Tuesday, 1 July 2025
WEEKEND NEWS

กาฬสินธุ์ยอดติดเชื้อโควิดคลัสเตอร์สองสามีภรรยา-ร้านอาหารยังพุ่ง

ยอดผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์สองสามีภรรยาและร้านอาหารกึ่งผับในตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดพบติดเชื้อเพิ่มอีก 38 ราย และลามไปยังงานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อำเภอสหัสขันธ์อีก 12 ราย ขณะที่ผลตรวจสายพันธุ์เบื้องต้นผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ทั้ง 66 ราย ส่วนใหญ่สามารถเข้าได้กับสายพันธุ์โอมิครอน พร้อมรอผลยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์อย่างเป็นทางการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

(26 ธ.ค. 2564) ศูนย์อำนวยการต้านโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุด พบมีผู้ป่วยรายใหม่  57 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นคลัสเตอร์เชื่อมโยงกับสองสามีภรรยากลับจากต่างประเทศและตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ 38 ราย และคลัสเตอร์งานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อ.สหัสขันธ์ 12 ราย หลังผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงกับตลาดโรงสีไปร่วมงาน ส่วนที่เหลือพบในพื้นที่ อ.ยางตลาด อ.นามน และ อ.ท่าคันโท ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 10,510 ราย หายป่วยแล้ว 10,227 ราย กำลังรักษา 210 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 73 รายเท่าเดิม



ทั้งนี้ทางศูนย์อำนวยการฯ ยังได้ประกาศประชาสัมพันธ์สื่อสารความเสี่ยงเพิ่มเติม จากเดิมขอให้ผู้ที่ไปใช้บริการที่ร้านอาหารสวิกบาร์ ร้านอาหารคิกคาปู้ตลาดโรงสี ในวันที่ 12 ธันวาคม 2564 , สำนักงานที่ดิน จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564,  ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี กาฬสินธุ์ และสำนักงานบังคับคดี ในวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อแล้ว ล่าสุดยังประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ที่ไปใช้บริการร้านอาหารพารวย ระหว่างวันที่ 12-22 ธันวาคม 2564  และผู้ที่ไปร่วมงานแสดงดนตรีหาดแสงจันทร์ อ.สหัสขันธ์ ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2564 รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่รพ.สต.หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อประเมินความเสี่ยงและตรวจหาเชื้อ หลังพบพนักงานของร้านอาหารพารวยไปใช้บริการร้านอาหารในตลาดโรงสีแล้วติดเชื้อโควิดกว่า 10 คน  และมีผู้ติดเชื้อโควิดเชื่อมโยงกับร้านอาหารในตลาดโรงสีไปร่วมงานแสดงดนตรีจนมีผู้ติดเชื้อในงานนี้แล้ว 12 ราย


รมว.สุชาติ มอบ ผู้ช่วยรัฐมนตรี เปิดประชุมใหญ่ของสมาพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และโลหะแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 20/2564

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดประชุมใหญ่ของสมาพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และโลหะแห่งประเทศไทย (TEAM) ครั้งที่ 20/2564 ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน 

วันที่ 19 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่ของสมาพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และโลหะแห่งประเทศไทย (TEAM) ครั้งที่ 20/2564 โดยมีนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ศูนย์ฝึกอบรมเพื่อคนทำงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา 

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลและการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานภายใต้การนำของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานไทย โดยได้ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน คุ้มครอง และกำกับดูแล เพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานให้ดีขึ้น อันเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคง ด้านแรงงานในการสร้างผลิตภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในวงกว้าง กระทรวงแรงงานมีความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงาน และได้ดำเนินการในทุกมิติเพื่อช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบอย่างต่อเนื่อง 

ตำรวจเข้ม มาตรการจราจร เทศกาลปีใหม่ จัดกำลังกว่า 80,000 นาย อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย พี่น้องประชาชนเต็มที่ 

18 ธ.ค. 64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมมาตรการรับมือและอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ใช้รถใช้ถนน และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศจร.ตร.) รับผิดชอบการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผอ.ศจร.ตร. ได้กำหนดนโยบายด้านการจราจรโดยมีจุดเน้นดังนี้

1.) การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร  ในช่วงวันที่ 29 ธ.ค. 64 - 4 ม.ค. 65 ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ตั้งแต่การจัดทำแผนที่แสดงเส้นทางสำรอง เส้นทางเลี่ยง และ เส้นทางลัด ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้คืนพื้นผิวจราจรให้เสร็จสิ้นภายใน 25 ธ.ค. 64 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยการจราจรในแต่ละเส้นทาง บริเวณทางร่วมทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถ โดยมีศูนย์ควบคุมสั่งที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง มีสายด่วน 1193 หรือ เพจ facebook ตำรวจทางหลวง และศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) สายด่วนหมายเลข 1197 (พื้นที่ กทม.) เพื่อให้บริการประชาชน ในการสอบถามเส้นทาง รับแจ้งอุบัติเหตุ
 
2.) ห้องพักฟรีทั่วไทย ของขวัญปีใหม่จากใจตำรวจทางหลวง มีหน่วยบริการ 201 หน่วยทั่วประเทศมีห้องพักผ่อนฟรี สำหรับให้ประชาชนแวะพักเหนื่อย พร้อมบริการเครื่องดื่มและขนมทานเล่น ห้องน้ำสะอาดซึ่งทุกหน่วย บริการมีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้มาตรฐาน โดยให้บริการจองห้องพักของหน่วยบริการตำรวจทางหลวง ผ่านระบบออนไลน์ที่ www.booking.hwpdth.com  

3.) ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร 2 ฉบับ  
(1) ข้อบังคับฯ ว่าด้วยการกำหนดช่อง หรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่อง (Reversible Lane) ขาออก กทม. 9 เส้นทาง ระหว่าง 29 ธ.ค. 64 ถึง 1 ม.ค. 65 และขาเข้า กทม. 16 เส้นทาง ระหว่าง 1 ถึง 4 ม.ค.65  เพื่อใช้เป็นช่องทางพิเศษ เพื่อระบายรถช่วงที่หนาแน่นให้คล่องตัว 
(2) ข้อบังคับฯ ว่าด้วยการกำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถในถนนบางสาย ตั้งแต่วันที่ 30 - 31 ธ.ค. 64  และตั้งแต่ 2 - 4 ม.ค. 65 เส้นทางห้ามวิ่ง 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 194 กม. ทั้งนี้สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถยื่นคำขอขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ของ บก.ทล. ได้ที่ www.hwpdth.com โดยเริ่มเปิดระบบขออนุญาตทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 64  เป็นต้นไป

4.) การบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน บังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) ดำเนินคดีอย่างจริงจังกับผู้ที่ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด รวมทั้งกำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีลักษณะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนนใน 4 ข้อหาสำคัญ ได้แก่  

ผบ.ตร. ขอให้ตำรวจทุกนายอยู่ในพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 งดออกนอกพื้นที่เพื่ออวยพรผู้บังคับบัญชา ลดเสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19

วันที่ 19 ธันวาคม 2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ขอให้ข้าราชการตำรวจงดเดินทางออกนอกพื้นที่ เพื่อเข้าอวยพรปีใหม่ผู้บังคับบัญชา เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (COVID-19) และให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกการจราจร งานบริการ หรือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน และถือว่าเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ที่ตำรวจทุกนายมอบให้แก่พี่น้องประชาชนอีกด้วย

ถ้าทำอะไรดีๆ แล้ว คนมองว่าสร้างภาพ ‘ก็ช่างเขา’ อย่างน้อยเราก็ยังได้ทำดี ไม่เหมือนเขาที่แค่ ‘คิดดี’  ยังทำไม่ได้เลย

ถ้าทำอะไรดีๆ แล้ว 
คนมองว่าสร้างภาพ
‘ก็ช่างเขา’

อย่างน้อยเราก็ยังได้ทำดี
ไม่เหมือนเขาที่แค่ ‘คิดดี’ 
ยังทำไม่ได้เลย

- ว.วชิระเมธี -

“อลงกรณ์” ชี้!! มี 4 เหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ไม่ใช่แค่เรื่องมารยาททางการเมืองเท่านั้น!!?

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.6สมัยและอดีตรัฐมนตรี เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “มารยาททางการเมืองและ 4 เหตุผลกรณีพรรคร่วมรัฐบาลไม่ส่งผู้สมัครแข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม”

ซึ่งตรงกับความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพรเขต 1 และสงขลาเขต 6 โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า

“คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นมารยาททางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะหลีกทางให้พรรคเจ้าของที่นั่งเดิมส่งผู้สมัครส.ส.โดยไม่แข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ความจริงเหตุผลเรื่องมารยาททางการเมือง เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น

แต่ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่อธิบายว่าทำไมพรรคร่วมรัฐบาลชุดก่อน ๆ ที่ผ่านมาจึงไม่ส่งผู้สมัครส.ส.แข่งกันเองจนถือปฏิบัติเป็นธรรมเนียมทางการเมืองสืบต่อกันมา ด้วยเหตุผล 4 ข้อ ดังต่อไปนี้

 1. เป็นการให้เกียรติกันและกันของพรรคร่วมรัฐบาลในฐานะพันธมิตรทางการเมือง

 2. เป็นการรักษาที่นั่งส.ส.ซีกรัฐบาลในฐานะเสียงข้างมากในสภาเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล

 3. เป็นการสร้างความสามัคคีและความเป็นเอกภาพของรัฐบาล

 4. เป็นโอกาสโฆษณาผลงานสร้างความนิยมของรัฐบาลและชี้แจงประเด็นต่างๆที่ถูกโจมตีจากฝ่ายค้าน

ดังนั้น ในอดีตจะเห็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงสมัครรับการเลือกตั้งซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและช่วยสนับสนุนกันและกันทำให้เกิดความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์ของรัฐบาลผสม

ทั้งนี้จะมีเกณฑ์พิจารณาว่า พรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดจะได้สิทธิ์ในการส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งส.ส.ที่ว่างลงในการเลือกตั้งซ่อม

1.กรณีเป็นที่นั่งเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลจะให้สิทธิ์พรรคที่เป็นเจ้าของที่นั่งเดิมส่งผู้สมัคร

2.กรณีเป็นที่นั่งเดิมของพรรคฝ่ายค้านจะให้สิทธิ์พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลได้สิทธิ์ส่งผู้สมัคร

แนวทางเช่นนี้มิใช่เพียงฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นที่ยึดถือปฏิบัติ แม้แต่ฝ่ายค้านก็ยึดถือปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่เช่นกันเพราะเป็นโอกาสที่จะวัดความนิยม(Popularity)ระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาลในอีกทางหนึ่ง

 

‘รมต.กระทรวงอุตสาหกรรม’ เปิดโรงงานแบตไฟฟ้าใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียน “อมิตา”!! พร้อมก้าวสู่โลกพลังงานสะอาดแบบครบวงจร

วันนี้ (12 ธ.ค.2564) ที่ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานพิธี เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ทันสมัย มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคอาเซียน โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายกวิน ทังสุพานิช เลขานุการรัฐมนตรีพลังงาน รองศาสตราจารย์.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ฉะเชิงเทรา พร้อม ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และคณะผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียน-พลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน จะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีเสถียรภาพเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ออกแบบให้โรงงานแห่งนี้ใช้ระบบที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิตได้ง่ายขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทคโนโลยีในอนาคต อีกทั้งโรงงานยังเน้นแนวคิดที่ใช้พลังงานในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต มุ่งเน้นการรีไซเคิลในกระบวนการผลิตให้มากที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท อมิตา เทคโนโลยี อิงค์ (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในไต้หวันมากว่า 20 ปี

ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ได้เข้าร่วมทุน ถ่ายทอดประสบการณ์และเทคโนโลยีในการสร้างโรงงานจนเป็นผลสำเร็จ ผ่านบริษัทย่อยภายใต้ ชื่อ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่มากขึ้นในระดับ World Class เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ชนิด Pouch Cell ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้สามารถจุพลังงานได้สูง มีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เช่น กรดหรือตะกั่ว และใช้เทคนิคพิเศษในการผลิตเซลล์ เมื่อหมดอายุการใช้งาน นำไปรีไซเคิล ด้วยการคัดแยกแผ่นขั้วบวกและขั้วลบได้ง่าย เพราะเป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แบตเตอรี่ของอมิตายังออกแบบให้เข้ากันกับเทคโนโลยีแบบ Ultra-Fast Charge ที่รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที พร้อมรองรับการชาร์จได้สูงถึง 3,000 รอบ ที่จะเป็นจุดเด่นสำหรับรองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด”

แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า เพื่อช่วยในการลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ผลิตได้ในระยะเริ่มต้น ขนาด 1 กิกะวัตต์ หรือ 1,000,000 กิโลวัตต์ สามารถนำมาใช้ในรถโดยสารไฟฟ้า ขนาด 11 เมตร ซึ่งขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงสุด 240 กิโลเมตร ได้ถึง 4,160 คันต่อปี และการใช้รถโดยสารไฟฟ้า จำนวน 4,160 คัน สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission Reduction) ประมาณ 91,709 ตันต่อปี และลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลได้กว่า 97,066,667 ลิตรต่อปี เมื่อเทียบกับรถโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล

ประกาศศักดา!! '4MIX' บอยแบนด์สัญชาติไทย... สุดปัง!! โชว์พลัง T-POP ทะยานไกลถึงเม็กซิโก

ไม่นานมานี้​ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมวงบอยแบนด์ไทยที่กำลังดังไกลในต่างแดน​ ว่า...

ในฐานะที่เคยดูแลด้าน Soft Power สมัยยังอยู่ที่ กต. ขอชื่นชมกับน้องๆ​ วง 4MIX ศิลปิน Boy Band ของไทย ที่สามารถไปแสดงคอนเสิร์ตได้ถึงประเทศเม็กซิโก

โดยมีแฟนคลับวัยรุ่นชาวเม็กซิกันส่งเสียงเชียร์และร้องเพลงเป็นภาษาไทย

ย้ำ!! เป็นภาษาไทยตามไปด้วย เป็นอะไรที่ขนลุกและตื้นตันมาก

นี่แหละ Soft Power T-Pop ของไทยที่ผมฝันอยากเห็นมาตลอดชีวิต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top