Monday, 13 January 2025
WEEKEND NEWS

สำนักงานตำรวจแห่งชาติน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช ประจำปี 2564

เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช ประจำปี 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีต่อประเทศชาติบ้านเมือง พสกนิกรชาวไทย และข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่อดีตจนสืบเนื่องถึงปัจจุบัน

(23 ต.ค. 64)​ ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) กำหนดจัดพิธีวางพวงมาลาหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมพิธีฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯในฐานะผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ชมรมทหารพรานค่ายปักธงชัย กรุงเทพมหานคร ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม

(10 ต.ค. 64)​ ทางชมรมทหารพรานค่ายปักธงชัย กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปยัง ตำบลเริงราง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี และ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม นำถุงยังชีพมอบให้กับประชาชนเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นำโดยนายกัมปนาท น้อยพุก รองประธานชมรมทหารพรานค่ายปักธงชัยกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยสมาชิกชมรมทหารพรานค่ายปักธงชัย กรุงเทพมหานคร

พระไม่ทิ้งโยม!! คณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ผนึกกำลัง สถาบันพระปกเกล้า ล่องเรือมอบกล่องยังชีพ ช่วยบรรเทาทุกข์น้ำท่วมบ้าน

(10 ต.ค.​ 64)​ พระอุดมสิทธินายก รองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี พระปลัดสุรเชษฐ์ สุรเชฏฺโฐ เจ้าอาวาสวัดโตนด (หลวงพ่อสำเร็จ) อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พร้อมด้วย นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา นางสาวรฌทร สงวนพงศ์ นายอำเภอบางกรวย อาจารย์ไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว อาจารย์กำกับหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข นำทีมนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) รุ่น 11-12 หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.) รุ่นที่ 1-2 

นำถุงยังชีพที่จัดแพคบรรจุในกล่อง ประกอบด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นสิ่งของที่จำเป็นใช้ในการดำรงชีพ ขึ้นเรือล่องไปตามคลองบางกอกน้อย ส่งมอบสิ่งของและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากน้ำทะเลหนุนสูง และผู้ประสบภัยโควิด-19

พระปลัดสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ถุงยังชีพที่นำไปปันสุขให้กับโยมที่พักอาศัยอยู่ริมคลอง ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงส่งผลให้บ้านเรือนถูกน้ำท่วม ได้รับบริจาคมาจากญาติโยมหลายองค์ อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มูลนิธิมวยไทย สโมสรโรตารี บางกรวย พร้อมภาคีทุกภาคส่วน ร่วมงานบุญจิตอาสา นำมาถวาย โดยทางคณะสงฆ์จึงนำไปมอบต่อให้กับโยมที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อบรรเทาทุกข์ในยามที่ลำบาก 

'จิตอาสาตำรวจสอบสวนกลาง'​ ช่วยเหลือประชาชนจากวิกฤตอุทกภัย

สืบเนื่องมาจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศเรื่อง พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ฉบับที่ 3 (143/2564) ซึ่งพายุดังกล่าวได้ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนัก และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้บ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ซึ่งตามนโยบายของ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยบรรเทาทุกข์สุขของประชาชนในช่วงสถานการณ์ที่มีอุทกภัย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยกองบังคับการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้จัดกิจกรรมจิตอาสาตำรวจสอบสวนกลางให้การช่วยเหลือประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากวิกฤตอุทกภัยในครั้งนี้ 

โดยตั้งเเต่วันที่ 29 กันยายน 2564 ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2564 พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคุณรงรอง ภูริเดช ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมคณะแม่บ้านฯ, รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ผู้บังคับการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมกำลังพลจิตอาสาตำรวจสอบสวนกลาง ได้ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากวิกฤตอุทกภัย เป็นจำนวนทั้งสิ้น 52 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี, ชัยนาท, เพชรบูรณ์, ขอนเเก่น, สระบุรี, อ่างทอง, นครสวรรค์, สิงห์บุรี, ชัยภูมิ, พระนครศรีอยุธยา และสุโขทัย รวม 11 จังหวัด โดยมีการนำถุงยังชีพ พร้อมอาหารและเครื่องดื่มแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนกว่า 7,000 ชุด 

นอกจาก 11 จังหวัด ที่ทางกองบัญชาตำรวจสอบสวนกลาง ได้ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือไปแล้วนั้น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะยังคงดำเนินการลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตอุทกภัยในครั้งนี้อีกจำนวน 44 ครั้ง ในพื้นที่อื่นๆ อีก 15 จังหวัด ต่อไป

'อลงกรณ์-อรรถพร' ลุยเพชรบุรีแก้ปัญหาประชาชนนำทีมชลประทานพัฒนาคลองรับมือน้ำท่วม

(9​ ต.ค.64) นายอลงกรณ์  พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ​ ร่วมด้วยนายอรรถพร  พลบุตร คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร.และดร.ชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14  พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้านนำเครื่องจักรกลหนัก รถขุดแขนยาว 4 คันของกรมชลประทานขุดลอกคลองสาย​ 'ดี.25'​ ช่วงตำบลบางแก้วถึงตำบลช่องสะแกในพื้นที่อำเภอบ้านแหลมและอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีโดยลอกคลองกำจัดผักตบชวาเตรียมพร้อมรับมือน้ำหลากฤดูฝนนี้และเป็นคลองส่งน้ำ-กักเก็บน้ำยามฤดูแล้ง

นอกจากนี้ยังได้รับงบสนับสนุนเพิ่มเติมในการพัฒนาคลอง ดี.9​ สามารถระบายน้ำในกรณีน้ำท่วมได้ถึง​ 100​ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

'เฉลิมชัย' นำทีมลงพื้นที่ อำนาจเจริญ ติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำ ตั้งเป้าเพิ่มน้ำต้นทุน 35 ล้าน ลบ.ม. ครอบคุมการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรเพิ่มกว่า 4,000 ไร่

(9 ต.ค.​ 64)​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามงานตามนโยบายสำคัญในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ 

โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายว่าจากการติดตามการบริหารจัดการน้ำจังหวัดอำนาจเจริญ และแผนโครงการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำของจังหวัดอำนาจเจริญ ณ อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (บริเวณสวนพุทธอุทยาน อำนาจเจริญ) ตำบลบุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ตนได้รับรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ที่มีอ่างเก็บน้ำ 5 แห่ง (อ่างฯพุทธอุทยาน, อ่างฯห้วยโพธิ์, อ่างฯร่องน้ำซับ, อ่างฯห้วยสีโท และเขื่อนลำเซบาย) มีความจุอ่างรวมกันประมาณ 49.98 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกัน 49 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 99% ของความจุอ่างรวมกัน จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำต้นทุนดังกล่าวไม่เพียงพอต่อภาคการเกษตร และมีพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานเพียง 35,491 ไร่ ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทานจะไม่สามารถทำการเกษตรได้ในช่วงฤดูแล้ง และเมื่อถึงช่วงฤดูน้ำหลากจะเกิดท่วมซ้ำซากในเขตอำเภอหัวตะพานและอำเภอเมืองริมฝั่งลำเซบาย และลำห้วยปลาแดก

ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานได้วางแผนดำเนินโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน – อ่างเก็บน้ำห้วยโพธิ์ ประกอบด้วย งานปรับปรุงอ่างฯ พุทธอุทยาน ด้วยการขุดลอกอ่างฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำได้มากขึ้น 3.2 ล้าน ลบ.ม. งานปรับปรุงฝายพับได้ช่วยเพิ่มความจุได้อีก 2.6 ล้าน ลบ.ม. และอาคารประกอบ 26 แห่ง ในส่วนของงานปรับปรุงอ่างฯ ห้วยโพธิ์ จะขุดลอกอ่างฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำมากขึ้นอีก 1.3 ล้าน ลบ.ม. งานปรับปรุงฝายพับจะช่วยเพิ่มความจุได้อีก 1 ล้าน ลบ.ม. และอาคารประกอบ 9 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีแผนดำเนินโครงการคลองผันน้ำพุทธ-โพธิ์ ความยาว 3,100 เมตร หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะทำให้มีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นอีก 4,000 ไร่ และยังช่วยเพิ่มศักยภาพผลผลิตทางการเกษตรอีกด้วย

“ผมได้สั่งการให้กรมพัฒนาที่ดิน ขุดสระเก็บน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ โดยในปีนี้จะเร่งรัดอนุมัติงบประมาณให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่เตรียมการไว้ ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อพัฒนาพื้นที่รับน้ำของอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยานของกรมชลประทาน ไปด้วยกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่” นายเฉลิมชัย กล่าว

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการ กองทัพไทย ลงพื้นที่อยุธยา ติดตามสถานการณ์​ พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน

อยุธยา - ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการ กองทัพไทย ลงพื้นที่อยุธยา ติดตามสถานการณ์พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชน

(3 ต.ค.64)​ พลเอก จีรัชญ์ บุญชญา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการ กองทัพไทย พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่บริเวณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าโรงงานซ่อมยาง กองโรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหารกรมสรรพาวุธทหารบก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา พันเอก(พ)เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดต.สุรินทร์ ผดุงเพียร รองนายกเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ พร้อมนำคณะลงเรือติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและแนวป้องกันโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม พระตำหนักสิริยาลัย วัดกษัตราธิราชวรวิหาร จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบอุทัยพร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวกล่องให้กับประชาชนใน ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามพร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงาน

กระบี่-ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามพร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงาน 

(3 ต.ค.64) นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และส่วนเกี่ยวข้องประจำโรงพยาบาลสนามโกเมน โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลสนามให้การต้อนรับ และนำชมการทำงานต่างๆ ภายในโรงพยาบาลสนาม 

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เดินทางไปโรงพยาบาลสนามพลบดี โดยได้ตรวจเยี่ยม ติดตามการปฏิบัติงาน พูดคุย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจในปฏิบัติการครั้งนี้

ตม.ร่วม ภ.4 รวบ ฝรั่งเมายาบ้า ข่มขืนสาวร้านนวดแผนไทย ใน จ.ขอนแก่น

(2 ต.ค.64) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงการจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ข่มขืนพนักงานร้านนวดแผนไทย ในจังหวัดขอนแก่น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ก.ย.64 เกิดเหตุชายสัญชาติอเมริกัน ทำร้ายร่างกายและข่มขืนพนักงานร้านนวดแผนไทย เหตุเกิดที่ร้านนวด ย่าน ถ.รอบเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป ระหว่างหลบหนีได้ไปก่อเหตุกระทำอนาจารกับเด็กสาว อายุ 13 ปี อีกรายในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จนป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความสำคัญในคดีนี้ เนื่องจากผู้ต้องหากระทำผิดอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ผู้เสียหายเป็นหญิงที่ประกอบอาชีพพนักงานนวด อาจทำให้เพื่อนร่วมอาชีพเกิดความหวาดระแวงต่ออาชญากรรม จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ภูมิภิภัทฒ์ฯ ผบช.สตม. และ พล.ต.ท.บรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 เร่งสืบสวนติดตามนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความกระจ่างแก่สังคมโดยเร็วที่สุด

กรมส่งเสริมการเกษตร แถลงข่าวออนไลน์เผยความคืบหน้าโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ จาก COVID-19 ดำเนินการได้ตามแผน เกษตรกรสามารถลดต้นทุน

 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกภาคส่วน ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบของพี่น้องเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการจัดซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร ที่ประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ภายใต้ “โครงการแบ่งปันน้ำใจ เกษตรไทยสู้ภัยโควิด-19” ซึ่งดำเนินการแล้ว 264 ครั้ง 46 จังหวัด รวมเป็นมูลค่าสินค้าทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกร รวมถึงการช่วยกระจายผลผลิตให้กับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ในแคมเปญ  “เกษตรกรแฮปปี้”  จำนวน 2 เฟส  สามารถช่วยระบาย มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ได้จำนวนมาก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ทำให้ราคาผลไม้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการขนส่งและเป็นจุดกระจายสินค้า 

สำหรับระยะยาว กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการสำคัญหลายโครงการ ภายใต้โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีโครงการสำคัญหลายโครงการได้แก่ โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งมีหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการ และโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินการในแต่ละโครงการ กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการเป็นไปตามแผนที่ได้วางกรอบเอาไว้เป็นที่น่าพอใจ และพร้อมกำชับให้กรมส่งเสริมการเกษตรรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบอย่างต่อเนื่อง  

ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการ แบ่งตามแหล่งที่มาของงบประมาณ ประกอบด้วย 1) เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 จำนวน 12 โครงการ เช่น โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) และโครงการที่หน่วยงานระดับจังหวัดเสนอขอดำเนินการ เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตร (สมุทรสงคราม) โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัยเชิงการค้าในกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (จังหวัดสตูล) เป็นต้น  ผลการดำเนินงานโดยภาพรวม มีการเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 3,029 ล้านบาท คิดเป็น 56.92% ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร โดยมีหลายโครงการที่ดำเนินการเบิกจ่ายเสร็จสิ้นแล้ว  และ 2) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  
จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตร (จังหวัดสมุทรสงคราม) และโครงการโรงเรือนเพาะเห็ดอัจฉริยะ (จังหวัดสระบุรี) ขณะนี้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 1.14 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 83.37 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top