Monday, 12 May 2025
SPECIAL

‘อนุทิน’ แจง ขั้นตอนเดินหน้านโยบาย ‘พักหนี้ 3 ปี’ หยุดต้น-ปลอดดอก ลั่นไม่กระทบ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

(28 มี.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหาเสียงของพรรค ในประเด็นการให้ประชาชนได้สิทธิ์พักหนี้ 3 ปี วงเงิน ไม่เกิน 1 ล้านบาท ว่าตัวเลขที่อยู่ในนโยบายล้วนมีความหมายทั้งสิ้น เราให้เวลาพักหนี้ 3 ปี เท่ากับระยะเวลาที่โควิด - 19 ระบาด และกระทบกับการทำมาหากินของประชาชน ส่วนจำนวนเงินที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท เพราะเป็นจำนวนหนี้ ซึ่งสอดคล้องกับประชาชนคนไทยจำนวนมาก การพักหนี้คราวนี้ เราจะหยุดการจ่ายเงินต้น 3 ปี ดอกเบี้ยไม่ต้องคิดในระยะเวลา 3 ปี ขอย้ำว่า นโยบายนี้ใช้เฉพาะกับหนี้ที่ถูกกฎหมายเท่านั้น

‘บิ๊กป้อม’ ยํ้า!! ‘ตอบไปแล้ว’ หลังโดนจี้ถาม ปม ‘ทักษิณ’ ลั่นเพื่อไทยไม่โง่พอ ยกเก้าอี้นายกฯให้

(28 มี.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจบประชุมครม. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพล.อ.ประวิตร วงษ์​สุวรรณ​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร. ที่ออกมาพูดเรื่องมอบตำแหน่งนายกฯให้พล.อ.ประวิตร ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่โง่จะมอบตำแหน่งนี้ให้ โดยพล.อ.ประวิตร หันมาตอบสั้นๆว่า ‘ตอบไปแล้ว’

‘ก้าวไกล’ ไม่หวั่น!! หัวคะแนนซื้อเสียงเริ่มเคลื่อนไหว เชื่อ!! ปชช. ไม่รับเงินแลกการถอนทุนจากงบฯ ประเทศ

(28 มี.ค.66) นายสิริน สงวนสิน ว่าที่ผู้สมัครสมาชิก ส.ส. เขตทวีวัฒนา พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งและกระแสความนิยมในพื้นที่ โดยกล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3 - 7 เม.ย. นั้น ตนได้เตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครตามที่ระเบียบ กกต.ระบุไว้ ก็มีความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ และพร้อมยื่นสมัครได้ทันที ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนกระแสความนิยมในพื้นที่นั้น จากการสำรวจพบว่าประชาชนให้การตอบรับดีมาก โดยเฉพาะนโยบายรัฐสวัสดิการต่าง ๆ ที่มุ่งสร้างความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถปักธงส้มในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) ได้อย่างแน่นอน

จุดเริ่มต้นเส้นทางการเมืองของ ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’

ผู้หญิงในแวดวงการสื่อและการเมือง หนึ่งคนที่ต้องนึกถึงเลยคือ ‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’ โดยเมื่อเดือน กรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา เธอได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางการเมืองของเธอ โดยมีอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นผู้เอ่ยชวน โดยเธอเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ในรายการ ‘ป๋าเต็ดทอล์ก’ บางช่วงบางตอนว่า….

“อาจารย์ป๊อกพูดขึ้นมาว่า คนอย่างคุณช่อ เป็นอะไรได้มากกว่าเป็นนักข่าว ตอนนั้นช่อปรี๊ดเลย แล้วถามกลับว่า อาจารย์คิดว่าเป็นนักข่าวทำอะไรได้น้อยเหรอคะ? แล้วก็กวนกลับไปว่า แล้วถ้าช่อไปเป็นนักการเมืองกับพรรคของอาจารย์ แล้วช่อจะทำอะไรได้มากกว่าการเป็นนักข่าว? อาจารย์ป๊อกตอบกลับมาอย่างมั่นใจมากกว่า ตอบไม่ได้ครับ (หัวเราะ) ไม่มีใครรู้หรอกว่าพรรคนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เรารู้แต่ว่าเราจะทำพรรคการเมืองขึ้นมา แต่ก็มีโอกาสนะ ผมไม่รู้หรอก ไม่มีใครการันตีได้ว่าคุณช่อจะทำอะไรได้มากกว่าการเป็นนักข่าวไหม แต่มันมีความเป็นไปได้ว่าจะได้ทำ จะลองไหม?”

ตำรวจ ปส.(NSB) รวบเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 6.7 ล้านเม็ด คีตามีน 400 กก. ก่อนกระจายช่วงเทศกาลสงกรานต์

(28 มี.ค. 66) เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ภายใต้การสั่งการอย่างเข้มข้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ (NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร ซึ่งจะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถจับกุมได้ 3 เครือข่าย พร้อมของกลาง ยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด และคีตามีน 400 กก.

โดยเครือข่ายแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิเคราะห์ข่าว ปส.2 สืบสวนทราบว่า นายสนธยา(สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ด้าน จ.เชียงราย มาส่งให้กับลูกค้าในภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการส่งทางพัสดุผ่านทางบริษัทขนส่ง ในวันที่ 25 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัทขนส่งดังกล่าว พบว่ามีพัสดุถูกสำแดงว่าเป็นน้ำผลไม้ 15 กล่อง ระบุชื่อผู้รับคือ 'เปี๊ยก' ถูกส่งมาจาก จ.เชียงราย จากการสแกนตรวจสอบกล่องพัสดุดังกล่าว พบวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยมวางเรียงกันภายในกล่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด หลังจากนั้นจึงได้นำส่งพัสดุดังกล่าวไปตามที่อยู่ปลายทาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปตลอดเส้นทาง เมื่อส่งพัสดุถึงปลายทาง พบนายสุริยา แจ้งว่าตนพักอาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า นายเปี๊ยก ที่มีชื่อระบุบนกล่องพัสดุ เป็นญาติของตนที่เสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงนำภาพถ่ายของนายสนธยา ให้ตรวจสอบ นายสุริยา ยืนยันว่าบุคคลในภาพถ่ายคือ นายสนธยา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน เจ้าหน้าที่ตำรวจและบริษัทขนส่ง จึงร่วมกันเปิดกล่องพัสดุทั้งหมด 15 กล่อง เพื่อตรวจสอบ พบว่าเป็นคีตามีน บรรจุในลังไม้สีน้ำตาล น้ำหนักรวม 300 กก.      

ต่อมา เมื่อวันที่ 27 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ขยายผลจากการจับกุมคีตามีน 300 กก. จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า จำนวน 4 ล้านเม็ด โดยมีการนำยาบ้าดังกล่าว บรรจุในกล่องใส่น้ำผลไม้ เพี่อตบตาบริษัทขนส่งไปรษณีย์ว่าส่งน้ำผลไม้ไม่ใช่ยาเสพติด นำส่งพัสดุไปรษณีย์ ปลายทาง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตำรวจ ปส.2 พร้อมด้วยตัวแทนบริษัทขนส่ง ได้ติดตามไปยังปลายทางพัสดุ และจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้านเม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม เพื่อติดตามจับกุมผู้สั่งการรายใหญ่ต่อไป

เครือข่ายที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ตรวจสอบพบว่านายวัฒนา(สงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์นำยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เลย ไปส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาวันที่ 23 มี.ค.66 ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาว ซึ่งสืบสวนทราบว่าเป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติด ไปถึง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ก่อนพบเข้าไปจอดอยู่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาหนองหาน ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติด คีตามีน วางอยู่บริเวณตอนท้ายกระบะบรรจุอยู่ในถุงชาจีนสีเขียวซุกซ่อนอยู่ในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง 4 กระสอบ รวม 100 กก. และตำรวจ ปส.2 อีกชุดได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้ารีโว่ สีขาว และรถยนตยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้สีเทา ซึ่งเป็นรถสำรวจเส้นทาง และจับกุม นายวัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี, นายสุภชีพ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี,นายวีรธรรม(สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี และนายทิวทอง(สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. หรือบริษัท หนองทานออยส์ จึงแจ้งข้อหา “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

‘มาดามเดียร์’ ควง ‘แนน-ศิริภา’ ลุยหาเสียงตลาดวงเวียนใหญ่ ชี้!! ฐานเสียงฝั่งธนฯ เข้มแข็ง มั่นใจ!! ประชาชนยังสนับสนุน

(28 มี.ค. 66) ที่ตลาดวงเวียนใหญ่ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตคลองสาน-ธนบุรี-ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่บริเวณตลาดวงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน พบปะพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของในช่วงเช้า เพื่อแนะนำตัว แนะนำนโยบายของพรรค รวมถึงขอเสียงสนับสนุนให้ผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์

โดย น.ส.ศิริภา กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้แม้จะเป็นวันแรกของย่านวงเวียนใหญ่ หลังจากมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เขตเลือกตั้ง แต่ก่อนหน้านี้ก็มีผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และส่วนตัวได้ทำงานในพื้นที่ กทม. มาโดยตลอดอยู่แล้ว รวมถึงยังมี ส.ก.ของพรรคฯ ในพื้นที่ ที่มีความเข้มแข็งและทำพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมาลงพื้นที่ก็ทำให้สัมผัสได้ว่าเสียงตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี สมาชิกที่อยู่ในพื้นที่ก็ยังเหนียวแน่นและรักษาพื้นที่ไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนของพรรคก็ทำงานหนัก และดูแลพื้นที่ ดูแลประชาชนมาโดยตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เขตเลือกตั้งแต่ตนก็ยังสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำงานกันเป็นทีมไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหนก็ยังทำงานได้

ขณะที่น.ส.วทันยา กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแฟนคลับของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยังคงมีความเหนียวแน่น โดยเฉพาะพื้นที่เขตคลองสาน ที่มี ส.ก. ของพรรคฯ ที่เป็นตัวแทนลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มีความเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่ ส่วนกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครนั้น ไม่รู้สึกกังวล เพราะเชื่อมั่นว่าการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มีการทำงานเป็นทีม และในส่วนของ กทม. นั้นไม่ว่าจะพื้นที่ไหน กทม. ก็เปรียบเสมือนเป็นเขตเดียวกัน เนื่องจากผู้คนใน กทม. มีการเคลื่อนไหวไปในเขตต่างๆอยู่ตลอดเวลา 

‘เพื่อไทย’ พร้อมคืนชีพ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ มั่นใจ!! ทำได้ภายใน 100 วัน หลังเป็น รบ.

(28 มี.ค.66) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย และนายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะที่ปรึกษา นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา, นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส 

ผศ.พิมลกล่าวว่า นโยบายนี้เคยเกิดขึ้นครั้งแรกระหว่างปี 2544-2549 ที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และประสบความสำเร็จอย่างมาก ในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ได้เหรียญรางวัลมาถึง 6 เหรียญ หลังจากเกิดการปฏิวัติก็ได้ยกเลิกไป ถึงแม้จะเอากลับมาอีกครั้ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม จนปัจจุบันเหลือเพียงสมาคมกีฬาเทควันโดฯ เพียงสมาคมเดียวที่ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงตอนนี้

ผศ.พิมลกล่าวอีกว่า เมื่อเห็นประโยชน์และความสำเร็จจากนโยบายนี้ในอดีต ทำให้เพื่อไทยอยากจะนำกลับมาอีกครั้ง ที่สำคัญรัฐวิสาหกิจไทยกว่า 20 แห่ง มีกำไร 2 แสนล้านบาทต่อปี ถ้าเจียดมาสัก 1 เปอร์เซ็นต์มาช่วยวงการกีฬา ก็จะสร้างสิ่งดี ๆ ให้ทั้งสังคม เศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยิ่งนักกีฬาไทยได้เหรียญทอง ได้ฟังเพลงชาติไทย เป็นความสุขของคนไทย ครั้งนี้ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้สำเร็จภายใน 100 วันแรก โดยแนวทางจะตั้งคณะกรรมการที่ดูแลโดยกระทรวงการคลัง 7-9 คน พิจารณาการสนับสนุนสมาคมกีฬาต่าง ๆ ช่วงแรกเน้นไปที่กีฬาสากลที่มีในโอลิมปิกเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, ซีเกมส์ ที่หวังผลเป็นเลิศได้

ผศ.พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐวิสาหกิจจะได้รับจากการสนับสนุนสมาคมกีฬานี้ จะได้สิทธิผู้สนับสนุนมีที่นั่งในคณะกรรมการบริหารสมาคมอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง รวมทั้งสามารถตรวจสอบความโปร่งใสเรื่องงบการเงินของสมาคมได้ ที่สำคัญสมาคมต้องสร้างผลในระดับนานาชาติซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดในการสนับสนุนต่อไปในอนาคตด้วย

“สมาคมที่ใช้เงินเยอะก็ต้องจับกับรัฐวิสาหกิจที่เงินเยอะหน่อย ต้องเป็นการพูดคุยกันว่าสมาคมไหนเหมาะกับหน่วยงานไหน ไม่มีอะไรตายตัว แต่จะอธิบายกับรัฐวิสาหกิจว่าสร้างประโยชน์กับวงการกีฬาและประเทศ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจอย่างไรบ้าง” ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย กล่าว

ปอศ. ทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท

(28 มี.ค.66) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ ,พ.ต.ต.ฉัตรดนัย ทองคลอด สว.กก.5 บก.ปอศ. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ปอศ. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, พิจิตร, สมุทรปราการ,จันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเงินกู้ออนไลน์เถื่อน 2 เครือข่าย ประกอบด้วย 'Burin-credit (บุรินทร์ เครดิต)' และ Memoney-Credit สินเชื่อเพื่อธุรกิจ 

จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายทศพล อายุ 29 ปี นายศักดิ์รินทร์ อายุ 29 ปี นายยุทธนา อายุ 27 ปี และ นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 893-896/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2566 ข้อหา 'ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด และร่วมกันข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้' พร้อมกับจับกุมกลุ่มพนักงานรับจ้างทวงหนี้ของเครือข่ายดังกล่าวในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”อีก 7 ราย รวมถึงตรวจยึดของกลาง อาทิ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 13 เครื่อง โทรศัพท์ 38 เครื่อง ซิมการ์ดประมาณ 50 อัน เช็คค้ำประกันของลูกหนี้ 22 ใบ มูลค่ารวม 7,990,000 บาท รถยนต์หรูยี่ห้อ Mercedes Benz, BMW, TOYOTA, Hyundai ของลูกหนี้ 4 คัน

พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ 'Burin-credit' มีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือ ร้อยละ 547.5 ต่อปี จนกว่าจะมีเงินต้นมาชดใช้คืน หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง

จากวิถีการเดินทาง 'รถไฟไทย' แบบดั้งเดิม สู่โครงการ 'รถไฟความเร็วสูง' ที่เป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้

พูดคำว่า “โครงการรถไฟความเร็วสูง” ในเมืองไทย นับถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หรือจับต้องไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งหากย้อนกลับไป โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม) ถูกคิดริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2535 หรือกว่า 31 ปีมาแล้ว

แต่เมื่อผ่านกาลเวลา ผ่านหลายต่อหลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหาร และผ่านหลายเหตุการณ์ทางการเมือง กระทั่งปี 2557 หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้มีการเดินทางไปที่ประเทศจีน เพื่อหารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ก่อนที่จะได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงส่งเสริมความร่วมมือด้านรถไฟไทย–จีน (โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ–หนองคาย)

โดยหลังจากคณะทำงานได้ทำการศึกษาในรายละเอียด จนได้ข้อสรุปว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง จะเริ่มก่อสร้างช่วงกรุงเทพ–นครราชสีมา เป็นระยะเริ่มต้น และเพิ่มความเร็วของรถไฟจาก 160–180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท ซึ่งฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด 100%

กระทั่งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ–นครราชสีมาและต่อมาในเดือนกันยายน 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินทางไปเยือนจีนเพื่อพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง อีกครั้ง และได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทยและจีนเส้นดังกล่าว และเริ่มต้นก่อสร้างโครงการในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 นับเป็นการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงสายแรกของประเทศไทย

‘ธนาธร’ ปราศรัยอุบลฯ ขอแรงกา ‘ก้าวไกล’ ลั่น ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงประเทศ - ปฏิรูปกองทัพ

‘ธนาธร’ ปราศรัยอุบลฯ ชวนประชาชน เลือกตั้งทั้งที กาให้ดีไม่เสียของ กาก้าวไกลไปเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

(27 มี.ค.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี เริ่มต้นที่อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอตระการพืชผล อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอเมืองอุบลราชธานีเป็นจุดสุดท้าย ระหว่างการลงพื้นที่ ได้ร่วมกิจกรรมหลากหลายเพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคก้าวไกล

ช่วงเช้า ธนาธร พร้อมด้วย ชิราวุธ แก้วชิณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล ร่วมเสวนากับพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ บริเวณร้านนาตาลแคมป์ปิ้ง อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลฯ โดยระบุว่า อุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีศักยภาพ หากสามารถเชื่อมโยงการขนส่งภายในจังหวัด และผลักดันให้เกิดเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างอำเภอได้ จะช่วยสร้างเม็ดเงินและกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการรายย่อย ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ทั้งหาดชมดาว สามพันโบก ผาแต้ม ช่องเม็ก จนถึงอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแต่ยังขาดการสนับสนุน หากพัฒนาการท่องเที่ยวของอุบลฯ ได้ จะสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่

จากนั้น ธนาธร พร้อมด้วย เพทาย ศรีสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 5 เดินทางต่อไปยังเวทีปราศรัยย่อยอำเภอตระการพืชผล พูดถึงนโยบายแก้ปัญหาปากท้องและปฏิรูปที่ดินทำกิน ต่อด้วยเวทีปราศรัยย่อยที่วัดสระแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้เดินทางมาฟังการปราศรัยทั้งจากตัวอำเภอและจากอำเภอข้างเคียง โดยธนาธร กล่าวว่า อุบลราชธานีเป็นโรงเรียนทางการเมืองของตน  เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาได้ร่วมรับฟังปัญหาการก่อสร้างเขื่อนปากมูล ทำให้เกิดความสนใจปัญหาการเมืองและโครงสร้างสังคม ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

ต่อมา ธนาธร พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้ขึ้นรถซาเล้ง แห่หาเสียงไปรอบเมืองพิบูลมังสาหาร เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยใหญ่ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 11 เขต ที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ก่อนเริ่มต้นการปราศรัยใหญ่ ธนาธรยังได้ร่วมเสวนากับศิลปิน เยาวชนคนรุ่นใหม่ ณ ร้านส่งสาร อำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยย้ำว่านโยบายของพรรคก้าวไกลที่ประกาศออกมา จะมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้มแข็ง แข่งขันกับทุนใหญ่ได้

‘สุวัจน์-กรณ์’ เปิดตัว 16 ว่าที่ผู้สมัครฯ นครราชสีมา ชพก. พร้อมชู ‘โคราชโนมิกส์’ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

(27 มี.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค พันเอกวินัย สมพงษ์ ที่ปรึกษาพรรค นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายสมบัติ กาญจนวัฒนา รองเลขาธิการรพรรค ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร สส.โคราช ทั้ง 16 เขต พร้อมผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ เตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.ทั้ง 16 เขต เพราะวันที่ 3 เมษายนนี้จะต้องไปสมัครแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะนําไปสู่การทํา primary vote ภายในอาทิตย์นี้เพื่อให้ถูกต้องถือว่าได้เปิดตัวต่อพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณชาวโคราชที่ได้มาให้การสนับสนุนให้กําลังใจกว่า 2,000 คน และถือโอกาสนี้พาผู้สมัครทั้ง 16 ท่าน ไปแสดงตนต่อหน้าอนุสรณ์สถานพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อที่จะยึดอุดมการณ์ แนวคิดในการทํางานเพื่อรับใช้ชาวโคราชโดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติหน้ากล้า มีความมุ่งมั่นที่จะต้องได้ชัยชนะ ที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องทวงแชมป์คืน ต้องกลับมาเป็นแชมป์ที่โคราชให้ได้ เพื่อที่จะได้มาผลักดันโครงการที่สําคัญ ซึ่งได้ประกาศนโยบายไปแล้ว คือ นโยบายโคราชโนมิกส์ ในการที่จะเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา เหมือนที่ท่านพลเอกชาติชายได้เคยสร้างเอาไว้ ซึ่งนโยบายโคราชโนมิกส์นั้น เป็นเรื่องที่จะสร้างโคราช สร้างอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ด้านการลงทุนของประเทศให้ยิ่งใหญ่เหมือนกับตอนที่ท่านชาติชาย เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน แปรสนามรบเป็นสนามการค้าเหมือนภาคสอง 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายที่สําคัญก็คือ การที่จะดึงนักลงทุนต่าง ๆ มาลงทุนโดยอาศัยความได้เปรียบของภูมิรัฐศาสตร์ ฉะนั้น เรื่องระบบการคมนาคม เรื่องการสร้างโคราชให้เป็นเมืองอาหารป้อนโลก โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องพร้อม ซึ่งเรามั่นใจ หลังจากที่ได้เปิดตัวนโยบายโคราชโนมิกส์ไปแล้ว พี่น้องประชาชนจําติดปากแล้วว่าโคราชโนมิกซ์ก็คือ การเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา คือ นโยบายแปรสนามรบ เป็นสนามการค้าภาคที่สอง แต่มาในเวอร์ชั่นของภาคเศรษฐกิจ บวกกับนโยบายโดยภาพรวมทั้งประเทศของพรรคชาติพัฒนากล้า เรื่อง ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ฉะนั้น เรามีความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ต้อง come back ต้องเป็นแชมป์ที่โคราช อย่างแน่นอน เพื่อมาทํางานให้ชาวโคราช

นายสุวัจน์ กล่าวว่า บรรยากาศเรื่องการเลือกตั้งมาได้ดี เพราะตอนนี้มีการแบ่งเขตแล้ว กําหนดวันสมัครแล้ว กําหนดวันเลือกตั้งแล้ว คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงจะเป็นการเลือกตั้งที่ค่อนข้างที่จะเหมือนกับว่าท้องฟ้าเปิด ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของกติกาก็เป็นเรื่องที่ดีต้องขอบคุณทาง กกต. ด้วย จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของการควบคุมในแง่ operation ในเรื่องของการปฏิบัติในภาคสนามว่าทําอย่างไรที่จะจัดการกับเรื่อง Money Politics หรือการซื้อเสียงหรืออะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“วันนี้ เปิดตัวผู้สมัครทั้ง 16 เขต เอาขึ้นเวทีมวยชกครบทุกเซต แต่ไม่ใช่ว่าจะไปต่อยไปหาเรื่องกับใคร  พรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีเรื่องมีราวกับใครอยู่แล้ว เรามีแต่เพื่อน แต่วันนี้ที่ใช้เวทีมวยเป็นการเปิดตัวเพราะมวยคือ การต่อสู้ วันนี้เราต่อสู้กับปัญหาของประเทศ เรามีผู้สมัคร 16 คน ก็ปัญหาของประเทศมา 16 ข้อ คือ ปัญหาเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ค่าไฟแพง ตกงาน นักท่องเที่ยว ความยากจน น้ำท่วม น้ำแล้ง ที่ดินทํากินของเกษตรกร ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การลงทุนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ ปัญหาที่เราต้องไฟต์ก็เลยใช้เวทีมวย และให้ผู้สมัครแต่ละคนต่อยกับปัญหา สู้กับปัญหา ฉะนั้น ยืนยันได้ว่าพี่น้องประชาชนมั่นใจในในพรรคชาติพัฒนากล้า ในการเอาจริงเอาจังในเรื่องนโยบายทํางานกันจริง ๆ วันนี้ระดมผู้มีประสบการณ์ หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รับโอกาสในการเข้าไปทํางานเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เขต 3 เขต 4 ดึงบ้านใหญ่โคกกรวด ตระกูลกาญจนวัฒนา 
‘กำนันเบ้า-สมศักดิ์’ และ ‘สจ.สมบัติ’ ลงสนามนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าค่อนข้างมั่นใจมาก ๆ ทั้งสองท่านอาจจะลงสมัครครั้งแรก แต่คนโคราช รู้จักกัน เป็นอย่างดี เพราะว่าครอบครัวกาญจนวัฒนาตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่านกํานันประเสริฐ เป็นกํานันที่ได้รับการยอมรับความเป็นนักพัฒนา แล้วก็ตกมารุ่นลูก คือ กำนันเบ้า-สมศักดิ์ แล้วก็รุ่นหลาน ‘กำนันกาญจนา’ (ลูกสาวกำนันเบ้า) ถือว่าเป็นครอบครัวนักพัฒนาครอบครัวที่อยู่กับพี่น้องประชาชนรู้ปัญหาจริง ๆ ฉะนั้น การที่ทั้งสองท่านได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนากล้าต้องขอบคุณทั้งสองท่าน “ผมมั่นใจมากว่าทั้งสองท่านจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน แล้วจะเป็น ส.ส.ที่ดีเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองโคราช”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเมืองสองขั้วอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ทางการเมืองของแต่ละพรรคก็เป็นเรื่องแต่ละพรรค แต่สําหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่ได้วาง position หรือวางตนเองว่าเป็นขั้วการเมืองอะไร เราคิดว่าการเมืองวันนี้ต้องพยายามที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ ลดความขัดแย้งให้มากที่สุด และให้เกิดความร่วมมือในการทํางานร่วมกัน ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความร่วมมือ การทํางานร่วมกันเพื่อให้พลังทางการเมืองให้เกิดความรู้สึกว่าเราเลือกตั้งมาแล้วการเมืองมีเสถียรภาพ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้า ตอนนี้ก็วางตนเองไว้ว่าวันนี้ให้น้ำหนักกับการเลือกตั้งกับสนามเลือกตั้ง กับผลการเลือกตั้ง การตัดสินใจทางการเมืองอะไรที่เกี่ยวข้องจากนี้ไปก็คงขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง เราต้องเคารพเสียงประชาชน ผลการเลือกตั้งคือเสียงของประชาชน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น ประธานพรรคฯ กล่าวว่า จะมีการทํา ไพรมารีโหวตในเรื่องของส.ส.เขต และส.ส.ปารตี้ลิสเสร็จแล้วก็จะมาตัดสินใจเรื่องใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเสนอได้ 3 ท่านอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้วก็ต้องระดมสรรพกําลังกัน ระดมผู้มีประสบการณ์ ระดมความรู้ความสามารถ เพราะบ้านเมืองวิกฤตจริงๆ ก็ต้องระดมกันทุกคนต้องกลับมาช่วยชาติบ้านเมือง กลับมาช่วยพรรคกัน คือสุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ก็เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องเสนอคนที่ดีที่สุดแล้วก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชน

กกต. พร้อมอำนวยความสะดวกกลุ่มเปราะบาง  ทั้ง ‘คนพิการ-ทุพพลภาพ-ผู้สูงอายุ’ ใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.

กกต. พร้อมอำนวยความสะดวกคนพิการ-ทุพพลภาพ-ผู้สูงอายุ ใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. พร้อมอบรม จนท.ให้มีความรู้ความเข้าใจ ย้ำตระหนักถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เสมอภาค

( 27 มี.ค.66 )สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้น กกต.คำนึงถึงสิทธิในการเลือกตั้งของคนพิการทุพพลภาพและผู้สูงอายุ ตามที่มาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 บัญญัติไว้ จึงจะได้จัดให้มีการอำนวยความสะดวกสําหรับการออกเสียงลงคะแนนของคนพิการ หรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุไว้เป็นพิเศษ โดยการจัดวางคูหาออกเสียงลงคะแนนในที่เลือกตั้ง จะอยู่ห่างจากคูหาอื่นอย่างน้อย 1.50 เมตร โต๊ะวางคูหาออกเสียงลงคะแนนมีความสูงไม่เกิน 0.75 เมตร และจัดเก้าอี้ไว้ในคูหาออกเสียงลงคะแนนด้วย ส่วนคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) จะคำนึงถึงลักษณะทางกายภาพของคนพิการ ทุพพลภาพ และผู้สูงอายุ หากไม่สามารถทำเครื่องหมายลงในบัตรเลือกตั้งได้ ให้กปน. หรือญาติหรือบุคคลที่ไว้วางใจ เป็นผู้ทำเครื่องหมายลงในบัตรเลือกตั้งแทน โดยความยินยอมและเป็นไปตามเจตนาของคนพิการ หรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุนั้น โดยกปน.จะบันทึกการกระทำดังกล่าวลงในรายงานเหตุการณ์ประจำที่เลือกตั้ง (ส.ส. 5/6) และให้ถือว่าเป็นการออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ

‘ปชป.’ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ครบ 68 เขต มั่นใจ!! ได้เก้าอี้มากกว่าครั้งก่อน ย้ำ!! พร้อมรับใช้ ปชช.

(27 มี.ค.66) น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ ได้เปิดตัวว่าผู้สมัคร ส.ส. ที่เหลือ 12 เขต และบัญชีรายชื่ออีก 3 คน

โดยนายนราพัฒน์ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัครคือ 
จ.พิษณุโลก 
น.ส.ปุญชรัสมิ์ ศิริสวัสดิ์ เขต 2 
นายวิมล สารมะโน เขต 3 
นายพลิ้ง บุญแสงสวัสดิ์ เขต 5  

จ.เชียงราย 
นายไอใจ ปู่หมื่อ เขต 1 (เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์)
นายนิกร จันทร์หอม เขต 2 
นายหาญ ดอนลาว เขต 3 
นายปิยะวัฒน์ ปิยะวัฒน์หิรัณย์ เขต 7  

จ.แพร่ 
นายสุรกิจ ศิริวาท เขต 1         
นายวิโรจน์ ยิงช้าง เขต 2
นายมงคล ภัทรทิพย์มงคล เขต 3  

จ.ตาก 
น.ส.ถนอมจิต แสงงาม เขต 2 (ลงสมัครแทนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต ส.ส.ตาก ปชป. ที่ประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้)

จ.น่าน 
นายเรืองเดช จอมเมือง เขต 3 (ซึ่งเป็น ส.อ.จ.น่านเขต 1 และยังเป็นผู้ร่วมจัดตั้งมูลนิธิกลุ่มฮักเมืองน่าน)

ส่วนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีราย คือ
1.นายณัฐชา ลิขิตกิตวรกุล  
2. นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล
3. นายฉัตรณพัฒน์ เทียนมงคล

'มิ่งขวัญ' คลอดนโยบายแก๊สประชาชน 250 บาท/ถัง  เชื่อ 'บิ๊กป้อม' ไฟเขียว ตรึง 1 ปี ใช้งบ2.4 หมื่นลบ.

(27 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าว ‘นโยบายลดราคาแก๊สประชาชน’ ว่า การแถลงเรื่องนี้เพราะเห็นว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อน จากอัตราค่าเงินเฟ้อสูง โดยเฉพาะราคาแก๊สครัวเรือน นับจากวันที่ 15 ธ.ค.2557คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้ยกเลิกการคุมราคาแก๊ส ที่กำหนดไว้ 10 บาทต่อกิโลกรัม โดยให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) กำหนดราคาใหม่ จึงเป็นปฐมเหตุของปัญหา เพราะเมื่อยกเลิกราคาแก๊ส ราคาต้องลอยตัวขึ้นมา 

ต่อมาวันที่ 7 ม.ค. กบง. ให้ปรับราคาจาก10 บาท เป็น 15 บาท เริ่มมีผลวันที่ 2 ก.พ.2558 และใช้กองทุนน้ำมันอุดหนุนคุมราคาปลายทาง จากนั้นวันที่ 31 ก.ค.60 กบง.เปิดเสรีธุรกิจแก๊ส แอลพีจีเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เดือนส.ค.60 จึงทำให้ราคาต้นทางขึ้นไม่หยุด มาถึงเดือนเม.ย.-ก.ย. 65  กองทุนน้ำมันติดลบ 124,602 ล้านบาท และรัฐบาลปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม 1 บาททุกเดือน หรือ 15 บาทต่อถัง ซึ่งการปล่อยอย่างนี้จะทำทุกอย่างเดือดร้อนหมด

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 16 ส.ค.2565 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้กู้เงิน 150,000 ล้านบาท ไปโปะหนี้สาธารณะ ทำให้ประชาชนต้องแบกรับ ต่อมาวันที่ 1 มี.ค.66 รัฐบาลปล่อยให้ราคาแก๊สขึ้นเป็น423 บาทต่อถัง แต่พอใกล้จะยุบสภาเลือกตั้งจึงคิดได้ว่าหากปล่อยขึ้น คะแนนหาย จึงประกาศตรึงราคาแก๊สที่ 423 บาท ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.66 เพราะเลือกตั้งจบแล้ว แต่ถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ถูกเลือกเข้ามา หรือเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร ภาระจะไปตกที่รัฐบาลใหม่ทันที

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ราคาขายปลีกแอลพีจีในเดือนเม.ย.65 ราคา 333 บาท มีการขึ้นมาต่อเนื่อง ตรึงราคาไว้จนถึง 423 บาท และหลังเลือกตั้ง จะตรึงราคาอีกครั้ง ถ้าหลังจากนี้เหตุการณ์ทางการเมือง ไม่ทราบว่าเกิดอะไร และหากปล่อยให้ลอยตัวไปเช่นนี้ จนถึงสิ้นปีนี้ ราคาอาจไปถึง 513 บาทต่อถัง จะทำให้หลังเลือกตั้งคนจะเดือดร้อน รวมถึงคนค้าขาย อาหาร น้ำมัน ทุกอย่างเดือดร้อนหมด

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เราจะรื้อและปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อให้ครัวเรือนพ้นบ่วงกรรม ให้คนไทยได้รับความเป็นธรรมและโปร่งใส โดยใช้งบของรัฐให้ถูกทาง เพราะคนไทยเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน ดังนั้นควรตอบแทนให้คนไทยอยู่ดีกินดี ดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยเราจะลดราคา 173 บาท จาก 423 บาท เหลือ 250 บาท โดยระยะเวลาอุดหนุน 1 ปี ที่ 11.53 บาทต่อแก๊ส 1 กก. ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมด 24,000 ล้านบาท โดยเงินอุดหนุนที่จะนำมาใช้ดำเนินการได้จากเงินที่เปลี่ยนระบบสัญญาสัมปทาน เป็นระบบสัญญาแบ่งปัน ผลผลิต ทำให้ราคาแก๊สธรรมชาติที่ได้ ปรับราคาลดลง จาก 279 - 324 ต่อล้านบีทียู เหลือ 172 บาท ต่อล้านบีทียู ทำให้รายส่วนนี้กลับสู่ภาครัฐ 

ทั้งนี้เมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป เชื่อว่านโยบายนี้จะได้รับไฟเขียว เพราะพล.อ.ประวิตร ต้องการช่วยเหลือปากท้องของประชาชน และเชื่อว่าเรื่องราคาน้ำมันจะอยู่ในวาระต้นของการประชุมคณะรัฐมนตรี และเรื่องราคาแก๊สเป็นเรื่องเร่งด่วน

มติเอกฉันท์!! ‘เพื่อไทย’ ยืนหนึ่ง 3 โพล เลือกตั้ง 66

‘เพื่อไทย’ ครองที่ 1 จาก 3 โพลดัง โดยผลสำรวจในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ได้รับการโหวตและยอมรับให้เป็นพรรคในดวงใจที่ประชาชนอยากจะเทคะแนนเสียงให้มากที่สุด จากผลสำรวจของ 3 โพล ได้แก่ ซูเปอร์โพล, สวนดุสิตโพล และ นิด้าโพล 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top