Friday, 4 July 2025
SPECIAL

กระบี่ - ทำพิธี! “จมฝูงเรือรบหลวง” อย่างสมเกียรติ สร้างอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเลเกาะลันตา

วันที่ 15 ธ.ค.64 นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีจมเรือรบหลวง รวม 3 ลำ ใกล้กับเกาะหมา ท้องทะเล อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ลงสู่ใต้ทะเล เป็นอุทยานการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรทางทะเล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ ระดับโลก ในพื้นที่ทะเลเกาะลันตา จ.กระบี่ โดยมีนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ / พลเรือตรี พัลลภ เขม้นงาน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 / นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และประชาชน เข้าร่วม

โดยก่อนการจมเรือหลวง ทั้ง 3 ลำ คือ เรือหลวงปราบปรปักษ์ เรือ ต 15 หรือเรือหลวงสู้ไพรินทร์ และเรือ ต 16 หรือเรือหลวงหาญหักศัตรู ลงสู่ใต้ท้องทะเล ได้มีพิธีวางพวงมาลาไว้อาลัยอย่างสมเกียรติ พร้อมทำการนำน้ำเข้าเรือใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง กว่าเรือจะจมดิ่งสู่ก้นทะเลทั้งลำ ซึ่งพิธีจมเรือดังกล่าวเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำของจังหวัดกระบี่ และจังหวัดฝั่งอันดามัน ตามโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล โดยความร่วมมือระหว่างจังหวัดกระบี่ ร่วมกับกองทัพเรือ และสภาการศึกษา จ.กระบี่

นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ ได้รับการอนุเคราะห์จากกองทัพเรือ มอบเรือปลดประจำการ จำนวน 11 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่ปลดประจำการ เพื่อจมใต้ท้องทะเลเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ โดยในวันนี้ ทำการจมเรือรบปลดประจำการจำนวน 3 ลำ ได้มีการทำพิธีวางเรือไปแล้ว จำนวน 3 ลำ เพื่อเป็นการจัดสร้างปะการังเทียม ตามโครงการอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเล จังหวัดกระบี่ ส่วนอีก 8 ลำ จะนำมาจมอีก ประมาณเดือนมีนาคม 65 ซึ่งจากนี้ไปเรือรบทั้ง 3 ลำ จะทำหน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ตามโครงการอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ตลอดไป

ด้านนายสมชาย หาญภักดีปฎิมา รอง ผวจ.กระบี่ กล่าวว่า เชื่อว่าในอนาคต จังหวัดกระบี่ จะเป็นศูนย์กลางการดำน้ำดูปะการังที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในท้องทะเลฝั่งอันดามัน เนื่องจากมีปะการัง ที่เป็นโครงการอุทยานเรียนรู้ และปะการังธรรมชาติ โดยก่อนหน้านี้ทางจังหวัดกระบี่ ได้นำเรือรบที่ปลดประจำการ ไปวางไว้ท้องทะเล จำนวน 2 จุด ได้แก่บริเวณเกาะยาวาซำ และเกาะพีพีเล ต.อ่าวนาง พบว่ามีปะการังเริ่มเจริญงอกงาม และกำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว

 

สุรินทร์ - สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 10 แห่ง ก่อนเปิดงาน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์" ครั้งที่ 61 เพื่อความเป็นสิริมงคลและให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เวลา 07.09 น. นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาด รองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดสุรินทร์ก่อนเปิดงาน "มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์"  

โดยเริ่มจากไหว้พระพุทธจอมสุรินทร์ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ จากนั้นไหว้สักการะหลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) พระคู่บ้านคู่เมือง ณ วัดบูรพาราม (พระอารามหลวง) และเดินทางสักการะศาลหลักเมืองสุรินทร์ อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จากวาง องค์อินทร์ ณ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สนามแสดงช้าง ศาลพระภูมิ ณ สนามกีฬาศรีณรงค์ องค์อินทร์ ณ โรงเรียนสุรวิทยาคาร สุดท้ายที่พระพรหมและศาลปู่ย่า หน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์หลังใหม่

เพื่อให้การจัดงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้จัดงานและผู้มาร่วมชมงานนี้ จากที่จังหวัดสุรินทร์ได้กำหนดจัดงาน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์” ประจำปี 2564 ปีนี้เป็นปีที่ 61 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 15 - 26 ธันวาคม 2564 ณ สนามกีฬาศรีณรงค์ และสนามแสดงช้าง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองอันดีงาม และอนุรักษ์การแสดงช้างซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติไทยให้คงอยู่สืบไป โดยช่วงเย็นวันที่ 15 ธันวาคม 2564 มีพิธีเปิดงานมหัศจรรย์ขึ้นอย่างเป็นทางการ ในเวลาประมาณ 17.00 น.

ตร. สั่งกำชับ!! ตำรวจทั่วประเทศเตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหา รับมือนักเรียน - นักศึกษา ‘ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน’!!!

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน จนสร้างความวุ่นวายและเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมลอกเลียนแบบตามภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง นั้น

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ปป.) ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาฯ อีกทั้งมีความห่วงใย ต่อเด็กและเยาวชน ที่อาจเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (ช่วยงาน (ปป.)) เป็นหัวหน้ารับผิดชอบควบคุมกำกับดูแล การป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ กำหนดให้มีการประชุมการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ผ่านระบบวิดีโอทางไกล (VDO Conference) ในวันอังคารที่ 14 ธ.ค. 64 เวลา 10.00 น ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร. โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมประชุมฯซึ่งการประชุมฯ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1) ให้ทุก บก./ภ.จว. ที่มีสถานการณ์ปัญหา นักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาท วิเคราะห์พื้นที่ปฏิบัติการ (IPB) โดยให้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ที่มักจะเป็นจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม รวมถึงการสำรวจกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบและการแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ

2) สำหรับ บก./ภ.จว. ที่มีการรับแจ้งเหตุเกิดขึ้นแล้วและมีผู้บาดเจ็บ หรือมีผู้เสียชีวิต รวมทั้งการรับแจ้งเหตุว่าจะมีการรวมตัวกันก่อเหตุและสามารถเข้าไประงับหรือป้องกันเหตุได้ก่อน ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับพื้นที่ขึ้น เพื่อทบทวนบทเรียนหลังจากที่มีการปฏิบัติ (AAR) เพื่อหาจุดแข็ง จุดอ่อน หรือปัญหาอุปสรรค เพื่อทำการแก้ไข ทั้งนี้มุ่งหวังให้มีรูปแบบการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน (SOP) และมีการออกแผนปฏิบัติการและทำการซักซ้อมแผนเป็นประจำ สำหรับกรณีนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทแล้วมีผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาล ให้มีแผนเผชิญเหตุและทำการซักซ้อม เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทต่อเนื่องที่โรงพยาบาลด้วย

3) นำข้อมูลที่ได้จากการรับแจ้งเหตุทางศูนย์วิทยุ 191 มาเป็นข้อมูลในการประชุมงานสายตรวจ เพื่อประกอบการวิเคราะห์และจัดทำแผนการตรวจ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่ หากห้วงเวลาหรือ สถานที่ที่ได้จากการวิเคราะห์ว่ามีแนวโน้มการรวมตัวก่อเหตุ ให้มีมาตรการที่ชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

4) การบูรณาการความร่วมกัน ระหว่าง งานป้องกันปราบปราม งานสืบสวน และพนักงานสอบสวน ในระดับ สน./สภ. เมื่อรับแจ้งเหตุว่าจะมีเหตุดังกล่าว จะต้องประสานงานทั้งสายตรวจประเภทต่าง ๆ และทีมสืบสวน เพื่อเข้าไปป้องกันเหตุ หรือคลี่คลายสถานการณ์ หากเป็นเหตุที่จะต้องดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ฝ่ายสืบสวนจะต้องเร่งพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคล ที่ก่อเหตุ เพื่อดำเนินการด้วยความรวดเร็ว

5) มาตรการประสานงานกับสถาบันการศึกษา นั้น กำชับให้ระดับ ผกก.หัวหน้าสถานี เป็นผู้ประสานงานกับ ผอ.สถาบันการศึกษาที่มีความเสี่ยง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งกันและกันโดยตรง

6) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ในฐานะผู้รับผิดชอบกำกับดูแลการป้องกันและแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลลาะวิวาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานกับเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อสร้างความร่วมมือ และหาแนวทางในการป้องกันเหตุนักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทต่อไป

 

ตร.ประจวบฯ โชว์ฟอร์ม!! ‘จับยาบ้า - กัญชา’ มูลค่ารวม 100 ล้านบาท คาด่านห้วยยาง!!

สภ.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ 7 พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.นนท์ ภักดีพันธ์ ผกก.สภ.ห้วยยาง นายอำนาจ เหล่ากอที  ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 7 นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จำนวน 2 คดี ได้ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด กัญชาแห้งอัดแท่งหนัก 660 กิโลกรัม (กก.) คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท  

โดยกลางดึกคืนที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่สนธิกำลังตั้งด่านตรวจสิ่งผิดกฎหมายบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ด้านหน้า สภ.ห้วยยาง พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าตอนครึ่งสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บน 9396 ภูเก็ต สภาพเก่าวิ่งมา แต่ก่อนถึงด่านตรวจประมาณ 50 เมตร รถคันดังกล่าวเห็นมีด่านอยุ่ข้างหน้าจึงหักหลบเข้าซอยข้างทาง ตำรวจประจำด่านเห็นผิดสังเกตจึงขับตามจนทันก่อนเรียกให้จอด ทราบชื่อคนขับว่า นางอุทัย หลวงสมบัติ อายุ 46 ปี มี น.ส.จันทนา หลวงสมบัติ อายุ 26 ปี ทั้งคู่เป็นชาว จ.พังงา นั่งคู่มาด้วยท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นที่กระบะท้ายพบกล่องโฟมปิดผนึกอย่างดีวางรวม 5 กล่อง เมื่อเปิดออกดูถึงกลับตะลึง พบยาบ้ากล่องละ 200,000 เม็ด รวม 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่จึงนำตัวมาสอบสวน

เบื้องต้นนางอุทัยรับว่าได้รับการว่าจ้างจากชายคนหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาทแต่ยังไม่ได้รับเงิน ให้ขับรถขนกล่องโฟม 5 ใบโดยบอกว่าภายในเป็นดอกมะลิ จากบริเวณแยกวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ให้ไปส่งที่ศาลพ่อตาหินช้าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และจะมีคนมารับอีกทีหนึ่ง แต่ระหว่างทางถูกจับกุมเสียก่อน เบื้องต้นตำรวจไม่ปักใจเชื่อก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนอีกราย ขณะเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ด้านหน้า สภ.ห้วยยาง มีรถกระบะมาสด้า ตอนครึ่ง สีขาว ป้ายทะเบียน ผน 7064 อุดรธานี ขับผ่านมา มีนายเกรียงไกร บุญคำ อายุ 36 ปี ชาว จ.สกลนคร เป็นคนขับ น.ส.กรรณิกา ปาละสิทธิ์ อายุ 33 ปี นั่งคู่มาด้วย ทั้ง 2 คนท่าทางมีพิรุธเมื่อเห็นตำรวจจึงขอตรวจค้น พบกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 660 แท่ง ๆ ละ 1 กก.รวม 660 กก. ซุกซ่อนอยู่ในถุงปุ๋ยโดยมีกล่องเหล้า กระสอบฟางแห้งปิดทับเพื่อตบตา จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

 

‘ผบช.ภ.1’ ปล่อยแถวระดมกวาดล้าง ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์!!

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 16:00 น. ที่ลานจอดรถ ห้างแม็คโครคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เป็นประธานปล่อยแถวเพื่อระดมกวาดล้างป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ 

โดยมี พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานีพ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง ว่าที่ร้อยตรี พิชญะ เพียราช ปลัดอำเภอคลองหลวง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม แรงงานจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ตำรวจสันติบาลจังหวัดปทุมธานี และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมปล่อยแถว 



ในเวลาต่อมา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 พร้อมส่วนเกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบตลาดผลไม้ตลาดไท ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมี พ.ต.ต.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง พร้อมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ตลาดไท ให้การต้อนรับและนำตรวจแผงค้าผลไม้และพื้นที่ตลาดไทเนื้อที่กว่า 500 ไร่  

ด้านพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและผบ.ตร.ให้ดูแลเรื่องแรงงานต่างด้าวให้เข้มข้นตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมามีการเข้มงวดตรวจสอบแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ มีการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมายหรือไม่การตรวจวันนี้มีการทำพร้อมกันทั้งจังหวัดปทุมธานี ทุกโรงพัก ว่าเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เข้าเมืองอย่างถูกต้องโดยถูกกฎหมายหรือไม่ 

‘สตม.’ บุกทลาย!! 'ปาร์ตี้ผิวสี' ย่านรามคำแหง ลักลอบมั่วสุมยันหว่างร่วมครึ่งร้อย!! หวั่นแพร่เชื้อโอไมครอน

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย หรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ  นิธินนทเศรษฐ์  ผบก.ตม.1, และ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าที่ร้านนครบาร์บางกอก ในย่านรามคำแหงจะมีการลักลอบจัดปาร์ตี้สังสรรค์ และจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับกลุ่มลูกค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติผิวสี และมีหญิงไทยร่วมด้วย ซึ่งมักมีการนัดรวมตัวเพื่อมั่วสุมดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้มีการประชุม วางแผนในการเข้าปิดล้อมตรวจสอบร้านดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 01.45 น. สตม. โดย กก.สส.บก.ตม.1 ได้สนธิกำลังกับ กก.2 บก.ปส.1 และ สน.หัวหมาก เข้าปิดล้อมตรวจค้นร้านนครบาร์บางกอก ที่เกิดเหตุ พบสภาพภายในร้านมีลักษณะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ตกแต่งภายในโดยมีโต๊ะพูล รวมทั้งมีการจัดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  มีลูกค้าทั้งคนไทย และคนต่างชาติ กำลังใช้บริการอยู่จำนวนหลายสิบราย

จากการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมดในร้าน พบเป็นบุคคลต่างด้าวผิวสีจากประเทศในแถบแอฟริกาเช่น ไนจีเรีย คองโก แคเมอรูน เป็นต้น โดยในจำนวนบุคคลต่างด้าวทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ามีบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีหนังสือเดินทาง หรือมีหนังสือเดินทางที่ไม่มีรอยตราประทับจากช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นจำนวนถึง 15 ราย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อบุคคลต่างด้าวในจำนวนนี้ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย” นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบนางสาวดา (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของและผู้ดูแลร้าน โดยอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าได้มีการเช่าช่วงจากเจ้าของร้านเดิม ซึ่งร้านดังกล่าวนี้เคยเปิดเป็นร้านจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 จนต้องปิดตัวไป     

โดยหลังจากทำการเช่าช่วงร้านดังกล่าว นางสาวดาได้ลักลอบใช้ร้านดังกล่าวเป็นที่นัดรวมตัวมั่วสุมของกลุ่มคนต่างชาติผิวสีเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน โดยจะใช้แผ่นเมทัลชีทปิดช่องแสงโดยรอบจนทึบและปิดเสียงดนตรี เพื่อปิดบังอำพรางเจ้าหน้าที่เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบพบ

ซึ่งในส่วนของเจ้าของร้านที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมในข้อหา “จำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มโดยร้านไม่ผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยฯ โดยจัดให้มีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านเกินเวลา อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 47 ข้อ 2 ลงวันที่ 29 พ.ย.64” และควบคุมตัวทั้งนางสาวดาฯ และบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมากดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ตร. แนะนำ!! “กำหนดวงเงินบัตร” ให้พอดีกับค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงถูกสูบเงิน

วันที่ 13 ธ.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โดยทุกคนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าและบริการ ที่มีการผูกบัตรเข้ากับเว็บไซต์ของร้านค้าหรือผู้ให้บริการต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการชำระเงิน เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่า การทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพี่น้องประชาชนก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการถูกคนร้ายดักรับข้อมูลหมายเลขหน้าบัตร และหมายเลขรหัส CVV ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมของคนร้าย ทำให้เจ้าของบัตรมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียทรัพย์สินผ่านช่องทางบัตรดังกล่าว

เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงขอแนะนำพี่น้องประชาชนถึงเทคนิคในการลดความเสี่ยง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ดังนี้

1. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ให้พอดีกับค่าสินค้าและบริการ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

2. ควรกำหนดวงเงินบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ไว้ที่ 0 บาท หรือระงับบัตรชั่วคราวผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ แล้วเปิดใช้งานหรือเพิ่มวงเงินเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้บัตรในการชำระเงิน (ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละธนาคาร ซึ่งอาจมีการจำกัดจำนวนครั้งในการปรับวงเงิน หรือระงับบัตรชั่วคราว)

3. ควรยกเลิกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยให้ถือบัตรเฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบยอดธุรกรรมที่ผิดปกติ

4. หากต้องการผูกบัตรเครดิต/บัตรเดบิต กับร้านค้าหรือผู้ให้บริการเพื่อชำระยอดค่าบริการแบบตัดผ่านบัตรอัตโนมัติ ควรเลือกบัตรที่สามารถกำหนดวงเงิน หรือบัตรที่ต้องใช้การเติมเงินเข้าไปในบัตรก่อนจึงจะสามารถใช้ในการชำระเงินได้ เพราะจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกิดความจำเป็น

 

ผู้การตำรวจร่วม 3 ฝ่าย แถลงทลายเครือข่ายส่งยาเสพติดทางทะเล ผ่านประเทศที่ 3 เป็นครั้งแรก!!

พล.ต.ต.แวสาแม สาและ  ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผกก.สภ.ตากใบ และนายกฤษฎา สุขสบาย ปลัด อ.ตากใบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว นายสุภัทร คะทะวะรัตน์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และ น.ส.ช่อผกา อภัยสวัสดิ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ 3 ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี

ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นสามีภรรยา พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง ห่อด้วยกระดาษฟลอยด์สีบรอนด์ทอง พันด้วยเทปใส บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยสีขาว และห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกทึบแสงสีดำอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 34 กระสอบ รวม 94 แท่ง น้ำหนัก 1,680 ก.ก. ซึ่งมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ขณะลักลอบขนย้ายอำพรางมากับรถยนต์เทรลเลอร์ 18 ล้อ ยี่ห้อ HINO สีแดง หมายเลขทะเบียน 87-2674 สระบุรี โดยมีท่อนไม้ยูคาลิปตัสปิดทับไว้ จาก จ.นครพนม ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ที่บริเวณชายทะเลบ้านกูบู ม.6 ต.ไพรวัน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา

ด้าน พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า 2 สามีภรรยา ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดมาจาก จ.นครพนม โดยซักทอดถึงเจ้าของรถยนต์เทรลเลอร์ 18 ล้อ เป็นผู้ว่าจ้าง ให้ขับรถนำกัญชาแห้งอัดแท่งมาส่งชายทะเลบ้านกูบู ม.6 ต.ไพรวัน แล้วจะมีทีมขนถ่ายจากรถยนต์เทรลเลอร์ ไปลงเรือกอและแล้วนำไปส่งให้เรือบรรทุกที่ทอดสมออยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลด้าน อ.ตากใบ ประมาณ 5 ไมล์ทะเล

 

สตูล - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกรรมการและผู้เข้าสอบแข่งขัน บรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น

วันนี้ 13 ธ.ค 2564 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค 2564 ที่ผ่านมานายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกรรมการ เจ้าหน้าที่และผู้เข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2564 ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) และภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง (ภาค ข) ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ที่โรงเรียนสตูลวิทยา อ.เมืองสตูล จ.สตูล โอกาสนี้นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กรรมการคุมสอบ และผู้เข้าสอบแข่งขัน ตามห้องสอบต่าง ๆ รวมทั้งให้กำลังใจผ่านเสียงตามสายของโรงเรียนด้วย  

สำหรับโรงเรียนสตูลวิทยา มีผู้เข้าสอบแข่งขันจำนวน 1,080 คน 36 ห้องและเป็นหนึ่งในสนามสอบของจังหวัดสตูล จากจำนวนทั้งหมด 12 แห่ง มีผู้สอบแข่งขันรวม 6,922 คน โดยผู้เข้าสอบต้องปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดสตูล ตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่น มีใบแสดงผลการได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ หากไม่ครบโดสก็ให้แสดงผลตรวจ ATK หรือRT-PCR ไม่เกิน 12 ชั่วโมง

 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2564 : แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

อย่ามัวทุกข์กับสิ่งที่ขาด จนลืมสุขกับสิ่งที่มี

- แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต -

“อลงกรณ์” ชี้!! มี 4 เหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ไม่ใช่แค่เรื่องมารยาททางการเมืองเท่านั้น!!?

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.6สมัยและอดีตรัฐมนตรี เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “มารยาททางการเมืองและ 4 เหตุผลกรณีพรรคร่วมรัฐบาลไม่ส่งผู้สมัครแข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม”

ซึ่งตรงกับความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพรเขต 1 และสงขลาเขต 6 โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า

“คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นมารยาททางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะหลีกทางให้พรรคเจ้าของที่นั่งเดิมส่งผู้สมัครส.ส.โดยไม่แข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ความจริงเหตุผลเรื่องมารยาททางการเมือง เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น

แต่ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่อธิบายว่าทำไมพรรคร่วมรัฐบาลชุดก่อน ๆ ที่ผ่านมาจึงไม่ส่งผู้สมัครส.ส.แข่งกันเองจนถือปฏิบัติเป็นธรรมเนียมทางการเมืองสืบต่อกันมา ด้วยเหตุผล 4 ข้อ ดังต่อไปนี้

 1. เป็นการให้เกียรติกันและกันของพรรคร่วมรัฐบาลในฐานะพันธมิตรทางการเมือง

 2. เป็นการรักษาที่นั่งส.ส.ซีกรัฐบาลในฐานะเสียงข้างมากในสภาเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล

 3. เป็นการสร้างความสามัคคีและความเป็นเอกภาพของรัฐบาล

 4. เป็นโอกาสโฆษณาผลงานสร้างความนิยมของรัฐบาลและชี้แจงประเด็นต่างๆที่ถูกโจมตีจากฝ่ายค้าน

ดังนั้น ในอดีตจะเห็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงสมัครรับการเลือกตั้งซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและช่วยสนับสนุนกันและกันทำให้เกิดความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์ของรัฐบาลผสม

ทั้งนี้จะมีเกณฑ์พิจารณาว่า พรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดจะได้สิทธิ์ในการส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งส.ส.ที่ว่างลงในการเลือกตั้งซ่อม

1.กรณีเป็นที่นั่งเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลจะให้สิทธิ์พรรคที่เป็นเจ้าของที่นั่งเดิมส่งผู้สมัคร

2.กรณีเป็นที่นั่งเดิมของพรรคฝ่ายค้านจะให้สิทธิ์พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลได้สิทธิ์ส่งผู้สมัคร

แนวทางเช่นนี้มิใช่เพียงฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นที่ยึดถือปฏิบัติ แม้แต่ฝ่ายค้านก็ยึดถือปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่เช่นกันเพราะเป็นโอกาสที่จะวัดความนิยม(Popularity)ระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาลในอีกทางหนึ่ง

 

‘รมต.กระทรวงอุตสาหกรรม’ เปิดโรงงานแบตไฟฟ้าใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียน “อมิตา”!! พร้อมก้าวสู่โลกพลังงานสะอาดแบบครบวงจร

วันนี้ (12 ธ.ค.2564) ที่ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานพิธี เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ทันสมัย มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคอาเซียน โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายกวิน ทังสุพานิช เลขานุการรัฐมนตรีพลังงาน รองศาสตราจารย์.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ฉะเชิงเทรา พร้อม ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และคณะผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียน-พลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน จะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีเสถียรภาพเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ออกแบบให้โรงงานแห่งนี้ใช้ระบบที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิตได้ง่ายขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทคโนโลยีในอนาคต อีกทั้งโรงงานยังเน้นแนวคิดที่ใช้พลังงานในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต มุ่งเน้นการรีไซเคิลในกระบวนการผลิตให้มากที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท อมิตา เทคโนโลยี อิงค์ (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในไต้หวันมากว่า 20 ปี

ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ได้เข้าร่วมทุน ถ่ายทอดประสบการณ์และเทคโนโลยีในการสร้างโรงงานจนเป็นผลสำเร็จ ผ่านบริษัทย่อยภายใต้ ชื่อ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่มากขึ้นในระดับ World Class เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ชนิด Pouch Cell ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้สามารถจุพลังงานได้สูง มีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เช่น กรดหรือตะกั่ว และใช้เทคนิคพิเศษในการผลิตเซลล์ เมื่อหมดอายุการใช้งาน นำไปรีไซเคิล ด้วยการคัดแยกแผ่นขั้วบวกและขั้วลบได้ง่าย เพราะเป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แบตเตอรี่ของอมิตายังออกแบบให้เข้ากันกับเทคโนโลยีแบบ Ultra-Fast Charge ที่รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที พร้อมรองรับการชาร์จได้สูงถึง 3,000 รอบ ที่จะเป็นจุดเด่นสำหรับรองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด”

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า เพื่อช่วยในการลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ผลิตได้ในระยะเริ่มต้น ขนาด 1 กิกะวัตต์ หรือ 1,000,000 กิโลวัตต์ สามารถนำมาใช้ในรถโดยสารไฟฟ้า ขนาด 11 เมตร ซึ่งขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงสุด 240 กิโลเมตร ได้ถึง 4,160 คันต่อปี และการใช้รถโดยสารไฟฟ้า จำนวน 4,160 คัน สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission Reduction) ประมาณ 91,709 ตันต่อปี และลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลได้กว่า 97,066,667 ลิตรต่อปี เมื่อเทียบกับรถโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล

ประกาศศักดา!! '4MIX' บอยแบนด์สัญชาติไทย... สุดปัง!! โชว์พลัง T-POP ทะยานไกลถึงเม็กซิโก

ไม่นานมานี้​ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมวงบอยแบนด์ไทยที่กำลังดังไกลในต่างแดน​ ว่า...

ในฐานะที่เคยดูแลด้าน Soft Power สมัยยังอยู่ที่ กต. ขอชื่นชมกับน้องๆ​ วง 4MIX ศิลปิน Boy Band ของไทย ที่สามารถไปแสดงคอนเสิร์ตได้ถึงประเทศเม็กซิโก

โดยมีแฟนคลับวัยรุ่นชาวเม็กซิกันส่งเสียงเชียร์และร้องเพลงเป็นภาษาไทย

ย้ำ!! เป็นภาษาไทยตามไปด้วย เป็นอะไรที่ขนลุกและตื้นตันมาก

นี่แหละ Soft Power T-Pop ของไทยที่ผมฝันอยากเห็นมาตลอดชีวิต

รู้จัก 'เวลลิงตัน คอลเลจ' โรงเรียนนานาชาติสุดคูล สภาพแวดล้อมสุขใจ ที่ 'พ่อแม่คนดัง' พร้อมใจเลือกให้คุณหนูๆ

พ่อแม่ยุคใหม่ตระหนักดีว่า การศึกษาที่มีคุณภาพอย่างแท้จริงนั้นไม่ได้หมายถึงการมุ่งสร้างทักษะทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการปลูกฝังทักษะชีวิตที่จำเป็นผ่านประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้เด็ก ๆ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีอิสระ และมีความมั่นใจในแบบของตัวเอง

ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่โรงเรียนนั้นมีบทบาทสําคัญในชีวิตของเด็ก พ่อแม่ทุกคนจึงอยากมีส่วนร่วม!!

ในประสบการณ์อันมีค่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าบุตรหลานอันเป็นที่รักได้รับการเติมเต็มประสบการณ์อย่างดีที่สุดและมีความสุขอย่างแท้จริง ดังนั้นสิ่งที่ผู้ปกครองคาดหวังจึงมีมากกว่า “สิ่งอํานวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาส” ผู้ปกครองของเด็กเล็กส่วนใหญ่อาจมองหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของลูกน้อยผ่านการเล่นอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ผู้ปกครองของบุตรหลานวัยมัธยม มองหาแนวทางที่สนับสนุน “การคิดนอกกรอบ” ที่เอื้อต่อการศึกษาที่ครอบคลุม ทันสมัย มีความหลากหลาย ให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบตัวตน เรียนรู้ความชอบ สร้างจุดแข็ง และสามารถกําหนดเส้นทางอนาคตของตนเองได้ในวันหน้า

พ่อแม่และผู้ปกครองย่อมคาดหวังให้ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่โรงเรียน เป็นช่วงเวลาที่บุตรหลานได้รับประสบการณ์อันหลากหลายทั้งในและนอกห้องเรียน แล้วสภาพแวดล้อมแบบไหนที่จะให้พ่อแม่คนดังจะสามารถไว้วางใจ อุ่นใจสบายใจ ว่าจะทำให้ลูก ๆ เรียนรู้ได้อย่างมีความสุข และการเฝ้ามองบุตรหลานที่ต้องเรียนออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้มุมมองเปลี่ยนไปหรือไม่ ลองมาฟังความคิดเห็นของพ่อแม่คนดัง ที่ตบเท้ากันมาร่วมกิจกรรม “Senior School Special Private Viewing” ซึ่งโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ เปิดบ้านต้อนรับผู้ปกครองของนักเรียนระดับซีเนียร์แบบเอ็กซคลูซีฟ เข้าเยี่ยมชมและแนะนำอาคารเรียนใหม่สำหรับนักเรียนระดับเยียร์ 7 ขึ้นไป ที่ผสมผสานระหว่างพื้นที่การเรียนรู้และการใช้ชีวิต (Learning & Living Space) ไว้ในพื้นที่เดียวกันอย่างลงตัว ซึ่งมีเหล่าพ่อแม่คนดังตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น

นท-นทชาติ จินตกานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) คุณพ่อของน้องน็อบบี้ นักเรียนระดับชั้นซีเนียร์ บอกว่า “ถ้าเราพูดในมุมทั่วไป สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดีคือที่ที่ทำให้เด็กรู้สึก “สบาย” ได้ใช้ชีวิตสนุก ๆ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ ทำให้เขาเกิดความอยากรู้อยากเรียนไปโดยธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ความรู้ที่ได้มานั้นดีที่สุด อย่างอาคารเรียนระดับชั้นซีเนียร์ (Senior School) ของที่เวลลิงตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ ก็จะเต็มไปด้วยพื้นที่ที่เดินเข้ามาแล้วรู้สึกสบายและมีการเรียนรู้แฝงอยู่ในทุกซอกมุม ซึ่งผมเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเด็กแต่ละคน ถ้าคุณมีศักยภาพเด่นตรงไหน โรงเรียนจะสามารถดึงสิ่งนั้นออกมาได้  ยิ่งวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้ต้องเรียนออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้ตระหนักว่าสังคมเป็นสิ่งที่ยังสำคัญมาก ถึงแม้เทคโนโลยีจะทำให้เรามีทางเลือกในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น แต่การที่ลูกเราได้มาเรียน มาเจอเพื่อน ๆ มาอยู่สภาพแวดล้อมที่ดีในโรงเรียนนั้นยังคงสำคัญมาก”

เช่นเดียวกับ นัท-ชิณทัต ศิริชนะชัย และออม-นวดี โมกขะเวส คุณพ่อคุณแม่น้องมังกร วัย 11 ปี ต่างก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า รู้สึกดีที่โรงเรียนที่เลือกให้ลูกนั้นมีการทุ่มเทให้กับสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ ให้ความรู้สึกที่ไม่ใช่แค่โรงเรียน หากแต่เป็น “เมือง ๆ หนึ่ง” ที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ได้อย่างไร้ขอบเขต ไปอยู่มุมไหนก็เกิดไอเดียได้ มากกว่าสมัยก่อนที่ครูต้องเป็นศูนย์กลางในการเรียนการสอน  

“พอได้เรียนในที่ที่ให้ความอิสระ คล่องตัวมากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กก็จะตามมาด้วย เป็นโลกที่พวกเขาจะได้คิดได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มที่ อย่างเมื่อก่อนลูกผมจะไม่ได้ชอบวิทยาศาสตร์ แต่พอมาอยู่ในสถานที่ที่มันเอื้อ บรรยากาศมันได้ มองไปนอกหน้าต่างก็มีต้นไม้  ในห้องก็มีครู มีเพื่อน ๆ มีอุปกรณ์ครบถ้วน ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงกลายเป็นกลับบ้านทุกวันมาเขาพูดถึงวิชาวิทย์ฯ ว่าสนุกขึ้น ตอนนี้อยากไปห้องแล็บที่สุด” คุณนัทเล่าพร้อมรอยยิ้มแห่งความภูมิใจที่ส่งผ่านแมสก์ออกมา

 

 

Random ชีวิตที่ ‘ซานฟรานซิสโก’ (San Francisco) 

เมืองดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก!! อยู่ในฉากหนังมากมาย โดดเด่นสุดเห็นจะเป็นแลนด์มาร์ก “The Must” ที่ทุกคนต้องถ่ายรูปด้วยเมื่อไปถึงก็คือ “สะพานแดง Golden Gate” ทอดตัวยาวแข็งแรงอยู่ในเวิ้งอ่าวนั่นเอง แล้วก็ถ้ามีโอกาสก็นั่งรถรางทรงวินเทจเล่นชมเมือง ขึ้นลงตามถนนซึ่งบางช่วงชันมาก ต้องเรียกว่า mighty hill เลยแหละ เพราะบางจุดชันมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์เห็นคนเมืองนี้บางคนวิ่งออกกำลังกายขึ้นลงทรมานสังขารตนเอง ประหนึ่งซ้อมขาไว้ลงแข่งมาราธอนระดับชาติก็ไม่ปาน บ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกสร้างบนเนินและไหล่เขา เรียงรายกันไป ความสูงไม่เกินห้าหกชั้น ยกเว้นใจกลางเมืองจริง ๆ ที่มีตึกสูงเกินสิบชั้นขึ้นไปกระจุกกันอยู่ เมืองงามเห็นวิวสวยจากหลายมุม เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองนี่ล่ะ

ครั้งหนึ่งเคยไปเยือนอิสตันบูล แล้วเผลอไปคิดถึงความคล้ายกับซานฟรานซิสโก คราวนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ก็ยังคงยืนยันความรู้สึกถึงความเหมือนที่แตกต่างของสองเมืองนี้อยู่ดี... 

ผมปั่นจักรยานเดินทางท่องเที่ยว รอนแรมแล้วร่วมเดือน เมื่อถึงซานฟรานจึงถือโอกาสพักน่อง ใช้เวลาที่เมืองนี้ห้าวัน โดยสองวันแรกพักที่บ้านเพื่อนของเพื่อน อีกสามวันย้ายไปพักที่ Adelaide hostel ถือว่าเป็นโฮสเทลราคาถูกย่านใจกลางเมือง (“ถูก” ในที่นี้ก็คือเทียบเป็นเงินไทยก็ยังตกวันละพันบาท) ได้เตียงล่างในห้องพักแบบรวมสิบเตียง ชื่อห้องนั้นคือ Alcatraz พนักงาน Reception บอกแบบนั้นตอนเช็กอิน ผมหัวเราะร่าขบขัน เพราะมันคือชื่อคุกเก่ากลางอ่าวซานฟรานนั่นเอง 

ตามสไตล์โฮสเทลโดยทั่วไป คือเขาจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้สอยร่วมกัน มีห้องนั่งเล่นนั่งทำงาน ห้องครัวที่สามารถซื้ออาหารสดมาทำเมนูโปรด ห้องน้ำห้องส้วมก็รวมเช่นกัน เพื่อนร่วมโฮสเทลประกอบด้วยคนหลายวัยหลากสัญชาติ ดูเหมือนบางคนเพิ่งมาถึงประเทศนี้และกำลังหางานทำอยู่ก็มี บ้างมาพักเพื่อออกไปปาร์ตี้ตอนกลางคืนโดยเฉพาะก็มี บางคนมาพักเพื่อรอเดินทาง ต่างคนต่างมีวัตถุประสงค์ของการเดินทางที่แตกต่างกัน  

เนื่องจากไม่ได้มีเวลาถมถืด แถมค่าครองชีพในเมืองใหญ่เช่นนี้ก็แพงหูฉี่ ผมจึงพยายามใช้เวลาให้คุ้ม ทำตัวเป็น “ทัวร์ลิสต์” เก็บรายละเอียดเมืองเท่าที่ทำได้ รู้ว่ายังไม่เข้าถึง “หัวใจ” ของเมืองนี้หรอก เพราะเมืองใหญ่แบบนี้จำเป็นต้องอยู่ให้นานมากพอจึงจะเข้าใจเขา 

การสำรวจเมืองทำแบบ Random ไม่ได้เจาะจงลงไปว่าต้องการไปไหนบ้าง แค่ “ปักหมุด” ต่าง ๆ ว่าจะไปไหนแล้วก็ปั่นจักรยานเที่ยวแบบบางทีหลงทิศหลงทางบ้าง จนถึงจุดที่ปักหมุดไว้นั่นแหละ เช่น จะไปร้านจักรยานเพราะต้องหาอะไหล่สำรอง ก็หาพิกัดใน Google Maps เอา (เจ้า Google Maps พาหลงบ้างอยู่เหมือนกัน) หรือไป Grocery Outlet เพื่อซื้ออาหารสดแห้ง หรือไปสะพาน Golden gate เพื่อหามุมถ่ายรูป หรือไป Dutch windmill ซึ่งอยู่ริมหาดสุดเมือง ประมาณนั้น 

ทำแบบนี้ก็สนุกดี เพราะไม่ต้องกะเกณฑ์กิจกรรมมากเกินจำเป็น ไปเดินแกร่วเล่นแถว Chinatown ก็สนุกดีครับ หายคิดถึงอะไรต่อมิอะไรแบบเอเชียได้เยอะเลย เอกลักษณ์ของความเป็นโลกตะวันออกยังคงโดดเด่นแม้จะมาลงหลักปักฐานฝั่งตะวันตกแล้วก็ตาม 

อย่างคุณตานั่งสีซอริมทางเท้า สินค้าประดามีล้วนแตกต่างจากสิ่งของแบบฝรั่ง ผักบุ้งผักกระเฉด สารพัดพืชผัก ปลาดุกปลาช่อน ปลาแห้งหมึกแห้งก็มี บะหมี่หลากสัญชาติ ข้าวหอมมะลิ น้ำปลา ปลาร้า พะเรอเกวียน ร้านอาหารจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนามกระจุกกันอยู่ในย่านนี้ นักท่องเที่ยวเดินเบียดเสียดปะปนกับอาซิ้มอาม่าอากงทั้งหลาย เด็กหน้าตาตี๋หมวยเดินพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันปร๋อเพราะเกิดและเติบโตที่นี่  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top