว้  ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกรณียุบพรรค ที่กลายเป็นบันทึกหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์การเมือง

เริ่มจากกรณี "จ้างพรรคเล็ก" นำมาสู่การยุบ "พรรคไทยรักไทย" จนเกิดเป็นตำนานบ้านเลขที่ 111

ย้อนไปเมื่อต้นปี 2549  ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ก่อนกำหนดวันเลือกตั้ง 2 เมษายน แต่อีก 3 พรรคการเมือง ที่เป็นคู่แข่งในสภา คือประชาธิปัตย์  ชาติไทย และมหาชน ประกาศ "บอยคอต" เหลือเพียงพรรคไทยรักไทยที่เดินหน้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง บนเงื่อนไขกฎหมายที่กำหนดว่า ในเขตที่มีผู้สมัครพรรคเดียว ไร้คู่แข่ง จะต้องได้คะแนนเสียง มากกว่าร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นจึงจะได้เก้าอี้ ส.ส. ซึ่งต่อมาเกิดการร้องเรียนว่า พรรคไทยรักไทยทำผิดกฎหมายจากการ "จ้างพรรคเล็ก" ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนี "เกณฑ์ร้อยละ 20"  

เมื่อกกต.ตรวจสอบหลักฐาน ชี้มูลความผิด จึงนำไปสู่การยื่นร้องให้ยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ระหว่างนั้นเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. ทำให้ต่อมาคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ถูกแต่งตั้งขึ้น มีมติ ในวันที่ 30 พ.ค. 2550 ให้ "ยุบพรรค" ไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ฐานเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ผลที่ตามมาคือกรรมการบริหารพรรคทั้ง 3 พรรค รวม 111 คน ถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี  เป็นที่มาของ "บ้านเลขที่ 111"

วิบากกรรมยังมีต่อเนื่อง เมื่อบรรดาขุนพลไทยรักไทยเดิมที่ยังเหลือรอด พากันย้ายบ้านมาที่ "พรรคพลังประชาชน" ลงสู้ศึกเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550  แต่กลับเกิดกรณี "ยงยุทธ ติยะไพรัช" ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถูก กกต.ให้ใบแดง เนื่องจากพบการกระทำที่น่าเชื่อได้ว่า "ทุจริตเลือกตั้ง" เช่นเดียวกับพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่กรรมการบริหารพรรคกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเช่นกัน กรณีดังกล่าวนำมาสู่การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 สั่งให้ทั้งยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารทั้ง 3 พรรค รวม 109 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในจำนวนนั้น มีนายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยที่ต้องเว้นวรรคทางการเมืองไปด้วย

กาลล่วงมาจนถึงยุคของการใช้รัฐธรรมนูญ ปี 60 ผลจากการกำหนดการเลือกตั้งแบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" ป้องกันการผูกขาดในสภา ทำให้พรรคใหญ่อย่าง "เพื่อไทย" ต้องปรับกลยุทธ์ แตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย ด้วยการจัดตั้งพรรคการเมืองเครือข่ายเพื่อเรียกจำนวน ส.ส. ในสภา หนึ่งในนั้นคือ "พรรคไทยรักษาชาติ"

นอกจากถูกจับตาเพราะกรรมการบริหารพรรคเป็นอดีตรัฐมนตรี และ ส.ส. คนรุ่นใหม่ในเครือข่ายพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมึประเด็นที่ถูกจับตาที่สุดคือการ ยื่นพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค เป็นเหตุให้ กกต. มีมติยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค

‘พิธา’ ควงผู้สมัคร ส.ส.ห้วยขวาง-วังทองหลาง เยือนตลาดโชคชัย 4  ลั่น!! ผลงานในสภา 4 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ ‘ก้าวไกล’ ทำงานคุ้มภาษี

‘พิธา’ ลุยตลาดโชคชัย 4 ช่วยหาเสียงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ห้วยขวาง-วังทองหลาง ย้ำผลงานในสภาพิสูจน์แล้ว ‘ก้าวไกล’ ทำงานคุ้มค่าภาษี ซื่อตรงต่อประชาชน พร้อมเต็มที่บริหารประเทศ

(29 มี.ค.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ร่วมกิจกรรมหาเสียง พบปะประชาชนและแนะนำนโยบายพรรคก้าวไกล ที่ตลาดโชคชัย 4 พร้อมกับ เฉลิมชัย กุลาเลิศ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 5 ห้วยขวาง-วังทองหลาง (ยกเว้นแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์) พรรคก้าวไกล โดยได้รับการตอบรับจากประชาชน ทั้งพ่อค้าแม่ขายและผู้มาจับจ่ายใช้สอยอย่างอบอุ่น ระหว่างการเดินหาเสียงมีประชาชนจำนวนมากที่เข้ามาขอถ่ายรูปพร้อมพูดคุยกับพิธาและผู้สมัคร โดยบางคนได้ชูสามนิ้วเป็นกำลังใจให้ด้วย

‘มาร์ค’ ประเดิมปราศรัย ‘ปชป.’ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กรงุเทพฯ พร้อมวลี “กรีดเลือดก็เป็นสีฟ้า”  ขอให้ปชช. มั่นใจในพรรค

(29 มี.ค.66) - ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระรามแปด ฝั่งธนบุรี นายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตบางกอกน้อย บางพลัด พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) จัดเวทีปราศรัยหาเสียง เปิดนโยบายช่วยเศรษฐกิจฐานราก โดยในครั้งนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคปชป. มาช่วยหาเสียงด้วยซึ่งถือเป็นการปราศรัยครั้งแรกนับตั้งแต่มีประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ ยังมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และน.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ร่วมเวทีปราศรัยด้วย

ทั้งนี้ ยังมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล และอดีตส.ส.กทม. พร้อมว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตต่างๆในกทม. มาร่วมเป็นกำลังใจและฟังการปราศรัย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

โดยในช่วงต้นของการหาเสียงครั้งนี้ พล.ต.ต.วิชัย ย้ำชัดเจนว่าประชาธิปัตย์ไม่เอากัญชาเสรี ไม่เอายาเสพติด และจะปราบทุจริตซึ่งเป็นวิกฤตของชาติ ส่วนนายสุชัชวีร์ เน้นในเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรก และพรรคเดียวที่เสนอแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบเบ็ดเสร็จให้กับคนกรุงเทพ และไม่มีพรรคใดแก้ไขเรื่องนี้เลย แสดงว่าเขาไม่ได้ฟังชาวกรุงเทพฯ รวมทั้งเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5

ด้านนายชนินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดนโยบายจากการไปฟังความคิดเห็นจากประชาชน จึงมั่นใจว่าจะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด โดยเฉพาะเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของคนรากหญ้า ที่เดือดร้อนมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดโควิด พรรคมุ่งมั่นที่จะทำให้ความรวยกระจาย ไม่กระจุก และตั้งใจเสริมสร้างกองทัพมดให้เข้มแข็ง ก่อนหน้านี้ได้ประกาศไปแล้วถึงนโยบายธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาท ลดค่าไรเดอร์เหลือไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้า ลดหย่อนภาษีให้แก่ร้านค้าชุมชน กองทุนไอเดีย เพื่อช่วยคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ในการทำธุรกิจ วันนี้ขอนำเสนอนโยบายใหม่เพิ่มเติม คืออาสาสมัครพารวยทุกชุมชน ที่จะทำหน้าที่ช่วยดูแลให้คำปรึกษาในทุกเรื่องแก่ผู้ที่จะประกอบอาชีพทำธุรกิจในชุมชน ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจไปประสบความสำเร็จคือ รวยแบบยั่งยืน นอกจากนี้ ยังขอเสนอนโยบายจัดโซนนิ่งปลอดร้านสะดวกซื้อ เพื่อร้านขายของชำในชุมชนจะต้องสามารถดำเนินการค้าขายไปได้ไม่แพ้ร้านค้าที่มาจากนายทุนใหญ่ด้วย

“พรรคไม่มีนโยบายใช้เงินประชาชนล่อซื้อเสียงประชาชน ด้วยนโยบาย แจก3 พัน 5พัน พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจหรือพรรคที่มีวาระซ่อนเร้น ผมมั่นใจว่าผมเป็นทางเลือกที่พิสูจน์แล้วว่าทำงานให้กับพี่น้องคนทุกรุ่นได้ เรามีทีมงาน สก.ที่จะทำงานควบคู่ไปกับส.ส.เขต ผมและทีมงานทุกคนใส่ใจและรู้งานในพื้นที่จริง โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันเราเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตโควิด แต่ยังไม่หลุดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ผมทำงานมาตลอดแม้จะมีตำแหน่งหรือไม่ตำแหน่ง เกือบ 30 ปีทางการเมืองของผมอยู่กับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ผมพร้อมมาดูแลพี่น้อง พร้อมเป็นส.ส. ผมทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องได้ยกเว้นความผิดหวัง สุดท้าย ผมพูดจากใจอยากทำงานให้กับพี่น้องให้ชาวบางพลัด บางกอกน้อย การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นบัตร 2 ใบ ใบหนึ่งโปรดเลือกผมเป็นส.ส.เขต และอีกใบหนึ่งโปรดกาให้กับพรรคประชาธิปัตย์” ว่าที่ผู้สมัครเขตบางกอกน้อย บางพลัด พรรคประชาธิปัตย์ ระบุ

‘ธนาธร’ นำทีม ก้าวไกลสุรินทร์ เข้าพบพี่น้องชาติพันธุ์กูย ดัน ‘ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในสภาฯ-พ.ร.บ.คุ้มครองชาติพันธุ์’

‘ธนาธร’ ช่วยหาเสียงสุรินทร์ พบกลุ่มชาติพันธุ์กูย ยก ‘ก้าวไกล’ ต่อยอดอุดมการณ์อนาคตใหม่ ดันตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในสภาฯ - ผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองชาติพันธุ์

(29 มี.ค.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลที่จังหวัดสุรินทร์ โดยช่วงบ่ายได้พบพี่น้องชาติพันธุ์กูย ที่กอนกูยปุระ ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมชาติพันธุ์กูย อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องชาติพันธุ์กูย โดยมี ทัตพิชา เข็มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ เขต 5 พรรคก้าวไกล ในฐานะลูกหลานชาวกูย ร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมชาวกูย

ธนาธร กล่าวถึงแนวทางการทำงานการเมืองในประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์ว่า ตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ เราต้องการให้พี่น้องชาติพันธุ์ที่กระจายอยู่แต่ละท้องที่ในประเทศไทยได้มีตัวแทนเข้าไปในสภาฯ พรรคอนาคตใหม่จึงมีสัดส่วน ส.ส. ปีกชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น มานพ คีรีภูวดล หรือ ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ซึ่งเป็น 2 ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล

ดังนั้นเชื่อว่าพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคการเมืองที่สานต่ออุดมการณ์อนาคตใหม่ จะโอบรับความหลากหลายและทำให้สภาฯ เป็นพื้นที่แสดงออกถึงความต้องการของกลุ่มชาติพันธุ์เช่นกัน นอกจากนั้น พรรคก้าวไกลยังประกาศด้วยว่าพร้อมผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและประเทศชาติ และสามารถกำหนดวิถีชีวิตตนเอง

ด้าน ทัตพิชา ร่วมเล่าประสบการณ์ของตนในวงพูดคุยว่า แต่เดิมไม่ทราบว่ามีบรรพบุรุษเป็นกูย แต่เมื่อเดินทางมายังกอนกูยปุระ จึงสังเกตว่าลายผ้าของกูยคล้ายกับผ้าของยาย ทำให้ทราบในภายหลังว่าตนมีเชื้อสายกูย ดังนั้น การอนุรักษ์องค์ความรู้และศิลปะวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ จึงมีความสำคัญมาก เป็นเรื่องที่มีคุณค่าทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ได้เห็นความหลากหลายของสังคมไทย และอาจทำให้อีกหลายคนได้ทราบที่มาที่ไปของบรรพบุรุษตนเอง เช่นเดียวกับประสบการณ์ของตน

‘อนุทิน’ ไร้กังวล ปม ‘ชูวิทย์’ ต้านกัญชาต่อเนื่อง ชี้!! มีประโยชน์ด้านการแพทย์-สุขภาพ-เศรษฐกิจ

(29 มี.ค.66) ที่หอประชุมโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาต่อต้านนโยบายกัญชาของพรรค ว่า ไม่กังวลเพราะกัญชามีประโยชน์ต่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ

‘สมอ.’ ร่วม ‘DSI’ บุกทลายโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน พบ ‘หม้ออบลมร้อน-ไดร์เป่าผม’ เพียบ รวมมูลค่า 7 ล้านบาท!!

(29 มี.ค. 66) นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สมอ.ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน กทม. และกระทุ่มแบน สมุทรสาคร พบสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 30 รายการ กว่า 23,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ DSI ได้นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าจำนวน 2 แห่ง แห่งแรกในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เช่น หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม ที่ม้วนผม หลอดไฟ และเพาเวอร์แบงก์ ฯลฯ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. เเละไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 2,900 ชิ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

แห่งที่ 2 เป็นโกดังเก็บสินค้าในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เตาอบไฟฟ้า หม้ออบลมร้อน ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม และโคมไฟ ฯลฯ กว่า 32 รายการ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทันที ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ สมอ.ควบคุม หากไม่ได้มาตรฐานอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของประชาชนได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย รายแรกเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. และรายที่ 2 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. ซึ่งทั้ง 2 รายนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ต้องระวางโทษกรณีมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘ปชป.’ เคาะ!! ผู้สมัคร 400 เขต พ่วงปาร์ตี้ลิสต์อีกนับ 100 ชู ‘จุรินทร์’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงรายชื่อเดียว

(29 มี.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้ง 400 เขต และ 100 ส.ส. บัญชีรายชื่อ ทั้งหมดแล้ว ซึ่งในส่วนของ ส.ส. บัญชีรายชื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะเลขาธิการพรรค จะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับรายชื่อ เหมือนการเลือกตั้งเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา ด้วยความเที่ยงธรรมและคำนึงถึงประโยชน์ของพรรคเป็นหลัก และผู้สมัครไม่มีความขัดข้องใด ๆ

เมื่อ ‘เพื่อไทย’ เลือก ‘หมอมิ้ง’ แคนดิเดต ชู ‘แลนด์สไลด์’ ทรมานใจติ่งพรรคส้ม

ในวันที่ 4 เม.ย.2566 ก็จะได้เวลากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเคาะชื่อ “บุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง...” หรือที่เรียกกันสั้น ว่าแคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88

แต่เนื่องด้วยยังมีบทเฉพาะกาลมาตรา 272  คนโหวตเลือกนายกฯ จะมีสมาชิกวุฒิสภามาร่วมแจมด้วย

พรรคเพื่อไทยประกาศชัดว่าจะจัดเต็มคาราเบล 3 รายชื่อ...เปิดหน้าเปิดตามาแล้วสองคน...’อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร และ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งคนแดนไกลอย่างโทนี วู้ดซัม บอกว่าเก่ง (คนละด้าน) ทั้งคู่...คนที่สามที่กำลังจะเปิดตัวก็คงเก่งไปอีกทาง…

โทนี่ วู้ดซัม ยังได้พูดแบบไม่สนใจมาตรา 28, 29 ของพรป.พรรคการเมือง คือ พูดอย่างกะเป็นเจ้าของพรรคว่า...ไม่ว่าคนที่สามเป็นใครแต่ทั้งสามคนตกลงกันแล้วว่า คนหนึ่งเป็น (นายกฯ) อีกสองคนจะร่วมด้วยช่วยกัน...

จาก ม.ค.-มี.ค.ปีนี้  ชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่สามทยอยโผล่มาด้วยที่มาต่างกัน...ประกอบด้วย สมชัย เลิศสุทธิวงศ์  ลูกหม้อเก่าเครือชินคอร์ป, ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย ที่ว่ากันว่าเป็น ส.เสือตัวใหญ่…‘หมอมิ้ง’ หรือ ‘สหายจำรัส’ หรือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกฯและรมต.ของพรรค และล่าสุด นสพ.มติชน รายวัน บอกว่าอาจปัดฝุ่นเอาชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ที่เคยเป็นหนึ่งในแคนดิเดตเมื่อปี 2562มาใช้บริการอีกครั้ง…

ขณะที่รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่จบ...รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ของพรรคก็ออกมา เป็นรายชื่อเรียงตามตัวอักษรยังไม่มีการจัดอันดับจริง

น่าสนใจว่าไม่พบชื่อ แพทองธาร และ เศรษฐา แต่พบรายชื่อ ‘ชัยเกษม นิติศิริ’ ซึ่งอีกด้านหนึ่งพรรคเพิ่งแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรมและความเสมอภาคเท่าเทียม...

จะให้ถอดรหัสก็น่าจะอนุมานได้ว่าทางพรรคอยากดูแล ‘ชัยเกษม’ ให้เป็น ส.ส.หรือเป็นรัฐมนตรีในอนาคต  ยังไม่น่าจะเอามาปัดฝุ่นเป็นนายกฯ

‘เพื่อไทย’ ต้อนรับ ‘พ่อมดดำ’ กลับบ้านชื่นมื่น มั่นใจแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

(29 มี.ค.66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย กรรมการบริหารพรรค และว่าที่ผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมแถลงข่าวต้อนรับ สุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต้อนรับ สุชาติ ตันเจริญ และคณะกลับพรรคเพื่อไทย ถือเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น วันนี้ได้ตัดสินใจมาร่วมอุดมการณ์ทำงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นสถาบันการเมืองของพี่น้องประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในระบอบรัฐสภา

พรรคเพื่อไทยเชื่อในอำนาจพี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโอกาสไปสู่การเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเชื่อว่านายสุชาติมีศักยภาพ รวมไปถึงจังหวัดภาคตะวันออก น่าจะพาพรรคเพื่อไทยเข้าสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ได้แน่นอน” หัวหน้าพรรค กล่าว

สุชาติ ตันเจริญ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการกลับเข้ามาสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นการกลับมาบ้านเก่าที่เคยทำให้ตนสามารถทำงานการเมืองมาอีก 10 กว่าปี จากเดิมเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถูกตัดสิทธิ์การเมืองเว้นวรรค 2 สมัย และดิ้นรนมาหลายปี จนกลับมาบ้านในวันนี้ ส่วนเหตุผลที่กลับมาพรรคเพื่อไทย คือ…

1. มดดำ - คชาภา บุตรชาย อยากให้กลับมาที่พรรคเพื่อไทย
2. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยากให้กลับมา
3. เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชน ที่ต้องการพรรคการเมืองที่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ 

‘อนุทิน’ เมินหลากโพล ชี้ คะแนนพรรค ภท.ไม่กระเตื้อง เชื่อ ‘โพลอนุทิน’ ไม่เคยพลาด 2-3 ครั้งที่ผ่านมา

(29 มี.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า การจัดลำดับรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคภูมิไทย ว่า เบอร์ 1 เบอร์  2 เสร็จแล้ว ส่วนตำแหน่งอื่นมีอยู่ในใจแล้ว รอให้ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายพรรคมีปัญหาผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ ไม่พอใจการจัดลำดับจนขอลาออก จะเกิดเหตุแบบนี้กับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ยืนยันในพรรค ภท.ไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้ เพราะเตรียมตัวมาเป็นปีและพูดคุยกับสมาชิกแล้ว ไม่เคยทะเลาะกัน และทะเลาะกันไม่ได้”

เมื่อถามว่า บัญชีรายชื่อลำดับ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ภท.เป็นคนเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “คนเดียวกัน แคนดิเดตนายกฯ มีคนเดียว ที่ผ่านมาก็เสนอคนเดียวมาตลอด ไม่จำเป็นต้องมีสำรอง คนเดียวเอาอยู่”

ผู้สื่อข่าวถามถึง การลาราชการได้ยื่นใบลากับนายกฯ แล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า “จะยื่นลาเป็นวัน ๆ ไป วันไหนที่ต้องใช้เวลาราชการ จะลาตามช่วงที่ได้ใช้ไปจะได้ไม่มีปัญหา เพราะบางครั้งช่วงเวลาคาบเกี่ยวกัน และขณะนี้กำลังจัดเวลาอยู่ ใครขอคิวมาให้ ขอให้เสร็จในช่วงเวลา 16.00 น.”

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ลาติดต่อกันตลอดทั้งเดือนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “อุ๊ย!! ลาไม่ได้หรอก ลาเป็นเดือนก็ไม่กล้าเขียน เขียนไปถูกดุตายเลย”

เมื่อถามว่า จำนวน ส.ส.ที่พรรค ภท.ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ จะเพิ่มขึ้นหรือยัง เพราะพรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าไว้ที่ 100 ที่นั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า “ความจริงกระแสของพรรค ภท.ดีขึ้นเรื่อย ๆ อุปสรรคที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้มีผลกระทบอะไรที่ทำให้คะแนนนิยมของพรรคลดลง เราประเมินผลในทุกพื้นที่มาตลอด”

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค ภท.หวังว่าจะได้ ส.ส.เขต และปาร์ลิสต์เท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เก็บไว้ในใจ บอกไปไม่ได้”

‘อดิศักดิ์’ ประกาศถอนตัวจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ‘ก้าวไกล’ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

(29 มี.ค. 66) นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ หรือ ‘จ่าตา’ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตสอบคัดเลือกตำรวจเมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2566) พร้อมขอยุติบทบาทผู้สมัครเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

นายอดิศักดิ์ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ ตนได้ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ถือหมายมาที่บ้าน ก็ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนพร้อมหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่า ข่าวที่นำเสนอออกไป เหตุใดจึงมีความคลาดเคลื่อน เพราะตนไม่ได้ถูกบุกจับกุมแต่เป็นการมอบตัวด้วยตนเอง และได้รับประกันตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

ตนอยู่กับพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ได้ทำงานให้พรรค นำปัญหาของประชาชนในพื้นที่มาให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นปากเสียงในสภา ส่งต่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหา มีความผูกพัน มีหลายเหตุการณ์ที่เคยถูกคุกคามรังแก เคยถูกฟันคอจนบาดเจ็บสาหัส มาวันนี้ก็ถูกดำเนินคดี ซึ่งตนก็ยืนยันว่ายินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริง

แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อสังคมเกิดความสงสัย ตนซึ่งต้องการให้ทุกฝ่ายสบายใจ ทั้งพรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุน ตนจึงขอยุติบทบาทในตำแหน่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้พรรคทำการสรรหาผู้สมัครที่มีความเหมาะสมในเขต 1 จ.มหาสารครามต่อไป ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณพรรคก้าวไกลที่ให้โอกาส และขอให้กำลังใจผู้สมัคร เครือข่ายแนวร่วม สมาชิก และผู้ปฏิบัติงาน ได้เดินหน้าต่อสู้ต่อไป ระหว่างนี้ตนขอถอนตัวเพื่อไปพิสูจน์ความจริง และเมื่อได้รับการพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมว่าไม่มีความผิดแล้ว ก็จะกลับมาลงสมัครอีกครั้ง โดยในระหว่างนี้จะยังคงช่วยงานพรรคก้าวไกลในการรณรงค์หาเสียงต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top