Random ชีวิตที่ ‘ซานฟรานซิสโก’ (San Francisco) 

เมืองดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก!! อยู่ในฉากหนังมากมาย โดดเด่นสุดเห็นจะเป็นแลนด์มาร์ก “The Must” ที่ทุกคนต้องถ่ายรูปด้วยเมื่อไปถึงก็คือ “สะพานแดง Golden Gate” ทอดตัวยาวแข็งแรงอยู่ในเวิ้งอ่าวนั่นเอง แล้วก็ถ้ามีโอกาสก็นั่งรถรางทรงวินเทจเล่นชมเมือง ขึ้นลงตามถนนซึ่งบางช่วงชันมาก ต้องเรียกว่า mighty hill เลยแหละ เพราะบางจุดชันมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์เห็นคนเมืองนี้บางคนวิ่งออกกำลังกายขึ้นลงทรมานสังขารตนเอง ประหนึ่งซ้อมขาไว้ลงแข่งมาราธอนระดับชาติก็ไม่ปาน บ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกสร้างบนเนินและไหล่เขา เรียงรายกันไป ความสูงไม่เกินห้าหกชั้น ยกเว้นใจกลางเมืองจริง ๆ ที่มีตึกสูงเกินสิบชั้นขึ้นไปกระจุกกันอยู่ เมืองงามเห็นวิวสวยจากหลายมุม เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองนี่ล่ะ

ครั้งหนึ่งเคยไปเยือนอิสตันบูล แล้วเผลอไปคิดถึงความคล้ายกับซานฟรานซิสโก คราวนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเอง ก็ยังคงยืนยันความรู้สึกถึงความเหมือนที่แตกต่างของสองเมืองนี้อยู่ดี... 

ผมปั่นจักรยานเดินทางท่องเที่ยว รอนแรมแล้วร่วมเดือน เมื่อถึงซานฟรานจึงถือโอกาสพักน่อง ใช้เวลาที่เมืองนี้ห้าวัน โดยสองวันแรกพักที่บ้านเพื่อนของเพื่อน อีกสามวันย้ายไปพักที่ Adelaide hostel ถือว่าเป็นโฮสเทลราคาถูกย่านใจกลางเมือง (“ถูก” ในที่นี้ก็คือเทียบเป็นเงินไทยก็ยังตกวันละพันบาท) ได้เตียงล่างในห้องพักแบบรวมสิบเตียง ชื่อห้องนั้นคือ Alcatraz พนักงาน Reception บอกแบบนั้นตอนเช็กอิน ผมหัวเราะร่าขบขัน เพราะมันคือชื่อคุกเก่ากลางอ่าวซานฟรานนั่นเอง 

ตามสไตล์โฮสเทลโดยทั่วไป คือเขาจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้สอยร่วมกัน มีห้องนั่งเล่นนั่งทำงาน ห้องครัวที่สามารถซื้ออาหารสดมาทำเมนูโปรด ห้องน้ำห้องส้วมก็รวมเช่นกัน เพื่อนร่วมโฮสเทลประกอบด้วยคนหลายวัยหลากสัญชาติ ดูเหมือนบางคนเพิ่งมาถึงประเทศนี้และกำลังหางานทำอยู่ก็มี บ้างมาพักเพื่อออกไปปาร์ตี้ตอนกลางคืนโดยเฉพาะก็มี บางคนมาพักเพื่อรอเดินทาง ต่างคนต่างมีวัตถุประสงค์ของการเดินทางที่แตกต่างกัน  

เนื่องจากไม่ได้มีเวลาถมถืด แถมค่าครองชีพในเมืองใหญ่เช่นนี้ก็แพงหูฉี่ ผมจึงพยายามใช้เวลาให้คุ้ม ทำตัวเป็น “ทัวร์ลิสต์” เก็บรายละเอียดเมืองเท่าที่ทำได้ รู้ว่ายังไม่เข้าถึง “หัวใจ” ของเมืองนี้หรอก เพราะเมืองใหญ่แบบนี้จำเป็นต้องอยู่ให้นานมากพอจึงจะเข้าใจเขา 

การสำรวจเมืองทำแบบ Random ไม่ได้เจาะจงลงไปว่าต้องการไปไหนบ้าง แค่ “ปักหมุด” ต่าง ๆ ว่าจะไปไหนแล้วก็ปั่นจักรยานเที่ยวแบบบางทีหลงทิศหลงทางบ้าง จนถึงจุดที่ปักหมุดไว้นั่นแหละ เช่น จะไปร้านจักรยานเพราะต้องหาอะไหล่สำรอง ก็หาพิกัดใน Google Maps เอา (เจ้า Google Maps พาหลงบ้างอยู่เหมือนกัน) หรือไป Grocery Outlet เพื่อซื้ออาหารสดแห้ง หรือไปสะพาน Golden gate เพื่อหามุมถ่ายรูป หรือไป Dutch windmill ซึ่งอยู่ริมหาดสุดเมือง ประมาณนั้น 

ทำแบบนี้ก็สนุกดี เพราะไม่ต้องกะเกณฑ์กิจกรรมมากเกินจำเป็น ไปเดินแกร่วเล่นแถว Chinatown ก็สนุกดีครับ หายคิดถึงอะไรต่อมิอะไรแบบเอเชียได้เยอะเลย เอกลักษณ์ของความเป็นโลกตะวันออกยังคงโดดเด่นแม้จะมาลงหลักปักฐานฝั่งตะวันตกแล้วก็ตาม 

อย่างคุณตานั่งสีซอริมทางเท้า สินค้าประดามีล้วนแตกต่างจากสิ่งของแบบฝรั่ง ผักบุ้งผักกระเฉด สารพัดพืชผัก ปลาดุกปลาช่อน ปลาแห้งหมึกแห้งก็มี บะหมี่หลากสัญชาติ ข้าวหอมมะลิ น้ำปลา ปลาร้า พะเรอเกวียน ร้านอาหารจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนามกระจุกกันอยู่ในย่านนี้ นักท่องเที่ยวเดินเบียดเสียดปะปนกับอาซิ้มอาม่าอากงทั้งหลาย เด็กหน้าตาตี๋หมวยเดินพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันปร๋อเพราะเกิดและเติบโตที่นี่  

มีถนน “เฉย ๆ” เยอะ เพราะเป็นแค่ย่านที่พักอาศัยซึ่งไม่ได้มีอะไรโดดเด่น และถนนที่รู้สึกว่าน่าสนใจในความรู้สึกตัวเอง เช่น Polk street ซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงร้านอาหาร ร้านกาแฟแนวฮิป สังเกตได้ง่ายจากการแต่งกายของทั้งบาริสต้าและลูกค้าที่เข้าร้าน ถนนอีกสายคือ Mission street ซึ่งมีกลิ่นอายละตินเยอะ ทว่าก็อีเหละเขะขะกว่า สีสันฉูดฉาดดี ในขณะที่ถนนผ่าใจกลางเมืองอย่าง Market street และบริเวณใกล้เคียงเต็มไปด้วยห้างหรู นับว่าเป็นโซนที่ทำให้เห็นความแตกต่างสุดขั้วของความรวยกับความจน ความหรูหรากับความน่าสมเพช ร้านขายของแบรนด์ดัง โรงแรมสี่ห้าดาว คนมีอันจะกินแต่งกายเฉิดฉาย นั่งในร้านอาหารคาเฟ่ติดเครื่องปรับอากาศ 

ขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์กลางบรรดาคนไร้บ้านกระจุกกันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ติดยาเสพติดหรือมีปัญหาทางจิตร่วม คนไร้บ้านบางส่วนไม่ได้เข้าข่ายดังกล่าวข้างต้น ทว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจประกอบกับฐานะทางการเงินไม่ดี จึงเป็นเหตุผลักพวกเขาให้ออกมาใช้ชีวิตข้างถนนเช่นนี้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยมาแตะจมูก คละเคล้ากับกลิ่นตัวเหม็นฉุนของโฮมเลสที่ไม่ได้อาบน้ำมานานเหล่านั้น เป็นภาพขัดแย้งรุนแรงมาก  

บางวันเที่ยวแบบไม่คิดอะไรมาก ไม่พยายามเอาอะไรต่อมิอะไรมาสุมหัวตัวเองก็เลือกปั่นเลาะริมอ่าว แบบนี้เพลินดี แต่ลมก็มักจะแรงจัดมากด้วย สภาพอากาศคาดเดาแทบจะไม่ได้เลย บทฟ้าจะเปิดก็สว่างสดใส ห้านาทีต่อมาเมฆหมอกมาเสียมืดครึ้มเฉย เขาทำทางจักรยานกว้าง ๆ คนก็เลยพากันมาปั่นออกกำลังกายกันคึกคัก นักวิ่งออกกำลังกายแบบวิ่งจริงวิ่งจังก็เยอะ นักจูงหมาเล่นก็มี ในอ่าวมีคนแล่นเรือกัน ครอบครัวนัดกันมาปิกนิกปูผ้าลงบนหาดทราย นักว่ายน้ำก็มี เที่ยวไฉไลแบบนี้กินเวลาวันเต็ม ๆ เพราะระยะทางนับว่าไกลใช้ได้ ปั่นจากใจกลางเมือง ถึงสะพานแดง เลยไปยังหาด Baker beach ไปต่อถึง Legion of Honor แล้วก็โน่น ปลายสุด Golden gate park ซึ่งอยู่อีกด้านของเมือง แล้วก็ปั่นกลับมาตามถนน Fulton เหนื่อยและหนาว และก็ยังบ้าพลังคึกคักตามประสามนุษย์ลุง hyperactive ที่อยู่เฉย ๆ บ้างไม่ค่อยเป็นกับใครเขา  

ดูเหมือนคนที่นี่กลับมาใช้ชีวิตกันเหมือนไม่ได้มีโรคระบาดเกิดขึ้น ทั้งที่ข่าวและสื่อก็ขยันประโคมว่าเกิดการกลายพันธุ์ Variant โน้นนี้ที่กินปอดคนได้เร็วกว่าตายง่ายกว่า หรือว่าพวกเขาเหนื่อยเกินกว่าจะแคร์ หรือว่าวัคซีนทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว หรือว่าคนบ้านเมืองนี้เป็นประเภท “มึน” เสียเยอะ

หรือว่าเราเองก็ดื้อแพ่งไม่ต่างจากคนประเทศนี้ด้วยกันแน่นะ ?


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ Blockdit : THE STATES TIMES 
👉 https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32