Thursday, 15 May 2025
SPECIAL

'ดร.สันต์' คาด!! โควิดโลกเตรียมเข้าสู่โรคประจำถิ่น ก.ค.นี้ หลัง 'ตายลด-ไม่เกิดสายพันธุ์ใหม่' mRNA Gen2 กำลังมา

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Sunt Srianthumrong' คาดการณ์โควิดทั่วโลกเข้าสู่โรคประจำถิ่นในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ว่า...

Covid-19: Global Good News ข่าวดีที่สุดในรอบ 2 ปี โลกกำลังเข้าใกล้ Endemic มากๆ แล้วครับ 

ข่าวดีที่ 1:
สัปดาห์นี้ผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อวันทั่วโลกลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2,000 คนต่อวันแล้ว เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2020 

แม้ว่าหลายประเทศจะเพิ่งเปลี่ยนวิธีการนับผู้เสียชีวิตแล้วตัวเลขลดลง แต่หลายๆ ประเทศก็นับด้วยวิธีที่ตัวเลขน้อยมานานแล้ว ในภาพใหญ่ตัวเลขที่ต่ำลงนี้จึงเป็นตัวเลขระดับต่ำลงที่แท้จริง และกราฟลงอย่างมั่นคงมาก

ข่าวดีที่ 2:
จำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อวันลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 1 เดือนมา 3 เดือนแล้ว 

4 มี.ค. 2022 อยู่ที่ระดับ 8,000 คน/วัน
5 เม.ย. 2022 อยู่ที่ระดับ 4,000 คน/วัน
4 พ.ค. 2022 อยู่ที่ระดับ 2,000 คน/วัน

ทำให้คาดการณ์ได้ว่า...

4 มิ.ย. 2022 น่าจะลงไปอยู่ที่ระดับ 1,000 คน/วัน
4 ก.ค. 2022 น่าจะลงไปอยู่ที่ระดับ 500 คน/วัน

โลกน่าจะเข้าสู่ Endemic ในช่วงตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ยกเว้นที่จีน ที่คุมการระบาดรอบใหม่ได้แล้ว น่าจะปิดประเทศต่อไปอีก 1 ปี

ข่าวดีที่ 3:
เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ครบ 6 เดือนแล้วไม่เกิด New Variant of Concern (VOC) สายพันธุ์ย่อยที่เกิดแตกต่างจาก Omicron เดิมน้อยมาก

เป็นไปได้สูงว่า เราจะ End Game กันที่ Omicron นี่แหละครับ

'นายกตู่' สั่งตรวจสอบคอนเทนต์ก้าวล่วงสถาบันฯ เตือนนักการตลาด-อินฟูฯ ผลิตผลงานอย่างสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งหลังมีข่าวการทำคลิปโปรโมตการตลาดของแพลตฟอร์มออนไลน์แห่งหนึ่งบนโซเซียลมีเดีย 

โดยบุคคลที่ถูกว่าจ้างมีการนำเสนอคอนเทนต์หมิ่นเหม่ต่อการก้าวล่วงสถาบัน ทำลายจิตใจประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เกิดกระแสต่อต้านจนมีการขึ้นแฮชแท็กแบนแพลตฟอร์มดังกล่าวบนโลกออนไลน์  

ขณะนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้หารือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยจะมีการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ ปอท. เพื่อตรวจสอบ หากพบว่ามีการกระทำความผิด และดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด 

โซเชียลแชร์ ร้านชื่อย่อ M.S.M.D ออกกฎเอาเปรียบนักดนตรี ได้ทิปเกิน 1,500 จ่ายครึ่ง เกิน 3,000 บาท งดจ่ายค่าตัว

จากกรณีที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดีย ถึงร้านแห่งหนึ่งที่มีการออกกฎเอาเปรียบ 'นักดนตรี' ที่ไปเล่นในร้านดังกล่าวว่า...

>> นักร้องที่ร้องประจำร้าน...

- หากได้ทิป 1,500 บาท up ทางร้านขออนุญาตจ่ายค่าจ้างเหลือแค่ 50%

- หากได้ทิปมากกว่า 3,000 บาท ทางร้านขออนุญาตไม่จ่ายค่าจ้างค่ะ

>> หากร้านต้องการจ้างนักร้องให้ร้องต่อ รบกวนให้ลูกค้าคุยกับทางร้านเท่านั้น นักร้องไม่มีสิทธิ์ตอบตกลงกับลูกค้าเองได้ ถึงแม้จะสามารถร้องต่อได้ก็ตาม ทางร้านขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสินใจให้ร้องต่อหรือไม่ให้ร้องต่อค่ะ

>> ค่าจ้างนักร้องที่ถูกจ้างต่อ ให้ลูกค้าชำระผ่านแคชเชียร์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้รับตรงจากลูกค้าค่ะ

ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Nicky Yuki Indrachalerm' ได้ออกมาเผยถึงที่มาของกฎดังกล่าวจากร้านต้นเหตุ โดยระบุว่า...

ส่อง!! ขุมกำลังนอกประเทศ ประเทศไหน? กองกำลังทหารอยู่นอกบ้าน เพียบ!!

การมีกองกำลังทหาร หรือ มีการตั้งฐานทัพทางทหารในต่างประเทศ ทำให้ประเทศนั้นๆ สามารถแสดงพลังอำนาจทางทหารได้ โดยสามารถใช้กำลังทหารที่มีอยู่นอกประเทศได้มากมายหลากหลายภารกิจ ที่มีผลกระทบ และมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งสามารถใช้เป็นกำลัง, พื้นที่จัดเตรียมหรือใช้สำหรับการสนับสนุนด้าน Logistics, การสื่อสาร และการข่าว ขึ้นอยู่กับขนาดและโครงสร้างของกองกำลังหรือฐานทัพนั้นๆ 

ทั้งนี้ จากความขัดแย้งมากมายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ส่งผลให้ฐานทัพทหารในต่างประเทศ ถูกตั้งขึ้นเป็นจำนวนมากโดยประเทศมหาอำนาจโลก และการมีอยู่ของฐานทัพในต่างประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศเหล่านั้นสามารถบรรลุเป้าหมายและผลประโยชน์แห่งทั้งทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และสังคม

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง จักรวรรดิอังกฤษและมหาอำนาจเจ้าอาณานิคมอื่นๆ ได้ตั้งฐานทัพทหารในหลายๆ ดินแดนอาณานิคม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ด้วยเหตุผลเชิงกลยุทธ์

การแข่งขันในการสร้างสถานี เพื่อเชื่อมการขนส่งทางน้ำสำหรับเรือเดินทะเลมีความสำคัญมากในช่วงสงครามเย็น ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้ตั้งฐานทัพทหารมากมายหลายแห่งภายในเขตอิทธิพลของตน และต่างก็แสวงหาอิทธิพลอย่างแข็งขัน 

ปัจจุบันสงครามต่อต้านการก่อการร้ายได้ทำให้มีการจัดตั้งฐานทัพของกองกำลังต่างชาติโดยเฉพาะในประเทศตะวันออกกลางมากมายหลายประเทศ แม้ว่าจำนวนฐานทัพทหารในต่างประเทศโดยรวมลดลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) อันเป็นปีที่สงครามโลกครั้งที่สองยุติลง แต่ สหรัฐอเมริกา, ตุรกี, สหราชอาณาจักร, รัสเซีย และฝรั่งเศส ยังคงมีกองกำลังและฐานทัพทหารในต่างประเทศจำนวนมาก รองลงมาก็คือ จีน, อิหร่าน, อินเดีย, อิตาลี, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

สำหรับ สหรัฐอเมริกา มีฐานทัพทหารในต่างประเทศที่ใหญ่และมากที่สุด จำนวน 38 ฐานทัพ โดยมีกำลังประจำการ ทั้งทหารจากเหล่าทัพต่างๆ กองกำลังพิทักษ์ชาติ กองหนุน หรือบุคลากรพลเรือน ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) ฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนของกำลังพลคือ ฐานทัพอากาศ Ramstein ในเยอรมนี ด้วยจำนวนบุคลากรเกือบ 9,200 นาย

อย่างไรก็ตาม ยังมีรายชื่อประเทศที่มีกองกำลังทหารอยู่นอกประเทศ และประเทศที่ตั้งของกองกำลังทหารอีกมากมายด้วย ซึ่งวันนี้ผมจะมาแชร์ให้ทราบโดยทั่วกัน...

เครื่องบิน F/A-18 กองทัพอากาศออสเตรเลีย ณ ฐานทัพอากาศ Butterworth มาเลเซีย

ออสเตรเลีย : มาเลเซีย - ฐานทัพอากาศ Butterworth ตามข้อตกลงด้านการป้องกันพลังทั้งห้า (Five Power Defence Arrangements : FPDA) ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้กองทัพออสเตรเลียยังมีกองร้อยทหารราบ Butterworth สำหรับการฝึกฝนอบรมทางทหาร และในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ - ฐานทัพอากาศ Al Minhad สำหรับรองรับปฏิบัติการของกองกำลังออสเตรเลียในตะวันออกกลาง

บังคลาเทศ : คูเวต - กองกำลังติดอาวุธของบังคลาเทศ (BMC) อยู่ในคูเวตตั้งแต่สิ้นสุดสงครามอ่าวในปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) เพื่อช่วยเหลือกองกำลังทหารคูเวตในด้านภารกิจขนส่ง และภาคส่วนอื่นๆ ภายใต้ข้อตกลงทวิภาคีของสองประเทศ

Operational Support Hub (OSH) ของกองทัพแคนาดาประจำภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน

แคนาดา : ในเยอรมนี - มีการตั้ง Operational Support Hub (OSH) ประจำภูมิภาคยุโรป ขึ้นในปี พ.ศ. 2552 ณ สนามบิน Köln-Bonn สามารถปฏิบัติการได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันเพื่อให้เข้าถึงเครือข่ายการขนส่งของยุโรปอย่างเต็มรูปแบบ 

ในจาเมกา - สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2559 เป็น OSH ประจำภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน เพื่อสนับสนุนกำลังทหารแคนาดาในการซ้อมรบ TRADEWINDS 2016 ในจาเมกา 

ในคูเวต - OSH ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2554 เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของแคนาดาในอัฟกานิสถาน ในเซเนกัล - OSH ประจำภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2561 มีการจัดตั้ง Interim Operational Support Hub (IOSH) ขึ้นที่สนามบิน Léopold Sédar Senghor (LSS) ในกรุงดาการ์ เซเนกัล 

ฐานทัพสำหรับเรือปฏิบัติการข่าวกรองทางสัญญาณ (SIGINT) ของกองทัพเรือจีน เกาะโคโค่ เมียนมาร์

ประเทศจีน : ในจิบูตี - ฐานสนับสนุนกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ในเมียนมาร์ - ฐานทัพเรือ สำหรับเรือปฏิบัติการข่าวกรองทางสัญญาณ (SIGINT) เกาะโคโค่ 
ในทาจิกีสถาน - ฐานทัพในกอร์โน - บาดักชานทางตะวันออกเฉียงใต้ ในกัมพูชา - กำลังสร้างฐานทัพเรือเรียม ใกล้เมืองสีหนุวิลล์

กองกำลังทหารฝรั่งเศสประจำจิบูตี (FFDj)

ฝรั่งเศส : ในจิบูตี - กองกำลังทหารฝรั่งเศสประจำจิบูตี (FFDj) 
ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ - กองกำลังทหารฝรั่งเศสประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 
ในไอวอรี่โคสต์ - กองกำลังทหารฝรั่งเศสในโกตดิวัวร์ (FFCI) 
ในกาบอง - หน่วยทหารฝรั่งเศสประจำกาบอง (EFG) 
ในเซเนกัล - หน่วยทหารฝรั่งเศสประจำเซเนกัล (EFS) 
ในเยอรมนี - กองพลน้อยฝรั่งเศส-เยอรมันใน Müllheim และศูนย์ฝึก Eurocopter Tiger ฐานทัพอากาศ Faßberg 
ในมาลี - หน่วยสนับสนุนอำนวยความสะดวกหลายแห่ง* 
ในบูร์กินาฟาโซ - หน่วยสนับสนุนอำนวยความสะดวกหลายแห่ง* 
ในมอริเตเนีย - หน่วยสนับสนุนอำนวยความสะดวกหลายแห่ง* 
ในชาด - ฐานทัพอากาศ N'Djamena* 
ในไนเจอร์ - ฐานทัพอากาศ Niamey* (*ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ Barkhane) 
ในซีเรีย - อย่างน้อยสามฐานใกล้ Kobanî, Sarrin และ Ayn Issa** 
ในอิรัก - กองกำลังในแบกแดด** 
ในจอร์แดน - ฐานทัพอากาศ Prince Hassan** (**ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ Chammal) 

กองพันทหารราบเบาที่ 291 ของกองทัพบกเยอรมัน สังกัดกองพลน้อยฝรั่งเศส-เยอรมัน ประจำการใน Illkirch-Graffenstaden ฝรั่งเศส

เยอรมนี : ในฝรั่งเศส - กองพลน้อยฝรั่งเศส-เยอรมันใน Illkirch-Graffenstaden ใกล้ Strasbourg และศูนย์ฝึกเฮลิคอปเตอร์ Eurocopter Tiger ใน Le Cannet-des-Maures 
ในสหรัฐอเมริกา - กองบัญชาการอเมริกาเหนือของเยอรมันในเมือง Reston มลรัฐ Virginia

กรีซ : ในไซปรัส - กองกำลังกรีซประจำไซปรัส 
ในซาอุดีอาระเบีย - กองกำลังกรีซในซาอุดิอาระเบีย ในโคโซโว - กองกำลังกรีซในโคโซโว

อินเดีย : ในทาจิกิสถาน - ฐานทัพอากาศ Farkhor โดยกองทัพอากาศอินเดียและกองทัพอากาศทาจิกีสถาน - ฐานทัพอากาศไอนี่ โดยกองทัพอากาศอินเดียตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา โดยมี Su-30 MKI ถูกนำไปใช้ในจำนวนที่จำกัดตั้งแต่ปี 2014 
ในภูฏาน - ชุดฝึกของกองทัพอินเดีย (IMTRAT) ประจำการถาวรในภูฏานตะวันตก 
ในมาดากัสการ์ - เสาเฝ้าฟังและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเรดาร์ในตอนเหนือของมาดากัสการ์ 
ในโอมาน - เสาเฝ้าฟังที่ Ras al Hadd และสิทธิในท่าเทียบเรือของกองทัพเรืออินเดีย ณ ฐานทัพเรือ Muscat สถานี Duqm สำหรับกองทัพอากาศและกองทัพเรืออินเดีย 
ในมอริเชียส - ระบบเรดาร์ตรวจการณ์ชายฝั่งในเกาะ North Agalega ปัจจุบันเกาะนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพของอินเดียในมอริเชียส

อิหร่าน : ในอิรัก - สถานีปฏิบัติงานนอกชายฝั่งและสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารหลายแห่งในกรุงแบกแดด เมืองอัลอันบาร์ และเขตซาลาดิน 
ในซีเรีย - ฐานทัพทหารใกล้กับ Al-Kiswah, Abu Kamal และสถานีบริการอำนวยความสะดวกหลายแห่งใน 3 เขตการปกครอง
ในเลบานอน - หน่วยฝึกทหารใกล้กับ Beit Mubarak และสถานีปฏิบัติงานนอกชายฝั่งหลายแห่งในเขต Beqaa และ Beirut

'ผู้ช่วยฯ สุรเชษฐ์' เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 409 จุดกวาดล้างอาวุธในพื้นที่ภาค 8 พร้อมเปิดประเทศรอรับนักท่องเที่ยว

(6 พ.ค.65) ที่จังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลงมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยในภาพรวม แต่ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลกที่หลายประเทศได้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค และเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวต่างชาติและชาวไทยนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เช่น จ.ภูเก็ต จ.พัทลุง และ จ.กระบี่ เป็นต้น  

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำหนดและวางมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.65 โดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.)ได้สั่งการให้ ให้ดำเนินการตามมาตรการการลดอาชญากรรมในพื้นที่ที่กำหนดโดยเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในภาพรวม

จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการวางแผนในการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อลดเหตุอาชญากรรม ผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน ยาเสพติด วัตถุระเบิด ค้าประเวณี โจรกรรมรถ โดยให้ทุกหน่วยในสังกัด ภ.8 รวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายทั้งห้องเช่า เกสต์เฮ้าส์ บ้านพัก รีสอร์ท แหล่งมั่วสุมอาชญากรรมทุกรูปแบบที่อาจส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว หรือพื้นที่ท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 25-29 เม.ย.65 กว่า 409 เป้าหมายใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย
- ภ.จว.กระบี่ จำนวน 47 เป้าหมาย
- ภ.จว.ชุมพร จำนวน 45 เป้าหมาย
- ภ.จว.นครศรีธรรมราช จำนวน 77 เป้าหมาย 
- ภ.จว. พังงา จำนวน 54 เป้าหมาย
- ภ.จว.ภูเก็ต จำนวน 75 เป้าหมาย
- ภ.จว.ระนอง จำนวน 43  เป้าหมาย
- ภ.จว.สุราษฎร์ธานี จำนวน 68 เป้าหมาย  

ผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถตรวจเก็บ DNA บุคคลพ้นโทษ 305 ราย จับกุมอาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก อาวุธปืน 66 กระบอก ระเบิดทำเอง 3 ลูก ยาเสพติด 267 ราย (ยาบ้า 127,471 เม็ด และยาไอซ์ 9,433 กรัม) โดยมีการจับกุมอาวุธปืนมากสุดในจังหวัดชุมพร จำนวน 16 กระบอก ตามมาด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 14 กระบอก

'ศพดส.ตร.' เปิดยุทธการ 'เรือมนุษย์' ค้น 6 จุด ทลายขบวนการค้ามนุษย์ เรือประมงนรก บังคับเสพยา-ทารุณ

(5 พ.ค.65)  พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.)

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.,รอง ผอ.ศพดส.ตร.,พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชไนาญ ผบก.ปคม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. บก.ป. บก.รน. และ หน่วยงานอื่นๆในสังกัด บช.ก. เปิดยุทธการ “เรือมนุษย์” กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6 จุดในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จ.นนทบุรี จ.จันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์บังคับใช้แรงงานบนเรือประมง

สำหรับยุทธการดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2564 ประเทศมาเลเซียได้ส่งกลับแรงงานไทย จำนวน 44 คน จากการตรวจสอบ พบในจำนวนนี้มี 3 ราย ถูกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์แรงงานประมง จึงสืบสวนขยายผล จนพบว่ามีการทำกันเป็นกลุ่มขบวนการ โดยเริ่มตั้งแต่ กลุ่มนายหน้า จัดหาเหยื่อที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัดนั่งรถไฟเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ อ้างว่าจะพาไปทำงานได้รับค่าตอบแทนสูง ก่อนพาไปส่งต่อให้กับเจ้าของเรือประมงแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร โดยกลุ่มนายหน้าจะได้ค่าตอบแทน คิดเป็นเงิน 50,000 บาท ต่อแรงงาน 1 คน

ต่อมาเจ้าของเรือประมง ก็จะนำแรงงานเหล่านี้ลงเรือประมงล่องออกสู่อ่าวไทย ก่อนแอบลักลอบออกนอกเขตน่านนำไทย เพื่อไปทำประมงในเขตน่านน้ำประเทศมาเลเซีย โดยระหว่างที่อยู่บนเรือก็จะมีไต๋ก๋งเรือ คอยควบคุมและบังคับให้แรงงานเหล่านี้ทำงานหนักเป็นเวลาต่อเนื่องติดต่อกัน ได้พักวันละไม่เกิน 4 ชม. พร้อมกับ นำยาเสพติดมาให้เสพจนติด เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองให้ยอมอยู่ในความควบคุม หากคนใดไม่ยอมทำตามก็จะถูกทำร้ายทุบตี ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเหล่านี้ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายค้ามนุษย์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การเปิดยุทธการดังกล่าว

สำหรับการตรวจค้นจุดแรก ที่ จ.จันทบุรี ตำรวจ นำหมายค้นของ ศาลอาญา ที่ 327/2565 ลงวันที่ 3 พ.ค.2565  เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ที่ อ.แหลมสิงห์  จ.จันทบุรี  และจับกุมตัว  “ เสี่ย ส ”  อายุ  56 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 826/2565 ลงวันที่ 27 เม.ย. 2565  ความผิดฐาน “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปและสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือให้บริการหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะ ยินยอมหรือไม่ก็ตาม”สำหรับเสี่ย ส. เป็นญาติของนักการเมืองคนหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี

จุดต่อมา ที่ จ.สมุทรปราการ ตำรวจนำหมายค้นของศาลอาญา  เข้าตรวจค้น ท่าเทียบเรือ แห่งหนึ่งภายใน ซอย   8   (หลวงสุข)   ถนนท้ายบ้าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ        

จุดที่ 3 เข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่ง หมู่ บ้านพนาสนธิ์ซิตี้   ถนนศรีนครินทร์   ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ , จุดที่ 4 ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรปราการ ,จุดที่ 5 ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อค้นหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์บนเรือประมง

จุดสุดท้าย ที่ จ.นนทบุรี ตำรวจนำหมายค้นของศาลอาญา  เข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านนันทิชา 3 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
และจับกุมตัว นางสาวเพ็ญศิริ  (สงวนนามสกุล)  อายุ43 ปี  ตามหมายจับของศาลอาญาที่815/2565  ลงวันที่ 27 เม.ย.2565  ในความผิดฐาน “ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปและ สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่ สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการบังคับใช้แรงงานหรือให้บริการหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและได้กระทำผิดตามที่ตกลงกันไว้ ”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์การบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เริ่มใช้ 1 มิถุนายน 2565 รวมถึงการรักษาสิทธิของประชาชนที่เป็นเจ้าข้องข้อมูลตามกฎหมาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนประชาสัมพันธ์ถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หากผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูลพบการกระทำผิด การละเมิด หรือกระทบสิทธิตามกฎหมายก็สามารถดำเนินการทั้งในทางอาญา ทางแพ่ง หรือทางปกครองตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2565 นี้ 

เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก จนสร้างความเดือดร้อนหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอันเป็นการล่วงละเมิดดังกล่าว ทำได้ โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวม จึงกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการทั่วไปขึ้นมา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นถึงความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรมและเกิดประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาชญากรรมและดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ ในสังกัดที่เกี่ยวข้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงสาระสำคัญของกฎหมาย  โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมที่จะบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยความเป็นธรรม เกิดประสิทธิภาพ สมกับเจตนารมณ์ที่มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้นมา

โดยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ย่อมาจาก คำว่า Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019) กฎหมายว่าด้วยการให้สิทธิกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การสร้างมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย และนำไปใช้อย่างถูกวัตถุประสงค์ตามคำยินยอมที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ซึ่งได้เลื่อนให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 
กฎหมายฉบับนี้จะมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองและให้สิทธิกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงได้สร้างมาตรฐานให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลในการเก็บข้อมูล รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการใช้ข้อมูล หรือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้หากผู้ใดหรือองค์กรใดไม่ปฏิบัติตามนั้น มีโทษทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และโทษทางปกครองหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับนี้  มี 3 ประเด็นหลัก ดังนี้...
1.เจ้าของข้อมูลต้องให้ความยินยอม (Consent) ในการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ผู้เก็บรวบรวม ผู้ใช้ แจ้งไว้ตั้งแต่แรกแล้วเท่านั้น กล่าวคือ ต้องขออนุมัติจากเจ้าของข้อมูลก่อน เช่น หากแอปพลิชันหนึ่งจะเก็บข้อมูลบัตรเครดิตของเราไว้ในระบบ ก็ต้องมีข้อความให้เรากดยืนยันเพื่อยินยอม พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และการใช้ หากเราไม่ยินยอมให้ใช้ข้อมูลบัตรเครดิต ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันนั้นก็ไม่สามารถ  ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของเราได้ เป็นต้น

2.ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลต้องรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือถูกเข้าถึงโดยผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล เช่น สถานพยาบาลจะต้องเก็บข้อมูลของผู้ป่วยให้เป็นความลับและไม่เปิดเผยให้กับผู้อื่น ธนาคารต้องเก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน เป็นต้น

3.เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์การขอเข้าถึง การโอน การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตน เป็นต้น

หากมีการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบฯ ก็จะมีความผิดตาม มาตรา 79 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรโดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ตามมาตรา 79 วรรคสอง ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  อีกทั้งหากล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.นี้ ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น ตามมาตรา 80 วรรคหนึ่ง  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงมีความผิดในทางปกครอง ตามมาตรา 82-90 โดยมีโทษปรับทางปกครอง 500,000 – 5,000,000 บาท อีกทั้งผู้เสียหายอาจใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งหรือความผิดตามกฎหมายอื่นได้อีกด้วย

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สำคัญ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ส.ค.ส.) มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานในการเก็บรวบรวมข้อมูล การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงให้ความรู้และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปให้มีความเข้าใจและสามารถรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย อีกส่วนคือ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องเรียนเมื่อมีการละเมิด ตรวจสอบผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่าง ๆ  

ขอฝากให้ประชาชนศึกษาข้อกฎหมายดังกล่าว เพื่อประโยชน์และสิทธิของตัวท่านในฐานะบุคคลทั่วไปหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนจะให้ข้อมูลสำคัญ ควรมีการเก็บบันทึกเป็นหลักฐานไว้ หรือมีการขอสำเนาของเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จะได้ใช้เป็นหลักฐานในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องเรียนตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ หรือใช้ในการดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย 

รวมถึงฝากเตือนการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ที่มีการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เช่น การทำงานของเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน จะเชื่อมต่อระบบสมาชิกกับเฟซบุ๊ก มีการขอชื่ออีเมลและรายชื่อเพื่อนในเฟซบุ๊กของเรา หากเห็นว่าไม่จำเป็นที่ต้องให้ข้อมูลก็สามารถคลิกเพื่อไม่ยินยอม  ซึ่งถือเป็นการคุ้มครองข้อมูลของตนเองด้วยอีกส่วนหนึ่ง ไม่ควรรีบยินยอมหรือให้เข้าถึงข้อมูลโดยที่ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของขอบเขตการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้ชัดเจนเสียก่อน

'พาณิชย์' ชงแก้อาหารสัตว์แพง เว้นมาตรการ 3 ต่อ 1 เปิดนำเข้าข้าวโพด 6 แสนตัน

'จุรินทร์' เป็นประธานการประชุม นบขพ. และคณะกรรมการนโยบายอาหาร มีมติผ่อนปรนมาตรการ 3 ต่อ 1 เพิ่มโควตานำเข้าข้าวโพดเป็น 6 แสนตัน ลดภาษีเหลือ 0% ชั่วคราว 3 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ พร้อมทำเรื่องเสนอ ครม. อนุมัติทันที 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และคณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ 1/2565 ว่า ที่ประชุมได้มีมติในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยยกเว้นเงื่อนไขที่กำหนดไว้เดิม ในการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน (มาตรการ 3 ต่อ 1) เป็นการชั่วคราวก่อน คือ ระหว่างเดือนพ.ค.-31 ก.ค.2565 ซึ่งเป็นการผ่อนปรนมาตรการที่กำหนดไว้เดิมในการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดในประเทศ 

ทั้งนี้ ยังได้อนุมัติเพิ่มโควตานำเข้าข้าวโพดภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) จากเดิมให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) นำเข้าไม่เกิน 54,700 ตัน เป็นให้ อคส. และผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ ปริมาณ 600,000 ตัน ภายในเดือนพ.ค.-31 ก.ค.2565 โดยลดภาษีนำเข้าข้าวโพดจากอัตรา 20% เป็น 0% เป็นการชั่วคราว ในช่วง 3 เดือนนี้ และกระทรวงพาณิชย์จะช่วยจัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ให้เพียงพอในประเทศในช่วง 3 เดือนนี้ด้วย

สำหรับการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้ง 3 ช่องทาง ทั้งจากการผ่อนปรนมาตรการ 3 ต่อ 1 การนำเข้าภายใต้ WTO และการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน กำหนดปริมาณไว้รวมกันจะต้องไม่เกิน 1,200,000 ตัน ซึ่งรวมข้าวบาร์เลย์ด้วย และให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ฝ่าย เพื่อติดตามประเมินการผลดำเนินการทั้งหมด โดยสามารถเสนอให้ทบทวนหรือปรับปรุงมาตรการต่อไปได้เพื่อความเหมาะสม

นายจุรินทร์กล่าวว่า มติแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ดังกล่าว จะดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป คาดว่า เร็วสุดน่าจะเป็นวันที่ 3 พ.ค.2565 เพราะต้องเร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลน เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอในการผลิตอาหารสัตว์ป้อนให้กับผู้เลี้ยงสุกร ไก่ ไข่ไก่ และไม่ให้กระทบต่อราคาเนื้อสัตว์ปลายทางถึงผู้บริโภค

'ชวน' ขอบคุณ 'สุเทพ' ยันไม่คิดหวนเป็นหัวหน้าพรรคอีก ยัน!! ยังช่วยพรรคเต็มที่ พร้อมหนุน 'จุรินทร์' กอบกู้ ปชป.

(2 พ.ค.65) ที่รัฐสภา คุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. เสนอให้นายชวน กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า ตนไม่มีความคิดที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค เพียงแต่พยายามที่จะช่วย โดยส่วนตัวตนเป็นหนี้บุญคุณพรรค เพราะในฐานะเป็นนักการเมืองมาจากพื้นฐานชาวบ้านคนหนึ่ง 

"เราไม่มีพื้นฐานความมั่งมี ร่ำรวย ครอบครัวใหญ่โต แต่เรามีโอกาสได้เพราะพรรคปชป. ไม่ว่าสถานการณ์ของพรรคจะขึ้นหรือลงก็ตามไม่มีความทิ้งพรรค มีแต่จะคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยกันภายใต้การดูแลของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป. ต้องยอมรับว่าตอนเลือกหัวหน้าพรรค ตนและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยทำให้นายจุรินทร์ชนะและสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้

"เมื่อเลือกเข้ามาแล้ว ก็พยายามช่วยประคับประคองให้เขาทำงานได้ ซึ่งเข้าใจดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความคิดที่แตกต่างและมีการแข่งขันสูงในตอนเลือกหัวหน้าพรรค จึงทำให้ผู้ร่วมแข่งขันลาออกไปหลายท่าน ซึ่งทรัพยากรคนเหล่านั้นน่าเสียดาย แต่พรรคต้องอยู่ และประสบการณ์นี้เราก็เคยผ่านมาแล้วที่มีคนตั้งพรรคใหม่บ้างมากมาย แต่เชื่อว่าความดีงามของพรรค ความยั่งยืนยาวนาน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและในระบบรัฐสภา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริตเรื่องกฎหมายความยุติธรรม กฎหมายที่เข้มงวด กวดขัน ตรงไปตรงมา"

คุณชวน เผยอีกว่า "ทั้งหมด คือ สิ่งที่ทำให้พรรคอยู่รอดมาได้อย่างยาวนาน 70 กว่าปี ซึ่งไม่ง่ายนักที่พรรคการเมืองเจริญได้ยาวอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันประคับประคองต่อไปเพราะเข้าใจดีว่าสมัยนี้หลายท่านก็มีความรู้สึกที่ไม่พอใจหัวหน้าบ้าง หรือมีความรู้สึกเป็นห่วง วิตกกังวลในการเลือกต้งครั้งต่อไปบ้าง ก็เข้าใจดีแต่พยายามให้กำลังใจทุกคนว่าเมื่อมีปัญหาต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ อย่าซ้ำเติมให้พรรคยิ่งลำบากขึ้น ดีที่ว่าบรรดาเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เข้าใจและมาหารือกัน

"หลายคนมาหารือว่าตนพอจะไหวไหม หากให้มารักษาการสักพักหนึ่ง ตนตอบว่า ไม่มีความคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ แต่จะช่วยเท่าที่สามารถทำได้ ภายใต้กฎเกณฑ์กติกาที่เรามี โดยทั่วไปนายจุรินทร์ก็ไม่ธรรมดา เป็นคนเก่งคนหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดถึงแม้จะมีความคิดที่แตกต่างกันบ้างก็ตาม แต่ความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งเป็นหัวใจของพรรคปชป. ก็ยังคงยึดมั่นอยู่ แต่การทำงานอาจถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้าง ก็พยายามให้กำลังใจแต่ก็ต้องยอมรับว่า หากมีอะไรที่สมาชิกไม่พอใจต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่าเฉย นี่คือสิ่งที่ตนพยายามเตือน"

'วัชระ' ชี้!! 'สมคิด' เหมาะสม แคนดิเดต 'นายกฯ' ยกระดับมหาเทพศก. สร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศไทย

"วัชระ" โพสต์เปิดใจ ตั้งแต่ชู "สมคิด" แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสร้างอนาคตไทย ดีลอะไหล่การเมืองง่าย ชี้สเปค "สมคิด" ระดับมหาเทพศก. ฟันธง คือตัวเลือกที่ใช่ที่สุด ในหมู่ทุกพรรคการเมือง ชี้มีคอนเนคชันระดับโลก รู้ลึกรู้จริงภาคธุรกิจ และรู้ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าหลังจากการประชุมใหญ่ของพรรค "สร้างอนาคตไทย" เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีไฮไลท์ที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1.การเปิดตัวกรรมการบริหารชุดใหญ่และคณะกรรมการสำคัญอีกหลายชุด และ 2.การพูดถึงเป้าหมายของพรรคที่จะเชิญท่านอาจารย์ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ1 ของพรรคสร้างอนาคตไทย ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า นั้น ผลตอบรับออกมาดีมากๆ

ตนในฐานะที่เป็น "ด่านหน้า" ทำหน้าที่พบปะผู้คนทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา ตนเห็นความเปลี่ยนแปลง และปฏิกิริยาทางการเมือง ที่พูดได้ว่าเป็นแรงกระเพื่อมทางการเมืองขนาดมหึมา (ของจริง) ได้อย่างชัดเจน ดังนี้...

1.ในส่วนของส.ส.ที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ และดาวฤกษ์ทางการเมือง ที่เป็นน้ำดีและมีผลงานที่ประชาชนในพื้นที่ยอมรับ ก่อนหน้านี้คุยยากแถมโทรศัพท์ "สายหลุด" เป็นประจำ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คุยง่ายสบายใจ แถมชวนตนกินกาแฟวันหนึ่งไม่รู้กี่แก้วต่อกี่แก้ว

2.ในส่วนของผู้คนที่ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประเภทบุคคล 'ดี-เด่น-ดัง' ที่เราหวังจะดึงมาร่วมงานทางการเมือง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ เช่นเดียวกัน

นายวัชระ ย้ำว่า นี่คือสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนมากว่า บรรดานักการเมือง และส.ส.ทั่วประเทศต่างรู้ดีว่าประชาชนคนไทย ทั้งประเทศหมดหวังและกลัวเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ และเรื่องปากท้องของตนเองในปัจจุบัน และอนาคตมากที่สุด

"นักการเมืองเป็นพวกนกรู้ครับ ดังนั้นการที่พวกเขาจะเลือกอยู่พรรคใดนั้น? พวกเขาจะต้องเลือกพรรคที่เขามั่นใจว่าประชาชนไม่ต่อต้านและเชื่อมั่นในฝีมือมากที่สุด ซึ่งก็คือพรรค 'สร้างอนาคตไทย' ครับ" นายวัรชะกล่าว

และสิ่งนี้เป็นตัวตอกย้ำมากที่สุดว่า ท่าน "อาจารย์สมคิด" คือตัวเลือกที่ "ใช่ที่สุด" และ "โดนใจ" ประชาชนมากที่สุด ในหมู่ตัวเลือกของทุกพรรคการเมืองในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (ฟันธง) พร้อมย้ำว่า สเปคท่าน "อาจารย์สมคิด" คือ สเปคระดับ "มหาเทพ" ทางเศรษฐกิจ

1.บุคลิกและคอนเน็คชั่นระดับโลกเพียบ...ค้าขายกับนานาชาติสบายใจหายห่วงไม่อายใคร

2.กับภาคเอกชนและภาคธุรกิจในประเทศก็ "รู้ลึกรู้จริง" ไม่ต้องไปแนะนำตัวกันใหม่ให้เสียเวลา ทำงานร่วมกันได้เลย

3.อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญและมองข้ามไม่ได้เลย ก็คือท่าน "อาจารย์สมคิด" เป็นคนที่รู้จักระบบระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างดีมาก

เพราะฉะนั้นจะสามารถผสมผสานการทำงาน ระหว่างภาคเอกชนและรัฐได้เป็นอย่างดี เรื่องแบบนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเอาคนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้เรื่องรู้ราวในระบบราชการมาบริหารก็ติดขัดไปหมด ไอ้ครั้นจะรอให้แก้กฎหมายต่างๆอย่างที่หลายคนพูด ก็หมดเวลาแก้ไม่ทันการแล้วครับ

‘เพื่อไทย’ โว!! ‘ท่อส่งน้ำอีอีซี’ หมัดน็อกรบ. จุดแตกหัก!! ‘กลุ่ม 16’ ไม่ยกมือให้ 'บิ๊กตู่'

(2 ..65) พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส..มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151ว่า...

พรรคเพื่อไทยได้นัดหารือกับ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส..บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 เมื่อวันที่ 28 เม..65 โดยมีนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่, นายดล เหตะกูล รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาร่วมด้วย โดยพรรคเล็กได้สอบถามความพร้อมของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งได้บอกไปว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมมาก

มีเรื่องใหญ่หลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์, เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว, เรื่องท่อส่งน้ำอีอีซี โดยหัวหน้ากลุ่ม 16 เป็นบอร์ดการประปา เป็นหน่วยงานที่ถือหุ้นบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกมาก่อน แบบนี้เป็นการปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ถ้าพรรคเพื่อไทยมีข้อมูล และอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นจุดแตกหักของรัฐบาล ยกมือให้ไม่ได้ หากในสัปดาห์นี้ ถ้าบริษัท วงศ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด เซ็นสัญญากับกรมธนารักษ์ วันที่ 3 .. จากนั้นวันที่ 4 .. ผมและกลุ่ม 16 นัดทานข้าวเย็น ขณะนี้นายพิเชษฐ และนายมนูญ ยืนยันนัดหมายมาแล้ว ยืนยันว่า มีความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สามารถน็อกรัฐบาลพล..ประยุทธ์ได้แน่ อย่าชิงยุบสภาไปก่อน” นายยุทธพงศ์ ระบุ

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ใช่ พล..ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะเป็นพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน คือการล้มรัฐบาล เมื่อ พล..ประยุทธ์ไป จะมีช่องทางตามกฎหมาย ต้องนำรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ มาดูก่อน พรรคเพื่อไทยยังเหลือชื่อแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ต้องมาในระบบกติกาก่อน แต่ถ้ายังเลือกนายกฯ ในกติกาไม่ได้ ต้องใช้ข้อยกเว้นพิเศษตามรัฐธรรมนูญ ก็ว่ากันไป งานนี้ถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว จะยุบสภาไม่ได้ มั่นใจว่าถ้า พล..ประยุทธ์ไม่รีบยุบสภาหนีไปก่อน อาจจะตายกลางสภาได้

'ทิดกาโตะ' รับแล้ว!! มีความสัมพันธ์กับตองจริง เผย!! 'ถูกยั่วยวน - ฝ่ายหญิงบังคับขู่เอาเงิน'

(2 พ.ค.65) พงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตหลวงพี่กาโตะ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ภายในรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยยอมรับว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวที่ชื่อตองจริง เนื่องจากถูกยั่วยวน รวมทั้งระบุด้วยว่าถูกฝ่ายหญิงแบล็คเมล์พยายามขอเงินตลอด

"ยอมรับว่าพาไปเขื่อน (มีสัมพันธ์บนรถ) ผู้หญิงมันยั่ว มันเย้า มันยวนเรา ตั้งแต่รอบแรกก็โดนบังคับในการขู่เอาเงินตลอด เพื่อที่จะไปในรอบต่อไป บอกว่าฉันมีหนี้ ถูกแบล็คเมล์ ตั้งใจว่าจะสึกไว้นานแล้ว"

"เรารู้ว่าเราพลาด เราเผลอใจไป แต่สังคมหลายคนก็เข้าใจ ผู้หญิงเดี่ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย พอโอนปั๊บ นึกว่าจบ ไม่จบ อยากบอกสังคมนะว่าอันนี้เป็นเงินส่วนตัวของพระกาโตะ และสึกมามีเงินติดตัวเพียง 4,000 บาทเท่านั้น ไม่ร้องครับแต่แค้น"

"ผมยอมรับพลาดจริงๆ ผมเป็นวัยรุ่น และเริ่มรู้สึกว่าโดนแบล็คเมล์เพราะเขาพยายามมาหาตลอด ผมไม่ได้หลงรัก แต่คึกคะนอง โอนไปแสนนึงนึกว่าจบ แต่ไม่จบ แล้วเขาก็บอกว่าจะไปทำงานกทม. ขอเงินซื้อโน๊ตบุ๊ก (ใบตองยอมรับว่าจริง) แล้วหลังจากนั้นก็ขอของกำนัล ขอทอง ขอแหวน ผมก็ไม่ให้เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่"

อดีตหลวงพี่กาโตะยืนยันว่า เงินที่โอนให้ฝ่ายหญิง ไม่ได้เป็นเงินของวัด แต่เป็นเงินที่ได้จากการเทศน์ของตนเอง

‘เพื่อไทย’ ท้านายกฯ แจง5นโยบายที่อ้างทำแล้ว แต่ปชช.ไม่รู้สึกถึงการพัฒนา หวังรอแค่เลือกตั้งใหม่

(2 ..65) นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ปราศรัยถึงแนวทาง 5 ข้อในการพัฒนาประเทศซึ่งได้รับความสนใจและได้รับความชื่นชมอย่างมาก ซึ่งได้แก่เรื่อง การกระจายอำนาจ / ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Soft Power / การใช้ Ai เพื่อการเกษตร / การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ Digital Transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse

แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาชี้แจงว่า ทั้ง 5 เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้เข้าใจทั้ง 5 นโยบายนี้ดีพอ และได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และทำไปถึงไหนและมีผลการดำเนินการอย่างไร เหตุใดประชาชนถึงไม่รู้สึกถึงการพัฒนาเลย

ทั้งนี้ ถ้ามั่นใจว่าได้ทำจริง ตนอยากขอให้ออกรายการทีวีแล้วขอให้ตนได้ซักถามอย่างสุภาพเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์เข้าใจไปเองว่าได้ทำแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ทำและอาจจะยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากทำแล้วจริง ประเทศไทยน่าจะต้องพัฒนาไปกว่านี้มาก ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แบบนี้มา 8 ปีตั้งแต่มีการปฏิวัติแล้ว แถมล่าสุดพลเอกประยุทธ์ยังจะกล้าขายฝันประกาศว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ทำให้ยิ่งดูกลายเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของประชาชน จากผลงานบริหารเศรษฐกิจที่ยิ่งกว่าล้มเหลวสวนทางย้อนแย้งกับที่ขายฝันไว้มาตลอด

นอกจากนี้ รมว. ดีอีเอสยังได้โจมตีความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน โดยเรียกร้องประชาชนชาวอีสานอย่าได้ยึดติดนโยบายพรรคเพื่อไทยในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องน่าขบขันอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทย สืบทอดมาถึง พรรคเพื่อไทย เป็นที่นิยมของคนอีสานและคนทั้งประเทศอย่างมากเพราะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก ในขณะที่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งยังไม่ได้ทำเลยสักนโยบายเดียว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ฯลฯ แต่กลับไม่มีความละอายใจเลย แถมยังโฆษณาว่าจะออกนโยบายใหม่ซึ่งประชาชนคงไม่โง่ และน่าจะไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้วเพราะขนาดนโยบายเก่าที่เคยหาเสียงไว้ยังไม่ได้ทำเลย

นายพชร กล่าวว่า ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อถือของพรรคเพื่อไทยด้านการบริหารเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี พัฒนาเศรษฐกิจปากท้องเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และต้องขอขอบคุณ พรรคก้าวไกล ที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ โดยการนำภาพอดีต นายกฯทักษิณ ชินวัตร ขึ้นในเวทีประชุมใหญ่ของพรรค อีกทั้งยังมีภาพคนเสื้อแดงที่เป็นสัญลักษณ์และฐานเสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเป็นการยืนยันประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเห็นด้วยและช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้

‘โอ๊ค’ โต้ ‘มาร์ค’ อยาก PR ตัวเองเพื่อกอบกู้พรรคก็ทำไป แต่อย่ามาใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ทวิตเตอร์ “Oak Panthongtae @oak_ptt” กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยก้าวไม่พ้นจากครอบครัวชินวัตร ว่า...

อยากจะ PR ตัวเอง เพื่อกลับมากอบกู้พรรคจากเรื่องหื่นเรื่องฉาวของรองหัวหน้าฯ ก็ทำไป อย่ามาใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ เลยครับ

ส.ส.สหรัฐฯ เสนอให้อำนาจเด็ดขาด 'ไบเดน' ส่งทหารมะกันร่วมรบ ไม่ต้องสนนานาชาติ

อดัม คินซินเกอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (1 ..) ว่า จะหาทางยื่นญัตติเรื่องการให้อำนาจการตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวแก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการอนุมัติใช้กำลังทหารหากรัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ

คินซินเกอร์ พยายามมาตลอดสำหรับผลักดันให้สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น และก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่ามันอาจนำมาซึ่ง "สงครามโลกครั้งที่ 3"

ข้อเสนอของ คินซินเกอร์ จะให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับใช้กองทัพอเมริกาเข้าช่วยเหลือปกป้องและกอบกู้บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ตอบโต้กรณีที่รัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ บนแผ่นดินของยูเครน

ญัตตินี้จะให้อำนาจเด็ดขาดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการลงความเห็นว่าการรุกรานลักษณะดังกล่าวของรัสเซียเกิดขึ้นจริงแล้วหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ แต่สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซีย ระบุว่ามันอาจก่อแรงจูงใจให้กองกำลังยูเครนจัดฉากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ ในความหวังว่าจะลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้ง

รายงานข่าวระบุว่า ญัตตินี้จะทำงานเหมือนกับกฎหมาย "การอนุญาตให้ใช้กำลังทหาร หรือ AUMF" ยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่ต่ออายุการใช้ทุกปีมาตั้งแต่ปี 2001 โดยการอนุญาตนี้เคยมอบไฟเขียวทางกฎหมายให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติโจมตีมาแล้วหลายสิบประเทศ โดยไม่ต้องประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ในนั้นรวมถึงอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย โซมาเลีย และเยเมน

"อย่างที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ เคยพูดว่า ปูตินต้องหยุด" ถ้อยแถลงจากสำนักงานของคินซินเกอร์ระบุ "ดังนั้น ผู้บัญชาการโดยตำแหน่งของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของโลกควรมีอำนาจและหนทางที่จะดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นตามนั้น"

คินซินเกอร์ สมาชิกรีพับลิกันที่มีความเห็นสอดคล้องกับเดโมแครตในประเด็นต่างๆ เกือบทั้งหมด เคยเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้สหรัฐฯ เข้าร่วมกับความขัดแย้งนี้ โดยไม่กี่วันหลังจากกองกำลังรัสเซียบุกเข้าไปในยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เขาเรียกร้องให้นาโต้บังคับใช้เขตห้ามบินเหนือประเทศแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวที่จะเห็นพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ทำหน้าที่สอยเครื่องบินรบรัสเซียและโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย

แม้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องบังคับใช้เขตห้ามบินเช่นกัน แต่ทาง ไบเดน ปฏิเสธ โดยบอกว่ามันจะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 กับรัสเซีย นอกจากนี้ คินซินเกอร์ ยังกดดันรัฐบาลไบเดน ให้เป็นผู้ส่งมอบเครื่องบินรบที่บริจาคโดยโปแลนด์แก่ยูเครน ซึ่งทางรัฐบาลก็ปฏิเสธเช่นกัน โดยอ้างถึงความเสี่ยงเผชิญหน้ากับรัสเซีย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top