Sunday, 8 June 2025
SPECIAL

ถ้าจะมีความรักทั้งที ก็จงเป็นเถอะ คนจงรักภักดี

หลายบทความได้กล่าวไว้ว่า สุนัขไม่ได้ซื่อสัตย์ หรือจงรักภักดีแต่อย่างใด แต่สุนัขเป็นสัตว์สังคม ที่จะต้องมีจ่าฝูง และลำดับชั้นในฝูง เมื่อมีการยอมรับให้เจ้าของสุนัขเป็นจ่าฝูง สุนัขก็จำเป็นต้องเอาใจจ่าฝูง แต่เมื่อใดสุนัขมองว่าจ่าฝูงอ่อนแอ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นจ่าฝูง สุนัขก็ก้าวร้าว ไม่เชื่อฟัง พยามที่จะขึ้นเป็นจ่าฝูงแทนเจ้าของสุนัข และเนื่องจากสุนัขอยู่ร่วมกันเป็นฝูง การจะควบคุมฝูงให้อยู่ในกฎและระเบียบวินัยได้ก็คือการมีจ่าฝูงขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอำนาจ ซึ่งลูกฝูงจะมอบความจงรักภักดีให้แก่จ่าฝูงที่ถูกเลือก และซื่อสัตย์ต่อฝูงของตัวเอง

ถ้าเปรียบเทียบจากข้างต้น สุนัขมองเราเป็นจ่าฝูงเลยมอบความจงรักภักดี แล้วจะแตกต่างอะไรกับการที่เรามองว่าพฤติกรรมความจงรักภักดีของเขานี้อยู่ในสายเลือดและในสัญชาตญาณ เพราะเมื่อใดก็ตามที่สุนัขเขารู้สึกผูกพันกับใคร หรือยอมรับในความเป็นจ่าฝูงของเรา สุนัขก็จะรู้หน้าที่ของตัวเอง โดยการแสดงออกมาในแบบนั้น... สุดท้ายแล้วอย่างไร สิ่งนั้นที่ตอบแทนเรามาก็คือความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อเราอยู่ดี

สุนัขมีความผูกพันกับมนุษย์เมื่อแสนกว่าปีก่อนได้ ซึ่งทันทีที่พวกเขาพบมนุษย์ พวกเขาก็เริ่มมีพฤติกรรมฝูงที่เปลี่ยนไป ปรับเปลี่ยนนิสัยสัตว์ป่าให้เข้ากับมนุษย์ได้มากขึ้นทีละนิด  มีการผสมระหว่างหมาป่ากับหมาบ้าน จนส่งผลให้ DNA ของเขาค่อยเปลี่ยนจากหมาป่ามาเป็นหมาบ้านไปในที่สุด แล้วเมื่อสุนัขมาอยู่กับมนุษย์ พวกเขาก็มีความสามารถในการเรียนรู้การสื่อสารแบบที่มนุษย์สื่อสาร ปรับตัวได้อย่างไว เข้าใจภาษากาย และการแสดงออกทางสีหน้าของเรา มีงานกรณีศึกษาหลายชิ้นที่ระบุว่า สุนัขมีความพยายามที่จะเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์มากกว่าสัตว์อื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาให้มนุษย์ได้รับรู้... อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่พวกเขาจะใส่ใจความรู้สึก หรือต้องการจะปลอบโยน แต่จะมีเพียงแต่คนที่พวกเขารัก มีความผูกพัน ด้วยเท่านั้นที่พวกเขาจะยอมจงรักภักดีด้วย เห็นหรือไม่ว่า ลักษณะนิสัยของสุนัขแล้ว อุทิศตัวเองเพื่อเข้าใจมนุษย์เรามากขนาดไหน...

“อยากได้ ต้องให้ก่อน” เชื่อไหมว่าเราใช้คำ ๆ นี้กับเขาได้จริง ถึงสุนัขจะมีความรักให้เรา เขาก็ไม่สามารถอยู่ได้หากมีความรักจากเขาแค่ฝ่ายเดียว รักมาด้วยใจ ให้มาด้วยใจกลับ การให้ในสิ่งที่จะทำให้พวกเขาเชื่อมั่นได้ว่าจะไม่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว มันคือความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย แค่คิดว่าเราเป็นผู้ให้ที่ดีเสมอ สิ่งนั้นก็จะตอบแทนเรา... ในหลาย ๆ ครั้ง ที่เราพบสุนัขทั่วไป ตามถนนหนทาง โดยเฉพาะการเจอในรูปแบบเริ่มต้นไม่ค่อยดี อย่างสุนัขเห่า หรือมองหน้ากันแบบท่าจะไม่ค่อยดี หรือหนัก ๆ เลย แบบว่าจะวิ่งใส่กันแน่ ๆ ฮ่า ๆ เราก็ไม่เคยได้ศึกษาการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์แบบแท้จริงเลยว่าควรรับมืออย่างไร เราใช้แต่วิธีที่เราเจอมาแล้วรู้สึกว่าประสบความสำเร็จในแบบนี้ เราคิดแค่ว่าถ้าเราเจออะไรแบบนี้ เราจะมองเขาด้วยใจเสมอ เราจะคิดในใจตลอดว่าเรามาด้วยใจ ไม่ได้มาทำร้าย เรามาดีนะ อาจจะดูแปลก ๆ แต่เชื่อเถอะว่าเขารับรู้ได้ถึงใจเราแน่นอน 

แต่ก็เข้าใจว่าไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน ทุกอย่างอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัว เพราะนิสัยสุนัขแต่ละตัวก็ต่างกัน บางตัวเข้าใจง่ายแปปเดียวสนิทกัน บางตัวใช้เวลา บางตัวเป็นสุนัขติสท์สุด ซึ่งเหมือนมนุษย์เลย เราเคยใช้เวลานานมาก เพื่อจะเป็นเพื่อนกับสุนัขข้างทางตัวนึง หลาย ๆ วัน ที่เราไปหา พูดคุย และอยากจะลูบหัวเขา เขาก็จะไม่ให้จับหรือโดนตัวเลย แต่ว่าในแต่ละวัน ก็ต่างพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อย ๆ จากไกล ใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ (จากมุมมองลึกแล้วเขาก็อาจจะเจออะไรมามากมาย เช่นการถูกทำร้าย คงไม่แปลกที่อาจจะมีความเชื่อใจหรือไว้ใจใครยาก) จนวันนึงเขายอมให้เรา มันเป็นความรู้สึกที่ดีใจมาก ๆ  ว่าเราสามารถทำให้เขาไว้ใจ เชื่อใจเราได้ และจริงที่จากนั้นสัญชาตญาณของเขาก็กระตุ้นทำหน้าที่ของลูกฝูงที่ดี และเชื่อฟังคำสั่งจ่าฝูงแบบเราอย่างน่ามหัศจรรย์ เราจึงไม่น่าแปลกใจที่สุนัขบางตัวสามารถจดจำได้ว่าใครเคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

ความซื่อสัตย์ของเขา เงินซื้อไม่ได้ เพียงเราต้องการก็จะต้องแลกเปลี่ยนกันด้วยหัวใจจริง ความรัก ความไว้ใจความเชื่อใจซึ่งกันและกันที่เรามี เราจะได้ในสิ่งนั้นกลับมาเช่นกัน 

ขออุทิศให้ แพนด้า


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.dogilike.com/content/train/5184/
ภาพ :  Pinterest 

แกว่งแขน​อย่างไร !! ข้อไหล่ไม่บาดเจ็บ

ในช่วงที่ผ่านมากระแสการออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขนเพื่อลดพุง​ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย​ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ​ สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานวันละหลายชั่วโมง แทบไม่ได้ลุกไปไหน หากได้ออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขน จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะการแกว่งแขนช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี

แต่อย่างไรก็ตามการแกว่งแขน​สามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้ เพราะหลายคนมุ่งเป้าไปที่การแกว่งแขนด้วยความแรงและจำนวนครั้งที่มากเกินไปหรือแกว่งแขนด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเอ็นรอบหัวไหล่​และตามมาด้วยโรค​ไหล่ติด​ (Frozen shoulder)​ ทำให้ปวดไหล่และมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภาวะหลังค่อมหรือผู้สูงอายุ อาจเกิดการเสียดสีของเอ็นรอบข้อไหล่และเยื่อหุ้มไหล่ จนเกิดการอักเสบของถุงน้ำรอบข้อไหล่ได้ นอกจากนี้ภาวะเกร็งหรือขาดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อสะบักก็มีส่วนทำให้แกว่งแขนด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย

ดังนั้นหากมีอาการไหล่ห่อหรือหลังค่อม​ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังด้วยการแกว่งแขน​ ควรเริ่มจากการออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อสะบักและหลังส่วนบน เพื่อเป็นการปรับให้หลังตรงขึ้น จะช่วยลดการบาดเจ็บข้อไหล่ได้​ โดยใช้ท่าออกกำลังกายดังนี้

1.​) ในท่านั่งหรือนอนตะแคง เริ่มจากท่างอศอกเป็นมุมฉาก อาจใช้ผ้าขนหนูสอดไว้ที่ใต้รักแร้ มือข้างหนึ่งกำหนังยางหรือที่ยกน้ำหนัก(ดัมเบล) ออกแรงยกแขนไปทางด้านข้างลำตัวดังภาพ​ ทำ 10 - 15​ ครั้ง​ต่อรอบ จำนวน 3 รอบต่อวัน

2.​) ในท่ายืนตรง นำมือทั้งสองข้างประสานกันไว้ทางด้านหลัง เหยียดแขนตรง ออกแรงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นจนรู้สึกตึงกล้ามเนื้อหน้าอก ค้างไว้ 10 - 15 วินาที ทำ 10 - 15 ครั้ง

3.)​ ในท่าแพลงค์ (half plank) ศอกและเข่าวางลงบนพื้นตามรูป เกร็งค้างไว้ 30​ วินาทีต่อรอบ ทำ 3 รอบต่อวัน​ หากเป็นผู้สูงอายุ​ให้ลงน้ำหนักที่ข้อศอก​และ​ต้นขาด้านหน้า

การแกว่งแขนที่ถูกต้อง คือการออกแรงเกร็งสลับผ่อนคลาย โดยมีการถ่ายน้ำหนักไปทางด้านหน้าและด้านหลัง​ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของแขน โดยเป้าหมายอยู่ที่การเกร็งกล้ามเนื้อขา​ ข้อเท้า​ หน้าท้อง​ และลำตัว​ มีข้อควรปฏิบัติดังนี้​

1.) ยืนตรง กางขาเท่ากับระยะห่างของไหล่​ 2​ ข้างและงอเข่าเล็กน้อย

2.) ปล่อยแขนวางข้างลำตัวแล้วค่อยเริ่มแกว่งแขนไปทางด้านหน้าและด้านหลังช้าๆปล่อยแรงไปตามธรรมชาติ โดยมุมการเคลื่อนไหวอาจไม่เท่ากันในแต่ละคน

3.) ขณะแกว่งแขนจะมีการถ่ายน้ำหนักไปทางด้านหน้าและด้านหลัง (ปลายเท้าสลับกับส้นเท้า)

4.) แขม่วพุง​และขมิบก้นไปด้วย เพื่อรักษาการทรงท่าไม่ให้หลังแอ่น

5.) การแกว่งแขนที่ถูกต้องไม่เน้นออกกำลังกายที่ส่วนบน แต่เน้นออกกำลังกายขา

6.) แกว่งแขนรอบละ​ 10 นาที​ วันละ 3​ รอบ

ข้อควรระวัง

ห้ามกลั้นหายใจ ควรหายใจเข้าออกช้าๆตามจังหวะการแกว่งแขน​อย่างเป็นธรรมชาติ​ อย่าแกว่งแขนแรงจนเกินไป แม้ว่าการแกว่งแขนจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากทำด้วยความรุนแรงหรือท่าทางที่ไม่เหมาะสมอาจก่อนให้เกิดการบาดเจ็บได้ ดังนั้นควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนและหลังแกว่งแขนทุกครั้ง เนื่องจากข้อไหล่​มีเอ็นและกล้ามเนื้อหลายมัด​ การบาดเจ็บหรือการอักเสบอาจส่งผลให้เยื่อหุ้มข้อไหล่มีการหดรั้งและเกิดโรคไหล่ติดได้

หากเกิดการบาดเจ็บขณะออกกำลังกายควรหยุดแกว่งแขนและเริ่มดูแลตนเองเบื้องต้น​ด้วยการประคบความเย็นรอบข้อไหล่​ ครั้งละ 15​ นาที​ วันละ 3 - 4​ รอบ​ จนกว่าอาการปวดและอักเสบดีขึ้น

สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บของข้อไหล่ที่มารับบริการในคลินิกกายภาพบำบัด นอกจากเกิดจากการแกว่งแขนแล้วยังเกิดจากกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์, การอุ้มลูกหรือคุณครูที่เอื้อมมือเขียนกระดานสูงๆ เป็นต้น ซึ่งจะได้เห็นว่าบางกิจกรรม​ไม่น่าจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้​ แต่เมื่อทำกิจกรรมนั้นด้วยระยะเวลานานหรือท่าทางไม่เหมาะสม จะส่งผลให้กล้ามเนื้อและเอ็นรอบข้อไหล่เกร็งเกิดการบาดเจ็บเรื้อรังตามมาได้

ดังนั้นหากเริ่มมีอาการบาดเจ็บของข้อไหล่​ ไม่ควรฝืนออกกำลังกายเพราะจะยิ่งทำให้บาดเจ็บมากขึ้น​ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงอาการเจ็บหรือเสียว​ในข้อไหล่ สิ่งแรกที่ควรทำ​คือ ประคบด้วยความเย็น​ และ​ ฟังเพลง "พักก่อน" ของ Milli และถ้าไม่ดีขึ้นก็ควรไป​ "หาหมอก่อน" จะได้ไม่บาดเจ็บเรื้อรังค่ะ


ข้อมูลอ้างอิง

https://fullfunctionrehab.com/blog-shoulder-impingement-syndrome/

http://www.rbf-bjpt.org.br/en-kinesiologic-considerations-for-targeting-activation-articulo

https://www.sportsinjurybulletin.com

https://flawlessphysio.co.uk/3-core-exercises-for-runners/

https://foodtalk4you.com/a-new-trend-in-exercise-the-plank/

https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/880

https://www.gangbeauty.com/exercise/106178

https://www.health.harvard.edu/shoulders/stretching-exercises-frozen-shoulder

https://www.therapeuticassociates.com/athletic-performance/running/stretching-for-runners/biceps/

ถ้างูรัก พี่จะรับไหมคะ ?

แต่ก่อนถ้าพูดถึงคำว่า ‘สัตว์เลี้ยง’ หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงสุนัข แมว ปลา เป็นต้น แต่ในปัจจุบันคนเริ่มหันมาสนใจและนิยมที่จะริเริ่มเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น ‘งู’ หลาย ๆ คนก็เริ่มที่จะสนใจเลี้ยงงูด้วยเหตุผลหลากหลาย มากมาย เช่น มีสีสันที่สวยงาม ดูสวยและดูแพง อยากสร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิต ในวันนี้เราจะพามาแนะนำสัตว์เลี้ยงที่สุดแสนจะน่ารักของใครหลาย ๆ คนกัน ไม่แน่ถ้าคุณอาจบทความนี้จบ คุณอาจจะหลงรักงูเข้าจริง ๆ เลยก็ได้ค่ะ

งู หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงความโหดร้าย และ ความน่ากลัวของมันแต่จริง ๆ แล้ว งู มีหลากหลายประเภทเหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่ว ๆ ไป งู เป็นสัตว์ไม่มีขา เคลื่อนที่โดยการคลานไปมา มีความว่องไว และ มีความเป็นนักล่าพอสมควร งูหลายชนิดส่วนใหญ่จะไม่กัด แต่ที่เราเห็นข่าวออกเกี่ยวกับคนโดนงูกัด เป็นเพราะว่างูนั้นต้องการปกป้องตัวเองและจะจู่โจมโดยการกัด งูเป็นสัตว์ที่กินเนื้อ โดยงูสามารถกินและกักเก็บอาหารได้ งูจะออกล่าเวลาหิว และที่สำคัญงูเป็นสัตว์ที่มองเห็นได้ตอนกลางคืน เวลาล่าเหยื่อส่วนใหญ่จะล่าในเวลากลางคืนและจะนอนในเวลากลางวัน

หลาย ๆ คนที่คิดที่จะเริ่มเลี้ยงงูก็คงที่จะต้องศึกษาข้อมูลกันเป็นอย่างดีว่าวิธี

ลักษณะการเลี้ยงงูที่ถูกต้องเป็นอย่างไร อย่างแรกเลยคือ ที่อยู่ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะแนะนำให้คนที่เลี้ยงงูจะต้องอาศัยในกล่องโดยตัวกล่องมีลักษณะแข็งแรง มีฝาเปิด และ ต้องมีอากาศถ่ายเท มีถาดน้ำไว้เสมอ เพื่อให้กล่องมีความชื้น เพราะงูจะต้องมีการลอกคราบและงูจะต้องมีการแช่ตัว ส่วนอาหารงูก็เป็นสัตว์เล็ก ๆ เช่น หนู โดยปกติงูจะเป็นสัตว์ที่ไม่ได้กินเยอะมาก แต่กินครั้งหนึ่งจะต้องอยู่ได้นาน ต้องพางูไปเจอกับสภาพแวดล้อมด้านนอกบ้าง ให้สัมผัสกับพื้นดิน พื้นทราย ไม่ใช่อยู่แต่ในกล่อง เพราะจะทำให้งูเครียด หลักการเลี้ยงงูไม่มีอะไรยาก แค่ต้องดูแล เอาใจใส่ เหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่ว ๆ ไป

งูเลี้ยงมีหลากหลายสายพันธุ์ ถ้าคิดอยากจะเริ่มเลี้ยงงู เรามีสายพันธุ์แนะนำให้ท่านผู้อ่านได้มาเลือกดูกัน

RAT Snake

เป็นงูสายพันธุ์ที่ไม่ดุ และ ไม่โหดร้าย ไม่มีพิษ มีเกล็ดที่แข็งแรง มีสีสันหลากหลาย รูปร่างเพรียวบาง

Common King Snake

เป็นงูสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย สวยงาม และไม่มีพิษ แต่น้องงูชนิดนี้มีความโหดร้ายเบา ๆ ซ่อนอยู่คือจะเป็นสายพันธุ์ที่กินงูด้วยกันเอง แต่ถ้ามีสัตว์อื่น ๆ อย่าง นก หนู หรือ ปลา งูชนิดนี้ก็สามารถกินได้เช่นเดียวกัน

Milk Snake

ลักษณะเรียวยาว รูปทรงกระบอก น่ารัก ชอบอากาศชื้นมาก ๆ และ ถ้าเกิดตกใจจะเลื้อยด้วยความเร็วสูง มีสีสันที่หลากหลาย

Ball Pyton

เป็นงูหลามที่มีลักษณะสวยงาม เป็นงูที่ค่อนข้างรักสงบ เชื่อง และ ชอบออกหากินเวลากลางคืน และเป็นงูที่ชอบเล่นน้ำมาก ๆ ผู้เลี้ยงจะต้องมีสระน้ำ หรือ อ่างน้ำใหญ่ ๆ ไว้สำหรับงูสายพันธุ์นี้

Rainbow Boa

เป็นงูที่เวลาแสงสะท้อนมาที่ตัวจะมีสายรุ้งปรากฏ สวยงามมาก ๆ และคนนิยมเลี้ยงสายพันธุ์นี้มาก ๆ เลี้ยงง่ายแต่ต้องมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ เพราะงูสายพันธุ์นี้ไม่ชอบความแออัด หรือพื้นที่น้อย

หลังจากที่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับน้องงูแล้ว หลาย ๆ คนก็อาจจะหันมาสนใจและลองศึกษาวิธีการเลี้ยงดูเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังด้วยนะคะ เพราะงูเป็นสัตว์ที่เราไม่สามารถสั่งการได้ จะต้องศึกษาก่อนที่จะเลี้ยงดู และต้องรัก ดูแลเอาใจใส่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ด้วยนะคะ Have a good day ค่ะ


แหล่งอ้างอิง

https://th.wikipedia.org/wiki/งู

https://pantip.com/topic/35645072

http://www.metro-society.com/th/leisure/pet-snakes-guide

สัตว์เลี้ยง...เจ้าเพื่อนซี้คู่ใจ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้คนนิยมเลี้ยงสัตว์กันในทุก ๆ บ้านและยกให้เจ้าสัตว์เหล่านี้ เป็นเพื่อนซี้คู่ใจในยามเหงา และในตอนนี้ก็ไม่จำกัดอยู่แค่สุนัข และแมวเท่านั้น แต่ขยายวงออกไปในกลุ่มของสัตว์พิเศษ เช่น กระต่าย เม่นแคระ หนูแฮมสเตอร์ หรือว่าจะเป็น ปลา นก สัตว์เลื้อยคลานครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น งู กิ้งก่าอิกัวน่า เต่า และสัตว์เลี้ยงหายากอีกมากมาย

สำหรับสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่แทบจะทุกบ้านมีเลี้ยงไว้ จากผลสำรวจจาก EBSCO ได้ทำการสำรวจบรรณารักษ์และผู้ประกอบวิชาชีพอื่น เพื่อสำรวจว่าสัตว์เลี้ยงประเภทไหนเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านยอดนิยมมากที่สุด โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจกว่า 480 คนและ 323 คนยังแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเพิ่มเติม และ ผลสำรวจเป็นไปตามคาดแมวและสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่บรรณารักษ์ แม้ว่าแมวจะได้รับการโหวตมากกว่าสุนัขแต่ก็นำเพียง 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น เกือบร้อยละ 90 ของเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ที่ร่วมทำแบบสำรวจระบุว่าเขาเลี้ยงสัตว์อย่างน้อยหนึ่งตัว และร้อยละ 47 เลี้ยงทั้งสุนัขและแมวอย่างน้อยอย่างละตัว

สำหรับข้อดีของการมีเพื่อนซี้คู่ใจของเจ้าสัตว์เหล่านี้ แน่นอนว่าส่งผลต่อจิตใจของเราแน่นอน ผู้ที่อาศัยอยู่กับสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากกว่าและรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยกว่า ผู้ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงอีกนะ และที่สำคัญ สัตว์เลี้ยงช่วยให้คุณขจัดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย ไม่ว่าเราจะเคร่งเครียดมาจากการทำงาน อยากจะหาที่ระบาย พอกลับบ้านมาเท่านั้นก็จะมีสองตาแป๋ว รอเราอยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ หรือแม้กระทั่งในวันที่รู้สึกท้อใจก็ยังมีสัตว์เลี้ยงที่คอยเป็นผู้ฟังที่ดี ให้กับคุณอีกด้วยนะ...

แต่! ใครว่าจะมีข้อดีอย่างเดียว ยังมีเรื่องให้คุณต้องกังวลอยู่อีกไม่น้อย ก่อนอื่นเลยคุณต้องมีเวลาให้กับมัน เพราะสัตว์บางชนิดอาจต้องการความรัก ความอบอุ่นจากเจ้าของ และมันอาจจะทำให้คุณสูญเสียค่าใช้จ่ายไปอย่างมากได้เช่นกัน เริ่มตั้งแต่การซื้อสัตว์มาเลี้ยง บอกเลยราคาของสัตว์แต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ ก็สูงมากใช่เล่น หลังจากซื้อมาแล้วคุณยังต้องพาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ อีกด้วย ขณะเลี้ยงคุณก็ต้องคอยสังเกตอาการและคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน เป็นอย่างดี หากไม่ศึกษาให้ดีก่อนเลี้ยง คุณอาจจะต้องพาสัตว์เลี้ยงของคุณไปพบคุณหมอ และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายแต่ละครั้ง ก็สูงมากเช่นกัน

การมีเพื่อนซี้คู่ใจอยู่ที่บ้าน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีแน่นอนคุณจะมีเพื่อนซี้ในยามเหงา ไม่ว่าจะหลับ หรือตื่น แต่ลองชั่งน้ำหนักดูว่า คุณพร้อมที่จะเลี้ยงมันหรือไม่ ทั้งเรื่องของเวลา และ ค่าใช้จ่ายที่อาจจะตามมาอีกไม่น้อย...


อ้างอิง

https://pcgshoponline.com/blog/2018/10/news31

https://www.ebsco.com/e/th-th/blog/librarian-pet-ownership-survey-th

ประเทศที่ปราศจากกองทัพ

เข้าสู่อากาศร้อนจัดของเดือนเมษายน จึงขอลดความร้อนแรงของความร้อนด้วยเรื่องของประเทศที่ไม่มีกองทัพ ซึ่งในโลกของเรามีร่วมสามสิบประเทศที่ไม่มีกองทัพ คำว่าประเทศในที่นี้หมายถึงรัฐที่มีอธิปไตย โดยการป้องกันประเทศของตนกลายเป็นความรับผิดชอบของประเทศอื่นไป หรือมีกองทัพที่มีลักษณะเป็นทางเลือกเป็นกองกำลังติดอาวุธสำหรับการป้องกันประเทศตามแต่จะใช้เพื่อสนับสนุนนโยบายภายในประเทศและนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลนั้น ๆ บางประเทศที่มีการระบุไว้เช่น Iceland (ซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีกองกำลังทหารประจำการ) และ Monaco ไม่มีกองทัพหลัก แต่ยังคงมีกองกำลังทหารที่ไม่ใช่ตำรวจ ด้วยกองทัพมีค่าใช้จ่ายสูงในโลกปัจจุบัน และสำหรับหลายประเทศเหล่านี้การยกเลิกหรือไม่มีกองกำลังทหารจะสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับบริการสาธารณะอื่น ๆ ได้อีกมาก

ตามข้อมูลของ CIA World Factbook (เอกสารข้อมูลรายปีของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (CIA) จัดทำขึ้น โดยเอกสารชุดนี้จะสรุปข้อมูลประมาณ 2-3 หน้าเกี่ยวกับ ประชากรศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การสื่อสาร การปกครอง เศรษฐกิจ และการทหารของประเทศ และรัฐที่มีการปกครองตนเอง 267 แห่งทั่วโลก) ได้ระบุว่า มี 32 ประเทศที่ไม่มีกองกำลังทหารประจำการในขณะนี้

Cos de Policia d'Andorra ของราชรัฐ Andorra

1.) ราชรัฐ Andorra หนึ่งในรัฐที่เล็กที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน มีประชากรประมาณ 85,000 คนเท่านั้น เป็นประเทศซึ่งอยู่ในเทือกเขา Pyrenees โดยมีกองตำรวจที่เรียกว่า Cos de Policia d'Andorra แต่ไม่มีกำลังทหารประจำการ ซึ่งการป้องกันอธิปไตยของรัฐนี้เป็นความรับผิดชอบของสเปนและฝรั่งเศสด้วยเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กัน

2.) Aruba ประเทศในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เกาะ Aruba ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นรัฐที่มีสถานะเป็นรัฐอิสระปกครองตนเองที่แยกจากกันของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว โดยการป้องกันประเทศซึ่งมีประชากร 116,000 คน ถือเป็นความรับผิดชอบของเนเธอร์แลนด์ หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของ Aruba เน้นไปที่การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและการก่อการร้าย

3.) หมู่เกาะ Cayman เป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนซึ่งอยู่ในดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ (เหมือนฮ่องกงในอดีต ก่อน ปี ค.ศ. 1997) อันหมายความว่า สหราชอาณาจักรยังคงรับผิดชอบในการป้องกันหมู่เกาะที่อยู่ห่างจากประเทศคิวบาไปทางใต้ประมาณ 150 ไมล์ อย่างไรก็ตามหมู่เกาะ Cayman ยังคงมีกองกำลังตำรวจแห่งชาติที่เรียกว่า กองกำลังตำรวจหมู่เกาะ Cayman ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่เกาะ Cayman อาศัยอยู่บนเกาะ Grand Cayman ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในสามเกาะ

4.) หมู่เกาะ Cook มีประชากรราวหนึ่งหมื่นคน ตั้งชื่อตามกัปตัน James Cook เป็นเกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกที่เป็นอิสระ แต่มีความสัมพันธ์และการติดต่อกับนิวซีแลนด์ โดยถือว่า หมู่เกาะ Cook เป็นเขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์ ดังนั้นนิวซีแลนด์จึงต้องรับผิดชอบในการป้องกันประเทศของหมู่เกาะ Cook แต่เป็นไปตามที่หมู่เกาะ Cook ร้องขอเท่านั้น

Public Force of Costa Rica ทำหน้าที่เป็นตำรวจ และ พิทักษ์ชายแดน และมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันประเทศอีกด้วย

5.) สาธารณรัฐ Costa Rica ไม่มีกองกำลังติดอาวุธในคอสตาริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 ประเทศซึ่งมักเรียกกันว่า "สวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกากลาง" ได้ประกาศความเป็นกลางอย่างถาวรและปราศจากอาวุธในปี ค.ศ. 1983 โดยมีกองกำลังกึ่งทหารขนาดเล็ก (Public Force of Costa Rica) ทำหน้าที่เป็นตำรวจ และ พิทักษ์ชายแดน และมีวัตถุประสงค์ในการป้องกันประเทศอีกด้วย แต่ในทางปฏิบัติแล้วความเป็นจริงก็คือ Costa Rica ได้รับความคุ้มครองในทางอธิปไตยโดยกองทัพสหรัฐฯ

6.) Curacao เป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่เป็นรัฐที่มีสถานะเป็นรัฐอิสระปกครองตนเองในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เป็นเกาะในทะเลแคริบเบียนที่ไม่มีกองกำลังทหาร อย่างไรก็ตามรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังคงดูแลกิจการต่างประเทศและการป้องกันประเทศ เกาะมีขนาด 171 ตารางไมล์ ซึ่งมีประชากรราว 150,000 คน 0kdการลงประชามติในปี ค.ศ. 2009 ชาว Curacao ลงคะแนนเสียงให้ Curacao เป็นประเทศที่ปกครองตนเองภายใต้ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ดังนั้นหน่วยยามฝั่งแคริบเบียนแห่งเนเธอร์แลนด์ (DCCG) ยังคงทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางทะเลให้อยู่จนปัจจุบัน

7.) เครือรัฐ Dominica หมู่เกาะสุดท้ายของหมู่เกาะแคริบเบียนที่เคยเป็นอาณานิคม ของยุโรป เป็นรัฐหมู่เกาะใน Lesser Antilles และเป็นสมาชิกของเครือจักรภพ โดยมีกองกำลังตำรวจที่เรียกว่า Commonwealth of Dominica Police Force ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยป้องกันชายฝั่งด้วย การป้องกันประเทศเป็นไปตาม ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันและความมั่นคงของภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออก (The Regional Security System (RSS)) ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออก (Antigua and Barbuda (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Barbados (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Dominica (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Grenada (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985) Saint Kitts และ Nevis (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983) Saint Lucia (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) Saint Vincent และ the Grenadines (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982) กับสหรัฐฯ และแคนาดา

8.) หมู่เกาะ Faroe หมู่เกาะนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป ถือเป็นเขตการปกครองตนเองของราชอาณาจักรเดนมาร์ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือระหว่างเกาะอังกฤษ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ มีประชากรราว 51,000 คน ไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำ โดยรัฐบาลเดนมาร์กรับผิดชอบในการป้องกันอธิปไตยให้ ด้วยกองกำลังอาร์กติกของกองทัพเดนมาร์กทำหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันดินแดนของหมู่เกาะ Faroe


9.) French Polynesia ประเทศโพ้นทะเลในเครือของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก และประกอบด้วยเกาะขนาดเล็กและขนาดใหญ่จำนวนมาก เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดของดินแดนคือ Tahiti มีประชากรราว 290,000 คน แต่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตัวเอง โดยรัฐบาลฝรั่งเศสรับผิดชอบทำหน้าที่ในป้องกันอธิปไตยของ French Polynesia

10.) Greenland ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในปี ค.ศ. 1985 เนื่องจากข้อพิพาทเกี่ยวกับโควตาในการทำประมงที่เข้มงวด เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในทางภูมิศาสตร์เป็นของส่วนหนึ่งของทวีปอเมริกาเหนือ แต่ถือเป็นเขตการปกครองตนเองของราชอาณาจักรเดนมาร์ก ดินแดน ในปี ค.ศ. 2008 ได้รับการลงคะแนนให้มีการปกครองตนเอง และรับผิดชอบในกิจการภายในประเทศเอง ในปี ค.ศ. 2009 Greenland ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติการปกครองตนเอง โดยตระหนักว่าพลเมืองของตนมีสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามรัฐบาลเดนมาร์กยังคงมีอำนาจควบคุมในด้านนโยบายหลายประการ รวมถึงนโยบายด้านการต่างประเทศ ความมั่นคง และการเงินการคลัง ทำให้รัฐบาลเดนมาร์กต้องรับผิดชอบในการป้องกันอธิปไตยของ Greenland ด้วย

11.) Grenada หนึ่งในประเทศเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร เป็นเกาะทางตอนเหนือของ Lesser Antilles ในทะเลแคริบเบียน นับตั้งแต่การบุก Grenada ของกองทัพสหรัฐฯในปี พ.ศ. 1989 ประเทศนี้ก็ไม่มีกำลังทหารของตนเองอีกต่อไป อย่างไรก็ตามมีกองกำลังตำรวจที่เรียกว่า กองกำลังตำรวจ Grenada ซึ่งทำหน้าที่เป็นยามชายฝั่งด้วย การป้องกันประเทศเป็นไปตาม ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการป้องกันและความมั่นคงของภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออก (The Regional Security System (RSS)) เช่นกัน

Viking Squad หน่วยปฏิบัติการพิเศษสังกัดหน่วยยามฝั่งของสาธารณรัฐ Iceland

12.) สาธารณรัฐ Iceland แม้ว่าจะเป็นสมาชิกของ NATO แต่ก็ไม่มีกองกำลังทหารประจำการ NATO จึงทำหน้าที่ในการป้องกันประเทศให้ Iceland ด้วย และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 กองกำลังทั้งหมดของสหรัฐฯได้ถอนกำลังออกจาก Iceland มีกองกำลังยามฝั่งประกอบด้วยเรือและอากาศยานจำนวนหนึ่ง

13.) สาธารณรัฐ Kiribati เข้าร่วมองค์การสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1999 มีบทบาทอย่างมากในความพยายามระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รัฐคิริบาสเป็นเอกราชตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และมีประชากร 109,000 คน เคยเรียกว่า หมู่เกาะGilbert ไม่มีกองกำลังประจำการและการจัดตั้งกองทัพเป็นเรื่องต้องห้ามตามนรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามยังคงมีกองกำลังตำรวจ โดยออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ทำหน้าที่ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศให้ด้วย

สมาชิกของกองกำลังตำรวจแห่งชาติ ราชรัฐ Liechtenstein

14.) ราชรัฐ Liechtenstein เป็นรัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับหกของโลก แม้ว่าประเทศนี้จะไม่มีกองกำลังทหารประจำการ แต่กองกำลังตำรวจแห่งชาติก็มีร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกองทัพของประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์

15.) สาธารณรัฐหมู่เกาะ Marshall หลังจากเกือบสี่ทศวรรษภายใต้การบริหารของสหรัฐฯ ในที่สุดหมู่เกาะ Marshall ก็ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1986 แต่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเองดังนั้น สหรัฐฯจึงยังคงต้องทำหน้าที่ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศให้ด้วย

16.) สาธารณรัฐ Mauritius เป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดีย และมีประชากร 1.3 ล้านคน ประเทศได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 1968 แม้ว่าจะไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำ แต่ก็มีกองกำลังตำรวจ (The Mauritius Police Force (MPF)) ซึ่งมีกำลังราว 12,500 นาย และหน่วยทหารที่เรียกว่า Special Mobile Force 1,500 นาย และยามฝั่งอีก 500 นาย (ทั้งสองหน่วยนี้อยู่ในสังกัดของ MPF ด้วย) เป็นหลักประกันความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

17.) สหพันธรัฐ Micronesia อดีตดินแดนภายใต้การดูแลของสหประชาชาติในแปซิฟิกตะวันตก ภายใต้การบริหารของสหรัฐฯ ซึ่งได้รวมเข้าด้วยกันในปี พ.ศ.1979 โดยมีและใช้รัฐธรรมนูญของตนเอง เป็นสหพันธรัฐ Micronesia ไม่มีกำลังทหารเป็นของตัวเอง ดังนั้นการป้องกันจึงต้องอาศัยกองกำลังของกองทัพสหรัฐฯ

ทหารรักษาพระองศ์ ราชรัฐ Monaco

18.) ราชรัฐ Monaco รัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของฝรั่งเศส นครรัฐซึ่งครอบคลุมพื้นที่เพียง 0.78 ตารางไมล์มี ประชากรทั้งหมด 31,000 คน ฝรั่งเศสเป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกันประเทศ แต่ยังคงมีกองทหารประจำการเป็นกองทหารรักษาพระองศ์ 255 นาย และกองกำลังตำรวจแห่งชาติอีก 515 นาย

19.) Montserrat อยู่ในทะเลแคริบเบียน ถือเป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2326 เนื่องจากการปะทุของภูเขาไฟซ้ำหลายครั้งผู้อยู่อาศัยในเกาะจำนวนมากจึงอพยพไปต่างประเทศในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า Montserrat จะมีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่มีทหารประจำการ และการป้องกันอธิปไตยอยู่ภายใต้การดูแลของสหราชอาณาจักร

20.) สาธารณรัฐ Nauru ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะ Marshall เป็นสาธารณรัฐที่เล็กที่สุดในโลก หลังจากถูกยึดครองโดยหลายประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ประเทศนี้ได้รับการประกาศให้เป็นดินแดนภายใต้การดูแลของสหประชาชาติภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1968 เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ได้รับเอกราช ประชากรราว 10,000 คน แต่ตามข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการ ความรับผิดชอบในการป้องกันอธิปไตยของประเทศอยู่ภายใต้ออสเตรเลีย

21.) Niue ตั้งอยู่ในแปซิฟิกใต้ มีประชากรเพียง 1,600 คน และเป็นดินแดนที่ปกครองตนเองโดยมีความสัมพันธ์เสรี (Free association) กับประเทศนิวซีแลนด์ด้วย นั่นหมายความว่าประมุขโดยชอบธรรมของนิวซีแลนด์เป็นประมุขรัฐของ Niue ด้วย แม้ว่าเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้จะไม่มีกองทหารประจำการ แต่ก็มีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง การป้องกันอธิปไตยของประเทศเกาะที่โดดเดี่ยวแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของนิวซีแลนด์

22.) สาธารณรัฐ Palau มีประชากรประมาณ 21,516 คน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของหมู่เกาะแคโรไลน์ ในอดีตมีประชามติไม่เห็นด้วยกับการรวมกลุ่มเข้ากับสหพันธรัฐ Micronesia ที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1978 และได้ประกาศเอกราชเป็นสาธารณรัฐปาเลา ยังคงมีข้อตกลงเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯและปาเลา ดังนั้นกองทัพสหรัฐฯจึงได้รับอนุญาตให้ส่งทหารประจำการในพื้นที่ของ Palau ได้ โดย Palau ยังมีกองกำลังตำรวจแห่งชาติอยู่ และการป้องกันอธิปไตยต้องอาศัยกองกำลังของกองทัพสหรัฐฯ

23.) สาธารณรัฐ Panama เป็นประเทศในอเมริกากลาง ยกเลิกกองทัพประจำการในปี ค.ศ. 1990 เป็นประเทศที่สองต่อจาก Costa Rica โดยจัดตั้ง The Panamanian Public Forces มาแทนที่ ซึ่งประกอบด้วย กองกำลังตำรวจแห่งชาติ กองกำลังรักษาความมั่นคงภายใน หน่วยบินและหน่วยลาดตระเวนทางน้ำชาติขนาดเล็กทำหน้าที่ตรวจตราตามพรมแดน มีกำลังประจำการราวสามหมื่นนาย และกองกำลังอาสาสมัครอีกห้าหมื่นนาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 รัฐธรรมนูญของปานามาได้ห้ามการจัดตั้งกองทัพที่มีทหารประจำการ

24.) Saint Lucia รัฐหมู่เกาะอยู่ในหมู่เกาะอินเดียตะวันตก และเป็นสมาชิกของเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร เป็นรัฐไม่มีกองทหารประจำการ แต่มีกองกำลังตำรวจ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษและหน่วยยามฝั่ง ทั้งหมด 116 นาย และการป้องกันอธิปไตยอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯในฐานะชาติพันธมิตร

25.) Saint Vincent และ the Grenadines มีขนาดเป็นสองเท่าของกรุงวอชิงตัน ดี ซี ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1979 หลังจากตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรเป็นเวลานาน ชาวเกาะมีจำนวน 102,000 คนไม่มีกองทหารประจำการ แต่มีกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเองซึ่งมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษและยามฝั่ง โดยการป้องกันอธิปไตยอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯในฐานะชาติพันธมิตรเช่นเดียวกับ Saint Lucia

26.) รัฐเอกราช Samoa เป็นรัฐเกาะของชาวโพลีนีเซียชาติแรกที่ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1962 ไม่มีโครงสร้างการป้องกันประเทศอย่างเป็นทางการ หรือกองกำลังติดอาวุธทั่วไป แต่มีกองกำลังตำรวจ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศอย่างไม่เป็นทางการกับนิวซีแลนด์ ภายใต้สนธิสัญญามิตรภาพ ค.ศ. 1962


กองทหารสมัครใจที่ทำหน้าที่กองเกียรติยศในพิธีการต่าง ๆ สาธารณรัฐ San Marino

27.) สาธารณรัฐ San Marino นโยบายต่างประเทศของ San Marino สอดคล้องกับสหภาพยุโรป แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกก็ตาม San Marino ไม่เพียง แต่เป็นสาธารณรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นรัฐในยุโรปที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสามอีกด้วย ล้อมรอบไปด้วยดินแดนอิตาลี ไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำการ แต่มีกองทหารสมัครใจที่ทำหน้าที่กองเกียรติยศในพิธีการต่าง ๆ และสามารถใช้เพื่อสนับสนุนภารกิจของตำรวจได้ ในกรณีฉุกเฉินรัฐสงวนสิทธิ์ในการเรียกพลเมืองซานมาริโนทุกคนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 60 ปีเพื่อเป็นทหาร อย่างไรก็ตามความรับผิดชอบในการป้องกันประเทศขึ้นอยู่กับอิตาลี

28.) Sint Maarten เกาะ Sint Maarten อยู่ในทะเลแคริบเบียน เป็นเขตปกครองตนเองในเครือของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะ Saint-Martin ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส Sint Maarten ไม่มีกองกำลังติดอาวุธประจำการ และการป้องกันดินแดนของเกาะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเนเธอร์แลนด์

29.) หมู่เกาะ Solomon เป็นสมาชิกเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่การประกาศเอกราชของหมู่เกาะโซโลมอนในปี พ.ศ. 2521 มีการจลาจลรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก และอัตราการก่ออาชญากรรมบนหมู่เกาะนี้ก็อยู่ในระดับสูง ระหว่างปี พ.ศ. 2546 ถึง 2560 ภารกิจช่วยเหลือซึ่งประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร และที่ปรึกษาพลเรือนจากทั้งหมด 15 ประเทศได้เข้าประจำการในหมู่เกาะโซโลมอน เป้าหมายของภารกิจเหล่านี้คือการฟื้นฟูระเบียบ ทางแพ่ง และทางการเมือง หมู่เกาะโซโลมอนไม่มีกองทัพที่ยืนอยู่ แต่คงมีกองกำลังตำรวจ 1,153 นาย และสถานีตำรวจอีก 43 แห่ง

30.) Tuvalu เป็นสมาชิกเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร ประชากรประมาณ 11,000 คน ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2521 เกาะตูวาลูในมหาสมุทรแปซิฟิกได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่เกาะเอลลิซ (อาณานิคมของอังกฤษ) โดยเป็นรัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลกมีประชากรประมาณ 11,000 คนและไม่มีทหารประจำการเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม Tuvalu มีกองกำลังตำรวจของตัวเอง

31.) สาธารณรัฐ Vanuatu ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2523 อยู่ในกลุ่มนิวเฮบริดส์ซึ่งเป็นดินแดนของหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกหลายแห่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ประกอบด้วยเกาะกว่า 80 เกาะ และไม่มีทหารประจำการ แต่มีกองกำลังตำรวจ Vanuatu องกำลังเคลื่อนที่เร็ว Vanuatu และ The Vanuatu Mobile Force (VMF)


สวิสการ์ด (Pontifical Swiss Guard) นครรัฐ Vatican

32.) นครรัฐ Vatican มีสวิสการ์ด (Pontifical Swiss Guard) เป็นหน่วยติดอาวุธที่มีหน้าที่ถวายอารักขาองค์พระสันตะปาปา แม้ว่าจะไม่มีสนธิสัญญาป้องกันกับอิตาลี เนื่องจากจะละเมิดความเป็นกลางของนครรัฐ Vaticanแต่กองทัพอิตาลีมีหน้าที่ปกป้องนครรัฐ Vatican อย่างไม่เป็นทางการ

เหล่านี้คือ รายชื่อประเทศที่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ โดยทั่วไปแล้วสามสิบเอ็ดประเทศที่ระบุไว้ในที่นี้มักจะมีข้อตกลงอันยาวนานกับประเทศที่เคยยึดครองในอดีต ตัวอย่างหนึ่งคือข้อตกลงระหว่าง Monaco และฝรั่งเศสซึ่งมีมาแล้ว 300 ปี เป็นอย่างน้อย หมู่เกาะ Marshall สหพันธรัฐ Micronesia และ Palau ต่างต้องพึ่งพาสหรัฐอเมริกาในการป้องกันประเทศ ด้วยมั่นใจว่า ข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติของประเทศเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมประจำปีเพื่อหารือเรื่องการป้องกันร่วมกันกับกองบัญชาการภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ Andorra มีกองทัพขนาดเล็ก และสามารถขอความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสในการป้องกันได้หากมีความจำเป็น ในขณะที่ Iceland มีข้อตกลงเฉพาะกับสหรัฐอเมริกาซึ่งดำเนินมาจนถึงปี พ.ศ. 2549 ซึ่งกำหนดให้พวกเขาต้องให้การป้องกัน Iceland เมื่อจำเป็น ประเทศที่เหลือต้องรับผิดชอบในการป้องกันของตนเอง และดำเนินการโดยไม่มีกองกำลังติดอาวุธใด ๆ หรือด้วยกองกำลังทหารที่จำกัด บางประเทศเช่น สาธารณรัฐ Costa Rica และ Grenada เข้าสู่กระบวนการปลอดทหาร ประเทศอื่น ๆ ถูกจัดตั้งขึ้นโดยไม่มีกองกำลังติดอาวุธเช่น รัฐเอกราช Samoa เมื่อ 60 ปีที่แล้ว เหตุผลหลักคือ พวกเขายังคงอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากชาติอื่น ณ จุดที่ได้รับเอกราช ประเทศเหล่านี้มีขนาดประวัติศาสตร์ และเหตุผลที่แตกต่างกันไปในการเลือกที่จะไม่มีกองทัพประจำการ บางแห่งแยกตัวออกจากประเทศใหญ่ เพราะมีขนาดเล็ก และมีทรัพยากรน้อยมากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดตั้งกองกำลังทหารขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ประเทศอื่น ๆ มีข้อตกลงร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอรับการสนับสนุนกำลังทหารตามความจำเป็น

แม้ว่าหลายรัฐเหล่านี้จะไม่มี “กองกำลังทหารประจำการ” ตามคำจำกัดความของ CIA World Factbook แต่กองกำลังตำรวจแห่งชาติของรัฐเหล่านี้ก็ทำหน้าที่เป็นกองกำลังทหารโดยพฤตินัย ตัวอย่างเช่น Vanuatu’s Mobile Force หรือ Public Forces of Costa Rica มีหน้าที่ในการปกป้องพรมแดนของประเทศของตน ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในด้านการทหารจะสูงมาก แต่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกล้วนแล้วแต่มีกองทัพประจำการ เพราะไม่อาจให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติด้วยการฝากอธิปไตยไว้กับประเทศอื่น สำหรับภูมิภาค ASEAN แม้ว่าจะดูมีความสงบมานานพอสมควร แต่ประเทศในภูมิภาคนี้กลับมีการสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์สูงมาก ส่วนหนึ่งด้วยหลายประเทศเกรงภัยคุกคามจากมหาอำนาจ สำหรับบ้านเราอาจจะมีเหตุกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ้าง แต่ได้พยายามหลบเลี่ยงการใช้กำลังทหารโดยไม่จำเป็น โดยอาศัยการเจรจาพูดคุยผ่านคณะกรรมการชายแดนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านต่าง ๆ ที่มีพรมแดนติดกัน 

“แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัน จะอาจสู้ริปูสลาย” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6

ตำนานลูกมะพร้าว ที่มาของเจ้าที่ในบ้านของคนเมียนมาร์

ใครที่เคยมีเพื่อนที่เป็นคนเมียนมาร์เวลาไปเยี่ยมเพื่อนเขาที่บ้าน นอกจากจะเห็นหิ้งพระใหญ่โตแล้ว หากคุณเป็นคนสายตาดีคุณจะสังเกตเห็นมุมหนึ่งที่เขาจะตั้งลูกมะพร้าวไว้บนแท่นบูชาหรือแขวนไว่มุมหนึ่งของบ้าน จนเราต้องสงสัยว่าจะแขวนมะพร้าวไว้ที่บ้านทำไม แต่นี่คือเทพหรือนัท ที่คนเมียนมาร์กราบไว้บูชามีพลังอำนาจในการปกป้องบ้านเรือนจากเหล่าภูตผีและวิญญาณชั่วร้ายต่าง ๆ นัทองค์นี้มีชื่อว่า “เมงมหาคีรี”

นัทองค์นี้ มีตำนานเริ่มที่ยุคพุกาม ก่อนที่พุกามจะรวมเป็นราชอาณาจักรเดียว ที่เมืองตะโกง ใกล้ ๆ กับเทือกเขาโปป้า มีชายหนุ่มคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น เขามีนามว่า ‘ติน เต’ เขาเกิดมาพร้อมกับพลังมหาศาลและร่างกายอันแข็งแกร่ง อาวุธต่าง ๆ ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ เมื่อเขาโตขึ้นเขาทำงานเป็นช่างตีดาบในเมืองนี้ และเขายังมีน้องสาวอีก 2 คน เมื่อเรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีพละกำลังมหาศาลรู้ไปถึงหูของกษัตริย์เมืองตะโกง ทางกษัตริย์ก็กลัวว่านายติน เต คนนี้สักวันจะมาชิงราชบัลลังก์ กษัตริย์จึงออกอุบายให้ไปจับนายติน เต มาเพื่อสังหารซะ แต่สุดท้ายทหารก็ไม่สามารถจับเขาได้ แต่นายติน เต ผู้นี้ก็หนีไปได้ ทางกษัตริย์จึงบอกให้ทหารไปจับน้องสาวทั้งสองของเขาที่อาศัยอยู่ที่บริเวณหุบเขาโปป้ามา แต่แทนที่จะออกอุบายจับน้องสาวทั้งสองมาสังหาร แต่กษัตริย์เมืองตะโกงกลับออกอุบายว่าจะอภิเษกกับน้องสาวทั้งสองของติน เต แทน และบอกให้น้องสาวทั้งสองของติน เต ขอร้องให้พี่ชายของเขามาพบในฐานะผู้กล้า หลายครั้งที่กษัตริย์ตรัสกับเมียสองพี่น้องว่าถ้าพี่ชายเขามาเป็นแม่ทัพให้เมืองตะโกง เมืองตะโกงจะยิ่งใหญ่ไพศาลมีอำนาจมากมาย จนทำให้น้องสาวของติน เต ทั้งสองหลงเชื่อใจกษัตริย์ ดังนั้นน้องสาวทั้งสองของติน เต จึงชวนพี่ชายเขาให้มาเข้าวังเพื่อพบกับกษัตริย์

เมื่อติน เต เขามาในวังแล้วกษัตริย์ก็วางอุบายจับเขามัดไว้กับต้นจำปีไว้ แต่พอทหารใช้ศาสตราวุธใด ๆ ก็ไม่สามารถเจาะผ่านผิวของติน เต ได้ กษัตริย์จึงออกคำสั่งให้เผาติน เต ทั้งเป็น เมื่อน้องสาวทั้งสองเห็นพี่ชายตนเองกำลังจะตายอย่างทุรนทุราย ทั้งสองจึงได้กระโดดไปในกองไฟตายร่วมกับพี่ชายของเขา

เมื่อ ติน เต และน้องสาวทั้งสองตายไปแล้ว วิญญาณของทั้งสามก็สิงสถิตย์ที่จุดที่เป็นต้นจำปีนั้น เมื่อมีใครผ่านไปผ่านมาก็มักจะปรากฎร่างให้เห็น จนผู้คนในเมืองตะโกงต่างกลัว เรื่องราวได้ยินไปถึงหูของกษัตริย์เมืองตะโกงอีกครั้ง กษัตริย์จึงสั่งให้ทหารไปถอนรากต้นจำปีที่ไหม้ไปแล้วขึ้นมาเอาไปลอยในแม่น้ำอิรวดี รากไม้นี้ลอยไปจนถึงเมืองท่าของพุกามที่นั่น ก่อนที่รากไม้นี้จะลอยมาถึงกษัตริย์แห่งพุกามนามว่า เตเลเจาง์  ท่านทรงสุบินถึงรากจำปีนี้และเรื่องราวของติน เต และน้องสาวทั้งสอง เมื่อรากจำปีลอยมาติดที่ท่าเมืองพุกาม กษัตริย์เตเลเจาง์ จึงดำรัสให้นำรากจำปีขึ้นจากน้ำ จึงสร้างรูปสักการะ และมอบสถานที่ให้วิญญาณทั้งสามสถิตย์เพื่อที่พุกาม และประกาศให้ทุกบ้านสักการะในฐานะนัทผู้คุ้มครองภูเขาโปป้า รวมทั้งให้ภารกิจนัททั้งสามว่ามีหน้าที่ปกป้องบ้านเรือนของผู้คนจากวิญญาณร้ายและภูติผี และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘เมงมหาคีรี’

เมื่อถึงยุคพระเจ้าอโนรธามังช่อ เป็นยุคที่พุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลในพม่า ในตอนนั้นพระเจ้าอโนรธามังช่อไม่ชอบ จะลงโทษคนที่สักการะนัท ดังนั้นทุกบ้านจะต้องเอารูปสักการะนัทออกไปทิ้ง แต่ชาวบ้านยังศรัทธาในการสักกการะนัทเมงมหาคีรีแม้จะไม่สามารถมีองค์สักการะที่บ้านได้ ดังนั้นชาวบ้านจึงนำลูกมะพร้าวมาตกแต่งโดยการรวมคองบอง หรือ ผ้าโพกหัวและมีตาลปัตรที่เป็นสัญลักษณ์ของนัทเมงมหาคีรีไว้ที่บ้านเพื่อศรัทธา

การบูชานัทองค์นี้จะต้องมีผ้าแดงปิด โดยยามกลางวันจะเปิดผ้าแดงไว้ แต่เมื่อยามวิกาลมาถึง เมื่อแต่ละบ้านต้องจุดไฟ จะต้องปิดผ้าแดงคลุมลูกมะพร้าวไว้ เนื่องจากนัทเมงมหาคีรี ตายเพราะไฟ ดังนั้นท่านจึงไม่ถูกกับไฟนั่นเอง การบูชาเมงมหาคีรีนั้น ต้องห้ามจุดธูป จุดไฟ และถวายดอกจำปาเด็ดขาด สามารถถวายอาหารคาว ยกเว้นเนื้อสัตว์ น้ำ และผลไม้ ดอกไม้ทั่วไปยกเว้นจำปีได้ และในทุก ๆ ปีจะถวายมะพร้าวสักการะลูกใหม่พร้อมกับถวายเครื่องเซ่น อย่างเช่น  Mont San เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลและมะพร้าว ใบชา หมากพลู และกล้วยในวันก่อนวันเข้าพรรษาและหลังวันออกพรรษา และหลายครอบครัวก็มีการให้เครื่องเซ่นเมื่อมีสมาชิกเข้ามาอาศัยในบ้าน เช่น แต่งงานมีสะใภ้เข้าบ้าน หรือหลังจากลูกเกิด 49 วัน

และนี่เป็นอีกหนึ่งนัทที่อยู่คู่กับคนเมียนมาร์มานับพันปีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าความเชื่อนี้ยังคงอยู่ต่อไปอีกแสนนานเช่นเดียวกับคนไทยเชื้อสายจีนบูชาตี่จู่เอี้ยนั่นเอง

ฟ้าผ่า ภัย(ไม่)เงียบ ที่มาพร้อมกับพายุ ฝนฟ้าคะนอง

ช่วงนี้เชื่อแน่ว่าหลายพื้นที่คงได้รับผลกระทบจากการเกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบด้านลบ คือบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างเกิดความเสียหาย หรือด้านบวก คือทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับน้ำฝน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่มีอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นภัยที่มากับพายุ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นเวลาและสถานที่ไหน นั้นคือปรากฏการณ์ฟ้าผ่า และหนึ่งในนั้นเป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่หลายท่านคงได้ยินข่าว นั่นคือฟ้าผ่าลงกลางสนามฟุตบอลในขณะที่นักฟุตบอลกำลังเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ส่งผลให้ผู้ที่กำลังเล่นฟุตบอลเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บด้วยกันหลายคน

ในวันนี้จะมาเล่าถึงการเกิดฟ้าผ่า สาเหตุของการเกิด และแนวทางในการป้องกันฟ้าผ่ากันครับ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อน ตามหลักการทางฟิสิกส์แล้ว สสารทุกชนิดจะมีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ โดยประจุไฟฟ้ามี 2 ชนิดคือประจุบวและประจุลบ คุณสมบัติของประจุไฟฟ้า ก็คือเมื่อเป็นประจุชนิดเดียวกันจะเกิดแรงผลักกัน แต่ถ้าเป็นประจุต่างชนิดกันจะเกิดแรงดูดกัน ทั้งนี้เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ก็จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า หรือที่เราเรียกว่าไฟฟ้ากระแสที่มีการใช้งานทั่วไปนั่นเอง

โดยทั่วไปถ้าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น สสารทุกชนิดจะมีความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า คือมีประจุบวกเท่ากับประจุลบ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีการทำปฏิกิริยาเกิดขึ้น เช่นการขัดหรือถูกันระหว่างสสาร ก็จะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้สสารนั้นขาดความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า เช่นปรากฏการณ์ที่เราเห็นได้ง่ายคือการเอาไม้บรรทัดถูกับผ้าที่แห้ง ทำให้ประจุที่สะสมอยู่ในไม้บรรทัดสูญเสียความเป็นกลางทางไฟฟ้า ประจุบวกกับลบแยกกันอยู่คนละด้านของไม้บรรทัด เมื่อเรานำมาวางไว้ใกล้กระดาษ จะส่งผลให้ประจุที่ไม่เป็นกลางที่อยู่ในไม้บรรทัด พยามที่จะดึงเอาประจุตรงข้ามที่อยู่ที่กระดาษ ทำให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างกระดาษกับไม้บรรทัด นั่นคือกระดาษเคลื่อนเข้าหาไม้บรรทัดนั่นเอง เรียกปรากฏการณ์ลักษณะนี้ว่า การเหนี่ยวนำให้เกิดประจุไฟฟ้า 

ทีนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกับการเกิดฟ้าผ่า ตามหลักโดยทั่วไปแล้ว ก้อนเมฆซึ่งเป็นไอน้ำก็เป็นสสารชนิดหนึ่งเช่นกัน นั่นแสดงว่าต้องมีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ ยิ่งก้อนเมฆมีขนาดใหญ่มากเท่าไร นั่นแสดงว่ามีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่เป็นจำนวนมากตามไปด้วย และเมื่อก้อนเมฆมีการเคลื่อนที่ ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากลม ซึ่งโดยทั่วไปลมจะเกิดจากการเคลื่อนที่ของอนุภาคอากาศ และเมื่อก้อนเมฆที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเกิดการเสียดสีกันระหว่างหยดน้ำ และน้ำแข็งที่อยู่ในก้อนเมฆ ทำให้เกิดการถ่ายเทประจุ ส่งผลให้ประจุไฟฟ้าที่อยู่ในก้อนเมฆ แยกตัวออกเป็นสองส่วน โดยประจุบวกจะสะสมอยู่ด้านบนหรือด้านยอดของเมฆ และประจุลบสะสมอยู่ด้านล่างหรือฐานของเมฆ เมื่อเกิดการสะสมประจุเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการถ่ายระหว่างประจุที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือเกิดการถ่ายเทกระแสไฟฟ้าที่มีจำนวนมหาศาล ถ้าเกิดระหว่างก้อนเมฆก็จะเป็นปรากฏการฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆ ที่เรามักได้ยินเสียงแต่นั่นเอง


โดยชนิดของเมฆที่ทำให้เกิดฟ้าผ่า คือเมฆที่เกิดฝน หรือเรียกว่าเมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ซึ่งจะมีฐานของเมฆที่สูงกว่าพื้นดินประมาณ 2 กิโลเมตรขึ้นไป และเมฆบางก้อนมีขนาดใหญ่จนยอดของเมฆสูงกว่าพื้นดินเกือบ 20 กิโลเมตร เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเนื่องจากพื้นดินที่เราอาศัยอยู่ก็มีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปจะมีความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า  แต่เมื่อถูกเหนี่ยวนำด้วยประจุต่างชนิดจากประจุของก้อนเมฆ ที่เคลื่อนที่เข้าใกล้พื้นดินมาก ก็อาจจะส่งผลให้ประจุบริเวณพื้นดินที่อยู่ใต้เงาก้อนเมฆ หรือบริเวณใกล้เคียงอาจเป็นประจุบวกหรือลบก็ได้ และเมื่อประจุไฟฟ้าที่อยู่บนก้อนเมฆเคลื่อนที่ลงมาหาประจุตรงข้ามที่อยู่บนพื้นดิน ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากลงมายังพื้นดินด้วย พอเจอกับสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ หรือต้นไม้ ก็จะทำให้เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากในสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ดังนั้นลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่โดนฟ้าผ่าจึงมีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อต นั่นเอง

ทั้งนี้ลักษณะการผ่าของฟ้าเกิดได้หลายแบบ ได้แก่ฝ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆเดียวกัน เกิดจากการถ่ายเทประจุในก้อนเมฆเดียวกัน โดยอาจเกิดจากฐานเมฆไปยังยอดเมฆ หรือยอดเมฆมายังฐานก็ได้ ฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่ง เกิดจากการถ่ายเทประจุระหว่างก้อนเมฆแต่ละก้อน ทั้งนี้ฟ้าผ่าทั้งสองชนิดนี้จะไม่มีผลต่อมนุษย์เรา จะได้ยินแค่เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบเท่านั้น

ส่วนฟ้าผ่าที่มีผลต่อเราได้แก่ ฟ้าผ่าที่เกิดจากประจุลบบริเวณฐานเมฆที่ถ่ายเทประจุ มายังพื้นดินซึ่งเป็นประจุบวกที่เป็นเงาของเมฆทับอยู่ โดยทั่วไปจะเกิดเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเท่านั้น 

และฟ้าผ่าจากประจุบวกที่อยู่บนยอดเมฆถ่ายเทประจุลงมายังพื้นดินที่เป็นลบ ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าลงบริเวณเกิดฝน อาจผ่าลงบริเวณใกล้เคียงก็ได้ ซึ่งลักษณะของฟ้าผ่าแบบนี้จะมีระยะผ่าที่ไกลกว่าบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ ทั้งนี้ในเวลาที่ฟ้าผ่าเราจะเห็นแสงและได้ยินเสียงร้องคำรามของฟ้าที่มีความดังสูงนั้น เกิดจากการที่ประจุไฟฟ้า เคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดการเสียดสีกับอากาศอย่างรุนแรง อากาศเกิดความร้อนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นคลื่นกระแทก (shock wave) จึงเกิดทั้งแสงและเสียงที่ดังกึกก้องกัมปนาท คล้ายกับการเสียงของเครื่องบินรบที่บินด้วยความเร็วสูงนั่นเอง

ทั้งนี้เรามักจะมองเห็นแสงฟ้าแลบก่อนที่จะมีเสียงฟ้าร้อง เนื่องจากแสงมีความเร็วมากกว่าเสียงมาก ทำให้แสงวิ่งมาถึงตัวเราที่รับรู้ได้โดยสายตา ก่อนที่จะได้ยินเสียงที่รับรู้ได้ด้วยหูนั่นเอง การเกิดฟ้าผ่านั้นนอกจากเรารับรู้ได้ว่ามักจะเกิดบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง หรือบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น นอกเหนือจากนี้เราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าจะเกิดเวลาใด หรือบริเวณไหนของฝนฟ้าคะนองดังกล่าว

วิธีการป้องกันได้ดีที่สุดคือเวลาฝนตก ไม่ควรจะอยู่ในบริเวณที่โล่งแจ้งหรือต้นไม้ใหญ่ ควรอยู่ในบริเวณอาคารบ้านเรือน ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรสวมใส่โลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้า ถึงแม้จะยังไม่มีบทพิสูจน์อย่างชัดเจนได้ว่า การสวมใส่โลหะในขณะเกิดฝนตกจะเป็นตัวล่อให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจากก้อนเมฆมายังโลหะตัวนำนั้น แต่ก็มีการค้นพบว่าเมื่อเกิดฟ้าผ่า บริเวณที่มีตัวนำไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และในอาคารที่สูงควรจะมีการติดตั้งวัสดุที่เรียกว่าสายล่อฟ้า ซึ่งจะมีหน้าที่ในการเหนี่ยวนำให้ประจุจากก้อนเมฆวิ่งลงมายังสายล่อฟ้า แล้ววิ่งลงไปยังพื้นดินข้างล่างที่ต่อกับสายล่อฟ้าไว้ ซึ่งประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นอันตราย และที่สำคัญที่สุด เวลามีพายุ ฝนฟ้าคะนอง ควรงดทำกิจกรรมที่อยู่ในที่โล่งแจ้งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ตาม แค่นี้เราทุกคนก็จะปลอดภัยจากปรากฏการณ์ฟ้าผ่าได้ครับ

เสียง (เพรียก) แห่งสายน้ำปัตตานี... ตอนที่ 4

‘อัยเยอร์เวงและฆุนังซีลีปัต’ น่าจะเป็นชื่อคุ้นหูใครหลายคน คำที่โด่งดังจากทะเลหมอกและสกายวอร์คซึ่งเป็นจุดชมวิวเลื่องชื่อระดับประเทศ คนแห่กันไปถ่ายรูปและเช็คอินกันล้นหลาม ส่วนหนึ่งเพราะโดยตัวสถานที่เองที่มีความโดดเด่นและเป็นจุดขายในตัวมันเอง อีกส่วนหนึ่งคงเพราะมีการแชร์ข้อมูลต่อ ๆ กันไปผ่านโลกโซเชี่ยล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นอินฟลูเอ็นเซอร์และเน็ตไอดอลทั้งหลายนั่นเอง 

แต่ละแวกนี้ไม่ได้มีเฉพาะจุดชมวิวทะเลหมอกเท่านั้น ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ อย่างเช่นสายน้ำปัตตานี รวมถึงขนบประเพณีของคนเชื้อสายมลายูให้ได้ซึมซับชื่นชมยามไปเยือนพื้นที่นี้ อย่างที่บังบิ๊บกับผมกำลังทำกันอยู่คือกิจกรรมพายเรือล่องแก่งก็เป็นสีสันอีกอย่างหนึ่ง บังบิ๊บเองนอกจากเป็นนักเดินทางท่องโลกแล้ว เขายังจัดกิจกรรมทัวร์ผจญภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนพื้นที่สามจังหวัดอีกด้วย กิจกรรมพายเรือคายักได้ดำเนินการอยู่แล้วในพื้นที่ ให้ทั้งความสนุกและมีความปลอดภัยสูง แถมยังสามารถทำได้แม้ในช่วงหน้าร้อนซึ่งแตกต่างจากการล่องแก่งในภาคเหนือซึ่งมักจะจัดกันเฉพาะฤดูน้ำหลากเท่านั้น แต่ล่องแก่งของที่นี่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง สาเหตุอาจเพราะขาดการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและด้วยวิธีการจัดการภายในท้องถิ่นเองก็เป็นได้

สำหรับผม การได้หนีหมอกควันที่เชียงใหม่มาพื้นที่สามจังหวัดแบบนี้ถือว่าเป็นรางวัลโดยตัวมันเองอยู่แล้ว อากาศบริสุทธิ์กว่าโดยประการทั้งปวง มองไปทางไหนก็ยังคงเขียวขจี (แม้จะเป็นสวนยางเสียเยอะก็ตาม) ที่ผิดคาดกว่าก็คือช่วงค่ำและกลางคืนอากาศเย็นกว่าที่คิดด้วยสิ ยิ่งได้มาพายเรือแล้วเจอแก่งน้ำเชี่ยวให้ได้ตื่นเต้นยิ่งเกินคุ้ม หากถามว่าปลอดภัยไหม สุ่มเสี่ยงในเรื่องการก่อการร้ายหรือไม่ ต้องบอกว่าตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในพื้นที่นี้ไม่ได้รู้สึกไม่ปลอดภัยแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ชาวบ้านที่ผ่านไปพบต้อนรับขับสู้ด้วยน้ำใจไมตรี ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่ประโคมเขียนกันตามสื่อต่าง ๆ แน่นอน ยังคงมีความขัดแย้งและผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวระหว่างหน่วยงานรัฐกับคนในพื้นที่ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังไปเที่ยวได้ตามปกติ ชาวบ้านที่นั่นเขาก็ยังคงดำเนินชีวิตกันเป็นปกติ ต่างทำมาหากิน จับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยวพักผ่อนไม่ต่างจากที่ไหนในประเทศไทยเช่นกัน


จากจุดพักแรมคืนที่ผ่านมา ยังคงต้องล่องแก่งกันต่ออีกหลายกิโลเมตร สนุกสนานตื่นเต้นกันไป พ้นจากช่วงนั้นน้ำจึงเริ่มนิ่งมากขึ้น สาเหตุเพราะข้างหน้ามีเขื่อนบางลางขวางลำน้ำ เขื่อนนี้สร้างมาได้หลายสิบปีแล้ว หน้าที่หลักคือผลิตกระแสไฟฟ้าและปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เหนือเขื่อนรองรับการท่องเที่ยวบ้าง พวกเราต้องพายจ้ำกันมากขึ้น ยิ่งพายภูมิทัศน์ยิ่งเปลี่ยน พื้นน้ำกว้างออก กลายเป็นทะเลสาบ

ในขณะที่มองเห็นภูเขาล้อมรอบในระยะห่างออกไป ความท้าทายประจำวันนี้ คือลมปะทะแรง ยิ่งบ่ายคล้อยลมยิ่งทวีความรุนแรง เหมือนต้องพายเรือทวนน้ำยังไงยังงั้น เรียกว่าหยุดพายก็เท่ากับโดนลมตีให้ถอยหลัง เป็นความทรมานบันเทิงชนิดหนึ่งของคนประเภทไม่ชอบอยู่บ้านทำงานออฟฟิศ แต่ชอบหาเรื่องทำกิจกรรมโลดโผนโจนทะยานข้างนอกเช่นนี้แล แน่นอน การอยู่กับที่กับทางสบายกายกว่าอยู่แล้ว ไม่เถียง แต่กับคนบางจำพวก สบายกายไม่ได้สอดคล้องกับสบายใจ และลำบากกายอาจจะนำพาสู่ความสบายใจและความสุขของชีวิตมากกว่า

พายกันจนย่ำค่ำจนถึงท่าเรือตาพระเยา เพื่อนบางส่วนมารับไปพักบ้านพวกเขา ต้อนรับขับสู้ด้วยสำรับกับข้าว นอกจากพิซซ่าโฮมเมดแล้ว เมนูเชื่อมสัมพันธ์พิเศษของคนที่นี่คือซุปเป็ด เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่มิตรผู้ชายทั้งหลาย เวลาจะสังสรรค์กันใครมีอะไรก็นำมาเพื่อต้มซุปด้วยกัน เครื่องปรุงหลัก ๆ ก็มีข่า กระเทียม หัวหอม มะนาว ตะไคร้ มะเขือเทศ ลักษณะคล้ายต้มยำน้ำใส รสชาติจัดจ้านคละเคล้าบทสนทนาออกรส ทำให้มื้ออาหารอร่อยมากขึ้นอีกหลายเท่า

อิ่มหมีพีมันและเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวันแล้ว ก็อาบน้ำท่าแล้วเข้านอน เพื่อเรียกเรี่ยวแรงกลับคืนมาสำหรับออกลุยล่องแม้น้ำปัตตานีกันต่อในวันรุ่งขึ้น

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก ยกระดับมาตรการป้องกัน covid 19 อย่างเข้มงวด พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ทุกขั้นตอนแก่ประชาชน

วันนี้ 16 เมษายน 2564 เวลา 11.00 น. ที่ทำการอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พลโทเกรียงไกรศรีรักษ์แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางตรวจเยี่ยม หน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ประจำปี 2564 ของอำเภอ สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยทั้งด้านสถานที่ และความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนเน้นย้ำการทำงานที่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเลือกบุคคล และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาทำหน้าที่คัดกรองบุคคล เข้ารายงานตัวเพื่อคัดเลือกทหารกองเกินประจำหน่วย ให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก และให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยทหาร สร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีชายไทยที่มีหมายเรียกตามเกณฑ์เข้ารับคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการทยอยมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับหน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการคุมเข้ม ยกระดับมาตรการในการระวังป้องกันอย่างเคร่งครัด ทุกคนที่เข้ามายังหน่วยคัดเลือกจะต้องสวมหน้ากากอนามัย Check In ผ่าน App ไทยชนะทุกครั้ง ตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง และแจ้งข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำสั่งคุมเข้มเข้ม และยกระดับมาตรการป้องกันโควิด 19 ในทุกขั้นตอนของการตรวจคัดเลือกทหาร โดยทำความเข้าใจชี้แจงต่อผู้ที่มาตรวจคัดเลือกให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้มีการแยกสถานที่ออกจากผู้มาตรวจคัดเลือกปกติ รวมถึงผู้ที่ขอยื่นผ่อนผันก็จะใช้มาตรการเดียวกัน เพื่อให้การตรวจคัดเลือกทหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัยจากโควิด-19


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

พังงา - หวั่นเขาตาปูถล่ม...รัฐมนตรีท๊อปสั่งกรมทรัพฯเร่งสำรวจประเมินเสถียรภาพ “เขาตาปู” สัญลักษณ์จังหวัดพังงา

รมว.ทส. 'วราวุธ' ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ติดตามและมอบนโยบายการปฏิบัติงาน หลังสั่งกรมธรณีเร่งสำรวจและประเมินเสถียรภาพ “เขาตาปู” แลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดพังงา

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมช่ติและสิ่งแวดล้อมและคณะฯ ลงพื้นที่ติดตามและรับฟังการดำเนินงานของกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) ในการสำรวจธรณีวิทยา ธรณีเทคนิค และประเมินเสถียรภาพบริเวณพื้นที่เขาตาปู ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา เพื่อประเมินเสถียรภาพและความเสี่ยงต่อการพังทลายจากการถูกกัดเซาะของน้ำทะเล โดยมีนายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยนายมนตรี เหลืองอิงคะสุต รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และเจ้าหน้าที่ รายงานผลการดำเนินงาน และมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.พังงา นางกันตวรรณ ตันเถียร สส.พังงา ให้การต้อนรับและเข้าร่วมรับฟัง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความห่วงใยต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเขาตาปู ซึ่งเป็นอัตลักษณ์สวยงามและโดดเด่นทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีรูปร่างคล้าย "ตาปู" เป้นสัญลักษณ์ของจังหวัดพังงาเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดพังงาและของประเทศไทย หลายคนรู้จักในนามเกาะเจมส์บอน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ปัจจุบันโครงสร้างธรณีวิทยาของเขาตาปูแห่งนี้ อาจมีเสถียรภาพที่เสี่ยงต่อการพังทลายจากหินร่วง ที่ผ่านมาพบเหตุการพังทลายปรากฏเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง อาทิ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะทะลุ จังหวัดพังงา และปราสาทหินพันยอด จังหวัดสตูล จึงมอบหมายสั่งการให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บูรณาการสำรวจอย่างเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์ต่อไป

ด้านนายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีเปิดเผยว่า กรมทรัพยากรธรณี ได้ส่งทีมปฏิบัติภารกิจ "SAVE เขาตาปู" เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการพังทลาย โดยใช้วิธีการสำรวจธรณีเทคนิค - ธรณีวิศวกรรม (การวัดรอยแตกรอยแตก คำนวณอัตราการกัดเซาะ โดยเครื่อง 3D Scanner) การสำรวจธรณีฟิสิกส์ ธรณีวิทยาโครงสร้างพื้นผิวท้องทะเล โดยเครื่องวัดคลื่นไหวสะเทือน (marine seismic) หยั่งน้ำลึก (echo sounder) และการสำรวจด้านอุทกศาสตร์ เพื่อวัดทิศทางการไหลของกระแสน้ำและความสูงคลื่น เป็นต้น

สำหรับมาตรการและแนวทางการดำเนินงานของกรมทรัพยากรธรณีเมื่อได้ข้อมูลแล้วจะวิเคราะห์หาหาแนวทางการอนุรักษ์ซึ่งอาจเป็นการเสริมความแข็งแรง เพิ่มเสถียรภาพของฐานราก โดยไม่ให้เสียทัศนียภาพ การใช้หลักเทคนิควิศวกรรมฐานราก ลดความรุนแรงของคลื่นที่จะเข้าปะทะหรือส่งผลต่อฐานราก ทั้งนี้ การดำเนินการจะเป็นแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

เชียงใหม่ - ผบช.ภ.5 เป็นประธานการ ประชุมติดตามผลการปฏิบัติงาน ระบบทางไกลผ่านจอภาพ (VDO- Conference)

ผบช.ภ.5 เป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจรห้วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2564  และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ Covid19 ในพื้นที่ ภ.5

วันที่ 16 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น.พล.ต.ท.ประจวบ  วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกการจราจรห้วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2564  และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ Covid19 ในพื้นที่ ภ.5

โดยมี พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต  ตุงคะเศรณี  รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล  กรึงไกร  ผบก.อก.ภ.5, พล.ต.ต.สุเทพ ฐาปนวรกุล ผบก.กค.ภ.5, ผกก.ฝอ.1 – 6 บก.อก.ภ.5, ข้าราชการตำรวจ ฝอ.บก.อก.ภ.5 และ บก.สส.ภ.5 ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ภ.5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในส่วนหน่วยงานในสังกัด ภ.5 เฝ้าฟังการประชุมระบบทางไกลผ่านจอภาพ (VDO- Conference)  ณ ที่ตั้ง ของหน่วย


ภาพ/ข่าว  นภาพร เชียงใหม่

ประจวบคีรีขันธ์ - ผวจ.ประจวบฯยันเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดพอเพียง หลังยอดติดเชื้อพุ่งทะลุครึ่งพัน

วันที่ 16 เมษายน นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางไปรับฟังสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.หัวหิน และตรวจสถานที่รองรับผู้ป่วยโควิดหลังพบคนติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมี นพ.นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ผอ.รพ.หัวหิน พาเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลสนามภายในโรงเรียนพาณิชยการหัวหิน และที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยโควิด

นายพัลลภ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ใน จ.ประจวบฯ ขณะนี้ยังคงพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 98 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1- 15 เมษายน 64 รวม 525 ราย ที่ อ.หัวหิน มากสุดจำนวน 385 ราย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นวัยหนุ่มสาว ซึ่งทางจังหวัดได้เข้มงวดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยการออกประกาศคำสั่งจังหวัดให้ปิดสถานที่เสี่ยง 13 ประเภทกิจการ/กิจกรรม เป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ในช่วงสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนใน จ.ประจวบฯที่กลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ ดังนั้นจึงสั่งการให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นในทุกอำเภอในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ วางแนวทางเฝ้าระวังคัดกรองประชาชนในหมู่บ้านชุมชนซึ่งเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง หากผลการตรวจปรากฏว่ามีไข้สูงตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอพื้นที่ทราบ เพื่อเข้าคัดกรอง สอบสวนโรคและพาเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขณะที่การสั่งล็อกดาวน์จังหวัดหรือไม่ ต้องรอฟังคำสั่งจากหน่วยงานส่วนกลาง

“ขณะนี้โรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดได้มีการเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 เต็มศักยภาพของแต่ละโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดได้พิจารณาสถานที่เพื่อจัดทำโรงพยาบาลสนามและประสานผู้ประกอบการโรงแรมหลายแห่งเพื่อขอใช้เป็นสถานที่กักกันผู้ป่วยโควิด-19 เบื้องต้นมีสถานที่รองรับได้อีก 5 แห่งใน 3 อำเภอ คือ อ.หัวหิน อ.ปราณบุรี และ อ.เมือง มีจำนวนเตียงเพิ่มขึ้น 456 เตียง ทำให้ขณะนี้ภาพรวมมีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้มากกว่า 1,000 เตียง โดยผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามหรือโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักกันจะเป็นผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยและต้องอยู่จนครบ 14 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบผลตรวจเป็นบวก ในช่วง 3 - 4 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อดูเหมือนมาก ผู้ที่มาตรวจหาเชื้อมีถึง 6,500 คน เหตุผลที่มีจำนวนมากเพราะว่าเราต้องการที่จะตรวจเชิงรุก เราได้มีการประกาศไปยังผู้ที่มีความเสี่ยง รู้ว่าตัวเองเสี่ยง เช่น ไปสถานบันเทิง ตอนแรกจากที่เราตรวจพบครั้งแรกพบว่าเขาไปสถานบันเทิงมายาผับ แต่หลังจากที่เราพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม มีการสอบสวนโรคแล้วพบว่าบางท่านก็ไม่ได้ไปแค่ที่แห่งเดียว เพราะฉะนั้นตอนนี้เราประกาศให้เกือบทุกสถานบันเทิงใน จ.ประจวบฯที่ได้ไปเที่ยวมา เพราะว่าบางครั้งผู้ที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงไม่ได้ไปเที่ยวที่เดียว วันนี้เที่ยวที่นี่ อีกวันไปเที่ยวที่อื่น เพราะฉะนั้นตอนนี้ตัวเลขจะมาก ตรงนี้ก็จะทำให้เราสามารถค้นหาผู้ที่มีเชื้อได้รวดเร็ว และก็มีดีอยู่อย่างหนึ่งที่ว่าเชื้อตอนนี้เท่าที่พบยังไม่มีผู้ที่มีอาการหนักเลย ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาการด้วยซ้ำ อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นลักษณะของการพบการติดเชื้อในช่วงนี้ ก็ให้ความมั่นใจว่าเรายังควบคุมสถานการณ์ได้ รวมทั้งเรื่องของโรงพยาบาลสนามต่างๆ เราได้มีการเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว” นายพัลลภ กล่าว

ด้าน นพ.นิรันดร์ กล่าวว่าขณะนี้โรงพยาบาลหัวหินมีความพร้อมทุกด้าน รวมทั้งเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดมีความเพียงพอกว่า 400 เตียง ส่วนกรณีมีผู้ป่วยโควิดบางรายหลังทราบผลแล้วและทาง รพ.สั่งให้กักตัวที่บ้านก่อน เนื่องจากต้องรอขั้นตอนความพร้อมด้านเอ็กซเรย์และใช้เวลาซึ่งเจ้าหน้าที่ทำต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนเนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมาก ต้องแยกผู้ป่วยชาย-หญิง รวมทั้งความพร้อมของสถานที่จะเข้ากักตัวว่าผู้ป่วยคนไหนเหมาะสมที่จะพักที่ไหน ขณะนี้ทาง รพ.ทยอยเรียกผู้ป่วยเข้ารักษาตัวแล้ว คนไหนไม่มีรถทาง รพ.ก็จะไปรับให้ คนไหนสะดวกก็มาเองได้ โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลสนาม ภายในโรงเรียนพาณิชยการหัวหิน 3 ชั้น กว่า 120 เตียงพร้อมรับผู้ป่วยแล้ว ล่าสุดผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดรักษาตัวที่ รพ.หัวหินหายสามารถกลับบ้านได้แล้ว 29 ราย และวันพรุ่งนี้น่าจะประมาณอีก 40 รายกลับบ้านได้ ต้องขออภัยในความล่าช้าเพราะมีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก


ภาพ/ข่าว นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

กระบี่ - ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ระลอกใหม่พุ่งไม่หยุด เพิ่มอีก6 ราย เป็น 21 ราย

ด้านผวจ.กระบี่ เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มแห่งที่2  รองรับผู้ป่วยได้ 140 เตียง ขณะที่สสจ.ประกาศ! ผู้โดยสารเรือสปีดโบ้ทภูเก็ต-กระบี่ ในรอบ15:00 น. วันที่ 5 เม.ย.64 และเกาะพีพี- กระบี่  ในรอบเวลา 15:00 น. วันที่ 7 เม.ย.64  ขอให้ไปรายงานตัว ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ด่วน 

วันที่ 16  เม.ย.64 ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19  จังหวัดกระบี่ ได้รายงานสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด19 ในจังหวัดกระบี่ ระลอกใหม่  ตั้งแต่วันที่ 1-15  เม.ย.64  พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 6 ราย จากเดิม 15 ราย รวม เป็น 21 ราย รอผลตรวจ อีก 60 ราย  ทีมสอบสวนโรคสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมาตรวจคัดกรองหาเชื้อ  โดยในนจำนวนนี้มี 5 รายเป็นเด็กนักเรียนหญิงวัย 8- 9 ขวบ   ที่รับเชื้อจากครูสอนภาษา ต่างชาติ วัย 27  ปี  โดยไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง อาทิ กทม.  เชียงใหม่  ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น  และมีความเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง

ขณะที่สำนักงานสาธารสุขจังหวัดกระบี่ ได้ออกประกาศ! ผู้โดยสารเรือสปีดโบ้ท ภูเก็ต -  กระบี่ ใน รอบ 15:00 น. วันที่ 5 เม.ย.64 และผู้โดยสารเรือสปีดโบ้ท  เกาะพีพี - กระบี่  ในรอบเวลา 15:00 น. วันที่ 7 เม.ย.64  ขอให้ไปรายงานตัว ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ด่วน 

ด้านพันตำรวจโทหม่อมหลวงกิติบดี  ประวิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่  กล่าวว่า  เนื่องจากสถานการการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทวีความรุนแรง และเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว  ขณะที่โรงพยาบาลสนามที่แรก คืออาคารโกเมน ในพื้นที่ตำบลอ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ สามารรองรับผู้ป่วยได้เพียง  110 เตียง  คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ได้ทำการสำรวจโรงพยาบาลสนามแห่งที่2  ภายในค่ายกองพันทหารราบที่ 1  กรมทหารราบที่ 15  (ร.15พัน1 ) พื้นที่อำเภอคลองท่อม  จ.กระบี่  เป็นอาคารชั้นเดียว  สามารถรองรับผู้กักตัวได้จำนวน 40 คน, เกรงว่าจะไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากได้ จึงต้องหาสถานที่ใหม่ ซึ่งเป็นอาคารกองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 ในค่าย ร.15พัน1  ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่เตรียมรับทหารใหม่ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้ 140 เตียงโดยไม่แออัด  ทั้งมีห้องนำห้องสุขากว้างขวาง เป็นอาคารที่อยู่กลางโล่งแจ้ง แต่ทั้งนี้ทางคณะกรรมการจะได้ทำหนังสือขออนุมัติใช้จากกองทัพบกโดยเร่งด่วนแล้ว

ในขณะเดียวกันองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ได้สั่งการให้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำชุด ฉก.covid19 ออกพ่นยาฆ่าเชื้อในสถานที่ ราชการ ท่าเรือคลองจิหลาด โรงเรียน  สถานที่กลุ่มเสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อติดเชื้อ เพื่อเป็นการ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในจังหวัดกระบี่


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง 

ขอนแก่น - โซเชียลจวกยับชาวขอนแก่น เล่นน้ำสงกรานต์ไม่สนประกาศคำสั่งห้ามเรื่องไวรัสโควิด-19 ไร้มาตรการการป้องกันโรค วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน

เมื่อเวลา 10.00 น..วันที่ 16 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพคลิปกลุ่มชายหญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่กว่า 10 คน เล่นสาดน้ำสงกรานต์ในหมู่บ้าน โดยโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กพร้อมคลิปวีดีโอจำนวนหลายคลิปพร้อมข้อความระบุว่า “สงกรานต์วันสุดท้าย จ๊วดจ๊าด วันรวมญาติ(แต่ไม่ครบ) ปีหน้าว่ากันใหม่ สุขกายสบายใจกันทุกคนนะคะ ปีแรกที่ได้เล่นน้ำสงกรานต์ ถูกใจหลาย สงกรานต์ปีแรกของน้องกัปตัน” ซึ่งในคลิปนั้นปรากฏเป็นภาพของวัยรุ่นทั้งชายหญิง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไม่สวมใส่แมส บางรายเอาแมสไว้ที่คาง ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เต้นอยู่กลางถนน พร้อมกับสาดน้ำสงกรานต์เหมือนไม่มีประกาศคำสั่งให้งดและไม่เกรงกลัวโรคระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด

ซึ่งภายหลังผู้โพสต์มีการโพสต์ทั้งคลิปและภาพนิ่งที่เล่นน้ำสงกรานต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแชร์และแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม และไร้จิตสำนึกของผู้โพสต์รวมทั้งคนที่เล่นน้ำสงกรานต์ในวันดังกล่าว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินคดี เพราะในขณะที่ทุกคนตระหนักถึงการป้องกันโรค แต่ยังมีคนจำนวนนี้ที่นึกถึงแต่ความสนุกความสบายของตัวเองโดยไม่สนใจว่าจะเกิดการแพร่ระยาดของโรคและขัดคำสั่งประกาศของทางเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้มีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ทุกพื้นที่

และภายหลังจากโซเชียลมีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากผู้สื่อข่าวได้ทำการตรวจสอบพบว่าล่าสุดโพสต์ทั้ง 2 โพสต์นั้นถูกลบออกไปแล้ว แต่จะมีหลายเพจเฟซบุ๊กในจังหวัดขอนแก่นที่เซฟภาพไว้ทันนำมาโพสต์เพื่อให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบ

พังงา - “กองทัพเรือ พร้อมนักสำรวจ วิจัยจากสถาบันต่าง ๆ ร่วมสำรวจทรัพยากรในพื้นที่เกาะยาวน้อย - เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา”

เมื่อระหว่างวันที่ 3 – 11 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ซึ่งประกอบด้วย กองทัพเรือ นักสำรวจวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมทำการสำรวจวิจัยทรัพยากรในพื้นที่เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่  อ.เกาะยาว จ.พังงา

การสำรวจทรัพยากรในพื้นที่เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ของ อพ.สธ.และกองทัพเรือ ในครั้งนี้นั้น เป็นการสำรวจใหญ่ประจำปี โดยมีคณะนักสำรวจวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ ทั่วประเทศ ร่วมด้วยหน่วยงานจากกองทัพเรือ ได้แก่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ และกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ทำการสำรวจวิจัยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติพื้นที่เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ทั้งบนบกและในทะเล พร้อมเก็บตัวอย่างพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ต่าง ๆ เพื่อนำมาศึกษาวิจัยของแต่ละพื้นที่ และนำมาใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย ตลอดจนพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์  และที่เกาะแสมสาร เพื่อให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้ที่สนใจ ได้ศึกษาหาความรู้ถึงความอุดมสมบูร์ของพันธุ์พืช สัตว์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย

โครงการ อพ.สธ. เป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ทรัพยากร ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ทรงให้ความสำคัญและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน โดยมีแนวทางการดำเนินงานได้แก่ การปกปักพันธุกรรมพืช การสำรวจเก็บข้อมูลพันธุกรรมพืช การปลูกรักษาพันธุกรรมพืช การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช และการสร้างจิตสำนึก เพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรต่าง ๆ ในประเทศไทยมีอย่างยั่งยืน

นอกจากการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่แล้ว ทางกองทัพเรือ โดยกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ได้มอบอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์สนับสนุนการเรียน และทุนอาหารกลางวันให้กับน้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนบ้านช่องหลาด โดยมี นาวาเอก ชวิช วงษ์รัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นผู้มอบให้แก่นายอรัญ ทำนากล้า ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านช่องหลาด  เพื่อสนับสนุนการออกกำลังกาย และร่วมปลูกจิตสำนึกให้ร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top