Saturday, 31 May 2025
SPECIAL

นครพนม - ตร.นครพนม รวบแก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ได้ของกลางยาบ้า 770,000 เม็ด

วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (บก.ภ.จว.นครพนม) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สืบสวน บก.ภ.จว.นครพนม  ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ตำรวจตระเวนชายแดน 235 ธาตุพนม (ตชด.235) ตำรวจน้ำธาตุพนม ด่านศุลกากร และทหารชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 2 ศูนย์อำนวยการป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียวเหนือ (ชป.2 ชอน.) และศูนย์อำนวยการปราบปรามยาเสพติดฯ (ศอ.ปส.ภ.จว.นครพนม)

ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 770,000 เม็ด รถยนต์ toyota รุ่น fortuner หมายเลขทะเบียน ชพ 1071 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ toyota รุ่น altis หมายเลขทะเบียน กจ 8148 มุกดาหาร ภายหลังการจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สืบสวนภ.จว.นครพนม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดลักลอบลำเลียงยาบ้าจากพื้นที่อำเภอธาตุพนมเข้าสู่พื้นที่ตอนใน

โดยภายหลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนสกัดกั้นจับกุม กระทั่งเวลา 21:50 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าขบวนการดังกล่าวได้นำรถยนต์ Toyota fortuner ไปจอดไว้ที่บริเวณหน้าโรงเรียนวัดพระธาตุพนม พนมวิทยาคาร เจ้าหน้าที่จึงได้ดักซุ่มรอกระทั่งเวลาผ่านไป 10 นาที ก็มีรถเก๋ง toyota  altis วิ่งเข้ามาจอดด้านข้างและมีชาย 2 คนลงมาขึ้นรถส่วนคนขับรถเก๋งได้ขับรถออกไปด้วยความเร็ว เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่อีกชุดติดตามคนขับรถเก๋งไป

หลังประสานงานเรียบร้อยได้เข้าแสดงเพื่อตรวจค้น ซึ่งบุคคลในรถมีอาการตกใจและพยายามวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งตามกระทั่งสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และเมื่อตรวจสอบภายในรถพบมีกระสอบยาบ้า จำนวน 770,000 เม็ด บรรจุในกระสอบสีขาววางอยู่ด้านหลังรถ ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอีกชุดได้ขับรถไล่ติดตามรถเก๋ง altis ไปเรื่อย ๆ กระทั่งรถเก๋งคันดังกล่าวได้ไปจอดอยู่บริเวณถนนชยางกูร หน้าร้านข้าวต้มถูกใจ เพื่อรับเพื่อนอีกคน เมื่อเห็นเป็นจังหวะที่เหมาะมีความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัว เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่บุคคลทั้ง 2 ได้พยายามวิ่งหลบหนีแต่ไปไม่รอด เจ้าหน้าที่สามารถวิ่งไล่ติดตามควบคุมตัวไว้ได้ จึงได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวไทยให้มารับยาบ้าของกลางที่ลักลอบนำเข้ามาทางเรือหางยาวจากประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.ธาตุพนม เพื่อเตรียมส่งไปขายยังพื้นที่ตอนในของไทย โดยได้รับค่าจ้างประมาณ 1 แสนบาท โดยผู้ต้องหาเคยรับจ้างมาแล้วหลายครั้งกระทั่งถูกจับได้ในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้มีการเพิ่มมาตรการเข้มในการสกัดกั้นปราบปรามจับกุมขึ้นไปอีก เพราะปัจจุบันพบว่าขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดมีการพัฒนารูปแบบในการลักลอบลำเลียง ทั้งการลอยน้ำมา การทำบรรจุภัณฑ์ให้มีขนาดเล็กลงแต่ได้ปริมาณยาเสพติดเท่าเดิม รวมถึงรูปแบบอื่น ๆ อีก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงมีมาตรการในการตั้งด่านตรวจด่านสกัดควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 รวมถึงมีการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงและประชาชนในการร่วมกันหาข่าวและสกัดกลั้นจับกุม ปราบปรามผู้เสพรายย่อย ผู้ค้ารายเล็กและรายใหญ่ โดยเน้นการขยายผลถึงผู้บงการทุกราย


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัสผสข.นครพนม

สระบุรี - ประธานผู้บริหาร"สระบุรีวณิชชากร กรุ๊ป" มอบทุนทรัพย์สนับสนุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และสร้างอาคาร ICU ให้กับโรงพยาบาลสระบุรีและโรงพยาบาลพระพุทธบาท มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

วันที่ 6 พ.ค.64 เวลา 10.30 น. ณ อาคารสำนักงาน หจก.สระบุรีวณิชชากร ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ท่านดร.มงคล ศิริพัฒนกุล ประธานบริหาร สระบุรีวณิชชากร กรุ๊ป มอบทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และสร้างอาคารและห้องแรงดันลบ (Negative Pressure Room) ICU​ คล้ายโรงพยาบาลสนาม​ ของโรงพยาบาลสระบุรี เพื่อให้สามารถใช้รองรับการรักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัส​โค​โร​นา​2019​ ซึ่งแพร่กระจายได้ทางอากาศและผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงได้มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท เป็นจุดเริ่มต้นโดยมีนายแพทย์อนันต์ กมลเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี พร้อมคณะ เข้ารับมอบโดยมีนายธนาพล จีรเดชภัทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี นายสุชนต์ สิงห์เหนี่ยว เลขาฯ ผอ.รพ.สระบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบในครั้งนี้

จากนั้น ดร.มงคล ศิริพัฒนกุล ได้มอบทุนทรัพย์สนับสนุนเพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะนำมาให้บริการแก่ประชาชนที่เจ็บป่วยที่มาใช้บริการของโรงพยาบาลพระพุทธบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 500,000 บาทมีนายแพทย์ธงชัย เขมรัตน์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระพุทธบาทพร้อมคณะ เป็นผู้แทนรับมอบมีนายธนาพล จีรเดชภัทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี ร่วมมอบด้วย ดร.มงคล​ ศิริพัฒนกุล​ ได้กล่าวว่าเราต้องร่วมช่วยกันในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤต​ ในสถานการณ์ปัจจุบัน อุปกรณ์ทางการแพทย์เช่นออกชิเจน​  อาคารICU ที่ขาดแคลนและมีความสำคัญมาก โดยทุกโรงพยาบาลจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ครบครัน เช่น เครื่องช่วยหายใจ เพื่อใช้ช่วยชีวิตคนไข้ได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาและเปลี่ยนคนไข้จากกลุ่มสีแดง ที่มีอาการรุนแรง เพื่อไปยังกลุ่มสีเหลือง ซึ่งมีอาการไม่รุนแรง ให้ผ่านวิกฤตและปลอดภัย จนไปสู่กลุ่มสีเขียว ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยรวมทั้งเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและระหว่างการตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงต้องนึกถึงความสำคัญของการดูแลบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อจากการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อีกด้วย/ดำรงค์ชื่นจินดารายงาน

ชลบุรี - กองเรือยุทธการ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตช่วยวิกฤตชาติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 66 พรรษา

วันที่ 6 พ.ค.64 พล.ร.ท.ชาญชัยยศ  อัฑฒ์สุวีร์ รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในการจัดกิจกรรม  กองเรือยุทธการบริจาคโลหิตช่วยวิกฤตชาติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 66 พรรษา 2 เมษายน 2564  ณ ห้องคลังเลือด โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี   

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้บริจาคโลหิตมีจำนวนลดลงทั่วประเทศ ทำให้ปริมาณโลหิตสำรองขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของกองทัพเรือ และเป็นศูนย์รับบริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย ที่รองรับผู้ป่วยในพื้นที่ จ.ชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เข้าสู่ภาวะวิกฤตของการขาดโลหิต กองเรือยุทธการจึงได้เชิญชวนกำลังพลร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตช่วยวิกฤตชาติฯ ในครั้งนี้

โดยจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตฯ ระหว่างวันที่ 6 - 7 พ.ค.64 คาดว่ากำลังพลที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 150 นาย กองเรือยุทธการได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จากวันที่ 8 ก.พ.64 โดยร่วมกับจังหวัดชลบุรี และจะดำเนินการเป็นระยะไปถึงวันที่ 30 ก.ค.64 หรือจนกว่าสถานการณ์การขาดโลหิตจะบรรเทา เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการที่ตั้งไว้ สอดคล้องกับนโยบายกองทัพเรือในการแก้ปัญหาการขาดแคลนโลหิตในภาพรวมของประเทศ


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

กาฬสินธุ์ – เจ้าของแพอาหารยัน พร้อมเยียวยาหนุ่มสวยหากถูกไฟช็อตเสียชีวิตจริง

ตำรวจ สภ.สหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ สอบปากคำพยานเพิ่มเติม เหตุหนุ่มสวยไอดอลนักเดินสายประกวดสาวประเภทสองเสียชีวิตขณะเที่ยวแพอาหาร ด้านน้องสาวพาตำรวจเข้าชี้จุดเกิดเหตุ มั่นใจพี่ชายถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิต  ขณะที่เจ้าของแพอาหารยันพร้อมเยียวยา หากผลการผ่าพิสูจน์ศพพบว่าถูกไฟฟ้าช็อตจริง วอนโซเชียลฟังความสองด้าน

จากกรณีนายสุทธิชัย ศรีอ่อน หรือน้องทีม อายุ 27 ปี ชาวบ้านนิคมพัฒนา ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หนุ่มสวยไอดอลนักเดินสายประกวดสาวประเภทสอง เสียชีวิตขณะไปเที่ยวแพอาหารบริเวณสะพานเทพสุดาข้ามเขื่อนลำปาว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา  เบื้องต้นคาดว่าอาจถูกไฟบนแพอาหารช็อต โดยหลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนๆได้โพสต์ภาพและข้อความเพื่อขอความเป็นธรรม

 ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 พ.ต.อ.วิชัย ทองคำ ผกก.สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ มอบหมาย พ.ต.ท.โด่งศักดิ์ นนทวงศ์ รอง ผกก. (สอบสวน) และ ร.ต..อ.ชินดนัย เศรษฐรักษา พนักงานสอบสวน สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เจ้าของคดีได้เรียกนางสาวภานุมาศ ประเสริฐสังข์ อายุ 20 ปี น้องสาวนายสุทธิชัย และนายเอกรินทร์ บุญรอด เพื่อนนักท่องเที่ยวที่ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่นายสุทธิชัยกำลังลงเล่นน้ำและถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตมาสอบปากคำ จากนั้นพาไปชี้จุดที่เกิดเหตุ ที่บริเวณแพอาหารวรรณาจุดที่พี่ชายเสียชีวิต

ขณะที่นางวรรณะ มูลตรีบุตร อายุ 48 ปี เจ้าแพอาหารวรรณา ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน สภ.สหัสขันธ์ แต่ยังไม่ได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจ เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องสอบพยานที่เห็นการณ์ และพยานแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะนัดเจ้าของแพมามาสอบปากคำต่อไป

ทั้งนี้นางวรรณะ เจ้าของแพยืนยันว่า หากนายสุทธิชัยถูกไฟฟ้าช็อตจริง ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง และอยากจะวิงวอนไปถึงคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลด้วยว่าให้ฟังความทั้งสองด้านด้วย โดยเฉพาะกรณีหลายคนบอกว่าเจ้าของแพไม่รับผิดชอบนั้นไม่เป็นความจริง  ซึ่งตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างแน่นอน และพร้อมเยียวยา ได้คุยกับญาติบ้างแล้ว แต่ต้องรอผลการผ่าพิสูจน์ศพ และขั้นตอนการสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่เสียก่อน

ด้านนางสาวภานุมาศ ประเสริฐสังข์ อายุ 20 ปี น้องสาวนายสุทธิชัย กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าสาเหตุพี่ชายเสียชีวิตนั้นถูกไฟฟ้าช็อตแน่นอน เพราะขณะที่ตนพยายามจะเข้าไปช่วยชีวิตพี่ชาย โดยกระโดดถีบและแกะมือพี่ชายออกจากราวเหล็กนั้น มีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านเข้ามาที่ร่างกายของตนจนรู้สึกชา ซึ่งหลังจากร่างพี่ชายล้มลงไปบนแพไม้ไผ่ที่ผูกติดกับแพวรรณาที่ยื่นลงไปในน้ำ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่ง ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ ร.ต.ต.เสถียร  มาตอำพร รอง สว. (ป.) สอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ช่วยปฐมพยาบาลโดยการปั้มหัวใจ ก่อนที่จะรู้สึกตัวขึ้นมาระยะหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาทำการปฐมพยาบาลช่วยกัน จากนั้นนำร่างพี่ชายส่งโรงพยาบาลสหัสขันธ์ สุดท้ายเสียชีวิตดังกล่าว จึงขอยืนยันว่าสาเหตุพี่ชายเสียชีวิตนั้นถูกไฟฟ้าช็อตแน่นอน

ด้าน ร.ต.ต.เสถียร มาตอำพร รองสว.(ป.) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนเข้าไปช่วยปั้มหัวใจ กล่าวว่า วันเกิดเหตุได้นั่งรับประทานอาหารที่แพข้างเคียง ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกให้ช่วยเหลือว่าคนถูกไฟฟ้าช็อต จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ เห็นร่างนายสุทธิชัย ขึ้นมาไว้บนแพไม้ไผ่ที่อยู่ติดกับแพใหญ่ ซึ่งขณะนั้นผู้บาดเจ็บยังไม่หมดสติ แต่ไม่สามารถขยับร่างกายและไม่สามารถพูดได้ ตนจึงเข้าไปปั้มหัวใจรอเจ้าหน้าที่ กระทั่งหน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลมาถึง และเข้ามาช่วยเหลือก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล

ขณะที่ พ.ต.ท.โด่งศักดิ์ นนทวงศ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สหัสขันธ์ กล่าวว่า ในทางคดีพนักงานสอบสวนได้เชิญพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติม คือนางสาวภานุมาศ ประเสริฐสังข์ น้องสาวนายสุทธิชัย และนายเอกรินทร์ บุญรอด เพื่อนนักท่องเที่ยวที่ไปด้วยกัน รวมทั้ง ร.ต.ต.เสถียร  มาตอำพร รอง สว. (ป.) สอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่เข้าไปช่วยปฐมพยาบาลคนแรก ขณะที่ในส่วนของเจ้าของแพนั้น จะได้เรียกมาสอบปากคำในวันถัดไป เพราะต้องสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้เรียบร้อยก่อน และยังรอผลการผ่าชันสูตรอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร

ลำพูน - อบจ.ลำพูน พร้อมด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน MOU สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน

การทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัยของประชาชนในท้องถิ่น และชุมชน ระหว่าง ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ประจำปี 2564

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน(อบจ.ลำพูน) ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน  นำโดย นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ นายก อบจ.ลำพูน พร้อมด้วย พลตำรวจตรี นฤชิต เนียวกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในการส่งเสริมสนับสนุนและประสานงาน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมสนับสนุนนโยบาย แผนงาน โครงการ งบประมาณ และอาสาสมัคร วัสดุอุปกรณ์ เพื่อการรักษาความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้ขอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะได้ประสานความร่วมมือในการบูรณาการสนับสนุนดำเนินการตลอดจนติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยอยู่ภายใต้ภารกิจ อำนาจหน้าที่ และไม่ขัดต่อข้อระเบียบ กฎหมาย และหลักศีลธรรมตลอดไป

บันทึกข้อตกลงว่าด้วย ความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัยของประชาชนในท้องถิ่นและชุมชน ระหว่าง ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ทำขึ้นระหว่าง ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน(อบจ.ลำพูน) เพื่อสร้างนวัตรกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นภายใต้ยุทธศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 20 ปี ( พ.ศ.2563 - 2580 ) ยุทธศาสตร์ที่ 3 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมอย่างยั่งยืน ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น และองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ.2551 และระเบียบคณะกรรมการนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ส.ต.ช.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจัดระบบการบริหาร การปฏิบัติงานต้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย และการรักษาความปลอตภัยของประชาชนให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน พ.ศ.2559

โดยมุ่งเน้นให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และ หัวหน้าสถานีตำรวจทุกหน่วยประสานงานกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน โครงการ งบประมาณ และอาสาสมัคร ตลอดจนการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดลำพูน และการส่งเสริมสนับสนุนและ

ประสานการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์แห่งบทบัญญัติดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไปทั้งสองฝ่ายจึงตกลงความร่วมมือ ดังนี้

1. องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน จะส่งเสริมสนับสนุนและประสานงาน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการรักษาความปลอดภัยของประชาชน ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน ให้คำแนะนำ กำหนดหลักเกณฑ์

วิธีปฏิบัติสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสนับสนุนนโยบาย แผนงาน โครงการ งบประมาณ และอาสาสมัคร วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้ขอบอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการต่งๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

2. ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จะดำเนินการควบคุม และกำกับดูแลให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติภารกิจค้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย และการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เหมาะสมกับความต้องการแต่ละท้องถิ่นและชุมชน โตยเปิดโอกาสให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในเรื่อง นโยบาย แผนงาน หรือ โครงการให้เกิดผลสำเร็จภายใต้ชอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการต่าง ๆ ของตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน

ทั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะประสานความร่วมมือระหว่างกัน และจะสนับสนุนการดำเนินงาน ตลอดจนติดตามผล ประเมินผลการดำเนินงาน ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือให้เกิตประโยชน์สูงสุดทุกระยะ การประสานความร่วมมือและสนับสนุน โดยให้อยู่ภายใต้ภารกิจ อำนาจหน้าที่ และไม่ขัดต่อข้อระเบียบ

กฎหมาย และหลักศีลธรรมอันดีตลอดไป บันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ จัดทำขึ้นจำนวน 6 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน ทุกฝ่ายได้อ่านทำความเข้าใจขัอความ ข้อตกลงโดยละเอียดแล้ว จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ ต่อหน้าพยาน ให้ยึดถือโดยบันทึกข้อตกลงที่ได้ลงนามแล้วนี้ ไว้ฝ่ายละ 1 ฉบับ และจะมีผลผูกพันในการปฏิบัติร่วมกัน นับตั้งแต่วันที่ลงนาม (6 พ.ค. 64) เป็นต้นไป


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดลำพูน

ยะลา – เฝ้าระวังการก่อเหตุก่อนเทศกาล ‘รายอ’ หวั่นตอบโต้กรณีปะทะกรงปินัง

เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ก่อนเทศกาลรายอ ที่คนร้ายมักใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ นอกจากนี้จากกรณีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังติดตามจับกุมผู้กระทำผิด กฏหมายในพื้นที่บ้านบาตูบือละอ.กรงปินัง จ.ยะลา จนเกิดปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นเหตุทำให้ทหารพรานพลีชีพ 1 นาย ส่วนโจรใต้ดับ 2 รายมอบตัว 1 ราย

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 จากกรณีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย ตำรวจทหาร ฝ่ายปกครอง ทำการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด กฏหมายในพื้นที่บ้านบาตูบือละ หมู่ที่ 2 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา จนเกิดปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นเหตุทำให้ อส.ทพ.นพรัตน์ สุขสอน อายุ 27 ปี ร้อย.ทพ.4701 ฉก.ทพ.47 ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 5 ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย เสียชีวิต จากการปะทะเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายวันฮาซัน อะซู อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ที่ 10 บ้านแอร้อง ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการ ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 และเจ้าหน้าที่ ชุด เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด(EOD.)เข้าตรวจที่เกิดเหตุบริเวณเชิงเขาป่าสวนยางพาราอย่างละเอียดพบศพคนร้าย จำนวน 2 ราย คือ นายรีสวัน เจ๊ะโซะ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 58/2 บ้านอุเป หมู่ที่ 9 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา สมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ระดับปฏิบัติการ และนายอีลียัส เวาะกา อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 4 บ้านลูโบะกาโล ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา จนท.สามารถยึดอาวุธปืนสงครามอาก้า (AK-47)ในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.40 น.ของวันที่ 4 พ.ค.64 ที่ผ่านมานั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 พ.ต.อ.วงศกร เหมือนเขียว ผกก.สภ.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกลาดตระเวนบนถนนสายหลัก ยะลา – เบตง และในพื้นที่สุ่มเสี่ยง คอสะพาน ท่อลอด ระบุว่า ในช่วง 10 วัน ก่อนที่จะถึงเทศกาลรายอ ของ ชาวไทยมุสลิมในทุกปีและคาดว่ากลุ่มก่อความสงบอาจจะสร้างสถานการณ์ในการตอบโต้เจ้าหน้าที่ในการปะทะจนทำให้สูญเสียผู้ร่วมขบวนการไป 2 รายโดยคนร้ายจะฉวยโอกาสก่อเหตุหนักยิ่งขึ้น  

อย่างไรก็ตามหน่วยกำลังทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4  ตำรวจ  ฝ่ายปกครอง และ กำลังภาคประชาชน ได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ เพิ่มความถี่ในการ เฝ้าระวังยานพาหนะที่จะเข้ามายังตัวเมือง อย่างละเอียด โดยเฉพาะการค้นหารถยนต์ต้องสงสัย คันล่าสุด เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดราก้อนอาย ที่แหล่งข่าว แจ้งเตือนว่า เป็นรถที่ประกอบระเบิดสำเร็จแล้ว เตรียมใช้ก่อเหตุเป็นคาร์บอมในเขตเมือง ของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

โดยหลังจากนี้ได้เน้นย้ำทุกหน่วยทุกกำลังในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวังและดูแลเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ตลอดจนสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่เป็นสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ อาทิ เส้นทางสัญจร ถนนสายหลัก สายรอง ระบบการสื่อสารต่าง ๆ ที่ผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาทำร้ายทำลายเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ ได้เน้นย้ำเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนในมาตรการการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายและขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ได้ช่วยกันเฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วโทร.191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จันทบุรี - เกิดพายุฝนลมแรง ในพื้นที่ บ้านช้างข้าม อ.นายายอาม ส่งผลบ้านเรือนราษฎรเสียหาย ต้นไม้ล้ม และมีเรือประมงพื้นบ้านถูกคลื่นซัดจม แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

ที่บ้านช้างข้าม ต.ช้างข้าม อ.นายายอาม  จ.จันทบุรี พบบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปากน้ำพังราด ถูกพายุฝนพัดเพิงพักที่ใช้ประกอบอาชีพประมงและเรือประมงขนาดเล็กจมใต้น้ำหลายลำ ใกล้กันก็มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายแต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางผู้นำชุมชนได้ออกสำรวจความเสียหายของลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพายุฝนช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตีสองครึ่ง เกิดลมพายุฝนกรรโชกแรงประมาณ 20 นาทีก็สงบลง ทรัพย์สินที่เสียหายส่วนใหญ่ เป็นเพิงพักพิงแบบชั่วคราวที่ใช้ในการวางอุปกรณ์ประมงหรือใช้ในการซ่อมแซมอุปกรณ์หาปลาทะเล เช่น แห อวน ที่สร้างอยู่ริมน้ำพังเสียหายและข้าวของเครื่องใช้ไหลไปตามกระแสน้ำ โดยทางผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ระหว่างการสำรวจและรายงานให้กับทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อหาทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป ขณะที่ ปภ.จังหวัด และ อุตุนิยมวิทยาจันทบุรีได้แจ้งเตือนประชาชน ระวังพายุฝนฟ้าคะนองจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงวัน สองวันนี้

ด้านนายอ่อน บรรดาศักดิ์ ชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลช้างข้าม ได้กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณตีสองครึ่ง พายุมาเร็วมากตั้งตัวไม่ทัน เวลาเพียงประมาณ 20 นาที ก็สร้างความเสียหายโชคดีไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงไม่พบผู้บาดเจ็บและ เสียชีวิต


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

มุกดาหาร - ตำรวจทางหลวงไล่สกัดรถเก๋งขนยาไอซ์ 11 ก.ก. เสียหลักลงข้างทางทิ้งรถหนีรอด

ตำรวจทางหลวงไล่สกัดรถเก๋งลักลอบขนยาไอซ์ขับหนีด้วยความเร็วสูงรถเกิดเสียหลักพุ่งลงข้างทางหนีต่อไม่ได้ทิ้งรถพร้อมยาไอซ์ 11 ก.ก.วิ่งเข้าป่าอาศัยความมึดหลบหนีไปได้

เมื่อกลางดึกวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุวิมล ได้รับแจ้งจากสายหลับว่ามีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 2 ฝั่งโขงลักลอบขนยาไอซ์ข้ามโขงทางเรือติดเคืองยนต์หางยาวข้ามแม่น้ำโขงข้ามฝั่งเข้ามาตามแนวชายแดนริมฝั่งโขงในพื้นที่ของ จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญนำกำลังตำรวจทางหลวง ร่วมวางแผนก่อนใช้รถตำรวจทางหลวงหมายเลข 6512 กองกำกับการตำรวจทางหลวง ส.ทล. 5 ออกตรวจสอบตามถนนชะยางกูรเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ขณะเจ้าหน้าที่ขับรถไปตามถนนชยางกูร ได้พบรถเก่งขับสวนทางมาด้วยความเร็วสูงโดยรถคันดังกล่าวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นรถต้องสงสัยเจ้าหน้าที่จึงกลับรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดเพื่อบังคับให้จอด แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมจอดขับเร่งความเร็วเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนรถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางบริเวณ ก.ม.ที่12 หน้าโรงเรียนบ้านดอนม่วยตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นทางโค้งและมืด คาดว่าคนร้ายไม่ชำนาญเส้นทางประกอบกับเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตรวจสอบพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อ toyota รุ่น vios สีบรอนซ์เงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบคนขับตรวจสอบภายในรถมีการดัดแปลงสภาพรถเพื่อใช้ในการกระทำความผิดพบกล่องกระดาษขนาดใหญ่วางอยู่บริเวณเบาะผู้โดยสารด้านหลัง จึงได้เปิดฝากล่องตรวจสอบพบยาไอซ์แพ็คบรรจุอย่างดีจำนวน 11 ห่อน้ำหนักโดยประมาณ11 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ด้านในส่วนคนร้ายทิ้งรถวิ่งเข้าป่าขางทางหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางพร้อมรถนำส่งสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหารเพื่อดำเนินการตามกฎหมายเตรียมขยายผลหาเจ้าของรถพร้อมกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 2 ฝั่งโขงกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร

นครนายก - รถพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถ จยย.ล้มทับร่างเละเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้ม ทับร่างแหลกเละเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ร.ต.ท.หญิงวีรวัลย์ พุทธศิริ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก ได้รับแจ้งเหตุมีรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บริเวณถนนแยกบายพาสศูนย์พระเทพฯ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก จึงไปยังที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร และกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีน้ำเงินทะเบียน กจว นครนายก 531 ถูกรถบรรทุกพ่วงเฉี่ยวชนล้มพังเสียหายข้างรถจักรยานยนต์พบศพนายอำนวย เนียมไทย อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/21 ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายกนอนเสียชีวิต ถูกล้อรถบรรทุกพ่วงหลังข้างซ้ายทับร่างเละตั้งแต่บริเวณช่วงเอวขึ้นไปถึงศรีษะแหลกเหลว เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรร่วมชันสูจน์พลิกศพถัดมา 100 เมตรพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อสีขาวตัวแม่ทะเบียน 80-9683 กำแพงเพชรและลูกพ่วงทะเบียน 82-7593 มีนายสวิตต์ บัวธรรม อายุ 50 ปีเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วงยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการบอกเล่าของ นายสวัตต์ บัวธรรม คนขับรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เล่าว่าตนได้ขับรถบรรทุกหินมาจากโรงงานที่สระบุรีเพื่อจะนำหินไปส่งที่แพลนงานที่ปราจีนบุรี เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นแยกสัญญาณไฟแดงตนได้หยุดรถพอสัญญาณไฟเขียวตนได้ขับรถออกมาโดยไม่รู้ว่ามีรถจักรยานยนต์ขับตามหลังมาติด ๆ จึงได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้มลงและทับทั้งรถและคนเสียชีวิตดังกล่าว

จากการบอกเล่าของนายปรมัตถ์ วงศ์คล้าย เป็นลูกเลี้ยงของนายอำนวย เนียมไทย ผู้เสียชีวิตเล่า พ่อเลี้ยงเป็นคนชอบส่องพระเครื่องและชอบเล่นพระเครื่อง ในวันเกิดเหตุได้ขับรถออกจากบ้านมาเพื่อจะไปหาเพื่อนที่ชอบเล่นพระเครื่องด้วยกันแถวหมู่บ้านไร่วิลเลจ ตำบลศรีนาวา และทางญาติ ๆ ก็เตือนว่าอย่าออกจากบ้านไปเลยฝนก็ตกหนักตลอดทั้งวัน จนมารับทราบข่าวจากกู้ภัยสว่างอริยะนครนายก โทรมาบอก ว่าพ่อเลี้ยงตนได้ถูกรถบรรทุกพ่วงชนเสียชีวิตแล้ว

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมถ่ายภาพเก็บข้อมูลหลักฐาน และได้เชิญตัวนายสวัตต์ บัวธรรม คนขับรถบรรทุกพ่วง ไปสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่  ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

สุโขทัย - ตาลโตนดสุโขทัย ของอร่อยจากธรรมชาติ ภูมิปัญญาท้องถิ่น สืบสานทำกินคนถิ่นคีรีมาศ

“ตาลโตนด” เป็นพืชที่ขึ้นได้ในดินทุกชนิด มีความทนต่อฤดูแล้ง ทนน้ำท่วมขัง แต่ไม่ชอบดินที่เป็นกรดจัด สามารถปลูกแซมตามคันนาได้ หรือในแปลงพื้นที่การเกษตร เนื่องจากรากของตาลโตนดจะหยั่งลงลึก ทำให้ไม่แย่งอาหารกับนาข้าว และรักษาพื้นดินได้อย่างดี เป็นทั้งร่มเงายามหลบแสงแดดร้อน มักพบเห็นตามคันนามาตั้งแต่อดีตเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันก็เริ่มหายลดลง จากการเพิ่มพื้นที่และปรับเปลี่ยนที่ดินมาเป็นรูปแบบธุรกิจ ตามยุคสมัย

ตาลโตนดเป็นพืชที่สร้างอาหารได้หลากหลาย มีประโยชน์จากความหวานของธรรมชาติ เป็นทั้งขนม ของหวาน ผลไม้ และของคาว ในต้นเดียวกัน จุดเด่นของน้ำตาลโตนด จัดเป็นน้ำตาลเพื่อสุขภาพ ยอดนิยมของฝากในท้องถิ่นและคนทั่วไป น้ำตาลโตนด ถือเป็นน้ำตาลที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง เนื่องจากเป็นน้ำตาลที่มี ค่า Glycemic Index(GI) ต่ำ ค่า GI เป็นค่าที่บอกผลกระทบของอาหารที่บริโภคต่อน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งหากสูง หมายถึงอาหารที่บริโภค ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูง ซึ่งไม่ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน หรือแม้แต่คนปกติ อีกทั้งยังมี วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น วิตามิน บี โดยเฉพาะ B12 ในปริมาณสูง แร่ธาตุ เช่น เหล็ก โพแตสเซียม แมกนีเซียม และธาตุอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว น้ำตาลโตนด ก็ยังมีรสชาติอร่อย เพิ่มรสชาติของอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งชา กาแฟ หรือขนมต่าง ๆ ให้อร่อย หอมหวานกลมกล่อมมากขึ้นอีก

สนใจเรียนรู้หรือเข้าชมการทำน้ำตาลโตนด ซื้อเป็นของฝากจากสุโขทัย ภูมิปัญญาของชาวอำเภอคีรีมาศ ได้ที่ หมู่ 1 บ้านนากาหลง ตำบลนาเชิงคีรี อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย (ตรงข้ามโรงเรียนบ้านนากาหลง) คุณเบียร์ (เจ้าของผลิตภัณฑ์) สอบถามข้อมูลและสั่งจองได้ที่ 092-1964627


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

ศรีสะเกษ – พิษโควิด !! คนร้ายงัดตู้เอทีเอ็ม หวังฉกเงินจากตู้

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 64  ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุงัดตู้เอทีเอ็มที่บริเวณปั้ม ปตท.ท่าเรือ ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษทราบ และรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสายตรวจ เมื่อไปถึงพบว่า ที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณปั้มน้ำมันข้างร้านสะดวกซื้อ ด้านล่างของตู้เอทีเอ็มมีร่องรอยของประตูตู้เอทีเอ็มเปิดอ้าอยู่  บริเวณฝาปิดรูกุญแจเปิดออก คาดว่าประตูด้านล่างของตู้เอทีเอ็มถูกคนร้ายงัดออก  ซึ่งจากการตรวจสอบโดยรอบตู้เอทีเอ็มไม่พบร่องรอยความเสียหายแต่อย่างใด

ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร  ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มเบื้องต้นแล้วคาดว่า คนร้ายอาจจะงัดประตูของตู้เอทีเอ็มออกเพื่อหวังเอาเงินจากตู้เอทีเอ็ม แต่ว่าจากการตรวจตู้เอทีเอ็มแล้วไม่พบร่องรอยของตู้ถูกงัดแต่อย่างใด  อาจจะเป็นไปได้ว่า ประตูของตู้เอทีเอ็มอาจจะไม่ได้ถูกปิดล็อคกุญแจเอาไว้  ซึ่งตนจะได้ประสานงานกับธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาศรีสะเกษ เพื่อให้มาร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ - พายุฝนถล่ม 3 อำเภอ ทุเรียนภูเขาไฟที่กำลังใกล้สุกร่วงหล่น บ้านเรือนพังยับกว่า 50 หลังเรือน

เมื่อเวลา 22.00 วันที่ 5 พ.ค. 2564 นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงใกล้ค่ำของวันนี้ (5พ.ค.2564) ได้เกิดเหตุวาตภัยพายุฝนตกหนักอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มี 3 อำเภอประกอบด้วย อ.กันทรลักษ์ อ.เมือง และ อ.ปรางค์กู่ มีบ้านเรือนของชาวบ้านโดนลมพายุพัดบ้านเรือนพังเสียหายรวมจำนวนประมาณ 43 หลัง ต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้มทับบ้านเรือนของชาวบ้านและต้นไม้ได้โค่นล้มขวางถนนตามเส้นทางถนนหลายสาย เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันตัดต้นไม้ออกจากถนนเพื่อให้รถราทุกชนิดสามารถใช้ในการสัญจรไปมาได้

นายบุญประสงค์ นวลสายย์  หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยต่อไปว่า  ขณะที่บริเวณบ้านซำตารมย์ ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการปลูกทุเรียนภูเขาไฟจำนวนมาก ลมพายุได้พัดถล่มต้นทุเรียนภูเขาไฟที่มีผลผลิตลูกทุเรียนจำนวนมาก และผลทุเรียนใกล้จะสุกเกษตรกรเตรียมที่จะนำออกไปขายในท้องตลาดทั่วประเทศในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน 2564 นี้ 

ปรากฏว่า พายุฝนที่พัดโหมกระหน่ำอย่างหนักได้ทำให้ลูกทุเรียนภูเขาไฟร่วงหล่นลงมาจากต้นลงมากองอยู่ใต้ต้นทุเรียนจำนวนมาก เกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนต้องพากันเก็บลูกทุเรียนภูเขาไฟมากองรวมกันไว้ด้วยความเสียดายลูกทุเรียนภูเขาไฟที่ร่วงหล่นเสียหายจำนวนมาก

สรุปความเสียหายเบื้องต้นชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 33 ครัวเรือน ส่วนการช่วยเหลือนั้นอยู่ในระหว่างการสำรวจของอำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจะได้เร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน

นายบุญประสงค์ ยังกล่าวด้วยว่า  นอกจากนี้แล้วยังได้เกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในเขตพื้นที่อำเภอปรางค์กู่ ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นพบบ้านเรือนชาวบ้านเสียหาย ดังนี้ 1. บ้านหนองแต้ หมู่ที่ 11 ตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ บ้านเรือนเสียหาย  9 หลังคาเรือน  2. บ้านหนองตลาด หมู่ที่ 10 ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ  บ้านเรือนเสียหาย 1 หลังคาเรือน 

ซึ่ง นายเทเวศน์  มีศรี นายอำเภอปรางค์กู่ ได้สั่งการไห้ ปลัดอำเภอ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และผู้นำท้องที่ เร่งสำรวจความเสียหาย และแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเชียงทูน และองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ศรี เร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อให้สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ตามปกติเช่นเดิมอย่างเร่งด่วนต่อไปแล้ว


ภาพ/ข่าว  ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

ชลบุรี - พายุฝนกระหน่ำคืนเดียว วัดช่องแสมสารและวิหารหลวงพ่อดำเสียหายหลายแห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (02.00 . ของวันที่ 6 พ.ค.64) ลมพายุพัดถล่มลงมาอย่างหนัก นอกจากนี้แล้วยังเกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในเขตพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยเฉพาะวัดช่องแสมสาร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทะเล บริเวณพื้นที่ ต.แสมสาร ได้รับความเสียหายหลายแห่ง รวมถึงวิหารหลวงพ่อดำ ที่ตั้งอยู่บนเขาเจดีย์ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

เบื้องต้นคณะกรรมการวัดช่องแสมสารและชาวบ้าน ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบว่ามีหลายจุด เช่น  หลังคาศาลาเมรุ หลังคาห้องรับสังฆทานวิหาร หลังคากุฏิเจ้าอาวาส เต้นบริเวณหน้าท้ามสหัมบดีพรหม กำแพงวัด หลังคาห้องรับรอง หลังคากุฏิพระเณร ต้นไม้น้อยใหญ่บริเวรวัด หลังคาศาลาการเปรียญ รวมถึงบริเวณวิหารหลวงพ่อดำ เขาเจดีย์ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งทางวัดช่องแสมสารก็จะตรวจสอบความเสียหายและทำการซ่อมแซมต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

กรุงเทพฯ - สภากาชาดไทยร่วมกับสำนักอนามัย จัดทีมแพทย์ พยาบาลเสริมทัพฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้มีความเสี่ยงเขตคลองเตย

อนาคตเตรียมเปิดรับสมัครอาสาสมัครแพทย์ พยาบาล และมอบชุดธารน้ำใจโควิด ฯ สำหรับผู้กักตัว 14 วัน

วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ทีมแพทย์ พยาบาลของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ที่ปฏิบัติงานร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นำทีมโดย แพทย์หญิงกานดา ลิมิตเลาหพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายบริการทางการแพทย์ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ ปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  ให้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ชุมชนแออัดเขตคลองเตย โดยสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครตั้งเป้าในการฉีดวัคซีนประมาณวันละ 1,500 ราย ณ โลตัส พระรามสี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อช่วยควบคุมโรคระบาดในพื้นที่คลองเตย กรุงเทพมหานคร

​ด้านนายแพทย์พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ กล่าวว่า “วันนี้สภากาชาดไทยมาร่วมสนับสนุนกทม.ในการระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดในตอนนี้ ซึ่งก็คือพื้นที่คลองเตย มีทั้งทีมแพทย์และพยาบาลที่มาปฏิบัติงาน นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้เราจะระดมอาสาสมัครของสภากาชาดไทย ที่เป็นแพทย์หรือพยาบาลที่มีจิตอาสา มาช่วยภาครัฐในการระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีก และสภากาชาดไทยได้เตรียมเปิดสิทธิ์ให้กับอสส. (อาสาสมัครสาธารณสุข)ในการคีย์ข้อมูลเข้าในระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัย สำหรับผู้ที่ อสส.ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยง จำเป็นต้องกักตัวเอง 14 วัน เพื่อที่เมื่อข้อมูลเข้าระบบแล้ว สภากาชาดไทยจะได้จัดส่งชุดธารน้ำใจฝ่าวิกฤติ      โควิด-19 ไปสนับสนุน โดยอาศัยสนง.เขตต่าง ๆ เป็นตัวกลางในการประสานต่อไป ซึ่งชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 นี้ สภากาชาดไทยได้ดำเนินการในส่วนภูมิภาคมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเศษแล้ว โดยมีอสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เป็นผู้คีย์ข้อมูลผ่านเข้าระบบแอปพลิเคชั่นพ้นภัยเข้ามา ซึ่งสภากาชาดไทยได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้กักตัวเอง 14 วัน ด้วยชุดธารน้ำใจฯ ดังกล่าวไปแล้วกว่า 1 แสนชุด”

​สำหรับประชาชนที่มีจิตศรัทธาจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสภากาชาดไทย ที่จะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน สามารถบริจาคได้ในโครงการ “พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19” เพื่อมอบชุดธารน้ำใจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารใน ระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 023-6-06799-0 ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1664

ปราจีนบุรี – พายุฝนถล่ม ตอนรุ่งสางน้ำท่วมรอระบาย ฉันทนาเดินลุยน้ำไปทำงาน

เมื่อเวลา 05.00 น.ที่ผ่านมาวันที 6 พค.64 เกิดพายุฝนฟ้าคะนองพื้นที่อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นานนับชั่วโมงกระทั่ง 06.00 น.ฝนซาเม็ดลง ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังที่รอระบายที่บ้านรัชดาป่าจิก ม.11 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำสูง 30 ซม.ระยะทางยาว 50 ม.

ส่งผลให้การเข้าออกในซอยได้รับผลกระทบเนื่องจากว่าบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นแอ่งกระทะ ฝนตกทุกครั้งทำให้น้ำระบายไม่ทันนับชั่วโมงผู้ที่อยู่ในซอยเข้าออกลำบากรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต้องค่อย ๆ ขับรถเข้าออกในซอย และบางคนต้องอ้อมไปใช้เส้นทางหลังโรงเรียนเข้าหมู่บ้านแทน คนที่มีบ้านอยู่กลางซอยต้องเดินลุยน้ำออกจากบ้านเพื่อไปทำงานและไปทำธุระด้านนอก นส.บังอร (นามสมมติ) พนักงานโรงงาน กล่าวว่าบ้านอยู่ทางด้านในซอยนี้ฝนตกหนักบริเวณนี้มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานลึกประมาณ 30-40 ซม.ระยะทางยาว 50 ม.ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำทำให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านในต้องลำบากลุยน้ำออกมาทำงานถ้าเป็นไปได้อยากจะให้มีการทำถนนบริเวณนี้ใหม่ให้สูงกว่าเดิมเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแต่ละครั้งจะท่วมนานกว่าจะลด ณ.ขณะนี้เวลา 08.50 น.ฝนยังไม่หยุดตกคาดว่าจะตกริน ๆ ไปถึงเที่ยงตามคำพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้รายว่าทั่วทุกภาคจะมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้


ภาพ/ข่าว  ลักขณา สีนายกอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top