Friday, 13 December 2024
WEEKEND NEWS

'ผู้นำคนพิการระดับประเทศ'​ ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ ท่านอดีต สส.เป้า (จิรวุฒิ สิงห์โตทอง) คนดี บ้านบึง ชลบุรี

(11 ก.ย.​ 64)​ ณ​ สมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี "นายณรงค์ ไปวันเสาร์" นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก / นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย / นางสาวภัสวรินทร์ กิตติโชคกุลพัทธ์ นายกสมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย พร้อมคณะ เข้าพบ "นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง" อดีต (สส.เป้า) อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และอดีต เลขานุการว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้แก่ผู้ที่สร้างคุณงามความดี ตอบแทนสังคม และประเทศชาติ

โดยงานนี้ได้มีการนำข้าวสารจำนวน 500 กิโลกรัม มามอบเพื่อช่วยสมทบให้​ ภายหลัง​ นายจิรวุฒิ​ ดำริมอบอาคารโรงเรียนเก่า เพื่ออุทิศเป็นสถานที่ 'ศูนย์พักคอยผู้ติดเชื้อโควิด-19'​ พร้อมทั้งได้กล่าวอัพเดทล่าสุดของโรงพยาบาลที่ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อคนจังหวัดชลบุรี 90% ว่า... 

"สำหรับความคืบหน้าในทำโรงบาลสนาม อาจจะคลาดเคลื่อนนิดหนึ่ง อยากพูดกับประชาชนทราบอย่างนี้ว่า อาคารชุดแห่งนี้ ปล่อยทิ้งร้างว่างเปล่า 30 กว่าปี ดังนั้นการจะทำให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด ต้องเริ่มตั้งแต่อาคาร ขัดถูล้าง ทาสีใหม่หมด ห้องน้ำรีโนเวทหมด สมัยก่อนเป็นแบบนั่งยอง ผมสั่งเปลี่ยนเป็นแบบนั่งซักโครก ร่วมทั้งอุปกรณ์ในห้องน้ำต้องทันสมัย ปูพื้นด้วยกระเบื้องอย่างดี ระบบไฟรื้อถอนของเก่าออกทั้งหมด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการ #fixitcenter "วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี" วางระบบสายไฟ อุปกรณ์ต่างๆ มีความทันสมัยสวยงาม ไฟเป็นแบบประหยัดไฟ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การขัดถูพื้นต้องใช้คนงานหลายชีวิต เตียงสนามทำขึ้นมาแบบแข็งแรงทนทาน ใช้ได้ชั่วลูกหลาน

"ตลอดทั้งมีหลายๆ องค์กรสนับสนุนเข้ามา บริเวณรอบปรับปรุงใหม่หมด เพื่อความสวยงามร่มรื่น ด้านหลังอาคารทำเป็นสวนสมุนไพร ปลูก ขิงข่า ฟ้าทะลายโจร ขมิ้น และอื่นๆ​ ที่ทานได้ ได้รับประโยชน์เต็มๆ จากพื้นที่ ด้านหน้าเป็นสนามหญ้า ผมสั่งทำให้เป็นสนามฟุตบอล มาตรฐานครบเหมาะต่อการออกกำลังกาย หญ้าตัดทุกจุดที่มีความสูงรก คูน้ำสั่งลอกหมดเพื่อความสะดวกของทางน้ำไหล ระบบไฟฟ้าเพิ่มหม้อแปลงใหม่ใหญ่กว่าเดิม นี่คือความตั้งใจผมออกมาจากใจผมจริงๆ เพื่อพี่น้องประชาชนคนชลบุรีครับ"

#คนจริงไม่ทิ้งพวก #ทำด้วยใจยังไงก็ดี

สตม. มอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม 500 ชุด ให้แก่ชุมชนเคหะร่มเกล้าโซน​ 11 ตามโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้ 

(10 ก.ย.64) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6 ร่วมกับ พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3, พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา รอง ผบก.น.3 และ สน.ร่มเกล้า โดย พ.ต.อ.นันทภูมิ เรืองรุ่ง ผกก.สน.ร่มเกล้า มอบอาหารกล่อง,น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด 

โดยทั้งหมดได้ร่วมกันมอบสิ่งของดังกล่าวให้แก่ชุมชนเคหะร่มเกล้าโซน11 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. โดยมีคุณอุทัย รุ่งน้อย ตัวแทนชุมชนมาเป็นผู้รับมอบ ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ต.อาชยนฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจนครบาล3 และ สน.ร่มเกล้า ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เน้นย้ำให้ประชาชนตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้และปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ปันน้ำใจส่งข้าวกล่องปันอิ่ม ช่วยคนเลี้ยงช้างอโยธยา หลังรายได้วูบหายช่วงวิกฤติโควิด ขณะที่พันธมิตรจิตอาสา เดินหน้าข้ามจังหวัดช่วยคนในพื้นที่สีแดง โดยไม่มีวันหยุด

จากเหตุการณ์ช้างพังคำหล้าอายุ 89 ปี ช้างจากปางช้างอโยธยา ต.ไผ่ลิง  อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ล้มป่วยจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ จึงต้องใช้เชือกรัดที่ลำตัว แล้วคล้องกับรถแม็คโครขนาดใหญ่ ของเทศบาลเมืองอโยธยา เพื่อช่วยพยุงดึงร่างให้ลุกขึ้นยืนทรงตัวอยู่ได้ สาเหตุขาดอาหารกินที่ไม่เพียงพอ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับมีอายุมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

วันที่ 5 กันยายน​ 2564 ที่หมู่บ้านช้างอโยธยา นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายเกียรติยศ ศรีสกุล ประธานชมรมช่างภาพสื่อมวลชนพระนครศรีอยุธยา และผู้แทนมูลนิธิสหชาติ นำข้าวกล่องพร้อมทาน จาก ”ครัวปันอิ่ม” พร้อมหน้ากากผ้า และสเปรย์ฉีดแอลกอฮอล์ มอบแก่ควาญช้าง และครอบครัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ได้มีแรงต่อสู้ที่กับวิกฤติโควิด-19 

น.ส.บุณยาพร บุญเกิด พนักงานต้อนรับหมู่บ้านช้าง เปิดเผยว่า ช่วงสถานการณ์ Covid-19 ระบาด ตลาดน้ำอโยธยา ปิดให้บริการ ทำให้ผู้ดูแลช้างไม่มีรายได้ นักท่องเที่ยวไม่ได้มาเที่ยว ขาดทุนทรัพย์ในการซื้ออาหารมาเลี้ยงช้าง แต่ยังมีผู้ใจบุญนำอาหารมาเลี้ยงอยู่บ้าง ก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากช้างมีหลายเชือก ต้องนำอาหารมาแบ่งปันกัน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พังคำหล้า ได้รับอาหารไม่เพียงพอ และขาดสารอาหาร ทำให้หมดแรงและล้มป่วยลง และนอกจากช้างแล้ว ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือ คนเลี้ยงช้าง หรือ ควาญช้าง ที่มีครอบครัวอยู่หลายคน ขาดรายได้ จึงวิงวอนผู้เกี่ยวข้องช่วยลงมาดูพวกเขาด้วย  

ด้าน นางสอน คำสุข อายุ 85 ปี เจ้าของช้างพังคำหล้า กล่าวว่า วันนี้พังคำหล้าได้ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้ หลังจากที่ได้รับอาหารจากผู้ใจบุญที่นำมาบริจาคให้ได้กิน ช่วงโควิดจะนำพังคำหล้าไปปล่อยให้กินหญ้าซึ่งได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จนร่างกายผอมโซล้มป่วยลง พรุ่งนี้ได้รับแจ้งจะมีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะมาตรวจเช็คร่างกายให้

วันเดียวกัน ที่ศาลาประชาคม หมู่ 3 ต.แคตก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนนักศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.) สถาบันพระปกเกล้า นำโดย นางถวิล เพิ่มเพียรสิน อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นางสาวพรทิพย์ เตชะสมบูรณา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทในเครือ เวิลด์เมดิคอลซัพพลาย จำกัด นายภูริวัจน์ ปุณยวุฒิปรีดา กรรมการผู้จัดการ บจก.เอสพีวี ปิโตรเลียม นายประเสริฐ เพิ่มเพียรสิน และนางสุกัญญา จรรยา ผู้จัดการ มูลนิธิสหชาติ ร่วมส่งมอบข้าวกล่องพร้อมทาน “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” ของเครือซีพี พร้อมถุงยังชีพส่งความสุขและความห่วงใย  อาทิ ข้าวสาร ปลากระป๋อง น้ำปลา มาม่า ไข่ น้ำดื่ม หน้ากากผ้า สเปรย์ฉีดแอลกอฮอล์ และเครื่องตรวจวัดออกซิเจนปลายนิ้ว มอบแด่ชาวบ้านชุมชนหมู่ 3 ต.แคตก ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด โดยมีนายแพทย์ ศุภกร จิบสมานบุญ ผู้อำนวยการศูนย์โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแคตก พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านร่วมรับมอบ 

ทางด้านนายแพทย์ศุภกร จิบสมานบุญ เปิดเผยว่า ตำบลแคตกมีประชากร 1,200 คน และมีผู้ติดเชื้อโควิด 40 คน โดยได้ทำการรักษาจนหาย แล้วกลับไปทำงานบ้างแล้ว สำหรับมาตรการป้องกันได้เชิญชวนประชาชนทุกคนไปรับการฉีดวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนกันมากแล้ว อีกทั้งยังรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักการ์ดอย่าตก กินร้อนช้อนกลาง และขอขอบพระคุณ ผู้ใหญ่ใจดี กลุ่มพันธมิตรจิตอาสา ที่นำสิ่งขอมาแบ่งปันความสุขถึงท้องถิ่นห่างไกลในครั้งนี้ 

​​​​​​

รวมพลังพันธมิตรจิตอาสา ปันน้ำใจ คลายทุกข์ 'ชาวชุมชนคลองเตย-สื่อภาคสนาม' ร่วมสู้ภัยโควิดก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

(4 ก.ย.​ 64) ที่ลานหน้าสำนักงานมูลนิธิรวมน้ำใจ ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย นางสาวสุดทินี แสงดี ประธานชุมชนริมคลองสามัคคี คลองเตย นางมาเรียม ป้อมดี ประธานชุมชนพัฒนาใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการชุมชน และอาสาสมัครป้องกันภัยเขตคลองเตย ร่วมรับมอบอาหาร "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" เพื่อส่งต่อให้ผู้พักอาศัยในชุมชนได้ปันอิ่ม โดยจัดแบ่งเป็น 3 ส่วน เพื่อแจกจ่ายให้กับชุมชนริมคลองสามัคคี ชุมชนพัฒนาใหม่ และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เขตคลองเตย  

โดยมี นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นำทีมพันธมิตรจิตอาสา จากองค์กรต่างๆ อาทิ มูลนิธิสหชาติ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เว็บไซต์ข่าว จั่นเจา canchaonews.com หนังสือพิมพ์ ดีดี โพตส์นิวส์ ร่วมส่งมอบสิ่งของเครื่องใช้ในการบรรเทาทุกข์ อาทิ ข้าวกล่องปันอิ่มหลากหลายเมนู ขนมครัวซอง หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย พร้อมสเปรย์ฉีดแอลกอฮอล์ 

นางสาวสุดทินี แสงดี เปิดเผยว่า ชุมชนของเรามีผู้พักอาศัย 700 คน ตั้งแต่เกิดการแพร่ระเบิดเชื้อโควิด มีผู้ติดเชื้อ 170 คน และทำการรักษาจนหายดี ปัจจุบันเหลือเพียง 10 คน ส่วนการดูแลเป็นไปตามระบบของสาธารณสุข ขอขอบคุณพันธมิตรจิตอาสา และเครือซีพี ที่ร่วมแบ่งปันห่วงใย มอบความสุขช่วยคลายทุกข์ ให้คนในชุมชนแห่งนี้ 

ด้าน นายสมชาย จรรยา เปิดเผยว่า พันธมิตรจิตอาสาเดินหน้าลงพื้นที่ชุมชนต่างๆอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันหยุด ในการทำหน้าที่เป็นสะพานบุญ นำสิ่งของเครื่องใช้ ที่ได้รับการสนับสนุนจ อาทิ ขนมครัวซองต์ จากร้าน Susan Croissant เอกมัย สเปรย์ฉีดแลกอฮอล์ กองพิทักษ์สิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม หน้ากากผ้า มูลนิธิสหชาติ รวมทั้งอาหารพร้อมทานจาก ”น้องเทนนิส” ที่ส่งกำลังใจผ่านข้าวกล่อง “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” ผนึกกำลังบริษัทในเครือซีพี และห้างสรรพสินค้า โลตัส ส่งถึงมือผู้ได้รับความเดือดร้อน ผู้ที่ต้องแยกกักตัวที่บ้าน เพื่อได้มีอาหารที่ดีได้รับประทาน 

นอกจากนี้ พันธมิตรจิตอาสา ยังบรรเทาทุกข์คนสื่อภาคสนามที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มอบสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องตรวจออกซิเจนปลายนิ้วแก่นายสุรเชษฐ ศิลานนท์ ผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย และมอบอาหารให้กับคุณยายและหลาน ที่ได้รับความเดือดร้อน ยืนเช็ดกระจกรถเวลาติดไฟแดงบริเวณหน้ากรมศุลกากร

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีทิ้งกระจาดครั้งยิ่งใหญ่ สู้ภัยมหาวิกฤตโควิด-19

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีทิ้งกระจาดครั้งยิ่งใหญ่ สู้ภัยมหาวิกฤตโควิด-19 ยกทัพคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่า 15 ล้านบาท ลงพื้นที่แจกจ่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ 

(4 ก.ย.​ 64) ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีปล่อยคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำพริก เจลแอลกอฮอล์ บรรจุถุงผ้าดิบ พร้อมเงินสดที่ในปีนี้กลุ่มบริษัท นันยางเท็กซ์ไทล์ จำกัด ได้ร่วมบริจาคทำบุญ นำออกแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร (รวม 50 เขต) เขตละ 500 ชุด รวมจำนวน 25,000 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 15 ล้านบาท

โดยมี นายชวลิต ตวงสิทธิสมบัติ ประธานบริษัท นันยางเท็กซ์ไทล์ จำกัด นายชาติชาย กุละนำพล ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายพันธ์ศักดิ์ เจริญสุข ผู้อำนวยการเขตสาทร นายยุทธนา ป่าไม้ ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ  พ.ต.อ มนัส รุ่งนาค ผู้กำกับสถานีตำรวจพลับพลาไชย 1  พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับสถานีตำรวจพลับพลาไชย 2 พร้อมด้วย อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ อาสาสมัครศิลปิน อาสาสมัครกู้ภัย และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในพิธีปล่อยคาราวาน ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า ในปีนี้ ด้วยวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่รุนแรง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เพิ่มชุดเครื่องอุปโภคบริโภคจากปีที่แล้วอีก 10,000 ชุด การแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในปีนี้ มูลนิธิฯ ได้ประสานงานกับสำนักงานเขตทุกเขต ในการจัดเตรียมสถานที่และชุมชนในพื้นที่ เพื่อจัดระเบียบ ตั้งจุดคัดกรองประชาชนในแต่ละจุดตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รวมทั้งจัดกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในทุกๆ จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ เพื่อเป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธาในการลงพื้นที่แจกจ่ายสิ่งของ 

งานประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญประเพณีสำคัญของชาวพุทธที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่สมัยพุทธกาลกว่าสองพันปี กำหนดจัดขึ้นในเดือน 7 ตามจันทรคติของจีน เป็นการทำบุญใหญ่ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้วพร้อมกับการแจกทานให้ผู้ยากไร้ เป็นงานบุญที่ครบพร้อมทั้งการทำบุญและทำทาน โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้บำเพ็ญบุญประเพณีนี้ต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีกว่า 80 ปี 

ตลอดระยะเวลากว่า 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้ช่วยกันบริจาค และสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลของมูลนิธิฯ ตลอดมา ทำให้มูลนิธิฯ สามารถขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

'เฉลิมชัย'​ ระบุผลคะแนนไว้วางใจ สะท้อนความเป็นปึกแผ่นของพรรคร่วม วอน!! ให้แก้ไขปัญหาประเทศให้จบไปก่อน ช่วยกันทำให้โควิดเบาลงให้ได้

(4 ก.ย. 64)​ ที่อาคารรัฐสภา​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจสูงที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า... 

"ก็ต้องถือว่ารัฐบาลได้รับการไว้วางใจทั้งหมด ส่วนคะแนนที่ออกมา ต้องขอไปตรวจสอบคะแนนดูก่อน คิดว่าคะแนนที่ออกมาอย่างนี้ถือว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นปึกแผ่น และทุกคนผ่านการตรวจสอบครั้งนี้ทั้งหมด" 

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวระบุว่า จากการที่นายเฉลิมชัย ได้คะแนนไว้วางใจมากที่สุด และมีเสียงสนับสนุนจากโลกโซเชียลให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายเฉลิมชัย รู้สึกประหลาดใจ และฝากขอบคุณ พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่หรอก ซึ่งคะแนนที่ออกมาในวันนี้ก็เป็นภาพที่ชัดเจนว่ารัฐบาลยังเป็นปึกแผ่น เหนียวแน่น และเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี 

สำหรับการที่มีบางส่วนเรียกร้องให้ยุบสภานั้น นายเฉลิมชัย ระบุว่า ก็ต้องดูสถานการณ์ทุกอย่างว่าเหมาะสม หรือสมควรหรือไม่ ตรงนี้ท่านนายกฯ ท่านมีวิจารณญาณอยู่แล้ว ถ้าจะถามยุบสภาตนก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่อำนาจของตน แต่คิดว่าวันนี้ควรแก้ไขปัญหาประเทศให้จบไปก่อน ช่วยกันทำให้โควิดมันเบาลงให้ได้ หรืออยู่ในสถานการณ์ปกติให้ได้ แล้วสถานการณ์อื่นๆ ก็ว่ากันอีกเรื่องนึง แต่ก็ยืนยันว่าวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลเป็นปึกแผ่น

ผู้สื่อข่าวสอบถามความรู้สึกถึงการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ไม่น่าจะถูกอภิปรายในครั้งนี้ นายเฉลิมชัย ตอบว่า ก็ดี ได้มีโอกาสชี้แจง เพราะบางครั้งถ้ามีเรื่องอะไรที่ยังคาใจอยู่ แล้วเราไม่มีโอกาสได้ชี้แจง มันก็จะยังคาใจอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราได้ชี้แจงโดยชัดเจนแล้ว มันก็จะมีคำตอบให้คนฟังเขาได้คิดดูว่าอะไรถูกอะไรผิด 

​​​​​

'สกพอ.'​ ร่วมมือ 'อบจ.ระยอง -​ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่'​ เร่งเครื่องพัฒนาไม้ผลครบวงจร

ตามโครงการ EFC แผนพัฒนาการเกษตรพื้นที่อีอีซี นำร่องชาวสวนทุเรียนผลิตได้ตรงตลาด รักษาคุณภาพรสชาติด้วยห้องเย็นทันสมัย จัดระบบขายได้ตลอดปี สร้างรายได้สูงให้เกษตรกร

วันที่ 4 กันยายน 2564 นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมเป็นประธานและสักขีพยาน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาไม้ผลอย่างครบวงจร ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 
(อีอีซี) ภายใต้โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC) และแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมี นางสาวพจณี  อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง (อบจ.ระยอง) และนายโชติชัย  บัวดิษ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุม 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง

โดยบันทึกข้อตกลงฯ ครั้งนี้ จะช่วยยกระดับผลไม้ไทย ให้มีคุณภาพมาตรฐานพรีเมียมระดับสากล ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการทำตลาดด้วยนวัตกรรมใหม่ ตรงความต้องการตลาดผู้บริโภครายได้สูง และสนับสนุนโครงการระบบห้องเย็นตามโครงการ EFC ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ มีความร่วมมือสำคัญ ๆ 4 ด้าน ได้แก่... 

1) สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรไม้ผล ได้พัฒนาทักษะการประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการผลิต แปรรูป การค้าการตลาดยุคใหม่อย่างครบวงจร สร้างโอกาสเข้าถึงทรัพยากร เพิ่มอำนาจต่อรองตลอดช่วงการผลิตสินค้า

2) ยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลไม้ไทย สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคตลาดในและต่างประเทศ รักษาเสถียรภาพราคา ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร

3) พัฒนาการเก็บรักษา ยืดอายุผลผลิตให้คุณภาพ รสชาติเดิมได้นาน ด้วยการใช้ประโยชน์ระบบห้องเย็น (Blast Freezer & Cold Storage)

4) ส่งเสริมการวิจัยและต่อยอดการแปรรูปไม้ผลมูลค่าสูง ร่วมกับพันธมิตร ให้ตรงความต้องการตลาด และสนับสนุนด้านการตลาดสมัยใหม่อย่างครบวงจร

ทั้งนี้ ระยะแรกกลุ่มที่เข้าร่วมลงนามเพื่อผลิตทุเรียนพรีเมียม จะมีเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ 16 กลุ่ม เกษตรกรประมาณ 700 ราย พื้นที่ประมาณ 8,200 ไร่ โดยจะผลิตทุเรียนได้ประมาณปีละ 13,000 ตันต่อปี และจะขยายเครือข่ายสมาชิกให้มากขึ้น จากความร่วมมือของ อบจ.และเกษตรจังหวัดที่สนับสนุนร่วมกัน รวมทั้งขยายผลเพิ่มเติมในกลุ่มไม้ผลอื่นๆ ต่อไป

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ กล่าวว่า สาระสำคัญการลงนามความร่วมมือ ครั้งนี้ จะสอดคล้องกับโครงการ EFC ที่เป็นโครงการหลักของแผนพัฒนาเกษตรในอีอีซี ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ คือ การสร้างสินค้าให้มีคุณภาพตามความต้องการตลาด โดย สกพอ. มุ่งเน้นตลาดกลุ่มลูกค้าทุเรียนพรีเมียม การวางระบบการค้าสมัยใหม่ ผ่านระบบ e-Commerce และ e-Auction ผลผลิตที่ส่งออกต้องตรวจสอบและย้อนกลับได้ สร้างมูลค่าให้ทุเรียนของภาคตะวันออก การลงทุนห้องเย็นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เก็บรักษาให้มีความสดใหม่ และการจัดระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้ สหกรณ์ที่เข้าร่วม ให้พัฒนาผลผลิตให้ได้คุณภาพพรีเมียม

โดยการผลิตทุเรียนของไทย คาดว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า จะสูงถึง 2 ล้านตัน ปัจจุบันผลผลิตจากระยอง​ คิดเป็น 10% หรือกว่า 1 แสนตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งระบบห้องเย็น ภายใต้โครงการ EFC จะสามารถจัดเก็บผลผลิต เพื่อขายในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยวหรือช่วงขาดแคลนได้ โดยจะจัดเก็บทุเรียนได้ประมาณ 4,000 ตันต่อรอบ ซึ่งหากจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจะจัดเก็บได้มากกว่า 10,000 ตันต่อปี ช่วยรักษาความสด คงรสชาติ สร้างเสถียรภาพทางราคา สามารถส่งออกทุเรียนออกขายช่วงเทศกาลสำคัญ ที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก ขายได้ราคาสูง หรือกำหนดราคาเองได้ รวมทั้งรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศให้กินทุเรียนของระยองได้ตลอดปี สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

'บลูเทค ซิตี้'​ มอบน้ำดื่มสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19

'บลูเทค ซิตี้'​ มอบน้ำดื่มสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19

(2 ก.ย.64) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ทีมงานฝ่าย CSR ของโครงการนิคมอุสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ มอบน้ำดื่ม จำนวน 300 แพ็ค เพื่อสนับสนุนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ที่ปฏิบัติงานร่วมการทดสอบระบบบริหารจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมี นายสุพจน์ สกุลธรรม หัวหน้างานประชาสัมพันธ์และเลขานุการอธิการบดี เป็นผู้รับมอบ

โดยวันนี้ยังเป็นวันที่มีการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ล็อตการผลิตในไทยพร้อมกันทั่วประเทศด้วย ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนซิโนแวคที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์นั้น สามารถรองรับประชาชนที่จะเข้ามารับบริการวัคซีนฯได้ประมาณวันละ 2,000 คน

'ผู้ช่วยฯ รอย' ชี้การติวให้ความรู้ และการทดสอบด้านปราบปรามฯใช้รองรับ-เพิ่มทักษะ เสริมเขี้ยวเล็บป้องอาชญากรรมให้ทันต่อสภาวการณ์ปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท. รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และประธานคณะทำงานพัฒนางานป้องกันปราบปราม เปิดเผยถึง กรณีที่มีข่าวทางโซเชียล ระบุถึงการทดสอบความรู้งานด้านป้องกันปราบปราม มีผลต่อเงินเพิ่มพิเศษ ของสายงานนั้น   ขอทำความเข้าใจว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาความรู้ให้กับข้าราชการตำรวจ เพื่อเป็นการเสริมทักษะเสริมความรู้ในการเป็นเกราะป้องกันสำหรับการปฏิบัติหน้าที่

ซึ่งที่ผ่านมานอกจากปัญหาอาชญากรรมที่รุนแรงขึ้นเช่น การต่อสู้ขัดขวางในการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต อีกทั้งยังปรากฏบางเหตุการณ์เมื่อรับแจ้งเหตุหรือเข้าระงับเหตุการชี้แจงทำความเข้าใจกับ ประชาชน ปรากฏข้อพิพาทกันบ่อยครั้งตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ซึ่งปัญหาเกิดจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ ตรากตรำ ไม่มีเวลาทบทวนทั้งยุทธวิธีการทำงานและองค์ความรู้ด้านทฤษฎี

จึงดำริให้ดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปฏิบัติงานสายตรวจ ซึ่งก็มีตั้งแต่การจัดการฝึกอบรมงาน ปป. ด้านยุทธวิธี ให้กับครูฝึกและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้นแบบ ทั่วประเทศเพื่อไปถ่ายทอดให้กับทุกหน่วย ตั้งแต่ต้นปี 2564 จากนั้น คณะทำงานได้พัฒนาระบบการให้ องค์ความรู้ด้านทฤษฎีอันประกอบด้วยกฏหมายและแนวทางปฏิบัติต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการถ่ายทอด ซึ่งมีผลตอบรับเป็นอย่างดีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในส่วนของการสอบนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อให้ทดสอบความรู้ตนเองเพื่อให้ทันต่อสภาวะการปัจจุบัน และมิใช่แต่ งานป้องกันปราบปรามเท่านั้น การเสริมความรู้และการทดสอบนั้นต้องมีการดำเนินการทุกสายงาน ทั้ง จราจร สอบสวน และอำนวยการนอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเจ้าหน้าที่แล้ว 

ยังทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลาทุกอาชีพต้องมีการพัฒนาความรู้ใหม่อยู่เสมอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เช่นเดียวกัน  ในส่วนของผลกระทบในอนาคตหากไม่ผ่านหรือขาดความเอาใจใส่ที่จะพัฒนาความรู้ นอกจากจะส่งผลกระทบตรงกับความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของตนและประชาชนแล้ว ก็อาจเป็นไปได้ที่จะต้องกระทบถึงค่าตอบแทนพิเศษที่กำหนดให้สำหรับสายงานนั้นๆหรือหน้าที่นั้นๆ
ก็ขอเชิญชวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านได้สนใจที่จะพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง และเท่าที่ผ่านมาก็เห็นถึงควากระตือรือร้นใฝ่รู้ เป็นจำนวนมาก

'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' พร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มั่นใจตอบได้ทุกประเด็นหลังโชว์ผลงานปฎิรูปกระทรวงเกษตรฯภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์คว้าแชมป์ ”คุณธรรมและความโปร่งใส” ประจำปี 2564 ของปปช. 

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาลตามครรลองเสียงข้างมากข้างน้อยของระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย ในส่วนของตนพร้อมชี้แจงทุกประเด็นทั้งเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินและประเด็นการทุจริตประพฤติมิชอบรวมทั้งประเด็นอื่นๆที่มีการกล่าวหาหรือมีการตั้งข้อสงสัยเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้ประกอบดุลยพินิจในการลงมติ ตนเชื่อว่าผลงานคือคำตอบที่ดีที่สุดโดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินด้วยคุณธรรมและความโปร่งใสของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ได้จัดทำการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งได้กำหนดไว้ตามแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ พบว่า หน่วยงานทั้ง23 หน่วยงาน ในสังกัด กระทรวงเกษตและสหกรณ์มีค่าITA อยู่ในระดับA โดยมีคะแนนภาพรวมทั้งสิ้น 92.67 คะแนน สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยการประเมินภาพรวมทั่วประเทศที่มีค่าเฉลี่ย 81.25 คะแนน
ยิ่งกว่านั้นกระทรวงเกษตรฯ.ยังคว้าอับดับที่1 ของผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสประเภทที่5 (กองทุนและหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ) ในระดับ AA มากถึง 3 หน่วยงานได้แก่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง 98.52 %ตามด้วยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร97.22 %และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย 96.1 %

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวต่อไปว่า ความก้าวหน้าพัฒนาของ23หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นและการทำงานหนักของทุกคนในองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นการปฏิรูป 2 มิติคือการปฏิรูปการบริหารราชการและการปฏิรูปการบริการประชาชนด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพโปร่งใสและตรวจสอบได้ภายใต้“5 ยุทธศาสตร์การปฏิรูป” ซึ่งเป็นคานงัดสร้างจุดเปลี่ยนได้แก่
 1.ยุทธศาสตร์ตลาดนําการผลิต
 2. ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 
3. ยุทธศาสตร์ “3’s” (Safety- Security-Sustainability- เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคงและเกษตรยั่งยืน) 
4. ยุทธศาสตร์การบริหารเชิงรุกแบบบรู ณาการกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะโมเดล ”เกษตร-พาณิชย์ทันสมัย” 
 5. ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

สำหรับผลคะแนนทั้ง 23 หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ มีดังนี้ 
1. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตร 98.52 คะแนน ระดับ AA
2. สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร 97.22 คะแนน ระดับ AA
3. องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย 96.17 คะแนน ระดับ AA
4. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง 94.71 คะแนน ระดับ A
5. การยางแห่งประเทศไทย 94.58 คะแนน ระดับ A
6. กรมพัฒนาที่ดิน 94.47 คะแนน ระดับ A
7. สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 93.86 คะแนน ระดับ A
8. กรมส่งเสริมสหกรณ์ 93.80 คะแนน ระดับ A
9. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร 93.14 คะแนน ระดับ A
10.กรมชลประทาน 93.11 คะแนน ระดับ A
11.สำนักมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ 93.00 คะแนน ระดับ A
12.กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 92.69 คะแนน ระดับ A
13.สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ 92.62 คะแนน ระดับ A
14.องค์การสะพานปลา 92.29 คะแนน ระดับ A
15.กรมฝนหลวงและการบินเกษตร 92.22 คะแนน ระด
16.กรมวิชาการเกษตร 92.07 คะแนน ระดับ A
17.กรมปศุสัตว์ 91.81 คะแนน ระดับ A
18.กรมส่งเสริมการเกษตร 90.60 คะแนน ระดับ A
19.สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 90.22 ระดับ A
20.กรมประมง 90.21 คะแนน ระดับ A
21.กรมหม่อนไหม 89.09 คะแนน ระดับ A
22.กรมการข้าว 88.07 คะแนน ระดับ A
23.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 87.02 คะแนน ระดับ A 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ได้จัดทำการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) โดยในปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมการประเมินITA 8,300 หน่วยงาน มีประชาชนเข้ามาร่วมตอบแบบสอบถามจำนวน 1,331,588 ราย แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ 471,794 ราย และผู้รับบริการภาครัฐ 859,794 ราย ซึ่งเป็นการประเมินที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีหน่วยงานทั่วประเทศที่ผ่านเกณฑ์ประเมินซึ่งต้องได้คะแนน85%ขึ้นไป 4,146 หน่วยงาน คิดเป็น 49.95%

ทั้งนี้ การให้คะแนนความโปร่งใสหน่วยงานนั้น สามารถแบ่งเป็นเกรดต่าง ๆ ได้ดังนี้ เกรด AA 95-100 คะแนน / เกรด A 85-94.99 คะแนน / เกรด B 75-84.99 คะแนน / เกรด C 65-74.99 คะแนน / เกรด D 55-64.99 คะแนน / เกรด F 0-54.99 คะแนน  

 โดยหน่วยงานที่ได้รับการประเมินแบ่งเป็น 8 ประเภท มีคะแนนเต็ม 100 คะแนได้แก่1.ประเภทหน่วยงานธุรการขององค์การศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ และหน่วยงานในสังกัดรัฐสภา 2.ประเภทส่วนราชการระดับกรม 3.ประเภทรัฐวิสาหกิจ 4.องค์การมหาชน5.กองทุนและหน่วยงานของรัฐ6.สถาบันอุดมศึกษา 7.จังหวัด (เฉพาะส่วนราชการส่วนภูมิภาคระดับจังหวัด) 8.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top