Monday, 2 June 2025
SPECIAL

สตูล - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการกระทำผิดกฎหมาย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล,ตำรวจน้ำสตูล, ด่านศุลกากรสตูล และ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 จัดเรือพร้อมกำลังพลออกลาดตระเวน เฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือตำมะลังเกาะยาวแนวน่านน้ำรอยต่อทางทะเลไทย - มาเลเซีย  โดยเฝ้าตรวจเรือทุกลำที่มีทิศทางจากมาเลเซีย เรือโดยสาร เรือประมง เรือขนถ่ายสัตว์น้ำ และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย และสำรวจพื้นที่จุดล่อแหลมในการใช้กระทำความผิด     

               

ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล บูรณาการกำลังกับศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ,ตำรวจน้ำสตูลหน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล และ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) จัดเรือออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่ทางทะเลจาก ท่าเรือปากบาราเกาะตะรุเตา โดยทำการตรวจ เรือประมง เรือโดยสารท่องเที่ยว เรือท่องเที่ยว เรือขนถ่ายสินค้า และเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยและสถานีเรดาร์เกาะปูยู หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ตรวจการณ์ด้วยเรดาร์และกล้องสองตา หน่วยปฏิบัติการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 491 ตรวจการณ์ด้วยกล้องสองตาและทางทัศนะ


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านหลบโควิด เข้าป่าหาเห็ดยูคาขายสร้างรายได้

ชาวบ้าน ในพื้นที่ อำเภอกบินทร์บุรี พากันเข้าป่าหาเก็บเห็ดยูคาลิปตัส หรือเห็ดขมขายสร้างตายได้ช่วงโควิด – 19 ระบาด เป็นรายได้เสริมดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ

ชาวบ้าน ต.นนทรี และ ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ใช้เวลาว่างจากสถานการณ์ โควิด -19 ระบาด ออกหาเก็บเห็ดยูคาลิปตัส หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเห็ดขม ซึ่งจะขึ้นในพื้นที่ป่ายูคาลิปตัส เท่านั้น  ลักษณะของเห็ดยูคา หรือเห็ดขม จะเป็นเห็ดที่ขึ้นกระจายไปตามที่ชื้นในร่องป่ายูคา ลักษณะที่สังเกตุคือ เห็ดยูคาจะขึ้นกระจายไปตามพื้นที่ มีก้านขาวอมน้ำตาลนวลอวบใหญ่ มีฝาหรือ ดอกเหมือนร่มแต่ขอบมักจะเผยอขึ้นเล็กน้อยดอกใหญ่สุดจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 4 นิ้วฟุต ส่วนใหญ่จะพบกอหนึ่ง 4 ดอก มากสุด 5 ดอก รสชาติออกขม ก่อนรับประทานชาวบ้านจะลดความขมด้วยการนำเห็นมาต้มหรือนึ่งให้ขมลดลงก่อนนำไปปรุงอาหาร ซึ่งสามารถทำได้หลายเมนู ทั้งยำ ต้มยำ แกง หรือแล้วแต่ว่าใครจะนำไปปรุงอาหารชนิดใดก็ตามใจชอบ

โดยปีหนึ่งจะมีเพียงครั้งเดียว จึงเป็นที่นิยมของผู้ที่ชอบรับประทาน โดยเฉพาะในช่วงต่อฤดูร้อนกับฤดูฝนที่จะเข้ามาแทนอากาศร้อนชื้นทำให้เห็ดขม ออกเป็นจำนวนมาก และจะหมดในราวกลางเดือนพฤษภาคม สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในช่วงที่ ไวรัสโควิดระบาดได้คนละไม่น้อยกว่า 300 บาท ต่อวันซึ่งก็สามารถช่วยเสริมรายได้เป็นอย่างดี โดยจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ในราคา กก.ละ 60 บาท สำหรับเห็ดที่นึ่งบรรจุถุงเรียบร้อย และ ในราคา 50 บาท ในราคาเห็ดสดคนหนึ่งจะหาเก็บเห็ดได้มากถึงคนละ 15 – 20 กก.ทุกวันจึงเห็นชาวบ้านรวมกลุ่มทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กออกหาเก็บเห็ดขมมาขายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ทั้งนำมาทำอาหารกินเองและขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงที่

ยายบุญมี อุตตะบุตร ยายอุไร จันทร์คำมี ยายหลุนสี นายกอง กล่าวว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ชาวบ้านทุกคนกลัวการแพร่ระบาดโรควิด-19 ทุกคนทราบว่ามีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประชาชนตามชนบทหวาดกลัวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนจึงหาทางที่ได้เงินมาจุนเจือครอบครัวก็ต้องเอา พากันออกหาเก็บเห็ดทุกวันมาประกอบอาหารในครัวเรือนด้วยดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ ออกหาเก็บเห็ดพอมีรายได้วันละ 300-500 ก็ยังดีแม้ไม่มีรายได้ที่แน่นอนแต่ก็ได้เงินทุกวันพอเป็นค่ากับข้าว


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

ลพบุรี – ทหารกองพันจู่โจม บริจาคโลหิตเพื่อชาติในวันฉัตรมงคล

กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ นำกำลังพลจิตอาสา กว่า 100 นาย บริจาคโลหิต ตามโครงการ “ กองทัพบก บริจาคโลหิต จิตอาสาเพื่อชาติ ” เพื่อเป็นโลหิตสำรอง ซึ่งอยู่ใน ภาวะขาดแคลนโลหิต เนื่องในวัน “ ฉัตรมงคล ” ประจำปี 2564

พันโท มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจมรักษาพระองค์  กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ นำกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน “ เราทำความดี ด้วยหัวใจ ” และกำลังพลของหน่วย ซึ่งได้ผ่านคัดกรองจากหน่วยแล้วว่าเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างการแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เป็นผู้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โควิด-19 จำนวน 103 นาย เข้าร่วมบริจาคโลหิต ตามโครงการ  “ กองทัพบก บริจาคโลหิต จิตอาสาเพื่อชาติ ” ณ อาคารเอนกประสงค์ประภูชะเนย์ กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี  เพื่อส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ตามมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้กับสภากาชาดไทย สำหรับใช้เป็นโลหิตสำรองให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งอยู่ใน ภาวะขาดแคลนโลหิต ตลอดจน เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความรู้รักสามัคคี และความเสียสละ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี และราชอาณาจักรไทย เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2564

โดยมี ทีมแพทย์ พยาบาล จากสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 2 จังหวัดลพบุรี มาคอยอำนวยความสะดวกในการตรวจคักกรอง และให้บริการรับบริจาคโลหิตจากกำลังพล โดยมีการตรวจคัดกรองซักประวัติผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิต มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมกำหนดการเว้นระยะห่างระหว่างกำลังพลที่มารอบริจาคโลหิต “Social Distancing” เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริจาคโลหิตทุกคน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่ต้องรับโลหิตจากการรักษาพยาบาล       

ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมแก้ปัญหาภาวะโลหิตขาดแคลน จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 ระลอกใหม่ ตามนโยบายของกองทัพบก โดยมีโลหิตที่ได้ จำนวน 91 ยูนิต รวม 36,400 ซีซี โดยโลหิตที่ได้จะถูกนำไปใช้เป็นโลหิตสำรองให้กับธนาคารเลือด สำหรับใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในโอกาสต่อไป


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์  สนใจ

ยะลา – เบตง เพิ่มความเข้มหวั่นคนไทยลักลอบเข้าเมืองก่อนเทศกาล ‘ฮารีราย’ นำไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ แอฟริกาใต้ เข้าตามแนวชายแดน

นายอำเภอเบตงสั่งวางกำลัง บูรณาการหลายฝ่าย สกัดกั้น โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แอฟริกาใต้ หลังมาเลเซียพบยอดติดสูง  บูรณาการร่วมหน่วยกำลังตรวจเข้มช่องทางธรรมชาติ ด้านชายแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลา หวั่นลักลอบเข้าเมืองก่อนเทศกาลฮารีรายอในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้

วันที่ 4 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้ออกคำสั่งให้ทุกฝ่าย ทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4  ตำรวจ สภ.เบตง  ฝ่ายปกครอง ตรวจคนเข้าเมือง  ตชด.445 ชุดเฝ้าตรวจ 4405 และ 4406  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วางมาตรการ จัดกำลังวางแผน บูรณาการร่วมออกลาดตระเวน เฝ้าระวังหมู่บ้านติดชายแดนมาเลเซียเพื่อป้องกัน กลุ่มคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ตามแนวชายแดนลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติ รอยต่อประเทศมาเลเซีย ในช่วงก่อนเทศกาล‘ฮารีราย’ ในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ทังนี้เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่คือสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ โดยเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวด ความถี่ ขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองเบตงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตงได้ออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดออกภายนอกเคหะสถานช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ 1-18 พ.ค.2564

ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความร่วมมือในการคัดกรองตามจุดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลและที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงได้มีการตั้งจุดคัดกรองลงทะเบียนไทยชนะ เพื่อการติดตามหากมีการพบผู้มีอาการและกำหนดให้มีทางเข้า – ออก ตลาดเพียง 2 ช่องทางเพื่อป้องกันการแออัด และเป็นการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะที่บรรยากาศย่านการค้า ซึ่งถือว่าเป็นย่านการค้าที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าที่จำหน่ายนักท่องเที่ยว ต่างปิดตัวลงชั่วคราว  โดยตั้งแต่มีการระบาดของโควิดระลอก 3 ซึ่งที่ผ่านมาอำเภอเบตงที่ไม่เคยมีการติดเชื้อในระลอก 1 และ 2 ปรากฏว่าในระลอกที่ 3 มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วย ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาไร้นักท่องเที่ยว ทำให้หลายร้านโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหาเช้ากินค่ำ ต้องปิดกิจการชั่วคราวทิ้งไว้แต่ร้านร้างว่างเปล่าลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยยืนยัน 13 ราย กำลังรักษา 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายกลับบ้าน 5 ราย ส่งต่อ 1 ราย และการคัดกรองเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง โดยกลุ่มเสี่ยงสูง 180 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 135 ราย รอผลเสี่ยงต่ำ 2 ราย


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื้ดเบตง

สิงคโปร์ ท้าโลกร้อน ขอเปลี่ยนเมืองร้อนให้เป็นเมือง Cool ด้วยนวัตกรรม | LOCK LENS GURU EP.7

LOCK LENS GURU / EP.7 วันอังคาร ที่ 4 พฤษภาคม

???? GURU : คุณอรุณรัตน์ เปรมสิริอำไพ คอลัมนิสต์อิสระ นักแปล นักเล่าข่าว

▶️ หัวข้อ : สิงคโปร์ ท้าโลกร้อน ขอเปลี่ยนเมืองร้อนให้เป็นเมือง Cool ด้วยนวัตกรรม

 อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021041107

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.

ชลบุรี - ผบ.ทร.ประชุม นขต.ทร.ผ่านระบบ VTC รับมือ CIVID -19 ด้านโฆษกกองทัพเรือ เปิดตัวรายการ "กองทัพเรือ ร่วมใจต้านภัย COVID -19" สร้างการรับรู้แก่กำลังพล

วันนี้ (3 พฤษภาคม 2564 )  พลเรือเอก ชาติชาย  ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้จัดให้มีการประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กองทัพเรือ (นขต.ทร.)ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Tele Conference : VTC) ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

โดยมีหัวข้อการประชุมที่สำคัญคือ การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาด ของ COVID -19 ในส่วนของกองทัพเรือ ตลอดจนการ จัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม ในการสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข  นอกจากนั้นแล้วผู้บัญชาการทหารเรือ ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยต่างๆของกองทัพเรือ สร้างการรับรู้ให้แก่กำลังพล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID - 19 ซึ่งก่อนการประชุมผู้บัญชาการทหารเรือได้ เยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน เสียสละ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ในช่วงเวลาวิกฤตของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส CIVID - 19

ในขณะที่ พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยว่า  วันนี้ เป็นวันแรกที่จะมีการนำเสนอรายการ “กองทัพเรือร่วมใจต้านภัย COVID-19” เป็นตอนแรก ในเวลา 15.00 น.ผ่าน Facebook Fanpage : กองทัพเรือร่วมใจต้านภัย COVID-19  และ Social Media ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการสร้างการรับรู้ในการรับมือกับการระบาดของ COVID-19 ให้กับกำลังพลของกองทัพเรือ ภายใต้ศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน covid-19 กองทัพเรือ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ด้วยความร่วมมือจากสำนักงานโฆษกกองทัพเรือ และคณะกรรมการจัดทำสารคดีและสื่อโทรทัศน์ กองทัพเรือ ซึ่งจะนำเสนอเป็นประจำทุกสัปดาห์

 ในตอนแรก แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ โฆษกพิเศษกองทัพเรือ และ หมอพลอย แพทย์จีน ปรียาดา บัวสมบุญ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ทำหน้าที่เป็นพิธีกร

สำหรับรายการ “กองทัพเรือร่วมใจต้านภัย COVID-19” มีรูปแบบรายการเล่าข่าว ความยาวประมาณ 10 -15 นาที โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ ประกอบด้วย

 - ข้อมูลจากกรมแพทย์ทหารเรือ และศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน COVID-19 กองทัพเรือ/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ในการสร้างความเข้าใจในมาตรการ ข้อกำหนดในการปฏิบัติของกำลังพลกองทัพเรือ เพื่อเป็นแนวทางเดียวกัน

 - ข่าวกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในกองทัพเรือ หรือที่เกี่ยวข้อง

 - การสร้างการตระหนักรู้ และบทสัมภาษณ์พิเศษต่าง ๆ

 - สุดท้ายคือการร่วมสร้างกำลังใจให้แก่กำลังพลบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพเรือ

รายการ "กองทัพเรือ ร่วมใจต้านภัย COVID - 18" อำนวยการผลิตโดย พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ และพลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ โดยได้มือผลิตสารคดีคุณภาพของกองทัพเรือ นาวาเอก สุวิทย์ จันทร์เพ็ญศรี รองผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ (Producer) หรือผู้ควบคุมการผลิต เพื่อให้รายการที่ผลิตในครั้งนี้มีคุณภาพ โดยใช้ศักยภาพของบุคลากรของกองทัพเรืออย่างเต็มที่และเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการสร้างเสริมความรู้ความสามารถให้กับทีมงานด้านนี้ ของกองทัพเรืออีกด้วย

และนี่คืออีกหนึ่งความตั้งใจของกองทัพเรือ ที่ต้องการให้กำลังพลทุกระดับมีความรู้ความเข้าใจ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้แนวทาง “พลังสามัคคี พลังราชนาวี” ที่ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบไว้ เพื่อพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามของชาติในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว กองประชาสัมพันธ์ / สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

นนทบุรี – กรมพลาธิการทหารบก ส่งมอบโรงพยาบาลสนามให้แก่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ 2 อาคาร 200 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว

วันนี้ ( 5 พ.ค.64)เวลา 10.00 น. ที่ กองยกกระบัตร กรมพลาธิการทหารบก อำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พลโท กิตติชัย วงศ์หาญ  เจ้ากรมพลาธิการทหารบก พร้อมคณะนายทหาร ส่งมอบมอบโรงพยาบาลสนามให้แก่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจำนวน 2 อาคาร 200 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว โดยมี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ พร้อมคณะแพทย์และพยาบาลร่วมรับมอบโรงพยาบาลสนามดังกล่าว 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ผ่านมา กองทัพบกได้ตระหนักถึงความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการเตรียมพื้นที่ในการช่วยเหลือประชาชนสนับสนุนหน่วยงานราชการต่าง ๆ และกระทรวงสาธารณสุข จึงมอบหมายให้กรมพลาธิการทหารบก จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคนา 2019 (COVID -19) กรณีเกินขีดความสามารถในการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลหลัก และได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารกองคลังยกกระบัตร กรมพลาธิการทหารบกเป็น โรงพยาบาลสนาม ประกอบด้วยอาคาร 2 อาคาร การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 200 เตียง ณ กองยกกระบัตร กรมพลาธิการทหารบก ในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและ รองรับผู้ป่วยกรณีโรงพยาบาลหลักเกินขีดความสามารถที่จะดูแลผู้ป่วยได้ทั้งหมด โดยรับผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาและสังเกตอาการจากโรงพยาบาล กรณีอาการไม่รุนแรง(กลุ่มสีเขียว) ให้มาพักรักษาและติดตามอาการต่อเนื่อง จนกว่าผลตรวจจะเป็นลบหรือไม่พบเชื้อแล้ว แต่หากพบว่ามีอาการหนักขึ้น ก็จะถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลหลักทันที

นอกจากนี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนับสนุนนำเทคโนโลยี 5G และนวัตกรรมต่าง ๆ เข้าไปสนับสนุนการทำงาน การเว้นระยะห่างของการทำงานของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ฯ ( Social distancing ) เพื่อช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับให้การทำงานของทีมแพทย์ และบุคลากรต่าง ๆ ไร้อุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ด้วย

จันทบุรี – คนรักสัตว์ นำสุนัขสวมแมสป้องกันโควิด-19 ขณะสถิติในจันทบุรียั้งไม่พบโควิดในสัตว์เลี้ยง

ที่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี พบสุนัขที่เจ้าของพาซ้อนรถจักรยานยนต์ ออกมาซื้อกับข้าวด้วย แต่ว่าเจ้าสุนัขตัวนี้ สวมแมสป้องกันโควิดด้วย ดูแปลกและสะดุดตาผู้ที่พบเห็น

เมื่อได้เข้าไปพูดคุยก็ทราบว่าสุนัขตัวนี้มีชื่อว่าเจ้าโกโก้ เป็นสุนัข เพศเมีย อายุ 9 ขวบ ทางเจ้าของบอกว่าเมื่อจะออกมาเที่ยวก็สวมแมสให้โดยที่เจ้าโกโก้ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เมื่อนำออกไปเที่ยวซ้อนรถจักรยานยนต์ก็จะสวมแมสให้แบบนี้ทุกครั้ง จนทำให้ผู้พบเห็นต่างต้องยิ้มและทักเจ้าโกโก้กันทุกคน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนได้ดูเป็นแบบอย่างว่าขนาดสุนัขยังต้องสวมแมสเมื่อออกจากบ้านเราเป็นคนก็อย่าทำให้อายสุนัขนะครับ

ขณะเดียวกันข้อมูลการแพทย์ยังไม่พบสัตว์เลี้ยงในจันทบุรีติดเชื้อโควิด เพราะยังไม่มีการคัดกรอบในสัตว์เลี้ยง


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ชลบุรี - ในหลวง พระราชินี พระราชทานเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล ให้แก่ รพ.ชลบุรี เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19

ในหลวง พระราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล ให้แก่ รพ.ชลบุรี เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นวงกว้างในขณะนี้ ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น และพบภาวะปอดอักเสบเป็นจำนวนมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล พร้อมชุดประมวลผลภาพเอกซเรย์ Chest ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับโรงพยาบาลชลบุรี เพื่อนำไปใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 ณ ห้องประชุมอาคารเฉลิมราชสมบัติ ชั้น 9 โรงพยาบาลชลบุรี ได้จัดพิธีรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน เครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล พร้อมชุดประมวลผลภาพเอกซเรย์ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ มีนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขชลบุรี ผู้อํานวยการโรงพยาบาลชลบุรี และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯ เข้าร่วมพิธี

โดยทางจังหวัดชลบุรี ได้เผชิญกับการระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในช่วงเดือนมีนาคม จากผู้ที่ไปเที่ยวสถาบันเทิงย่านทองหล่อ กรุงเทพมหานคร และได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างจนถึงปัจจุบัน ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ได้เข้าดำเนินการควบคุมโรคไว้และนำผู้ที่ติดเชื้อมาทำการรักษาในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามในจังหวัดชลบุรี และได้ดำเนินการสืบสวนโรคกับผู้ติดเชื้อ เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดให้ลดน้อยลง 

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ของการระบาดยังพบผู้ป่วยจำนวนมากที่มีภาวะปอดอักเสบ จำเป็นต้องมีการวินิจฉัยที่แม่นยำ เฝ้าระวังอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การรักษาได้ทันเวลา ลดอัตราความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย การได้รับพระราชทานเครื่องมือแพทย์ดังกล่าว ยังประโยชน์ต่อการบำบัดรักษาผู้ป่วยอย่างเหลือคณานับ จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขชลบุรี ผู้อํานวยการโรงพยาบาลชลบุรี และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลชลบุรี รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี  

ขอนแก่น - เปิด รพ.สนาม แห่งที่ 2 รับมือผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ว่าฯ ย้ำชัดสถานการณ์ยังเอาอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทต้องเตรียมการไว้ในทุกรูปแบบ ขณะที่ล่าสุดผู้ป่วยโควิดรักษาหายแล้ว 182 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21 ราย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 พ.ค.2564 ที่โรงพยาบาลสนามขอนแก่นแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) ริม ถ.เลี่ยงเมือง สายขอนแก่น-กาฬสินธุ์ บ.เต่านอ  ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น , นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น และ นพ.วีระศักดิ์  อนุตรอังกูร ผอ.รพ.สิรินธร ในฐานะ ผอ.รพ.สนามขอนแก่นแห่งที่ 2 ร่วมกันเปิด รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 2 สำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามแผนการดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ในการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า วันนี้ขอนแก่นมียอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 21 รายทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมของการระบาดระลอกใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 412 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายขาดจากอาการแล้ว 182 ราย โดยยังคงมีจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.ต่าง ๆ จำนวน 230 ราย ขณะที่ รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 1 (หอพัก 26 มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ซึ่งมีทั้งสิ้น 258 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยซึ่งเข้ารับการรักษาเพียง 38 ราย ซึ่งยังคงสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้อีกตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

“การเปิด รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 2 วันนี้เป็นการเริ่มต้นของแผนการดำเนินงานที่เราจะต้องมองภาพรวมในทุกมิติ ซึ่งหากจำนวนผู้ป่วยที่ รพ.สนามแห่งที่ 1 มีจำนวนมากถึงร้อยละ 70 ของปริมาณเตียง การบริหารจัดการผู้ป่วย ในกลุ่มไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อยจะถูกส่งมาที่ รพ.สนามแห่งที่ 2 แห่งนี้ทันที ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทาการแพทย์ที่รับผิดชอบ คือ รพ.สิรินธร ได้เข้ามาประจำการในพื้นที่แล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ถูกลำเลียงมาจาก รพ.เครือข่ายและ รพ.ขอนแก่น เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปฎิบัติงานทันทีหากพบผู้ป่วยรายใหม่ในกลุ่มใหญ่ หรือตามแนวทางการบริหารจัดการผู้ป่วยที่ สสจ.ขอนแก่น กำหนด”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า สำหรับ รพ.สนามแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) มีจำนวนทั้งสิ้น 240 เตียง ซึ่งการจัดตั้ง รพ.นั้นคณะทำงานได้ลงพื้นที่ประชาคมและทำความเข้าใจกับคนในชุมชนถึงแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวของหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำเสียและขยะติดเชื้อ รวมทั้งการปฎิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานสนับสนุน ซึ่งทุกขั้นตอนได้ดำเนินงานตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขในภาพรวมทั้งหมดอย่างเข้มงวด

แม่ฮ่องสอน - องค์กรภาคประชาสังคมบรรเทาทุกข์กะเหรี่ยง เร่งให้ความช่วยเหลือผู้อพยพหนีภัยสงครามการสู้รบตามแนวชายแดนริมฝั่งลำน้ำสาละวิน

คณะทำงานองค์กรภาคประชาสังคมบรรเทาทุกข์กะเหรี่ยง ได้แจ้งจำนวนผู้หนีภัยจากการสู้รบล่าสุด ว่ามีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่กองพล 5 มือตรอ รัฐกะเหรี่ยง อย่างน้อย 1,193  ครัวเรือน 7,389  คน ในจำนวนนี้มีที่หนีภัยมายังฝั่งไทย 3,112 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และผู้หญิง ในขณะที่ชาวบ้านกะเหรี่ยงส่วนใหญ่พยายามซ่อนตัวอยู่ตามป่าและลำห้วยในรัฐกะเหรี่ยง และทนให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ต้องหนีมายังฝั่งไทย แต่หากทหารพม่าโจมตีหนักขึ้นก็อาจจำเป็นต้องข้ามเข้ามาอยู่ทางฝั่งไทย

คณะทำงานเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-เมียนมา ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพี่น้องร่วมโลกกลุ่มนี้ เนื่องจากเส้นทางขนส่งทุรกันดารมาก เพราะไม่สามารถส่งทางเรือได้ สำหรับความต้องการเร่งด่วนคือข้าวสาร อาหารแห้ง เวชภัณฑ์ เต้นท์ ผ้าใบที่ไม่มีสีสดที่เห็นชัดเจน (สำหรับกางกันแดดและฝน) เป้สะพายสำหรับเด็ก (ใช้สำหรับใส่สิ่งของให้เด็กสะพายหากต้องหนีภัย) ป้ายชื่อ (สำหรับเขียนชื่อเด็ก พ่อแม่ และชื่อหมู่บ้าน ในกรณีพลัดหลง) ท่านใดต้องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถสนับสนุนทุนได้ที่ บัญชี ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน ธ.กรุงไทย สาขาแม่สะเรียง 509-0-07563-8  โดยที่เงินทุนจะนำไปซื้อสิ่งของบรรเทาทุกข์และค่าใช้จ่ายในการขนส่งหรือส่งข้าวสาร อาหารแห้ง เวชภัณฑ์ ฯลฯ ตามรายการข้างบน (งดรับเสื้อผ้า) โดยส่งไปที่  ศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน 7 หมู่ 2 ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน 58110


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

สระบุรี – ชาวบ้านตำบลไผ่ขวาง แห่เก็บแมงเม่าทำอาหารรสเด็ด 1 ปีจะมีแค่ครั้งเดียว

วันที่ 3 พ.ค. 64 ชาวบ้าน หมู่ 4 ตำบลไผ่ขวาง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี  แห่ออกหาแมลงเม่า บริเวณศาลาพักผู้โดยสาร และข้างถนนโพธิ์พระยา- ท่าเรือ ซึ่งมีแมลงเม่าเป็นจำนวนมากเกาะอยู่ตามพื้นศาลาพักผู้โดยสาร และเกาะอยู่ริมถนน แมลงเม่าลักษณะจะมีปีกและจะออกมาเล่นแสงไฟตามบ้านเรือนประชาชน ตลอดจนไฟส่องสว่างตามถนน ซึ่งส่วนใหญ่แมลงเม่าจะมีออกมาให้เห็นช่วงฤดูฝนเท่านั้น ปีนึ่งจะมีให้เห็นเพียงครั้งเดียว เป็นที่ต้องการของนักเปิบอาหารแปลกรสชาติอร่อย นำไปแช่น้ำเพื่อให้ปีกของแมลงเม่าหลุดออก แล้วนำตัวไปใส่กระทะคั่ว ใส่น้ำปลาเล็กน้อย อร่อยอย่าบอกใคร

ด้านนายพงศักดิ์  โพธิ์ทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่4 ต.ไผ่ขวาง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี วันนี้ตนได้มากับแม่เพื่อออกหาเก็บแมลงเม่า ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในวันนี้ได้พบแมลงเม่าเป็นจำนวนมากที่บริเวณศาลาพักผู้โดยสารริมทาง เล่าว่าปีนึ่งจะมีแมลงเม่าสักครั้ง มีเฉพาะฤดูฝนเท่านั้น  แมลงเม่าที่ได้ไปจะนำไปคั่วใส่น้ำปลานิดหน่อย รสชาติจะออกมันๆ กินเล่นก็ได้หรือกินกับข้าวสวยร้อนก็อร่อย วันนี้ตนได้แมลงเม่าจำนวนมากหนักประมาณ 3 กิโลกรัมได้  ซึ่งแมลงเม่าจะหาได้ยากมากและเป็นที่ต้องการของชาวบ้านตำบลไผ่ขวาง อ.บ้านหมอ 

(สัมภาษณ์ นายพงศักดิ์  โพธิ์ทอง)


ภาพ/ข่าว  ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ

นครพนม - เปิดปฏิบัติการคัดกรองเชิงรุกฯ ตั้งจุดตรวจโควิดฯ แบบ Rapid test ที่สนามบินฯ

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์ สสจ.นครพนม มอบหมายนายแพทย์ขวัญชัย ประเสริญยิ่ง นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สสจ.นครพนม พร้อมนางกรองแก้ว จันทร์ตระกูล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หัวหน้างานเวชปฏิบัติครอบครัว โรงพยาบาลนครพนม นางทัศนาภรณ์ บำรุงโชค พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลนครพนม และทีมตรวจคัดกรอง เฝ้าระวัง และสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ปฏิบัติภารกิจคัดกรองตรวจโควิดแบบ Rapid Antigen test ฟรี (การนำตัวอย่างเลือดไปตรวจหาเชื้อไวรัส (Antigen) หรือภูมิคุ้มกัน (Antibody) ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม แก่ผู้โดยสายขาเข้าสายการบินแอร์เอเซียไฟลท์ FD3396 เวลา 16.25 น. จำนวน 87 คน ณ ท่าอากาศยาน จ.นครพนม


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส

สุโขทัย – ไม้กวาดทางมะพร้าว ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และรักษาสิ่งแวดล้อม

ไม้กวาดถือว่าเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ทุกครัวเรือนจะต้องมีไว้ใช้ จะขาดไม่ได้ สำหรับไม้กวาดยังแบ่งออกเป็นหลายชนิดแตกต่างการใช้งานกันไป ที่สวรรคโลกคนรุ่นเก่าที่ยังรักอาชีพทำไม้กวาดขายจากภูมิปัญญา ไม้กวาดที่ทำจากทางมะพร้าว ไม้ไผ่ เพื่อใช้สำหรับกวาดพื้นทำความสะอาด ที่ยังมีให้พบเห็นกันอยู่บ้าง

นายจำลอง คัมภีรพจน์ อายุ 71 ปี หรือลุงแจ้ ผู้ประกอบอาชีพรายได้เสริมจากการทำไม้กวาดทางมะพร้าวชายส่งตามร้านต่าง ๆ และขายให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงในราคากันเอง โดยโรงงานที่ผลิตงานที่เขารักนั้นไม่ได้ลงทุนสร้างโรงงานใหญ่โตอะไร ใช้บ้านที่พักอาศัยที่ตั้งอยู่เลขที่ 25 ถนนพิชัยตัดใหม่ ชาวชุมชนเด่นพิชัย ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ตั้งเป็นโรงงานขนาดนิมิอยากทำตรงไหนนั่งตรงนั้น นอกจากจะทำไม้กวาดทางมะพร้าวจำหน่ายภายในชุมชนและร้านต่างๆแล้ว ยังเป็นผู้ที่ถ่ายทอดการทำไม้ทางมะพร้าวให้กับชาวบ้านในชุมชนหรือคนว่างงาน อยากมรอาชีพเสริม ก็ยินดีสอนให้กับคนที่สนใจ  ขั้นตอนในการทำนั้นไม้กวาดทางมะพร้าว1อัน จะประกอบด้วยตัวด้ามที่ทำจากไม้ไผ่ ก้านมะพร้าวที่เหลาเอาใบออก และเชือกสำหรับถักก้านมะพร้าวก่อนที่จะนำมาเข้ากับตัวด้าม 

ลุงแจ้เล้าให้ฟังว่าสมัยเด็กเวลาเดินไปโรงเรียนจะเห็นชาวบ้านนั่งทำไม้กวาดทางมะพร้าวไว้ใช้กวาดใบไม้หน้าบ้าน ด้วยความสนใจจึงได้ไปฝึกหัดทำจนได้สืบทอกการทำไม้กวาดทางมะพร้าวมาจนถึงทุกวันนี้ และยังมีโอกาสได้ถ่ายทอดการทำไม้กวาดทางมะพร้าวให้กับคนในชุมชนอีกด้วยเพื่อส่งขายเป็นรายได้เสริมให้กับกลุ่มชุมชน สำหรับราคาขายจะอยู่ที่ด้ามละ 35 บาท  3 ด้าน 100 บาทเท่านั้น

ประโยชน์ของไม้กวาดทางมะพร้าวนี้ ใช้ในการกวาดพื้น  ปัดหยากไย่  หรือใช้ในการทำความสะอาดครัวเรือน กวาดนำขังพื้น ข้อดีคือคนในชุมชนสามารถผลิตใช้กันเองได้ และจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว  มีความทนทาน ใช้งานได้ดี ขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน คุณภาพคงทน ใช้ได้นานไม่หลุดขณะกวาด ทำให้ไม่สิ้นเปลื้องเวลาและพลังงานในการใช้งาน การมีเอกลักษณ์ ลวดลายจากการมัด ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชุมชนนั้น ๆ ก็มี เพราะจะขึ้นลายมัดเชือกเข้ากับตัวไม้กวาดจะเป็นไปในแบบเดียวกัน  สื่อถึงการเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม และคนในชุมชนนั้นได้ดี 

วัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม้ไผ่  เอาไว้สำหรับทำด้ามไม้กวาด  ส่วนใบจากมะพร้าว หรือทางมะพร้าวก็หาได้ตามแหล่งต่าง ๆ จากธรรมชาติ จากแหล่งปลูก จัดหาก้านใบย่อยของทางมะพร้าว โดยตัดก้านใบย่อยตรงโคนก้านออกจากทางมะพร้าว นาใบมะพร้าวมากรีดแยกแผ่นใบทั้งสองข้างออก ก่อนนาไปตากแดดให้แห้ง จากนั้น ตัดโคนก้านให้เสมอกัน ก่อนนามามัดติดเป็นแผงกับด้ามไม้ไผ่ 

หากรู้วิธีการใช้ให้ถูกต้อง ก็จะใช้งานไม้กวาดทางมะพร้าวได้ยาวนาน ลุงแจ้บอกวิธีการใช้ว่า ไม้กวาดทางมะพร้าวสาหรับกวาดบนปูนซีเมนต์ จะต้องใช้ก้านใบมะพร้าวที่มีลักษณะอ่อน โค้งตัวได้ดี ได้จากทางมะพร้าวที่ไม่แก่มาก แผ่นใบ และก้านใบยังมีสีเขียวสด ไม้กวาดทางมะพร้าวสำหรับกวาดบนพื้นดิน จะต้องใช้ก้านใบมะพร้าวที่มีลักษณะแข็ง ได้จากทางมะพร้าวที่แก่เต็มที่แล้ว แผ่นใบมีสีเขียวเข้มหรือสีเหลือง และก้านใบมีสีน้าตาล มีลักษณะแข็ง การเลือกใช้ด้ามไม้กวาด ด้ามไม้กวาดทางมะพร้าว ทำได้จากไม้หลายชนิด ได้แก่ ไม่ไผ่ ไม้ข่อย ไม้กระถิน เป็นต้น แต่ที่นิยมมาก คือ ด้ามไม้กวาดจากไม้ไผ่ตันนั้นเอง เพราะขนาดลาไม้เหมาะแก่การจับ มีน้าหนักเบา มีความแข็งแรง ทนทาน ซึ่งจะได้ด้ามไม้ไผ่ พร้อมมัดหรือตอกติดกับก้านใบมะพร้าวได้อย่างดีทำให้ไม่กวาดแข็งแรง ใช้งานได้นานนั้นเอง

สงขลา – เจ้าอาวาสวัดเลียบ ขึ้นป้ายรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นภาษาใต้ ขู่ทีเล่นทีจริง ใครไม่ปฏิบัติจะส่งผีไปหลอกที่บ้าน

ที่ จ.สงขลา ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ซึ่ง จ.สงขลารอบนี้มีผู้ติดเชื้อติดอันดับท๊อปเท็นของประเทศตัวเลขผู้ป่วยล่าสุดอยู่ที่ 691 คนแล้วแต่ท่ามกลางโควิดและความเครียดความกลัวของประชาชนก็ยังพอมีสีสันให้ยิ้มได้บ้าง

โดยเฉพาะที่วัดเลียบ ใน อ.เมืองสงขลา พระครูนพกิจโกศล เจ้าอาวาสวัดเลียบ อ.เมือง จ.สงขลา เจ้าตำรับภาษาใต้ทองแดงวัดเดียวของ จ.สงขลา ที่มักจะเขียนป้ายประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของวัดเป็นภาษาใต้แท้ ๆ

ล่าสุดก็ได้ขึ้นป้ายบนกำแพงหน้าวัดรณรงค์ป้องกันโควิดให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นภาษาใต้ว่า”ใสหน้ากาก นั่งหาง ล้างมือ กันทุกคนน๊ะโยม ใครไม่ปฏิบัติตาม ส่งผีไปหลอกที่เรือน” ซึ่งคำว่าใสหน้ากาก ก็คือใส่หน้ากาก นั่งหางคือนั่งห่าง  ส่วนส่งผีไปหลอกที่เรือนก็หมายถึงส่งผีไปหลอกที่บ้าน

ทำให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดรวมทั้งผู้คนที่ขับรถผ่านไปมาเมื่ออ่านแล้วก็เข้าใจได้ทันทีและต่างก็อมยิ้ม โดยเฉพาะหากใครไม่ปฏิบัติตามจะส่งผีไปหลอกที่เรือนนั้นก็เป็นกุสโลบายทีเล่นทีจริงที่หยอกให้ญาติโยมได้กลัวและต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top